1 / 107

โดย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น

LM. r. BP. r 0. IS. Y. 0. Y. บทที่ 4 การค้าระหว่างประเทศ ดุลการชำระเงิน และดุลยภาพภาคต่างประเทศ (International Trade, Balance of Payment and International Equilibrium). โดย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น. หัวข้อ. ความนำ

Download Presentation

โดย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. LM r BP r0 IS Y 0 Y บทที่ 4การค้าระหว่างประเทศ ดุลการชำระเงิน และดุลยภาพภาคต่างประเทศ (International Trade, Balance of Payment and International Equilibrium) โดย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น

  2. หัวข้อ • ความนำ • การค้าระหว่างประเทศ • อัตราแลกเปลี่ยน • ดุลการชำระเงิน • ดุลยภาพภาคระหว่างประเทศ • ดุลยภาพในตลาดผลผลิต ตลาดเงิน และภาคระหว่างประเทศ

  3. ความนำ

  4. - การค้าระหว่างประเทศ ดุลการชำระเงิน และดุลยภาพภาคต่างประเทศ >>วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจ >>เข้าใจในกลไกของระบบเศรษฐกิจ >>วางแผนและนโยบายทางเศรษฐกิจ

  5. กลไกความสัมพันธ์ตัวแปรเศรษฐกิจระหว่างประเทศกลไกความสัมพันธ์ตัวแปรเศรษฐกิจระหว่างประเทศ Capital Account ดุลบัญชีทุน Exchange Rate Interest Rate Price Level Expenditure (X-M) ดุลการค้า Balance of Payment ดุลการชำระเงิน Current Account ดุลบัญชีเดินสะพัด

  6. การค้าระหว่างประเทศ

  7. -ทบทวนทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ -ทบทวนทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ • -การนำเข้า • -การส่งออก • -ดุลการค้า

  8. แนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศแนวคิดและทฤษฎีการค้าระหว่างประเทศ

  9. 1) ทฤษฎีการได้เปรียบอย่างสมบูรณ์(Absolute Advantage Theory) -โดย Adam Smith กล่าวว่า ประเทศใดประเทศหนึ่งจะผลิตเฉพาะสินค้าที่ตนมีความได้เปรียบอย่างสมบูรณ์ แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของอีกประเทศหนึ่ง การที่ประเทศมีความได้เปรียบในการผลิตสินค้าใด แสดงว่าเขาสามารถผลิตสินค้านั้นด้วยต้นทุนการผลิตที่ถูกกว่าอีกประเทศหนึ่ง -โดยสรุป Adam Smith เห็นว่า การได้เปรียบโดยสมบูรณ์หรือการได้เปรียบโดยเด็ดขาดนี้เป็นต้นเหตุให้มีการค้าระหว่างประเทศ โดยให้แต่ละประเทศเลือกผลิตแต่สินค้าที่ประเทศนั้นมีต้นทุนการผลิตต่ำเพื่อส่งไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าอีกชนิดของอีกประเทศหนึ่ง ตารางตัวอย่าง แสดงต้นทุนการผลิตสินค้า 2 ชนิด ของ 2 ประเทศ

  10. แบบแผนการค้า ไทยจะผลิตข้าวเป็นสินค้าออก และนำเข้ายาง ส่วนมาเลเชียจะผลิตยางเป็นสินค้าออก และนำเข้าข้าว อัตราแลกเปลี่ยน ไทย ใช้ 4 หน่วยแรงงานผลิตยางได้ 1 หน่วย ถ้าใช้ 3 หน่วยแรงงานจะผลิตยางได้ = 0.75 หน่วย เพราะฉะนั้น อัตราแลกเปลี่ยนภายในของไทยระหว่างข้าว : ยาง คือ 1 : 0.75 มาเลเชีย ใช้ 2 หน่วยแรงงานผลิตยางได้ 1 หน่วย ถ้าใช้ 5 หน่วยแรงงานจะผลิตยางได้ = 2.5 หน่วย ฉะนั้น อัตราแลกเปลี่ยนภายในของมาเลเชียระหว่างข้าว : ยาง คือ 1 : 2.5 อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอยู่ระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนภายในของประเทศทั้ง 2 ประเทศ ดังนั้น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศจึงอยู่ระหว่าง ข้าว : ยาง คือ 1 : 0.75 – 2.5

  11. ประโยชน์จากการค้า สมมติ ข้าว 1 หน่วย แลกยางได้ 1 หน่วย ไทย ก่อนค้า ผลิตข้าว 1 หน่วย ใช้แรงงาน 3 หน่วยแรงงาน ผลิตยาง 1 หน่วย ใช้แรงงาน 4 หน่วยแรงงาน รวมแรงงานที่ต้องใช้ทั้งหมด 7 หน่วยแรงงาน หลังค้า มุ่งผลิตข้าวอย่างเดียว 2 หน่วย ใช้แรงงานเพียง 6 หน่วยแรงงาน แล้วนำข้าวส่วนที่เกินความต้องการ ( 1 หน่วย ) ไปแลกกับยาง ( ได้ยางมา 1 หน่วย ) จะเห็นได้ว่า ไทยใช้แรงงานลดลง 1 หน่วยแรงงาน แต่มีสินค้าบริโภคเท่ากับเมื่อก่อนมีการค้าระหว่างประเทศ มาเลเชีย ก่อนค้า ผลิตข้าว 1 หน่วย ใช้แรงงาน 5 หน่วยแรงงาน ผลิตยาง 1 หน่วย ใช้แรงงาน 2 หน่วยแรงงาน รวมแรงงานที่ต้องใช้ทั้งหมด 7 หน่วยแรงงาน หลังค้า มุ่งผลิตยางอย่างเดียว 2 หน่วย ใช้แรงงาน 4 หน่วยแรงงาน แล้วนำยางส่วนที่เกินความต้องการ ( 1 หน่วย ) ไปแลกกับข้าว ( ได้ข้าว 1 หน่วย ) จะเห็นได้ว่า มาเลเชียใช้แรงงานในการผลิตสินค้าน้อยลง 3 หน่วยแรงงาน ซึ่งแรงงานส่วนที่เหลือสามารถนำไปผลิตสินค้าอื่น ๆ เพิ่มความมั่งคั่งให้กับประเทศมากขึ้น

  12. 2) ทฤษฎีการได้เปรียบโดยเปรียบเทียบ (Comparative Advantage Theory) -โดย เดวิด ริคาร์โด (David Ricardo) กล่าวว่า ประเทศ 2 ประเทศจะทำการค้าขายกัน เมื่อประเทศหนึ่งสามารถผลิตสินค้าชนิดนั้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเทียบกับการผลิตสินค้าชนิดนั้นในอีกประเทศหนึ่ง -หลักสำคัญของทฤษฎีคือ ประเทศไม่ควรที่จะผลิตสินค้าทุกชนิดที่ตนผลิตได้ดีกว่าประเทศอื่น แต่ควรผลิตสินค้าที่ตนผลิตได้ดีที่สุด สำหรับประเทศที่มีความสามารถในการผลิตต่ำไม่ควรที่จะหยุดผลิตสินค้าทุกชนิดเพราะกรรมกรมีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำมากในทุก ๆ ทาง แต่ควรที่จะหยุดผลิตสิ่งที่กรรมกรมีความสามารถในการผลิตต่ำที่สุด ตารางตัวอย่าง แสดงต้นทุนการผลิตสินค้า 2 ชนิด ของ 2 ประเทศ

  13. แบบแผนการค้า มาเลเชียผลิตยางได้ด้วยต้นทุนต่ำสุด คือใช้ 0.28 หน่วยแรงงาน และจะผลิตยางเป็นสินค้าออก ส่วนข้าวให้ฟิลิปปินส์เป็นผู้ผลิตส่งออก อัตราแลกเปลี่ยน อัตราแลกเปลี่ยนการค้าระหว่างประเทศที่กำหนดขึ้นอยู่ระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนภายในของประเทศทั้ง 2 มาเลเชีย ใช้ 2 หน่วยแรงงาน ผลิตยางได้ 1 หน่วย ถ้าใช้ 5 หน่วยแรงงาน จะผลิตยางได้ = 2.5 หน่วย ฉะนั้น อัตราแลกเปลี่ยนภายในของมาเลเชีย ข้าว : ยาง คือ 1 : 2.5 ฟิลิปปินส์ ใช้ 7 หน่วยแรงงาน ผลิตยางได้ 1 หน่วย ถ้าใช้ 6 หน่วยแรงงาน จะผลิตยางได้ = 0.85 ฉะนั้น อัตราแลกเปลี่ยนภายในของฟิลิปปินส์ ข้าว : ยาง คือ 1 : 0.85 ดังนั้น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศอยู่ระหว่างอัตราแลกเปลี่ยนภายในของประเทศทั้ง 2 ประเทศ ดังนั้น อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศจึงอยู่ระหว่าง ข้าว : ยาง คือ 1 : 0.85 – 2.5

  14. ประโยชน์จากการค้า สมมติ ข้าว 1 หน่วย แลกยางได้ 1 หน่วย มาเลเชีย ก่อนค้า ผลิตข้าว 1 หน่วย ใช้แรงงาน 5 หน่วยแรงงาน ผลิตยาง 1 หน่วย ใช้แรงงาน 2 หน่วยแรงงาน รวมแรงงานที่ต้องใช้ทั้งหมด 7 หน่วยแรงงาน หลังค้า มุ่งผลิตยางอย่างเดียว 2 หน่วย ใช้แรงงาน 4 หน่วยแรงงาน แล้วนำยางส่วนที่เกินความต้องการ ( 1 หน่วย ) ไปแลกกับข้าว (ได้ข้าวมา 1 หน่วย ) ฟิลิปปินส์ ก่อนค้า ผลิตข้าว 1 หน่วย ใช้แรงงาน 6 หน่วยแรงงาน ผลิตยาง 1 หน่วย ใช้แรงงาน 7 หน่วยแรงงาน รวมใช้แรงงานทั้งหมด 13 หน่วยแรงงาน หลังค้า มุ่งผลิตข้าวอย่างเดียว 2 หน่วย ใช้แรงงาน 12 หน่วยแรงงาน แล้วนำข้าวส่วนที่เกินความต้องการ ( 1 หน่วย ) ไปแลกกับยาง ได้ยางมา 1 หน่วย จะเห็นได้ว่า มาเลเชีย ใช้แรงงานน้อยลง ( ลดลง ) 3 หน่วยแรงงาน ฟิลิปปินส์ใช้แรงงานน้อยลง ( ลดลง ) 1 หน่วยแรงงาน

  15. 3) ทฤษฎีของฮิคค์เชอร์และโอลิน (Hechscher-Olin Theory) -กล่าวว่า สินค้าที่แตกต่างกันย่อมมีอัตราการใช้ปัจจัยแตกต่างกัน ประเทศที่แตกต่างกันย่อมมีความอุดมสมบูรณ์แตกต่างกัน ประเทศใดที่มีปัจจัยการผลิตชนิดไหนมากจะผลิตสินค้าที่ต้องการปัจจัยการผลิตนั้นได้ในราคาถูก และจะส่งสินค้าชนิดนั้นเป็นสินค้าออก -ความหมายของความสมบูรณ์ของปัจจัย มี 2 ความหมาย (1) ความอุดมสมบูรณ์ของปัจจัยตามปริมาณของปัจจัย (Physical definition) คือ ความอุดมสมบูรณ์ของปัจจัยที่วัดจากปริมาณของปัจจัยการผลิตชนิดนั้นเทียบกับ ปัจจัยการผลิตชนิดอื่นของประเทศนั้น เทียบกับประเทศอื่น(ปริมาณของปัจจัยการผลิตชนิดนั้นเทียบกับปัจจัยการผลิตชนิดอื่นของประเทศอื่น) (2)ความอุดมสมบูรณ์ของปัจจัยตามราคาของปัจจัย (Price definition) คือ ความอุดมสมบูรณ์ของปัจจัยที่วัดจากราคาของปัจจัยชนิดนั้นเมื่อเทียบกับราคาของ ปัจจัยชนิดอื่นของประเทศนั้น เทียบกับประเทศอื่น(ราคาของปัจจัยชนิดนั้นเมื่อเทียบกับราคาของปัจจัยชนิดอื่นของประเทศอื่น)

  16. W C T J โดยสรุป ประเทศไทย (T) มีความอุดมสมบูรณ์ในปัจจัยแรงงาน (L) (ทำให้อัตราการใช้ปัจจัยหรือสัดส่วน ของไทยมากกว่าสัดส่วน ของญี่ปุ่น) ประเทศไทยจะสามารถผลิตสินค้าที่ใช้ปัจจัยชนิดนั้นได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ดังนั้นไทยจะผลิตข้าวได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ไทยจึงผลิตข้าว และส่งข้าวเป็นสินค้าออก แล้วนำเข้าผ้าจากญี่ปุ่น ส่วนประเทศญี่ปุ่น (T) มีความอุดมสมบูรณ์ในปัจจัยทุน (K) (ทำให้อัตราการใช้ปัจจัยหรือสัดส่วน ของญี่ปุ่นมากกว่าสัดส่วน ของไทย) ประเทศญี่ปุ่นจะสามารถผลิตสินค้าที่ใช้ปัจจัยทุนมากในการผลิตได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ดังนั้นไทยจะผลิตผ้าได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ญี่ปุ่นจึงผลิตผ้า และส่งผ้าเป็นสินค้าออก แล้วนำเข้าข้าวจากไทย

  17. ฟังก์ชันการส่งออก (X) การนำเข้า (M) X = X ( Yf , P , e ) ; M = M ( Y , P , e ) ; เมื่อ X คือ มูลค่าสินค้าส่งออก M คือ มูลค่าการนำเข้า P คือ ระดับราคาสินค้า e คือ อัตราแลกเปลี่ยน (฿/$) Yfคือ ระดับรายได้ประชาชาติของต่างประเทศ (Foreign) Y คือ ระดับรายได้ประชาชาติของประเทศ

  18. แทรก AD , X-M Y= AD M=Ma+mY Xa A X=Xa Ma Xa-Ma 450 Y (รายได้ประชาชาติ) 0 Xn>0(X>M) Y1 Xn =(Xa-Ma)-mY (การส่งออกสุทธิ) Xn<0(X<M) Xn=0(X=M)

  19. ดุลการค้า ( Balance of trade ) • ดุลการค้า = มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการ ( X ) – มูลค่าการนำเข้า ( M ) • - ถ้า มูลค่าการส่งออกมากกว่ามูลค่าการนำเข้า ( X > M ) แสดงว่า ดุลการค้า “เกินดุล” • - ถ้า มูลค่าการส่งออกน้อยกว่ามูลค่าการนำเข้า ( X < M ) แสดงว่า ดุลการค้า “ขาดดุล” • - ถ้า มูลค่าการส่งออกเท่ากับมูลค่าการนำเข้า ( X = M ) แสดงว่า ดุลการค้า “สมดุล”

  20. ตารางที่ สถิติการค้าระหว่างประเทศของไทย ปี 2536-2546 (ม.ค.-พ.ย.) มูลค่า : ล้านบาท

  21. ตารางที่ โครงสร้างสินค้าออกของไทยปี 2537-2546 (ม.ค.-พ.ย.) มูลค่า : ล้านบาท

  22. ตารางที่ โครงสร้างสินค้านำเข้าของไทยปี 2537-2546 (ม.ค.-พ.ย.) มูลค่า : ล้านบาท

  23. อัตราแลกเปลี่ยน

  24. -ระบบอัตราแลกเปลี่ยน • -อุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศ • -อุปทานของเงินตราต่างประเทศ • -อัตราแลกเปลี่ยนดุลยภาพ • -การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

  25. ความนำ

  26. ความหมายของอัตราแลกเปลี่ยน (exchange rate) อัตราแลกเปลี่ยน คือ จำนวนเงินตราสกุลหนึ่งที่จะต้องถูกจ่ายหรือเสียไปเพื่อแลกกับหนึ่งหน่วยเงินตราอีกสกุลหนึ่ง หรือ คือ ราคาของเงินตราต่างประเทศ หรือราคาของเงินตราต่างประเทศที่คิดอยู่ในหน่วยของเงินตราอีกประเทศหนึ่ง ตัวอย่าง อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทและเงินดอลลาร์คือ ฿ 40 = $ 1 คือ ราคาของเงินบาท 40 บาท คิดในหน่วยของเงินดอลลาร์เท่ากับ 1 ดอลลาร์

  27. ความสำคัญของอัตราแลกเปลี่ยนความสำคัญของอัตราแลกเปลี่ยน 1) เป็นตัวกลางในการชำระหนี้ระหว่างประเทศจากการค้าระหว่างประเทศ โดยที่แต่ละประเทศใช้เงินต่างสกุลกัน 2) มีผลกระทบต่อการนำเข้า การส่งออก ดุลการค้า ดุลการชำระเงิน การผลิต การจ้างงาน ตลอดจนรายได้ประชาชาติ

  28. ระบบอัตราแลกเปลี่ยน ระบบของอัตราแลกเปลี่ยน มี 2 แบบ 1) อัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ (fixed exchange rate) ถูกกำหนดโดยธนาคารกลางของประเทศ 2) อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว หรืออัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงได้อย่างเสรี (flexible or floating exchange rate) ถูกกำหนดโดยอุปสงค์เงินตราต่างประเทศและอุปทานเงินตราต่างประเทศ

  29. ข้อดีของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบเสรีข้อดีของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบเสรี • ช่วยแก้ปัญหาดุลการชำระเงินที่เกินดุลหรือขาดดุล (ดุลการชำระเงินจะเป็นผลรวมของดุลบัญชีเดินสะพัดและดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย) และรัฐไม่จำเป็นต้องแทรกแซงในตลาดซื้อขายเงินตราต่างประเทศ • การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาโดยอัตโนมัติ • ข้อเสียของระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบเสรี • มีความยากในการคาดคะเนเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน เพราะอุปสงค์และอุปทานของเงินตราต่างประเทศมีความไม่แน่นอนตามภาวะทางเศรษฐกิจ ทั้งการนำเข้า/การส่งออกสินค้าและบริการ เงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ และการเก็งกำไร เป็นต้น

  30. ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเสรีระบบอัตราแลกเปลี่ยนเสรี ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ฿ 35 = $ 1 appreciate หรือ ค่าเงินเพิ่มขึ้น revaluation หรือ การเพิ่มค่าอัตราแลกเปลี่ยน ฿ 40 = $ 1 depreciate หรือ ค่าเงินลดลง devaluation หรือ การลดค่าอัตราแลกเปลี่ยน ฿ 45 = $ 1

  31. เพิ่ม อัตราแลกเปลี่ยน เพิ่มขึ้น มองที่ค่าของเงิน(บาทเมื่อแลกกับดอลลาร์) มองที่อัตราแลกเปลี่ยน(บาทต่อดอลลาร์) เช่น ค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มค่าอัตราแลกเปลี่ยนจาก ฿ 1 = $ เป็น ฿ 1 = $ (หรือเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนจาก ฿ 40 = $ 1 เป็น ฿ 35 = $ 1) เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจาก ฿ 40 = $ 1 เป็น ฿ 45 = $ 1

  32. อุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศอุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศ • หมายถึง ความต้องการของคนในประเทศที่มีต่อเงินตราต่างประเทศ เพื่อที่จะนำเงินตราต่างประเทศนั้นไปซื้อสินค้าเข้า ซื้อหลักทรัพย์ต่างประเทศ ลงทุนในต่างประเทศ หรือจ่ายเป็นเงินปันผล ดอกเบี้ย หรือเป็นเงินโอนให้แก่ต่างประเทศ หรือนำไปใช้จ่ายท่องเที่ยวในต่างประเทศ • อุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศมีความสัมพันธ์กับอัตราแลกเปลี่ยนในทิศทางตรงกันข้าม

  33. อัตราแลกเปลี่ยน ฿:$ 41 40 Q(ปริมาณเงินตราต่างประเทศ:$) Q2 Q1

  34. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลื่อนของเส้นอุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศปัจจัยที่มีผลต่อการเลื่อนของเส้นอุปสงค์ต่อเงินตราต่างประเทศ • ระดับราคาในประเทศ (ทิศทางเดียวกัน) • อัตราดอกเบี้ยในประเทศ (ทิศทางตรงกันข้ามกัน) • การคาดคะเนอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต (ทิศทางเดียวกัน) • ระดับรายได้ประชาชาติในประเทศ (ทิศทางเดียวกัน)

  35. อัตราแลกเปลี่ยน ฿:$ E 40 / 0 Q1 Q2 Q(ปริมาณเงินตราต่างประเทศ:$)

  36. อัตราแลกเปลี่ยน ฿:$ E 41 / 0 Q2 Q1 Q(ปริมาณเงินตราต่างประเทศ:$)

  37. อุปทานของเงินตราต่างประเทศอุปทานของเงินตราต่างประเทศ • หมายถึง ปริมาณเงินตราต่างประเทศที่ประเทศได้รับจากการส่งออกสินค้า จากการลงทุนต่างประเทศ จากการท่องเที่ยว เงินปันผล หรือเงินโอนจากต่างประเทศ เป็นต้น • อุปทานของเงินตราต่างประเทศมีความสัมพันธ์กับอัตราแลกเปลี่ยนในทิศทางเดียวกัน

  38. อัตราแลกเปลี่ยน ฿:$ 41 40 Q(ปริมาณเงินตราต่างประเทศ:$) Q1 Q2

  39. ปัจจัยที่มีผลต่อการเลื่อนของเส้นอุปทานของเงินตราต่างประเทศปัจจัยที่มีผลต่อการเลื่อนของเส้นอุปทานของเงินตราต่างประเทศ • ระดับราคาในประเทศ (ทิศทางตรงกันข้ามกัน) • อัตราดอกเบี้ยในประเทศ (ทิศทางเดียวกัน) • การคาดคะเนอัตราแลกเปลี่ยนในอนาคต (ทิศทางตรงกันข้ามกัน) • ระดับรายได้ประชาชาติของต่างประเทศ (ทิศทางเดียวกัน)

  40. อัตราแลกเปลี่ยน ฿:$ 40 Q(ปริมาณเงินตราต่างประเทศ:$) Q2 Q1

  41. อัตราแลกเปลี่ยน ฿:$ E 41 0 Q1 Q2 Q(ปริมาณเงินตราต่างประเทศ:$)

More Related