330 likes | 513 Views
พระวาจา ทรง ชีวิต. มิถุนายน 2009. " เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย " ( ยน. 15,5). คุณลองนึกถึงกิ่งไม้ที่หักขาดจากลำต้นสิว่าจะเป็นอย่างไร.
E N D
พระวาจาทรง ชีวิต มิถุนายน2009
"เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย"(ยน.15,5)
คุณลองนึกถึงกิ่งไม้ที่หักขาดจากลำต้นสิว่าจะเป็นอย่างไรคุณลองนึกถึงกิ่งไม้ที่หักขาดจากลำต้นสิว่าจะเป็นอย่างไร มันจะหมดอนาคต สิ้นหวัง ไร้ผล มีแต่จะเหี่ยวแห้งไป และถูกเอาไปเผาไฟ
เช่นเดียวกัน เราคริสตชนที่ขาดความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าก็จะมีชะตาเช่นนั้น ช่างน่ากลัวจริงๆ
เขาจะไร้ผลโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะพยายามทำงานหนักแต่เช้าจรดค่ำ หรือคิดไปว่าได้ทำประโยชน์มากมายแก่มนุษยชาติ หรือเพื่อนฝูงมากมายจะสรรเสริญเยินยอ หรือกระทั่งว่าคุณมีทรัพย์สมบัติมากมาย หรือทำงานเสียสละอย่างมากเพื่อผู้อื่น
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณทำไป อาจมีความหมายบ้างในโลกนี้ แต่หามีประโยชน์อันใดไม่กับพระคริสตเจ้า และสำหรับนิรันดรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง
"เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย"
เราจะทำอย่างไรเพื่อดำรงอยู่ในพระคริสตเจ้า และพระคริสตเจ้าทรงอยู่ในเรา เราจะทำอย่างไรเพื่อจะเป็นกิ่งก้านเขียวชอุ่ม มีชีวิต และติดกับลำต้น อย่างแท้จริง
แน่นอน ก่อนอื่นหมด เราจะต้องมีความเชื่อในพระคริสตเจ้า แต่เท่านั้นยังไม่พอ ความเชื่อนั้นจะต้องส่งผลต่อชีวิตของเราด้วย พูดให้ชัดก็คือ ชีวิตของเราจะต้องสอดคล้องกับความเชื่อด้วยการปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์
ดังนั้น เราไม่อาจละเลยศีลศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่พระคริสต์ทรงตั้งขึ้นไว้เพื่อเรา นั่นเป็นวิธีการต่างๆที่ช่วยให้เราดำรงอยู่ในพระองค์ หรือแม้เมื่อเราสูญเสียความสัมพันธ์กับพระองค์ ก็ช่วยให้เราได้ความสัมพันธ์กับพระองค์คืนมาใหม่ และยิ่งกว่านั้น พระคริสตเจ้าคงไม่รู้สึกว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ หากว่าเราไม่เป็นสมาชิกในพระศาสนจักร เป็นสัตบุรุษในวัดของเรา
"เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย"
“ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราอยู่ในผู้นั้น” พระเยซูเจ้ามิได้พูดถึงความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์เท่านั้น แต่ตรัสถึงความสัมพันธ์ของพระองค์ กับเราด้วย เพราะว่าหากเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทับในเรา พระองค์จะประทับในส่วน ลึกสุดของจิตใจของเรา นี่จึงเป็นที่มาของความ สัมพันธ์ระหว่างกัน ของความรักต่อกัน การร่วมมือกันระหว่างพระ เยซูเจ้าและคุณซึ่งเป็นศิษย์ ดังนี้ คุณจึงเกิดผลมากเช่นเดียวกับกิ่งที่ติดกับ ลำต้นองุ่นและให้ผลมาก
“เกิดผลมาก” หมายความว่าชีวิตของคุณจะเป็นพยานให้กับผู้อื่น คุณจะสามารถช่วยผู้คนมากมาย ให้เข้าใจพระวาจาอันทรงอานุภาพของพระคริสตเจ้า และช่วยพวกเขาให้มีพละกำลังปฏิบัติตามพระวาจานั้น
และยังมีความหมาย อีกว่า ด้วยการทำตามพรสวรรค์ต่างๆที่ พระเจ้าทรงประทานให้กับคุณ คุณจะสามารถทำโครงการหลายอย่าง ช่วยบรรเทา ความเดือดร้อน ของมวลมนุษย์
“เกิดผลมาก” หมายความว่ามีผลมากมาย อาจหมายถึงว่าคุณจะสามารถนำไปทำให้เกิดขึ้นในมนุษยชาติ ซึ่งเต็มไปด้วยความดีงาม ความรักซึ่งกันและกัน ความเป็นหนึ่งเดียวที่แท้จริง
"เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย"
แต่คำว่า “เกิดผลมาก” มิได้หมายถึงผลดีทางฝ่ายจิต หรือฝ่ายกายสำหรับคนอื่นแต่อย่างเดียว แต่หมายถึงผลดีกับตัวคุณเองด้วย การเติบโตฝ่ายจิต และความศักดิ์สิทธิ์ของคุณ ก็ขึ้นอยู่กับการที่คุณเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าด้วย
ความศักดิ์สิทธิ์รึ ในยุคสมัยของเรา ดูเหมือนว่าการพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์จะเป็น เรื่องล้าสมัย ไร้แก่นสาร หรือเป็นความฝันเกินเอื้อม แต่ไม่ใช่เช่นนั้น ยุคสมัยนี้ก็จะผ่านไป และรวมไปถึงทัศนคติ ที่หลงผิด หรือการมองไปแค่ระยะสั้นๆ ความเป็นจริงจะคงอยู่
เป็นเวลาสองพันปีมาแล้ว นักบุญเปาโลได้พูดไว้ชัดเจนว่า ความศักดิ์สิทธิ์เป็น พระประสงค์ของพระสำหรับคริสตชนทุกคน
นักบุญเทเรซาแห่ง อาวิลา ซึ่งเป็นนักปราชญ์พระ ศาสนจักรบอกเราว่า ทุกคนสามารถบรรลุถึงญาณขั้นสูงสุดได้
และในสังคายนาวาติกันที่สองก็ประกาศว่า สัตบุรุษทุกคนได้รับเรียก ให้เป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นเสียงจากคนที่เราไว้วางใจได้ ดังนั้น จงออกแรงทำงาน เพื่อว่าคุณจะบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้จะได้มาก็ต่อเมื่อคุณมีความสัมพันธ์กับพระคริสตเจ้าเท่านั้น
"เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย"
คุณสังเกตไหมว่า พระเยซูเจ้ามิได้ทรงมองถึงผลที่จะเกิดขึ้นทันที แต่ทรงมองถึงผลสืบเนื่องที่จะเกิดขึ้นเมื่อเรา มีความสัมพันธ์กับพระองค์
เราคริสตชนอาจพลาดหลง เชื่อในการทำงาน และทำกิจกรรม มีโครงการมากมายเพื่อความดีของผู้อื่น โดยไม่มีเวลาถามตนเองจริงๆจังๆว่า ตนผูกพันกับ พระคริสตเจ้าหรือไม่
นี่เป็นความผิดพลาด พวกเขาคิดว่า พวกเขากำลังมีผล แต่นั่นเป็นผลน้อยเหลือเกิน ถ้าเทียบกับว่าหาก พระคริสตเจ้าทรงอยู่ใน ผู้นั้นและกับผู้นั้น คำว่า “ดำรงอยู่” ในที่นี้ ช่วยให้คุณเข้าใจได้ว่า การเกิดผล มิใช่เป็นเรื่องชั่วคราว แต่เป็นสิ่งที่ถาวร
หากคุณรู้จักใครที่มีชีวิตในลักษณะนี้ คุณจะเห็นว่า แม้เพียงรอยยิ้ม คำพูดเพียงคำเดียว หรือลักษณะท่าทางธรรมดาๆ หรือท่าทีบางอย่างของท่าน ก็สัมผัสใจของผู้คน และนำเขากลับมาหาพระเจ้าได้
นี่เป็นวิถีชีวิตของ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ แต่แม้เรายังมิใช่ ผู้ศักดิ์สิทธิ์ เราก็ไม่ควรท้อแท้ เราคริสตชนสามารถมีผลได้
สิ่งนี้เกิดขึ้นกับมารีอาในประเทศโปรตุเกส เธอเพิ่งเข้าเรียนในวิทยาลัย บรรยากาศเครียด นักเรียนส่วนใหญ่เข้าร่วมถกปัญหาทางการเมือง แต่ละคนก็มีอุดมการณ์ของตัว และพยายามชักจูงคนอื่นๆให้มาร่วมกลุ่มด้วย
มารีอารู้ดีว่าเธออยู่ กลุ่มไหน แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอธิบายสิ่งที่เธอเชื่อมั่นให้กับเพื่อนๆได้รับรู้ เธอต้องการติดตามพระคริสตเจ้า และยึดมั่นอยู่กับ พระองค์ผู้เดียว เพื่อนๆที่ไม่รู้จักเธอดีพอ ก็ขนานนามเธอว่า เหลาะแหละ เป็นหญิงไร้อุดมการณ์ บางครั้งเธอเองรู้สึกอึดอัดใจเมื่อพวกเขามองเธอไปวัด แต่เธอก็ไปวัดสม่ำเสมอ เพราะรู้ดีว่าเธอต้องดำรงอยู่ในพระคริสตเจ้า
วันฉลองคริสต์มาส ใกล้เข้ามา มารีอารู้ว่าเพื่อนนักศึกษาหลายคนไม่อาจกลับบ้าน ช่วงคริสต์มาสได้ เพราะบ้านอยู่ไกล เธอได้ชวนเพื่อนๆ ให้รวมตัวกันจัดซื้อของขวัญเพื่อมอบให้นักศึกษาเหล่านั้น เธอประหลาดใจมาก เพราะทุกคนต่างให้ความร่วมมือด้วยดี
ต่อมา มีการเลือกตั้งตัวแทนในชั้น เธอประหลาดใจเป็นทวีคุณ เพราะเธอได้รับเลือก เธองงมาก แต่เพื่อนของเธอคนหนึ่งบอกเธอว่า เป็นธรรมดาที่เธอจะต้องได้รับเลือก เพราะเธอเป็นคนเดียวที่มีแนวประพฤติปฏิบัติที่แน่นอน พวกเขากล่าว “เธอตระหนักดีว่า เธอต้องการอะไร และเธอรู้ด้วยว่าจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร”
และบางคนในพวกเพื่อนๆของเธอต้องการรู้ว่าอุดมคติในชีวิตของเธอคืออะไร และมาร่วมกลุ่มเจริญชีวิตด้วยกัน นี่เป็นผลของการยึดมั่นของมารีอา ในการดำรงอยู่กับพระคริสตเจ้า
"เราเป็นเถาองุ่นแท้ ท่านทั้งหลายเป็นกิ่งก้าน ผู้ใดดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ ในเขา ก็ย่อมเกิดผลมาก เพราะถ้าไม่มีเรา ท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย"(ยน.15,5) “แผ่นพับพระวาจาทรงชีวิต” จัดพิมพ์โดยคณะโฟโคลาเร คำอธิบาย: เคียร่า ลูบิค, กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979.กราฟฟริก โดยAnna Lolloโดยความร่วมมือของ Fr.Placido D’Omina (ชิซิลี - อิตาลี)