820 likes | 3.51k Views
การศึกษาเวลา (Time Study). คือการหาเวลาที่เป็นมาตรฐานในการทำงาน ใช้ในการวัดผลงานเป็นเวลาที่ทำงานได้ ผลของการศึกษาเวลาคือ เราได้ เวลามาตรฐาน Standard Time. การศึกษาเวลา (Time Study) การหาเวลามาตรฐานในการทำงานของคนงาน ที่ได้รับการฝึกมาดีแล้ว ทำงานในอัตราปรกติ ด้วยวิธีการที่กำหนดให้
E N D
การศึกษาเวลา (Time Study) คือการหาเวลาที่เป็นมาตรฐานในการทำงาน ใช้ในการวัดผลงานเป็นเวลาที่ทำงานได้ ผลของการศึกษาเวลาคือ เราได้ เวลามาตรฐาน Standard Time
การศึกษาเวลา (Time Study) การหาเวลามาตรฐานในการทำงานของคนงาน ที่ได้รับการฝึกมาดีแล้ว ทำงานในอัตราปรกติ ด้วยวิธีการที่กำหนดให้ เกี่ยวกับการวัดผลงาน / มีหน่วย Motion Study : การศึกษาวิธีทำงานและออกแบบวิธีที่ปรับปรุงแล้ว Time Standard : การที่คนงานหนึ่งๆสามารถทำงานนั้นๆได้ตามวิธีการที่ได้กำหนดให้ Expected Output (Pcs.) = Total TimeStd. Time / Pcs.
Total Time Spent on Operation • เวลาล่าช้า • เวลาพัก • เวลาผลิตจริง Efficiency Efficiency = Actual Output Standard Output
ประโยชน์ของการศึกษาเวลาประโยชน์ของการศึกษาเวลา • ประโยชน์ ของการศึกษาเวลา • เพื่อใช้หา กำหนดการและการวางแผน การทำงาน/การผลิต • ใช้หาค่าใช้จ่ายมาตรฐาน และช่วยประมาณงบใช้จ่าย • ใช้หาราคาของผลิตภัณฑ์ก่อนลงมือผลิต • ใช้หาประสิทธิภาพการทำงานของคน-เครื่องจักร • ใช้เวลาเป็นข้อมูลในการสมดุลสายการผลิต • หาเวลามาตรฐานที่ใช้เป็นตัวฐานในการจ่ายค่าตอบแทน • หาเวลามาตรฐานสำหรับใช้ในการควบคุมค่าแรง
ประเภทของการศึกษาเวลาประเภทของการศึกษาเวลา • มี 4 วิธี • Direct Time Study • Working Sampling • Predetermined motion-time systems • Standard time data and formula
ประเภทของวิธีการศึกษาเวลาประเภทของวิธีการศึกษาเวลา • 1) การศึกษาเวลาโดยตรง(Direct Time Study ) คือการศึกษาเวลาที่ใช้การจับเวลาพนักงานที่มีการเลือกไว้แล้ว มาทำการจับเวลา โดย นาฬิกา ทั้งนี้ต้องมีการคำนวณจำนวนครั้งในการจับเวลา แล้วจึงนำมาหาเวลาทำงานปกติ (Normal Time) เวลามาตรฐานต่อไป • 2) การสุ่มงาน (Sampling )เป็นการศึกษาเวลาเพื่อให้ได้เวลามาตรฐานจากการสุ่มจับเวลาการทำงานจริงของพนักงานในสายการผลิตๆ ต้องใช้เวลาในการศึกษาเวลาเป็นเวลานาน หลายสัปดาห์
ประเภทของวิธีการศึกษาเวลาต่อประเภทของวิธีการศึกษาเวลาต่อ • 3) การศึกษาเวลา จากข้อมูลเวลามาตรฐานและสูตร (Standard Data and Formulas) เป็นการศึกษาเวลาที่ใช้ข้อมูลเวลาที่จัดทำเป็นมาตรฐานของโรงงานนั้น รวมทั้งการคำนวณหาเวลาจากสูตรสำเร็จ เช่น สูตรมาตรฐานในการคำนวณเวลางานกลึง สูตรที่โรงงานคิดขึ้นเอง เป็นต้น • 4) การศึกษาเวลาโดยระบบหาเวลาก่อนล่วงหน้า หรือการสังเคราะห์เวลา (Predetermined-Time System or Synthesis Time) เป็นการศึกษาเวลาเพื่อให้ได้เวลามาตรฐานจากการหาเวลาล่วงหน้าก่อนที่งานจะเกิดจริงหรือการสังเคราะห์เวลา โดยใช้ระบบการหาเวลาชนิดต่างเช่น ระบบ MTM ระบบ Work factor
การศึกษาเวลาโดยตรง • คือ การศึกษาเพื่อหาเวลามาตรฐานที่ต้องการจากโดยการจับเวลาจากพนักงาน ที่ผ่านการคัดเลือก และ ฝึกเป็นอย่างดี ต้องเป็นพนักงานที่ทำงานนั้นๆ จริง โดยใช้สถานที่ปกติ สถานการณ์ที่ปกติ
ขั้นตอนการศึกษาเวลาโดยตรงขั้นตอนการศึกษาเวลาโดยตรง • หาข้อมูลเบื้องต้นของการทำงานที่จะศึกษาเวลา • แบ่งงานเป็นงานย่อย และบันทึก • สังเกตและจับเวลาการทำงานของพนักงาน • หาจำนวนครั้งในการจับเวลา • หาอัตราสมรรถนะการทำงาน (Performance Rating) • หาเวลาการทำงานปกติ (Normal Time) • หาเวลาเผื่อการทำงาน (Allowances) • หาเวลามาตรฐานสำหรับการทำงานนั้น
Direct Time Study • เป็นการจับเวลาด้วยเครื่องบันทึกเวลา และแผงบันทึกข้อมูล • กล้องถ่ายภาพ • เครื่องมือบันทึกเวลา • นาฬิกาจับเวลา , เข็ม / ตัวเลข • ก. 1 รอบ/ 1นาที • ข.1 รอบ/ 1ส่วน 100 ชม. 2. แผ่นรองเวลาบันทึกข้อมูล
Observation Sheets 3.1 บันทึกรายละเอียดในการปฏิบัติงาน 3.2 บันทึกเวลา 3.3 สรุปการศึกษา 4. กล้องถ่ายภาพยนตร์ 5. เครื่องวัดรอบ 6. เครื่องคิดเลข
การแบ่งงานเป็นงานย่อยการแบ่งงานเป็นงานย่อย • Dividing Operation into Element • งานย่อย Element คือ งานที่เป็นส่วนประกอบของการทำงานหนึ่งๆ ในรอบการทำงานหนึ่งๆ จะประกอบด้วยงานย่อยหลายๆงาน • รอบการทำงาน Work Cycle คือ การทำงานวนซ้ำกัน เมื่อทำงานตั้งแต่แรกและเมื่อสิ้นสุดการทำงานนั้นจะเริ่มทำงานใหม่ที่จุดเริ่มต้นเดิมซ้ำๆกันเป็นรอบๆ โดยมีจุดเริ่มต้นของการทำงานมาบรรจบกับจุดสิ้นสุดเป็นวงรอบ เสมอ การทำงานครบ 1 รอบมักจะได้ผลงานอย่างน้อย 1 งาน
เกณฑ์ในการแบ่งงานย่อยเกณฑ์ในการแบ่งงานย่อย • แยก Constant Element ออกจาก Variable Element • Regular • Constant • Variable • Intermittent
แบ่งการปฏิบัติงานออกเป็นงานย่อย (Elements ) • เพื่อความสะดวกในการจับเวลา • นิยาม : หน่วยย่อยของงาน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนสามารถอธิบายและจับเวลาได้ เหตุผลที่ต้องแบ่งงานออกเป็นหน่วยย่อยของงาน • ทำให้เห็นความแตกต่างของ Regular Element และ Intermittent Element • ใช้หา Std. Time ของงานอื่นได้โดยไม่ต้องจับเวลาใหม่ • สะดวกเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงขั้นงาน • ชี้ให้เห็นถึงการเสียเวลาในการปฏิบัติงาน
จ. สามารถหาอัตราเร็วที่แตกต่างกันในแต่ละรอบของการทำงานได้ ฉ. หาค่าเผื่อสำหรับความเครียดของงานย่อยๆได้ ช. การสลับเปลี่ยนงานในสายการผลิต เกณฑ์ในการแบ่งงานย่อย • > 0.04 นาที < 0.35 นาที • มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดที่แน่นอน / สัญญาณเสียง • แยกเวลาของเครื่องจักรกับคนงานออกจากกัน • แยกงานย่อยของคนระหว่างเครื่องจักรทำงานออกจากงานระหว่างเครื่องจักรหยุด
ขั้นตอนของการศึกษาเวลาขั้นตอนของการศึกษาเวลา • ทำความเข้าใจกับคนงาน หัวหน้าคนงาน และศึกษารายละเอียดพร้อมบันทึก • แบ่งการปฏิบัติงานออกเป็นงานย่อย (Elements ) • สังเกต และบันทึกเวลาการทำงานของ คนงาน • หาจำนวนเที่ยวที่เหมาะสมในการจับเวลา • หาอัตราความเร็วของการทำงาน • ตรวจสอบว่าได้จับเวลาครบตามจำนวนรอบ • หา Allowances • หา Standard Time
ทำความเข้าใจกับคนงาน หัวหน้าคนงาน และศึกษารายละเอียดพร้อมบันทึก • ก่อนการทำ Time Study ต้องมั่นใจว่างานนั้นๆพร้อมที่จะศึกษา • ก. วิธีที่ใช้อยู่เป็นวิธีที่ดีที่สุด • ข. ตำแหน่งของเครื่องมือเครื่องจักรอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม • ค. วัตถุที่ใช้ทำงานเป็นไปตามคุณลักษณะที่ต้องการ • ง. สภาพการทำงานดี และปลอดภัย • จ. คุณภาพของชิ้นงานที่ผลิตเป็นไปตามต้องการ • ฉ. ความเร็วของเครื่องจักรเป็นไปตามที่ตั้งไว้ • ช. คนงานมีความชำนาญ
การสังเกตและการบันทึกเวลาการสังเกตและการบันทึกเวลา • ทำได้ 2 วิธี • Continuous Timing การจับเวลาแบบติดต่อกันโดยไม่หยุด • Repetitive Timing or Snapback Timing การจับเวลาแบบเริ่มต้นที่ 0 ทุกครั้ง