1 / 70

บทที่ 7 ผลิตภัณฑ์ (Product )

บทที่ 7 ผลิตภัณฑ์ (Product ). Treetip Boon yam Marketing Department Bangkok University. ความหมายของผลิตภัณฑ์.

keith
Download Presentation

บทที่ 7 ผลิตภัณฑ์ (Product )

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 7 ผลิตภัณฑ์ (Product) • Treetip Boonyam • Marketing Department • Bangkok University

  2. ความหมายของผลิตภัณฑ์ • คือ สิ่งใดๆ ที่นำเสนอแก่ตลาด เพื่อให้เกิดความสนใจ ความต้องการเป็นเจ้าของ การใช้ หรือการบริโภค ซึ่งสนองต่อความต้องการหรือความจำเป็นของผู้ซื้อให้ได้รับความพอใจ โดยผลิตภัณฑ์นั้น เป็นได้ทั้งที่สัมผัสได้ และสัมผัสไม่ได้

  3. องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์องค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ 1. ผลิตภัณฑ์หลัก (Core Product) 2. ผลิตภัณฑ์ที่จับต้องได้ หรือมีตัวตน (Intangible Product) 3. ผลิตภัณฑ์ควบ (Augmented Product)

  4. ผลิตภัณฑ์ที่มีตัวตน • ส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคพิจารณาตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ได้แก่ • คุณภาพ เช่น คงทน สะอาด • รูปร่างลักษณะ เช่น ทรงกลม ทรงกระบอก • รูปแบบ เช่น ใช้งานง่าย ทันสมัย พกพาสะดวก • การบรรจุหีบห่อ เช่น บรรจุในกล่องพลาสติก ลังไม้ • ตราสินค้า

  5. มีองค์ประกอบ ได้แก่ การติดตั้ง การขนส่ง การบริการอื่นๆ เช่น บำรุงรักษา การซ่อมแซม จัดแสดงสินค้าให้คนกลาง การประกัน การให้สินเชื่อ ผลิตภัณฑ์ควบ

  6. ประเภทของผลิตภัณฑ์ • แบ่งตามลักษณะการซื้อของผู้ซื้อ ว่าซื้อไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร ซึ่งแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ • สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods): • สินค้าอุตสาหกรรม (Industrial Goods):

  7. 1. สินค้าอุปโภคบริโภค • แบ่งได้ตามแรงจูงใจและนิสัยในการซื้อ ดังนี้ • สินค้าสะดวกซื้อ(Convenience Goods) • สินค้าเปรียบเทียบซื้อ(Shopping Goods) • สินค้าเจาะจงซื้อ(Specialty Goods) • สินค้าไม่แสวงซื้อ(Unsought Goods)

  8. ประเภทของสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทของสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าหลักสำคัญ สินค้าสะดวกซื้อ สินค้าซื้อฉับพลัน สินค้าเจาะจงซื้อ สินค้าซื้อฉุกเฉิน ซื้อเหมือนกัน สินค้าเปรียบเทียบซื้อ ซื้อต่างกัน สินค้าไม่แสวงซื้อ

  9. 1.1 สินค้าสะดวกซื้อ • เป็นสินค้าที่ผู้บริโภครู้จักดี • ราคาต่ำ • ความพยายามในการซื้อน้อย • ไม่ต้องตัดสินใจนาน • ไม่เปรียบเทียบกันมาก

  10. 1.1 สินค้าสะดวกซื้อ • สินค้าหลักสำคัญ(Staple Goods): เช่น สบู่ • สินค้าที่ซื้อฉับพลัน(Impulse Goods): ซื้อโดยไม่ได้วางแผนมาก่อน • สินค้าที่ซื้อในยามฉุกเฉิน(Emergency Goods): ซื้อเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เช่น น้ำมันหมด ลืมปากกา ซึ่งไม่คำนึงถึงคุณภาพหรือราคามากนัก

  11. สินค้าซื้อฉับพลัน แบ่งได้ออกเป็น 4 ลักษณะ คือ • การซื้อฉับพลันโดยไม่ได้ตั้งใจ (Pure Impulse Buying): ซื้อเพราะแรงดลใจหรือแรงกระตุ้น เช่น การจัดแสดงสินค้า, พนักงานขาย • การซื้อฉับพลันที่เกิดจากการระลึกได้ (Reminder ImpulseBuying): ระลึกได้ว่าสินค้าหมด หรือจำโฆษณาได้

  12. สินค้าซื้อฉับพลัน • การซื้อฉับพลันที่กำหนดเงื่อนไขไว้ (Planned Impulse Buying): ซื้อเพราะมีเงื่อนไขจูงใจ เช่น ช่วงลดราคาสินค้า • การซื้อฉับพลันที่เกิดจากการเสนอแนะ (Suggestion ImpulseBuying): ซื้อสินค้าหนึ่งแล้วทำให้นึกถึงสินค้าที่ใช้คู่กัน

  13. 1.2 สินค้าเปรียบเทียบซื้อ • จะใช้เวลา และความพยายามในการเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ ก่อนที่จะซื้อสินค้านั้น เช่น ราคา คุณภาพ ตรายี่ห้อ

  14. 1.2 สินค้าเปรียบเทียบซื้อ • สินค้าเปรียบเทียบซื้อที่เหมือนกัน(Homogeneous Shopping Goods): สินค้าที่มีลักษณะหรือคุณภาพที่เราต้องการเหมือนกัน เรามักใช้ราคาต่ำเป็นตัวตัดสินใจ • สินค้าเปรียบเทียบซื้อที่ต่างกัน(Heterogeneous Shopping Goods): สินค้าลักษณะต่างกัน เรามักใช้คุณภาพ รูปแบบ ความเหมาะสมในการตัดสินใจ

  15. 1.3 สินค้าเจาะจงซื้อ • สินค้ามีลักษณะพิเศษ โดดเด่นเฉพาะตัวที่ลูกค้าต้องการ • ลูกค้าใช้ความพยายามในการซื้อมาก • สินค้าบ่งบอกถึง ค่านิยม รสนิยม และระดับของผู้ซื้อได้ • ลูกค้าจะมี Brand Loyalty สูง • ลูกค้าคำนึงถึงคุณภาพ ภาพลักษณ์สินค้ามากกว่าเรื่องราคา

  16. 1.4 สินค้าที่ไม่แสวงซื้อ • เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ยังไม่ต้องการซื้อ หรือไม่จำเป็นต้องซื้อ • มักเป็นสินค้าใหม่ • ผู้ขายต้องใช้ความพยายามในการขายมาก • ตัวอย่างสินค้า เช่น เตารีดไอน้ำ เครื่องเตือนความจำ ปาล์ม ประกันชีวิต

  17. 2. สินค้าอุตสาหกรรม • แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ • วัตถุดิบและชิ้นส่วนประกอบ (Materials and Parts) • สินค้าประเภททุน (Capital Items) • วัสดุสิ้นเปลืองและบริการ (Supplies and Services)

  18. ประเภทของสินค้าอุตสาหกรรมประเภทของสินค้าอุตสาหกรรม วัตถุดิบ (Raw Material) วัตถุดิบและชิ้นส่วน ประกอบ Material and Parts วัสดุและชิ้นส่วนประกอบในการผลิต Manufactured Materials & Parts สินค้าประเภททุน Capital Items สิ่งติดตั้ง (Installation) อุปกรณ์ประกอบ (Accessory Equipment) วัสดุสิ้นเปลืองและ บริการ Supplies and services วัสดุสิ้นเปลือง (Supplies) บริการ(services)

  19. กลุ่มที่ 1 วัตถุดิบ และชิ้นส่วนประกอบ 1. วัตถุดิบ (Raw Materials): ไม่ผ่านการแปรรูป 1.1 ผลิตภัณฑ์เกษตรกรรม(Farm Product): ได้จากการทำไร่ นา สวน 1.2 ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ(Natural Product): เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ประมง

  20. กลุ่มที่ 1 วัตถุดิบ และชิ้นส่วนประกอบ 2. วัสดุและชิ้นส่วนประกอบในการผลิต (ManufacturedMaterials Parts): เป็นสินค้าที่ผ่านการแปรรูปมาแล้ว เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าสำเร็จรูป

  21. วัสดุและชิ้นส่วนประกอบในการผลิต(ต่อ)วัสดุและชิ้นส่วนประกอบในการผลิต(ต่อ) 2.1 วัสดุประกอบ(Component Materials): เปลี่ยนแปลงรูปร่าง เช่น แป้งขนมปัง 2.2 ชิ้นส่วนประกอบ(Component Parts): ไม่ต้องเปลี่ยนรูปร่าง เช่น ตะปู

  22. กลุ่มที่ 2 สินค้าประเภททุน • ใช้ในกระบวนการผลิต มีขนาดใหญ่ ราคาสูง อายุการใช้งานนาน แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสินค้า ประกอบด้วย 1. สิ่งติดตั้ง(Installation): เป็นสินค้าที่คงทนถาวร ใช้งานได้นานจำเป็นต่อการผลิต ได้แก่ 1.1 สิ่งปลูกสร้างและอาคาร(Building):อาคาร สำนักงาน 1.2 อุปกรณ์ถาวร(Fix Equipment): เครื่องจักร

  23. กลุ่มที่ 2 สินค้าประเภททุน 2. อุปกรณ์ประกอบ(Accessory Equipment): มีขนาดเล็ก ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานหรือการผลิตต่างๆ ได้แก่ 2.1 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ในโรงงาน(FactoryEquipment and Tools):ไขควง รถเข็น 2.2 อุปกรณ์ในสำนักงาน(Office Equipment):โต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์

  24. กลุ่มที่ 3 วัสดุสิ้นเปลืองและบริการ • ช่วยในการดำเนินการผลิต ได้แก่ 1. วัสดุสิ้นเปลือง(Supplies): • เป็นสินค้าสะดวกซื้อในตลาดอุตสาหกรรม • ใช้แล้วหมดไป • ราคาไม่สูง • ซื้อบ่อยครั้ง

  25. 1. วัสดุสิ้นเปลือง(Supplies): แบ่งเป็น 1.1 วัสดุบำรุงรักษาทำความสะอาด(Maintenance Items): น้ำมันหล่อลื่น , น้ำยาล้างห้องน้ำ 1.2 วัสดุซ่อมแซม(Repair Items):ตะปู กาว ถ่านไฟฉาย 1.3 วัสดุในการดำเนินงาน(Operating Supplies): เครื่องเขียน

  26. กลุ่มที่ 3 วัสดุสิ้นเปลืองและบริการ 2. บริการ (Services): สนับสนุนการทำงานของกิจการ โดยเฉพาะงานที่กิจการไม่ถนัด 2.1 บริการบำรุงรักษา (Maintenance Services): ทำความสะอาด ประกันภัย รักษาความปลอดภัย 2.2 บริการซ่อมแซม (Repair Services): บริการซ่อมแซมเครื่องใช้ เครื่องจักรต่างๆ 2.3 บริการให้คำแนะนำธุรกิจ (Business Advisory Services): บัญชี อเยนซี่โฆษณา

  27. ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Product Mix) • คือ กลุ่มของผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งนำเสนอขาย หรือผลิตออกจำหน่าย ประกอบด้วยสายผลิตภัณฑ์หลายสาย และมี รายการผลิตภัณฑ์ที่ต่างกันออกไป

  28. สายผลิตภัณฑ์(Product Line) • กลุ่มของผลิตภัณฑ์หลายชนิดที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น ลักษณะการใช้งานคล้ายกัน หรือลูกค้าเป็นกลุ่มเดียวกัน เช่น สายผลิตภัณฑ์เครื่องเขียน สายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

  29. ชนิด หรือ รายการผลิตภัณฑ์ (Product Item) • คือ ลักษณะที่แตกต่างกันของสินค้าแต่ละตัวภายในสายผลิตภัณฑ์ เช่น ขนาด หีบห่อ ราคา เป็นต้น

  30. ลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ • ความกว้างของส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Width of the Product Mix): จำนวนของสายผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอขาย • ความลึกของส่วนประสมผลิตภัณฑ์(Depth of the Product Mix): จำนวนชนิดของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอขายในแต่ละสายผลิตภัณฑ์

  31. ลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ • ความยาวของส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Length of the Product Mix) :จำนวนชนิดของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่บริษัทมี • ความสอดคล้องกันของส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Consistency of the Product Mix): ความสัมพันธ์กันของแต่ละสายผลิตภัณฑ์

  32. ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ (Product Mix) บริษัทผลิตสินค้า 3 สายผลิตภัณฑ์ 1. สายผลิตภัณฑ์ 2. สายผลิตภัณฑ์ 3. ผลิตภัณฑ์เกี่ยว เกี่ยวกับเส้นผม เกี่ยวกับผิวพรรณ กับเครื่องหอม * ยาสระผม สำหรับผมแห้ง, ผมแตกปลาย, มีรังแค * ครีมนวดผม สำหรับผมแห้ง, ผมแตกปลาย, มีรังแค * ยาย้อมผม สีแดง, สีดำ, สีน้ำตาล, สีม่วง ความลึกของสายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมทั้งหมด คือ 10 รายการ Product Consistency: ความสอดคล้องของสายผลิตภัณฑ์

  33. ตัวอย่างส่วนประสมผลิตภัณฑ์ตัวอย่างส่วนประสมผลิตภัณฑ์ บริษัท เครื่องไฟฟ้า อุปกรณ์กีฬา ลูกบอล ตู้เย็น หนังแท้, เทียม สีฟ้า , สีขาว ขนาดเบอร์ 1 ปิงปอง โทรทัศน์ 14’ , 21’ , 25’

  34. กลยุทธ์ส่วนประสมผลิตภัณฑ์กลยุทธ์ส่วนประสมผลิตภัณฑ์ 1. การขยายส่วนประสมผลิตภัณฑ์ 2. การลดส่วนประสมผลิตภัณฑ์ 3. การเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม 4. การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์

  35. 1. การขยายส่วนประสมผลิตภัณฑ์ • เป็นการเพิ่มสายผลิตภัณฑ์ หรือเพิ่มผลิตภัณฑ์ในสายผลิตภัณฑ์หนึ่งๆ ให้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม • สายผลิตภัณฑ์ใหม่ จะสอดคล้องกับสายผลิตภัณฑ์เดิมหรือไม่ก็ได้

  36. 2. การลดส่วนประสมผลิตภัณฑ์ • ตัดสายผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำกำไรออกไป หรือตัดรายการผลิตภัณฑ์ในสายผลิตภัณฑ์นั้นๆ ลง • สาเหตุที่ตัดเนื่องจากล้าสมัย ยอดขายตกต่ำ กำไรลดลง ประสบปัญหาขาดทุน เป็นต้น

  37. 3. การเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิม • ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิมก็ได้ • การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ มีความเสี่ยงสูงมาก • การปรับปรุงผลิตภัณฑ์เดิม ทำได้หลายวิธี เช่น • ออกแบบหีบห่อ หรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ • ใช้วัสดุ หรือวัตถุดิบตัวใหม่ • เพิ่มสารพิเศษบางตัว • เปลี่ยนวิธีการส่งเสริมการขายในรูปแบบใหม่

  38. 4. การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ • เป็นการกำหนดคุณลักษณะ หรือภาพพจน์ของผลิตภัณฑ์โดยเปรียบเทียบกับคู่แข่งขัน เพื่อสร้างความแตกต่าง • เป็นการพิจารณาจากความเห็นของผู้บริโภคเป็นหลัก หรือใช้คุณลักษณะที่แท้จริงของสินค้าก็ได้

  39. วิธีกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์วิธีกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ • กำหนดตามราคาและคุณภาพ เช่น ท็อปส์ถูกทุกวัน, งานพิมพ์คมชัด ไม่มีสะดุด • กำหนดตามผู้ใช้ผลิตภัณฑ์: รองเท้าถูกใจวัย Teen • กำหนดตามคุณสมบัติ: ยาสีฟันดอกบัวคู่ ดีต่อเหงือกและฟัน

  40. วิธีกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์วิธีกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ • กำหนดตามการใช้และการนำไปใช้: ท่อเหล็กเพื่องานสร้างบ้าน • กำหนดตามระดับชั้นผลิตภัณฑ์:แบล็คฯศักดิ์ศรีที่เหนือชั้น

  41. วิธีกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์วิธีกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ • กำหนดเพื่อการแข่งขัน: โลตัส เราถูกกว่า • กำหนดจากหลายวิธีร่วมกัน: เชลล์ท็อกซ์ ฆ่ายุงร้าย แต่ไม่ทำร้ายคุณและลูกรัก

  42. 5. การขยายสู่ตลาดส่วนบนและตลาดส่วนล่าง • การขยายสู่ตลาดส่วนบน: การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีขึ้น และราคาสูงขึ้นเข้าไปในสายผลิตภัณฑ์ เช่น Lexus • การขยายสู่ตลาดส่วนล่าง: การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต่ำลง เพื่อขยายไปสู่ตลาดส่วนล่าง เช่น Soluna Vios

  43. ตราสินค้าและป้ายฉลาก • ตราสินค้าหรือยี่ห้อ(Brand) • ชื่อตราสินค้า(Brand Name) • เครื่องหมายตราสินค้า(Brand Mark) • เครื่องหมายการค้า(Trade Mark) • โลโก้(Logo)

  44. ตราสินค้าและป้ายฉลาก • ตราสินค้าหรือยี่ห้อ • ชื่อ คำ สัญลักษณ์ เครื่องหมาย การออกแบบ หรือรวมกัน • แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์ของกิจการกับคู่แข่งขัน หรือแสดงให้เห็นว่าเป็นสินค้าดี • ชื่อตราสินค้า • คำ อักษร ตัวเลข ซึ่งต้องออกเสียงได้ เช่น 7 - 11

  45. ตราสินค้าและป้ายฉลาก • เครื่องหมายตราสินค้า • ส่วนหนึ่งของตราสินค้า อาจเป็นสัญลักษณ์แบบ โลโก้ สี เช่น สัญลักษณ์เพชรในชัยพฤกษ์ • เครื่องหมายการค้า: ตราสินค้าหรือเครื่องหมายการค้า ที่ถูกนำไปจดทะเบียนการค้า และได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จะมีสัญลักษณ์ TM R

  46. ตราสินค้าและป้ายฉลาก • โลโก้: • เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องหมายตราสินค้า หรือชื่อตราสินค้า หรือทั้งสองอย่างรวมกัน เพื่อใช้ในการโฆษณา

  47. ความสำคัญของตราสินค้าความสำคัญของตราสินค้า • ผู้ซื้อซื้อสินค้าที่ต้องการได้ถูกต้อง • ทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้ • สร้างหรือเพิ่มความเชื่อถือในมาตรฐาน • แสดงคุณลักษณะเฉพาะอย่างของผลิตภัณฑ์ และนำไปส่งเสริมการจำหน่ายได้

  48. ความสำคัญของตราสินค้าความสำคัญของตราสินค้า • ช่วยให้ผู้ผลิตหรือผู้ขายได้รับความสะดวกในการขาย หรือชี้แจงผลิตภัณฑ์ของตน • ทำให้ผู้ขายตั้งราคาสินค้าให้แตกต่างจากตราสินค้าอื่นได้ • ทำให้กำหนดตำแหน่งสินค้าได้ (สร้างความแตกต่างได้)

  49. เรียกง่าย ได้ความหมายหรือตรงใจผู้ซื้อ สั้นไว้ก่อน ห้ามซ้ำรายอื่น มีความหมายส่งเสริมสินค้าแต่ไม่เกินจริง การใช้ชื่อครอบครัว กลยุทธ์การตั้งชื่อสินค้าที่ดี

  50. ประเภทของตราสินค้า • ตราสินค้าของผู้ผลิต หรือตราสินค้าระดับประเทศ (Manufacturer’s or National Brand) • ตราสินค้าของคนกลาง (House Brand or Private Brand or Middlemen’s Brand) • ตราสินค้าร่วม (Family Brand)

More Related