1 / 27

Econ 302 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาค 2 (Microeconomic theory II)

Econ 302 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาค 2 (Microeconomic theory II). ศุภวัจน์ รุ่งสุริยะวิบูลย์. ทบทวนเนื้อหา. ต้นทุนการผลิต รายรับการผลิต กำไรการผลิต. 1. ต้นทุนการผลิต (Production cost).

althea
Download Presentation

Econ 302 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาค 2 (Microeconomic theory II)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Econ 302 ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์จุลภาค 2 (Microeconomic theory II) ศุภวัจน์รุ่งสุริยะวิบูลย์

  2. ทบทวนเนื้อหา • ต้นทุนการผลิต • รายรับการผลิต • กำไรการผลิต

  3. 1. ต้นทุนการผลิต (Production cost) • ฟังก์ชันต้นทุนการผลิต หมายถึง ฟังก์ชันที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนการผลิต (C) และผลผลิต (Q) ของผู้ผลิตในระดับต่างๆกัน C = f(Q) • ต้นทุนการผลิตสามารถแบ่งออกได้เป็น - ต้นทุนการผลิตระยะสั้น (short-run production costs) - ต้นทุนการผลิตระยะยาว (long-run production costs)

  4. ต้นทุนการผลิตระยะสั้น (Short-run production cost) • ต้นทุนการผลิตระยะสั้น จะประกอบไปด้วยต้นทุนคงที่ (fixed costs) และต้นทุนแปรผัน (variable costs) • ในขณะที่ ต้นทุนการผลิตระยะยาว จะประกอบไปด้วยต้นทุนแปรผัน (variable costs) เพียงอย่างเดียว

  5. ประเภทของต้นทุนการผลิตระยะสั้นประเภทของต้นทุนการผลิตระยะสั้น (1) ต้นทุนคงที่รวม (TFC) หมายถึง ต้นทุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณผลผลิต TFC = a โดยที่ a คือ ค่าคงที่ใดๆ (2) ต้นทุนแปรผันรวม (TVC) หมายถึง ต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณผลผลิต TVC = f(Q) (3) ต้นทุนรวม (TC) หมายถึง ต้นทุนทั้งหมดที่เกิดจากการใช้ปัจจัยการผลิตชนิดต่างๆในการผลิตสินค้า TC = TFC+TVC = a+f(Q)

  6. ประเภทของต้นทุนการผลิตระยะสั้นประเภทของต้นทุนการผลิตระยะสั้น (4) ต้นทุนคงที่เฉลี่ย (AFC) หมายถึง อัตราส่วนของต้นทุนคงที่รวมต่อปริมาณผลผลิต ดังนั้น (5) ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย (AVC) หมายถึง อัตราส่วนของต้นทุนแปรผันรวมต่อปริมาณผลผลิต ดังนั้น

  7. ประเภทของต้นทุนการผลิตระยะสั้นประเภทของต้นทุนการผลิตระยะสั้น (6) ต้นทุนเฉลี่ย (AC) หมายถึง อัตราส่วนของต้นทุนรวมต่อปริมาณผลผลิต ต้นทุนเฉลี่ยมีค่าเท่ากับผลรวมของต้นทุนคงที่เฉลี่ย และต้นทุนแปรผันเฉลี่ย (7) ต้นทุนส่วนเพิ่ม (MC) หมายถึง อัตราการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนรวมต่อการเปลี่ยนแปลงผลผลิตที่เพิ่มขึ้น 1 หน่วย

  8. Cost TC VC FC Q ความสัมพันธ์ของเส้น TFC, TVC และ TC

  9. Cost MC AC AVC AFC Q Q1* Q2* ความสัมพันธ์ของเส้น AFCAVCAC และ MC Q1* คือ ระดับการผลิตที่ทำให้ AVC มีค่าต่ำที่สุด Q2* คือ ระดับการผลิตที่ทำให้ AC มีค่าต่ำที่สุด

  10. ความสัมพันธ์ของเส้น AVCAC และ MC • เส้น AVC และ AC จะเป็นรูปตัว U หรือโค้งหงาย โดยเส้น AC อยู่เหนือเส้น AVC ตามแนวตั้งเท่ากับ AFC • เส้น AFC จะทอดลงจากซ้ายไปขวาและจะเข้าใกล้แกนปริมาณเรื่อยๆ • เส้น MC จะทอดลงในช่วงแรกแต่จะทอดขึ้นในช่วงหลัง โดยจะตัดที่จุดต่ำสุดกับเส้น AVC และ AC ตามลำดับ

  11. ความสัมพันธ์ของเส้น AVC และ MC • ณ จุดที่เส้น AVC มีค่าต่ำที่สุด เส้น MC จะเท่ากับ (ตัดกับ) เส้น AVC • ในขณะที่เส้น AVC กำลังลดลง เส้น MC จะลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ได้แต่จะอยู่ต่ำกว่าเส้น AVC เสมอ • ในขณะที่เส้น AVC กำลังเพิ่มขึ้น เส้น MC จะอยู่สูงกว่าเส้น AVC เสมอ

  12. ความสัมพันธ์ของเส้น AC และ MC • ณ จุดที่เส้น AC มีค่าต่ำที่สุด เส้น MC จะเท่ากับ (ตัดกับ) เส้น AC • ในขณะที่เส้น AC กำลังลดลง เส้น MC จะลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ได้แต่จะอยู่ต่ำกว่าเส้น AC เสมอ • ในขณะที่เส้น AC กำลังเพิ่มขึ้น เส้น MC จะอยู่สูงกว่าเส้น AC เสมอ

  13. ตัวอย่างต้นทุน • กำหนดฟังก์ชันต้นทุนการผลิต คือ TC = Q3/20 – (3/10)Q 2 + 2Q + 4 จงหาปริมาณการผลิตที่ทำให้ต้นทุนแปรผันเฉลี่ย (AVC) มีค่าต่ำสุด

  14. ต้นทุนการผลิตระยะยาว (Long-run production cost) (1) ต้นทุนรวมระยะยาว (LTC) หมายถึง ต้นทุนรวมทั้งหมดจากการใช้ปัจจัย แปรผันในการผลิตสินค้าและบริการ LTC = LTVC โดยที่ LTVC = ต้นทุนแปรผันรวมระยะยาว (2) ต้นทุนเฉลี่ยระยะยาว (LAC) หมายถึง ต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยการผลิตสินค้าในระยะยาวซึ่งมีค่าเท่ากับต้นทุนแปรผันเฉลี่ยระยะยาว (3) ต้นทุนส่วนเพิ่มระยะยาว (LMC) หมายถึง ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น 1 หน่วย

  15. ความแตกต่างของต้นทุนในระยะสั้นและระยะยาวความแตกต่างของต้นทุนในระยะสั้นและระยะยาว • ในระยะสั้น ต้นทุนต่างๆที่เกิดขึ้นเกิดจากการผลิตภายใต้ขนาดของโรงงาน ขนาดใดขนาดหนึ่ง • ในระยะยาว ผู้ผลิตสามารถเปลี่ยนแปลงปัจจัยคงที่ต่างๆให้เป็นปัจจัยแปรผันทั้งหมด ผู้ผลิตสามารถเลือกขนาดของโรงงานให้เหมาะสมกับปริมาณสินค้าที่ทำการผลิตเพื่อให้เกิดต้นทุนต่ำที่สุด • ต้นทุนการผลิตในระยะยาวเกิดจากการรวมกันของต้นทุนการผลิตในระยะสั้นที่ขนาดของโรงงานต่างๆกัน

  16. TC STC2 STC3 STC1 STCn LTC Q ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนรวมการผลิตระยะสั้นและระยะยาว

  17. AC SAC1 SACn SAC2 LAC Q Q* ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนเฉลี่ยระยะสั้นและระยะยาว Q* คือ ระดับการผลิตที่ดีที่สุดของโรงงาน ซึ่งจะเกิดขึ้น ณ ระดับ จุดต่ำสุดของทั้ง SAC และ LAC

  18. AC LMC SMCn SMC1 SACn SMCต่ำสุด SAC1 SACต่ำสุด LAC Q Q* ความสัมพันธ์ระหว่างต้นทุนส่วนเพิ่มระยะสั้นและระยะยาว Q* คือ ระดับการผลิตที่ดีที่สุดของโรงงาน ซึ่งจะเกิดขึ้น ณ ระดับ จุดต่ำสุดของทั้ง SAC และ LAC

  19. การประหยัดและการไม่ประหยัดจากการขยายขนาดการผลิต(Economies and Diseconomies of Scale) • เส้นต้นทุนเฉลี่ยในระยะยาวโดยทั่วไปจะมีรูปตัว U หรือรูปโค้งก้นกระทะ • - ช่วงของการผลิตที่ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยมีค่าลดลงโดยที่หน่วยผลิตทำการขยายผลผลิต เรียกว่า ช่วงที่ทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด (economies of scale) • - ช่วงของการผลิตที่ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยมีค่าเพิ่มขึ้นโดยที่หน่วยผลิตทำการขยายผลผลิต เรียกว่า ช่วงที่ทำให้เกิดการไม่ประหยัดจากขนาด (diseconomies of scale)

  20. LAC Economies of scale Diseconomies of scale Cost LMC Q* Q การประหยัดและการไม่ประหยัดจากการขยายขนาดการผลิต(Economies and Diseconomies of Scale)

  21. 2. รายรับการผลิต (Revenue) • รายรับการผลิต คือ รายได้ที่ผู้ผลิตได้รับจากการขายผลผลิตของตนตามราคาของสินค้าชนิดนั้น แบ่งออกได้เป็น (1) รายรับรวม (TR) หมายถึง ผลคูณของปริมาณการขาย (Q) และราคาสินค้า (P) ชนิดนั้น (2) รายรับเฉลี่ย (AR) หมายถึง รายรับต่อการผลิตสินค้าหนึ่งหน่วย (3) รายรับส่วนเพิ่ม (MR) หมายถึง รายรับที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วย • จะเห็นได้ว่ารายรับส่วนเพิ่มก็คือความชัน (slope) ของเส้น TR นั่นเอง

  22. รายรับ TR AR=MR=P Po Q เส้นรายรับชนิดต่างๆ (Revenue Curves) • ลักษณะของเส้น TR AR และ MR ขึ้นอยู่กับราคาสินค้าที่ถูกกำหนดในตลาด (1) ถ้าราคาสินค้าของตลาดมีค่าคงที่ ณ ปริมาณการผลิตที่ระดับต่างๆ นั่นคือ P = P0

  23. รายรับ TR AR Q MR เส้นรายรับชนิดต่างๆ (Revenue Curves) (2) ถ้าราคาสินค้าของตลาดแปรผันตามการผลิต ณ ระดับต่างๆ นั่นคือ P(Q) ถ้ากำหนดให้อุปสงค์ของตลาดแสดงความสัมพันธ์เชิงเส้นตรง P = a-bQ Slope ของเส้น MR เป็น 2 เท่าของเส้น AR

  24. ตัวอย่างรายรับ • กำหนดอุปสงค์ของตลาด คือ P = 60-Q จงหาความสัมพันธ์ของเส้นรายรับรวม (TR) รายรับเฉลี่ย (AR) และรายรับส่วนเพิ่ม (MR)

  25. ความสัมพันธ์ระหว่าง รายรับรวม ต้นทุนรวม และกำไรสูงสุด • กำไรจากการผลิต (profits: Π)หมายถึง ผลต่างระหว่างรายรับรวม (TR) กับต้นทุนรวม (TC) นั่นคือ Π= TR – TC • ถ้า TR = TCดังนั้น Π= 0 ในทางเศรษฐศาสตร์หมายถึง กำไรปกติ (normal profits) • ถ้า TR > TCดังนั้น Π > 0 ในทางเศรษฐศาสตร์หมายถึง กำไรทางเศรษฐศาสตร์ (economic profits) • ถ้า TR < TCดังนั้น Π< 0 ในทางเศรษฐศาสตร์หมายถึง ขาดทุน (Loss)

  26. ต้นทุน รายรับ กำไร TC TR Q Q1 Q2 Q3 ตัวอย่างการกำหนดกำไรสูงสุด เงื่อนไขที่ทำให้เกิดกำไรสูงสุด ได้แก่ ระดับการผลิตที่ทำให้ (1) MC = MR (2) d(MR)/dQ < d(MC)/dQ Π

  27. ตัวอย่างกำไรสูงสุด • กำหนดฟังก์ชันรายรับรวมและต้นทุนรวมในการผลิต ดังนี้ TR(Q) = 20Q TC(Q) = Q3-11Q2+4Q+75 จงหาปริมาณการผลิตที่ทำให้เกิดกำไรสูงสุด

More Related