1 / 28

S.N.P. GROUP OF COMPANIES

S.N.P. NEWS. S.N.P. GROUP OF COMPANIES. ข่าวสารฉบับที่ 155. Logistics Specialist and International Freight Forwarder. S.N.P. GROUP OF COMPANIES. www.snp.co.th. CEO Articles. Global News. CEO Articles. Supply & Demand. Privilege Society. All about Logistics.

gitel
Download Presentation

S.N.P. GROUP OF COMPANIES

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. S.N.P. NEWS S.N.P. GROUP OF COMPANIES ข่าวสารฉบับที่ 155 Logistics Specialist and International Freight Forwarder www.themegallery.com

  2. S.N.P. GROUP OF COMPANIES www.snp.co.th CEO Articles Global News CEO Articles Supply & Demand Privilege Society All about Logistics เที่ยวรอบโลกกับPeter Chan SNP Joke Tel. 0-2333-1199 ( 12 Line )

  3. ปีใหม่ 2554 กับนายพราน ข่าวนายพรานชาวไทย 3 ราย ล่าสัตว์แล้วพลัดหลงเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้าน จนถูกจับในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยไม่เจตนา และถูกศาลของประเทศเพื่อนบ้านตัดสินจำคุกนับปี ต่อมารัฐบาลไทยทราบข่าวและให้ความช่วยเหลือกระทั่งนายพรานทั้ง 3 ได้รับการปล่อยตัว เป็นข่าวที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง ในข่าวยังได้รายงานอีกว่า นายพรานทั้ง 3 ประกาศจะบวชและจะเลิกอาชีพเป็นนายพราน CEO Articles ตอนนายพรานล่าสัตว์ได้ คงมีการกักขังหรือฆ่าสัตว์เพื่อนำซากมาทำเป็นอาหารหรือขาย เป็นการทำให้สัตว์สูญเสียอิสรภาพและเสียชีวิต หากจะมองว่า นี่เป็นกฎแห่งกรรมประการหนึ่ง ก็อาจจะนับได้ เพราะในครั้งนี้นายพรานก็ถูกจับขังคุกในความผิดที่ตนเองไม่ได้เจตนา นายพรานอาจประกอบกรรมดีไว้บ้าง จึงถูกจำคุกไม่นานและได้รับความช่วยเหลือในที่สุด หากเปรียบกรณีของนายพรานกับการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน จะพบว่ามีความเหมือนและต่างกันในบางกรณี ปัจจุบันผู้ประกอบการรุ่นใหม่จะประกอบกิจการด้วยความสุจริตเป็นที่ตั้ง ทำธุรกรรมแบบตรงไปตรงมา ไม่นิยมการทำผิดกฎหมายใด ๆ สิ่งที่เหมือนกับกรณีของนายพรานคือ “การทำผิดโดยไม่เจตนา” แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เป็นผู้มีความรู้ มีความเข้าใจกฎหมายดีกว่านายพราน ทำให้เส้นทางการต่อสู้ต่างจากกรณีของนายพราน กล่าวคือ อ่านต่อหน้า 2

  4. ผู้ประกอบการกลุ่มหนึ่งใช้หลักเหตุผลพิจารณาความผิดที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นความผิดจริงก็ยอมรับ เข้าสู่กระบวนการ เรื่องใหญ่ก็กลายเป็นเรื่องเล็ก และเรื่องเล็กก็จบลงได้โดยง่าย ส่วนผู้ประกอบการอีกกลุ่มหนึ่ง จะยึดเพียงความสุจริตของตนเป็นที่ตั้ง จะแสดงความรู้ที่มากกว่าและไม่ยอมรับในความผิดที่เกิดขึ้นเพียงเพราะตนเองไม่มีเจตนา จะพยายามต่อสู้ดิ้นรนจนหลายกรณี ผมพบว่าเรื่องผิดพลาดที่น่าจะทำให้เล็กลงและหมดไปได้ ก็กลับกลายเป็นเรื่องใหญ่โตและวนกลับมาทำร้ายตนเองในภายหลังอย่างไม่รู้ตัว ผมนำเรื่องนายพรานขึ้นมาเปรียบเทียบเพื่อชี้ให้ท่านผู้ประกอบการทราบว่า กฎหมายศุลกากรระบุไว้ชัดเจนว่า ความผิดในทางศุลกากรนั้น มิให้นำหลักเจตนาขื้นมาใช้ในการพิจารณา ดังนั้นเมื่อใดที่ท่านผู้ประกอบการพบความผิดที่เกิดขึ้น แม้ไม่มีเจตนาก็ตาม ท่านผู้ประกอบการควรพิจารณาด้วยหลักกฎหมายให้ชัดเจนก่อนว่า “ความผิดที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่” โดยไม่นำเอาความบริสุทธิ์ใจของตนเองเป็นที่ตั้ง หากพบว่ากฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดจริงการต่อสู้แก้ไขความผิดนั้นจากเรื่องใหญ่ให้เล็กลง จากเรื่องเล็กให้หมดไปก็จะเป็นเรื่องง่ายเข้า ดั่งเช่นกรณีของนายพราน ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2554 ผมจึงขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ โปรดประทานความสุขและความสำเร็จให้แก่ท่านผู้ประกอบการ โปรดประทานสติให้ท่านผู้ประกอบในการพิจารณาความผิดที่เกิดขึ้นแม้ไม่เจตนาเพื่อให้ท่านเดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนตลอดไป สิทธิชัย ชวรางกูร กลับสู่หน้าหลัก

  5. Global News 5 อันดับตึกสูงที่สุดในโลก ทะยานทะแยงแทงเสียดฟ้า อันดับ 1 "เบิร์จ ดูไบ" (Burj Dubai ) "เบิร์จ ดูไบ" (Burj Dubai ) หรือในปัจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "เบิร์จ คาลิฟา" (Burj Khalifa) หรือชื่อเต็มๆว่า "ชีค คาลิฟาร์ บิน ซาย์เอ็ด อัล-นาห์ยัน ทาวเวอร์" ซึ่งตั้งชื่อตามประธานาธิบดีของ UAEเพื่อเป็นการให้เกียรติในฐานะผู้นำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผู้นำของนครรัฐอาบู ดาบี เบิร์จ คาลิฟา สร้างแล้วเสร็จในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553 ด้วยความสูง 818 เมตร สูงกว่าอาคารไทเป 101เจ้าของสถิติเดิมถึง 309 เมตร ถือเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกใหม่ล่าสุดในขณะนี้ ไม่เพียงเท่านั้น เบิร์จ คาลิฟา ยังครองสถิติอาคารที่มีจำนานชั้นมากที่สุดคือ 162 ชั้นอีกด้วย อ่านต่อหน้า 2 ที่มา : ISN HOTNEWS

  6. อันดับ 2 ตึกไทเป 101ไต้หวัน แน่นอนว่าตึกที่สูงรองลงมาก็คือ "ไทเป 101" แห่งไต้หวัน ที่สูง 509 เมตร มีจำนวนชั้นทั้งหมด 101 ชั้น ออกแบบโดย ซี.วาย. ลี สถาปนิกชาวไต้หวัน เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2543 แล้วเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2547 ไทเป 10เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยีลดอันตรายจากแรงลมอันทันสมัยตามหลักวิทยาศาสตร์ กับการตกแต่งด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้านทุกปล้องเพื่อขับไล่ภูติผีปิศาจ ตามหลักความเชื่อทางไสยศาสตร์จากคำบอกเล่าของซินแส อันดับ 3 เซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์ ตึกระฟ้าสูงอันดับ 3 ของโลก คือ "เซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์" ตั้งอยู่ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ตึกแห่งนี้สูง 492 เมตร ประกอบด้วยชั้น 101 ชั้น และชั้นใต้ดินอีก 3 ชั้น สร้างในปี พ.ศ.2540-2551 ถือเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศจีน แซงหน้าอาคารจินเหมาซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง อ่านต่อหน้า 3

  7. อันดับ 4 ตึกอินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์ ฮ่องกง ตึกอินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์ บนเกาลูนตะวันตก ในฮ่องกง มี 118 ชั้น สูง 484 เมตร ก่อสร้างในช่วงปี พ.ศ.2550-2553โดยที่ตั้งของตึกนี้เรียกว่า ยูนิออนสแควร์เฟส 7 ส่วนชื่ออินเตอร์เนชันแนลคอมเมิร์ซเซ็นเตอร์นั้น ถูกประกาศอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2548 อันดับที่ 5 ตึกแฝดเปโตรนาส สำหรับตึกสูงลำดับที่ 5 และ คือตึก"เปโตรนาส" ที่มีความสูง 452 เมตร จำนวน88 ชั้น ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี สร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2541 ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เป็นอาคารแฝดมี 2 หอคอย ได้รับแรงบันดาลใจจากเสาหินทั้ง 5 ของศาสนาอิสลาม ผสมผสานกับโครงเหล็กที่ห่อหุ้มในแต่ละจุด ทำให้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตามีสะพานเชื่อมลอยฟ้า (Sky Bridge) ในบริเวณชั้นที่ 41 และ 42 ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวิวทิวทัศในมุมสูงสุดหวาดเสียวได้ฟรี วันละประมาณ 1,000 คน โดยจะต้องมารับตั๋วในตอนเช้าก่อนขึ้นชมในแต่ละรอบ และเนื่องจากอาคารแห่งนี้เป็นตึกแฝดมี 2 หอคอย จึงครองอันดับที่ 5 และ 6 ร่วมกัน อีกทั้งยังครองอันดับตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย อ่านต่อหน้า 4

  8. 5 อันดับ เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก อันดับ 5 เมืองอ๊อคแลนด์ (Auckland) ประเทศนิวซีแลนด์ อ๊อคแลนด์ ตั้งอยู่ทางเกาะเหนือ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในประเทศนิวซีแลนด์ ได้รับการขนานนามว่าเป็น “City of Sails” เนื่องจากมีท่าเทียบเรือที่สวยงามถึง 2 แห่ง คือ ท่าเรือ Waitemata ทางด้านทิศเหนือ และท่าเรือ Manukau ทางด้านทิศใต้ ในภาษาเมารีอ็อคแลนด์มีชื่อว่า Tamaki-Makau-Rau แปลว่า หญิงสาวที่มีผู้มาขอความรักถึง 100 คน อ็อคแลนด์ได้สมญานามนี้มาจาก การที่เป็นภูมิภาคที่ชนเผ่าต่างๆ ต้องการครอบครอง บรรยากาศที่ผสมผสานกันของอ่าว หมู่เกาะ วัฒนธรรมโพลีนีเชี่ยนและความเป็นเมืองที่ทันสมัยก็ทำให้อ็อคแลนด์ติดอันดับเมืองน่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อันดับ 4 เมืองแวนคูเวอร์ (Vancouver) ประเทศแคนาดา ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “แวนคูเวอร์” มักได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองที่สะอาด และน่าอยู่ที่สุดในโลก เมืองดังกล่าวถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุด และยังเป็นเมืองท่าชายฝั่งที่มีชื่อเสียงทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐบริติช โคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ปัจจุบัน แวนคูเวอร์ เป็นศูนย์กลางด้านการ ช้อปปิ้ง และการถ่ายทำภาพยนตร์ ทั้งยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อ่านต่อหน้า 5

  9. อันดับ 3 เมืองเจนีวา (Geneva) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เจนีวา เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (รองจากซูริค) โดยมีประชากรอาศัยอยู่ในเขตตัวเมืองราว 185,000 คน และยังเป็นศูนย์กลางด้านการเงินที่สำคัญเป็นอันดับ 6 ของโลก เจนีวา ได้รับการยกย่องว่าเป็นเมืองนานาชาติ เนื่องจากเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างชาติสำคัญๆ หลายองค์กร อาทิ สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติประจำทวีปยุโรป องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นต้น นอกจากนี้ เจนีวายังเป็นสถานที่จัดตั้งองค์กรสันนิบาตชาติ และกาชาดสากล ทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของ www (World Wide Web) ตลอดจนเครื่องเร่งอนุภาคที่มีขนาดใหญ่และมีพลังงานสูงสุดในโลก หรือที่เรียกว่า Large Hadron Collider (LHC) อันดับ 2 เมืองซูริค (Zurich)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซูริค เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความมั่งคั่งที่สุดในยุโรป และมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรอาศัยอยู่ในตัวเมืองทั้งสิ้นราว 1.68 ล้านคน เมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางด้านการค้าและวัฒนธรรมของประเทศ จนได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งวัฒนธรรมของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นอก จากนี้ ซูริค ยังเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่ามีคุณภาพการดำเนินชีวิตดีที่สุดในโลกจาก ผลการสำรวจของหลายสำนัก นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006-2009 อ่านต่อหน้า 6

  10. อันดับ 1 เมืองเวียนนา (Vienna) ประเทศออสเตรีย ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก จากผลการสำรวจของ Mercer เมือง ดังกล่าวมีความเข้มแข็งและมั่นคงทั้งทางด้าน เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง เป็นเมืองที่ได้ชื่อว่า แสนโรแมนติกเมืองหนึ่งของโลก กรุงเวียนนา ยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งดนตรีคลาสสิก อมตะของโลก ซึ่งนักแต่งเพลงคลาสสิกไม่ว่าจะเป็น บีโธเฟ่น โมสาร์ท, ชูเบอร์ก, บราห์ม หรือ โยฮัน สเตราส์ ล้วนมาจากที่นี่ อ่านต่อหน้า 7

  11. 5 อันดับ อาหารไทยที่ฝรั่งชอบ อันดับที่ 4Tom Yam Goong or Spicy Shrimp Soup อันดับที่ 5Tom Yam Gai or Chicken Soup (Spicy) หรือ ต้มยำไก่อาหารจานเด็ดอีกรายการที่ถูกลิ้นถูกใจคนค่อนโลก หรือ ต้มยำกุ้ง สุดยอดอาหารไทยที่รู้จักทั่วโลก ดังขนาดต้องเอาไปตั้งชื่อหนังขายฝรั่ง อ่านต่อหน้า 8

  12. อันดับที่ 2Kang Keaw Wan Kai or Chicken Curry (Green) อันดับที่ 3Tom Kha Kai Or Chicken In Coconut Milk Soup แกงเขียวหวานไก่อาหารจานเด็ดที่ประยุกต์ให้รับประทานได้กับหลากหลายเมนู ต้มข่าไก่รสชาติและกลิ่นอันหอมหวลที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ อ่านต่อหน้า 9

  13. อันดับที่ 1Pad Thai ผัดไทยของโปรดของใครหลายคนที่ถือเป็นอาหารประจำชาติกันเลยทีเดียว (แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้ว)มีอาหารจานโปรดของใครบ้างหรือเปล่า เห็นกันหรือยังครับว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดเป็นคนไทย มีอาหารอร่อยและราคาถูกให้กินกันตลอดทั้งปีทั้งชาติ อ่านต่อหน้า 10

  14. 5 อันดับ บุคลลที่มีเงินเดือนสูงสุดในประเทศไทย อันดับ 5 คุณ ชาติศิริ โสภณพนิช อันดับ 4ดร. วิชิต สุรพงษ์ชัย ท่านผู้นี้ก็เป็นผู้บริหารธนาคาร และเป็นธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ ใช่แล้ว ธนาคารไทยพานิชย์ท่านมีรายได้ต่อเดือน 1,369,167 บาท (หนึ่งล้านสามแสนหกหมื่นเก้าพันหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดบาท) หากพูดถึงนามสกุล โสภณพนิช เราคงเดาถึงกิจการที่ท่านดูแลได้ไม่ยากนั้นคือธนาคารกรุงเทพฯ ซึ่งทางธนาคารจ่ายเงินค่าตอบแทนต่อเดือนเป็นจำนวน 1,363,106.00 (หนึ่งล้านสามแสนหกหมื่นสามพันหนึ่งร้อยหกบาท) อ่านต่อหน้า 11

  15. อันดับ 2 คุณบุญคลี ปลั่งศิริ อันดับ 3 คุณมนตรี ศรไพศาล ผู้บริหารของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ กิมเฮง (ประเทศไทย) ท่านได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 1,424,722 (หนึ่งล้านสี่แสนสองหมื่นสี่พันเจ็ดร้อยยี่สิบสองบาท) ผู้บริหารจาก ชินคอร์ปรายนี้มีรายได้สูงพร้อมๆกับความสามารถที่สูง มากพอๆกัน ในยุคของการแข่งขันที่รุนแรงด้านการสื่อสาร เขาผู้นี้ยังทำให้ชินคอร์ปยังครองตำแหน่งแนวหน้าของประเทศได้ และรายได้ของเขาต่อเดือนคือ 1,498,571 บาท (หนึ่งล้านสี่แสนเก้าหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบเอ็ดบาท) อ่านต่อหน้า 12

  16. อันดับ 1 นายประชัย เลี่ยวไพรัช ท่านผู้นี้อยู่ในธุรกิจปิโตรเคมี ท่านเป็นนักการเมืองด้วย แต่ ทำอาชีพการเมืองได้ไม่ดีนักท่านมีรายได้จาก ทีพีไอ เดือนละ 2,666,580 บาทสูงที่สุดในประเทศไทย เป็นท่านเดียวที่มีรายได้เกิน 2 ล้าน ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ บิสวีด กลับสู่หน้าหลัก

  17. Supply & Demand สินค้าที่ประเทศไต้หวันกำลังต้องการ สวัสดีสัปดาห์สุดท้ายของปี 2553 ค่ะท่านผู้ประกอบการ สัปดาห์นี้หลายๆท่านอาจได้หยุดพักในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่แล้ว สำหรับท่านที่เดินทางไปเฉลิมฉลองตามที่ต่างๆ ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ เรามาส่งท้ายปีเสือทองกันด้วยข้อมูลสินค้าที่ประเทศไต้หวันกำลังต้องการกันดีกว่าค่ะ ประเทศไต้หวันมีการพัฒนาด้านการค้าและอุตสาหกรรมในระดับสูง ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่แบบเร่งรีบและจำเป็นต้องบริโภคอาหารปรุงแต่งแช่แข็งส่งผลให้ตลาดสินค้าอาหารปรุงแต่งแช่แข็งในไต้หวันปี 2010 มีมูลค่าประมาณ 8 พันล้านเหรียญไต้หวัน (1 เหรียญไต้หวัน = 1 บาทโดยประมาณ) สินค้าอาหารปรุงแต่งแช่แข็งที่ไต้หวันนำเข้าจากไทยมีเพียงอาหารจำพวกสัตว์น้ำเท่านั้นในส่วนของเนื้อปศุสัตว์นั้นไม่มีการนำเข้าเนื่องจากไต้หวันห้ามนำเข้าจากไทยเพราะเป็นเขตระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยและโรคนิวคาสเซิล แต่มีการนำเข้าปลาปรุงแต่งแช่แข็งจากไทยได้แก่ ปลากะตัก ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปล่าไหล ปลาโอ ไข่ปลา กุ้ง หอย ปลาหมึก เป็นมูลค่าราว 10.47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผู้ส่งออกไทยที่ประสงค์จะขยายตลาดเข้ามายังไต้หวัน จะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับรสนิยมของชาวไต้หวัน เช่น การผลิตสินค้าบะหมี่แช่แข็ง และขนมจีบ เกี๊ยว ซาลาเปา รวมทั้งอาศัยความได้เปรียบในฐานะที่อาหารไทยเป็นอาหารยอดนิยมของโลก ทำการผลิตอาหารไทยแช่แข็งโดยใช้วัตถุอาหารทะเลซึ่งไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบอยู่แล้ว ทั้งนี้ อาหารไทยที่ชาวไต้หวันรู้จักดีได้แก่ กุ้งกระเบื้อง ต้มยำกุ้ง ปลามะนาว ส้มตำ ยำทะเล เป็นต้น สุดท้ายนี้ก็ขอให้ผู้ประกอบการทุกคนประสบความสำเร็จและมั่งคั่งทางการค้าในปี 2554 ที่กำลังจะถึงนี้ค่ะ กลับสู่หน้าหลัก

  18. Privilege Society ตอน...เดดไลน์มาแล้ว สัปดาห์สุดท้ายของปีเสือกำลังผ่านพ้นไปในไม่กี่อึดใจนี้แล้วนะครับใครมีโปรแกรมไปผักผ่อนกันที่ไหนก็ขอให้ระมัดระวังตัวกันให้ดีถ้าเมาหาที่นอนดีกว่าเชื่อผมเพราะไม่งั้นอาจได้นอนแบบไม่มีวันตื่นเลยก็ได้นะครับ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมมีภาระกิจต้องไปปฏิบัติงานที่ DFT ตรงส่วนงานที่ออก C/O ให้นั่นแหล่ะครับภาระกิจที่ว่าใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ผมเลยมีเวลาเดินสำรวจพื้นที่แถวๆนั้นดูก็เผอิญให้ไปสะดุดกับประกาศฉบับหนึ่งของ DFT ที่ติดไว้ซะเด่นเชียว ประกาศที่ว่าเป็นประกาศเรื่องคต. เชิญชวนให้บริการ E-foreign Trade ของ DFT นั่นเอง เราๆท่านๆทราบมานานแล้วว่า DFT นั้นมีความประสงค์ที่จะยกเลิกการให้บริการ C/O ผ่านระบบ Manual แล้วหันมาใช้ระบบ EDI แทนมาสักระยะหนึ่งแล้วแต่ด้วยความที่พวกเราเป็นคนไทยครับการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบค่อนข้างใหญ่หลวงแบบนี้จะให้เปลี่ยนแบบข้ามวันข้ามคืนเลยก็คงจะทำได้ยาก DFT ก็เลยให้เวลาพวกเราในการปรับตัวมาประมาณ 2 ปีแล้ว (555 ปรับตัวกันนานจังเลยนะ) จนกระทั่งในที่สุดก็ถึงเวลากำหนดเดดไลน์กันออกมาให้แน่ชัดเสียที ฟังกันอีกทีให้ชัดๆนะครับกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์กำหนดให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออกนำเข้าสินค้าในระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2554 เป็นต้นไป ผู้ส่งออกท่านใดยังใช้ระบบ Manual อยู่ตอนนี้รีบๆไปเปลี่ยนนะครับบอกกันตรงๆรอบนี้ของจริงแล้วเดี๋ยวจะหาว่า SNP NEWS ไม่เตือน กลับสู่หน้าหลัก

  19. All about Logistics คุณสมบัติของผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ในบ่ายของวันหนึ่ง ผู้เขียนพอจะมีเวลาว่างที่จะเปิดเข้าไปดู website ต่างๆในโลกไร้พรมแดนบน Internet กะว่าจะหาสิ่งบันเทิงเริงใจมาเสพย์เพื่อความรื่นรมย์บ้าง ในขณะที่เปิดเข้าไปดูนั่นนี่อย่างเพลิดเพลิน สายตาก็ไปสะดุดกับบทความชิ้นหนึ่งของ คุณดาริษา รัตนธนาภัทร์ บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ คุณสมบัติของผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หรือ Freight Forwarder ไว้อย่างน่าสนใจที่ http://logisticscorner.com ตัดตอนสำคัญจากบทความมีดังนี้   " ผู้ให้บริการรายอื่นรวมทั้งมีการพัฒนาคุณภาพของตัวเอง เพื่อสร้างจุดแต่งต่างและเพิ่มประสิทธิภาพทางการแข่งขันเมื่อต้องมีการแข่งขันกัน บริษัท Freight Forwarder ต่างก็มีการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อจูงใจลูกค้าให้เรียกใช้บริการ หรือทำอย่างไรให้ลูกค้าประทับใจ แล้วเกิดการเรียกใช้ซ้ำ ดังนั้นในส่วนของการให้บริการ Freight Forwarder อาจต้องมีการพัฒนาคุณภาพในการให้บริการเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยผู้เขียนจะขอนำเสนอเป็นส่วนๆ ดังต่อไปนี้ อ่านต่อหน้า 2

  20. 1. บริษัท Freight Forwarder เองควร พัฒนาตัวเองให้มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการแสดงถึงการบริการที่มีคุณภาพ การตรงต่อเวลา และความเป็นมืออาชีพเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ควรมีการให้บริการลูกค้าได้แบบครบวงจร สามารถช่วยลูกค้าประหยัดต้นทุนในการขนส่งด้วยบริการที่หลากหลาย และควรมีการพัฒนาอบรมพนักงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความมั่นใจได้ในการใช้บริการแก่ลูกค้าทั้งการส่งออกและนำเข้า รวมถึงบริการด้านโลจิสติกส์อื่นๆ       2. Freight Forwarder ควรจะมีเครือข่ายที่กว้างขวางทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อที่จะสามารถรองรับความ ต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด โดยมีการให้บริการที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางรวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มของการให้บริการ (Value-Added) กับผู้นำเข้า-ส่งออก       3. Freight Forwarder ควรมีความมั่นคงด้านการเงินเพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับลูกค้าโดยมีการให้เครดิตเทอมกับลูกค้าโดยการกำหนดอัตราผลกำไรต่อต้นทุนที่แน่นอนและเป็นมาตรฐานต่อการดำเนินงานของธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และควรมีเงินหมุนเวียนมากพอสมควร เนื่องจากค่าใช้จ่ายบางอย่าง ทางบริษัทจะต้องมีการสำรองจ่ายให้กับลูกค้าไปก่อน อย่างเช่น ค่าระวางเรือค่าใช้จ่ายที่ท่าเรือ และค่าเอกสารบางอย่าง เป็นต้น       4. Freight Forwarder ควรมีการพัฒนาตัวเองให้เป็นแบบ One Stop Service คือมีการบริการให้คำปรึกษาในด้านการนำเข้าส่งออกรวมถึงการบริการด้านข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และอาจมีการรวมกลุ่มกันในส่วนที่เป็นกิจกรรมหลัก ได้แก่ การดำเนินการด้านศุลกากร การขนส่ง การบริหารสินค้าคงคลัง การบริหารข้อมูล การสั่งซื้อ และกิจกรรมเสริม เช่น การดูแลสินค้า การบรรจุหีบห่อ การบริหารความต้องการของลูกค้า เป็นต้น อ่านต่อหน้า 3

  21. 5. Freight Forwarder ควรมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับลักษณะงานของลูกค้าในประเทศนั้นๆ เช่น Tracking System ผู้ประกอบการไทยยังนำมาใช้อยู่ในวงจำกัดเมื่อเทียบกับบริษัทต่างชาติ อาจเกิดจากปัญหาด้านเงินทุน และเทคโนโลยีที่ต้องใช้ร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการแต่ละรายเอง ฉะนั้นหากมีการพัฒนาในส่วนเทคโนโลยีส่วนนี้ได้ ถือว่าจะเป็นส่วนที่ช่วยสร้างความพอใจให้ลูกค้าและสามารถเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันอีกด้วย       6. Freight Forwarder ควรมีจัดโครงการเสริมความรู้ให้แก่ลูกค้า เป็นโครงการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กรของเราให้กับลูกค้าที่เป็น Freight Forwarders และเป็นพันธมิตรของกลุ่ม โดยจัดให้มีการสัมมนาในหัวข้อต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าและพันธมิตรเพื่อประโยชน์ทั้งในส่วนของลูกค้าและเพื่อสร้างความเข้มแข็งของกลุ่ม Freight Forwarders ด้วยกันเอง การปรับตัว-พัฒนาคุณภาพของผู้ให้บริการ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถให้กับผู้ส่งออกให้สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้นั้น ผู้ให้บริการ Freight Forwarder ต้องพยายามปรับปรุงวิธีการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดต้นทุนให้ต่ำที่สุด ขณะที่คุณภาพยังคงเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า การจัดการด้านโลจิสติกส์และการบริหารโซ่อุปทานจึงกลายมาเป็นกลยุทธ์หลักในการสร้างสมรรถนะด้านการแข่งขันที่มีอยู่ในปัจจุบัน หาก Freight Forwarder สามารถตอบโจทย์ภายใต้ความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุดก็จะอาจทำให้เป็นผู้ชนะในเวทีการแข่งขันนั่นเอง“ ฉบับหน้าผู้เขียนจะมาแจงประเด็นต่างๆที่เจ้าของบทความนำเสนอไว้ว่าการเป็น Freight Forwarder ที่ดีนั้น ควรจะต้องมีองค์ประกอบอย่างไร ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใดสำหรับธุรกิจ Freight Forwarder ในไทยกันค่ะ นามปากกา กลับสู่หน้าหลัก

  22. เที่ยวรอบโลกกับ Peter Chan ประเทศออสเตรีย สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับคอลัมน์เที่ยวรอบโลกกับ Peter Chan สัปดาห์นี้พามาเที่ยวประเทศออสเตรีย เพราะสืบเนื่องมาจากคอลัมน์ Global News ที่มีการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก คือ เมืองเวียนนา เรามาดูกันครับว่าเศรษฐกิจของเค้าเป็นอย่างไร และมีการบริหารจัดการอย่างไร ถึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก เมืองเวียนนา เป็นเมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาเหมือนบ้านเรามีประธานาธิบดี ชื่อ ไฮนซ์ ฟีเชอร์ และรัฐมนตรีชื่อ เวอร์เนอร์ เฟย์มัน ประชากรมีรายได้ต่อหัวเฉลี่ย 32,962 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อปี หรือประมาณ 82,400 บาทต่อเดือน ความหนาแน่นประชากร 99 คนต่อตารางกิโลเมตร ประเทศออสเตรีย หรือ สาธารณรัฐออสเตรีย (Republic of Austria) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในยุโรปกลาง มีอาณาเขตทางเหนือจรดประเทศเยอรมนีและสาธารณรัฐเช็ก ทางตะวันออกจรดสโลวาเกียและฮังการี ทางใต้จรดสโลวีเนียและอิตาลี และทางตะวันตกจรดสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์ มีการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนภายใต้หลักการของรัฐสภา ออสเตรียเป็นประเทศสหพันธรัฐที่ประกอบด้วย 9 รัฐ (states -Bundesländer) รัฐเหล่านี้แบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น เขต (districts -Bezirke) และ นคร (cities -Statutarstädte) ซึ่งในเขตแต่ละแห่งยังแบ่งออกเป็นเทศบาล (municipalities-Gemeinden) รัฐทั้ง 9 แห่งของออสเตรีย ได้แก่ อ่านต่อหน้า 2

  23. 1. รัฐบูร์เกนลันด์ (Burgenland) มีเมืองไอเซนชตัดท์ (Eisenstadt) เป็นเมืองหลวงของรัฐ 2. รัฐคารินเทีย หรือ แคร์นเทิน (Carinthia; Kärnten) มีเมืองคลาเกนฟูร์ท (Klagenfurt) เป็นเมืองหลวง 3. รัฐโลเออร์ออสเตรีย หรือ นีเดอเริสเทอร์ไรค์ (Lower Austria; Niederösterreich) มีเมืองซังคท์เพิลเทิน (St.Pölten) เป็นเมืองหลวง 4. รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย หรือ โอเบอเริสเทอร์ไรค์ (Upper Austria; Oberösterreich) มีเมืองลินซ์ (Linz) เป็นเมืองหลวง 5. รัฐซาลซ์บูร์ก (Salzburg) มีเมืองซาลซ์บูร์ก เป็นเมืองหลวง 6. รัฐสติเรีย หรือ ชไตเออร์มาร์ค (Styria; Steiermark) มีเมืองกราซ (Graz) เป็นเมืองหลวง 7. รัฐทิโรล (Tirol) มีเมืองอินส์บรุค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวง 8. รัฐโฟราร์ลแบร์ก (Vorarlberg) มีเมืองเบรเกนซ์ (Bregenz) เป็นเมืองหลวง 9. รัฐเวียนนา หรือ วีน (Vienna; Wien) ประมาณ 60% ของสภาพภูมิประเทศของประเทศออสเตรียมีลักษณะเป็นภูเขาและเนินเขา ซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็น "ดินแดนแห่งขุนเขา" ประเทศออสเตรียมีการพาดผ่านของเส้นทาง "แม่น้ำดานูบ (Donau)" โดยผ่านรัฐโลว์เออร์ออสเตรีย หรือ นีเดอเริสเทอร์ไรค์ (Lower Austria;Niederösterreich) และ รัฐอัปเปอร์ออสเตรีย หรือ โอเบอเริสเทอร์ไรค์ (UpperAustria; Oberösterreich) เพื่อไหลต่อไปยังสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ภูมิประเทศของประเทศออสเตรียแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ อ่านต่อหน้า 3

  24. เศรษฐกิจเป็นแบบเสรีนิยมผสมสังคมนิยม โดยรัฐมีบทบาทในอุตสาหกรรม และวิสาหกิจหลัก เช่น อุตสาหกรรมขั้นปฐม การผลิตกระแสไฟฟ้า ธนาคาร และกิจการสาธารณูปโภค สาเหตุที่รัฐได้เข้ามาจัดการบริหารแบบรวมศูนย์ ก็เพื่อป้องกันการครอบครองจากโซเวียตภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกระทั่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ออสเตรียจึงเริ่มแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และได้พัฒนาเศรษฐกิจแบบตลาดได้สำเร็จ ซึ่งทำให้ประชาชนมีมาตรฐานความเป็นอยู่สูง รัฐบาลชุดที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพรรคขวา ได้มีแผนที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจการของรัฐเพิ่มเติม อันจะทำให้รัฐบาลออสเตรียมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจลดลง และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างแบบ Social Partnership ในช่วงทศวรรษที่ 60 และ 70 ได้ลดน้อยลงตามเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่เปลี่ยนไป รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งนำโดยพรรคฝ่ายซ้ายสังคมนิยมจึงมีนโยบายชะลอการแปรรูปรัฐวิสาหกิจลง และเป็นที่คาดว่า จะมีนโนบายที่ทำให้ความสัมพันธ์ของนายจ้างและลูกจ้างในภาคอุตสาหกรรมเป็นไปแบบ Social Partnership ต่อไป ประชากรจากการสำรวจในปี 2549 ประเทศออสเตรียมีประชากรโดยประมาณ 8,260,000 คน อายุขัยเฉลี่ยของประชากรหญิงสูงกว่าประชากรชาย ประชากรหญิงออสเตรียมีอายุเฉลี่ย 82.1 ปี ส่วนประชากรชายออสเตรีย 76.4 ปี ในประเทศออสเตรียส่วนใหญ่ประชากรจะเป็นผู้สูงอายุ และเนื่องจากค่าครองชีพในประเทศออสเตรียอยู่ในอัตราสูงมาก จึงมีผลในการส่งผลให้อัตราการเกิดใหม่ของประชากรลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งอัตราการเกิดใหม่ของประชากรอยู่ที่ 0.45% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำมาก Peter Chan ที่มา : จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ กลับสู่หน้าหลัก

  25. S.N.P. Joke จับผิด 19 คำโกหกหน้าตายสุดฮิตของผู้ชาย • 1. "ชีวิตนี้ผมจะไม่ขอรักใครอีกนอกจากคุณ" • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 90 คน) ใครได้ยินคำนี้อย่าหลงดีใจ เพราะเค้าสามารถ รักคนใหม่ได้เมื่อต้องเลิกกันไปแล้ว • 2. "เธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักมากที่สุด“ • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 85 คน) แม้เค้าจะแทงกั๊กประมาณว่าถึงจะมีกิ๊กใหม่ในอนาคต เค้าก้อไม่สามารถรักเท่าที่รักเธอ ฟังดูก้ออาจจะเป็นไปได้แหะ • 3. "เราจะอดทนเป็นแฟนกันจนแต่งงานในอนาคต“ • ชาย 100 คนโกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) เค้าพูดด้วยความรู้สึกแบบเด็ก ๆ ที่ยังไม่ได้ผ่านสารพัดร้อยล้านเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าซึ่งอาจทำให้ความรัก สะดุดเมื่อไหร่ก้อได้ • 4. "ผมไม่เคยยอมใครขนาดนี้มาก่อน“ • (ชาย 100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 83 คน) ถ้าเค้าเป็นคนที่นิสัยยอมคน เค้าก้อจะยอมกับผู้หญิงทุกคนนั่นแหล่ะ • 5. "สิ่งที่ผมทำลงไป ผมพยายามทำดีที่สุดแล้ว" • (ชาย 100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 78 คน) ถ้าเกิดเค้าได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นหูหนวกหรือตาบอดยังไงก้อต้องรู้สึกได้ • "ก้อผมเป็นของผมหยั่งงี้มานานแล้ว • ชาย 100 คน โกหกเรื่องนี้ถึง 79 คน) เค้าพูดเพื่อให้เธอยอมรับนิสัยห่วยแตกของเค้า โดยอ้างความเป็นตัวของตัวเอง อ่านต่อหน้า 2

  26. 7. "ให้อภัยผมเถอะ ผมจะไม่ได้ทำอีกแล้ว" (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 65 คน) ธรรมดาที่เค้าจะต้องพูดเพื่อใหการอภัยโทษ ป้องกันชะตาขาด และเธอเชื่อหรอว่าเค้าจะไม่พูดคำนี้อีกและอีกๆๆๆๆ 8. "ไม่รักผมไม่เป็นไร ขอแค่ให้ผมได้รับเธอก้อพอ" (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 83 คน) แค่เธอแสดงให้เห็นว่ายังไงเธอก้อไม่มีวันรักเค้าได้จริงๆ ขี้คร้านจะรีบเด้งตัวเองจากไปภายในไม่กี่วัน พร้อมด้วยคำนินทาเธอ อีกก้อนใหญ่ 9. "คิดถึงจนทนไม่ไหวแล้ว ออกมาเจอกันหน่อยนะ" (ชาย100คนโกหกเรื่องนี้ถึง 88 คน) เค้าอาจจะถวิลหาเธอจริงๆแต่ไม่ได้รุนแรงถึงกับจะลงแดงตายเหมือนเธอเป็นยาเสพย์ติดของเค้าขนาดนั้น 10. "ทำไม ผมเลวจนเธอไม่ไว้ใจได้เลยหรอ" (ชาย 100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 71 คน) เมื่อมีความไม่พอใจต่อการกระทำของเค้าในทุกกรณีเค้าจะต้องรีบปกป้องตัวเอง เพื่อแตะเบรคความคิดของเธอ 11. "ขอนอนกอดเฉยๆก้อพอ" (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 89 คน) และ 89 คนนั้นหมายถึงการกอดในครั้งแรกที่ใกล้ชิดตัวกันมากขนาดนั้น แต่จะพุ่งพรวดถึง 95 คนทันที ในการกอดครั้งต่อไป 12. "ผมรักนะเลยอยากให้เธอเป็นของผม" (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) เพราะถ้ารักจริงทำไมต้องขอเอาเปรียบเราด้วยรักแล้วไม่หน้าด้านขออะไรๆ เรื่องนี้ไม่ได้หรือไง อ่านต่อหน้า 3

  27. "เธอคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงๆ“"เธอคนนั้นเป็นแค่เพื่อนจริงๆ“ • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 65 คน) ไม่มีทางซะหรอกที่เมื่อมีผู้หญิงมากิ๊ก แล้ว เขาจะปฏิเสธเจ้าหล่อนเป็นแค่เพื่อน • "ผู้หญิงคนนั้นเค้ามาชอบผมเอง“ • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 51 คน) ฟังแล้วน่าภูมิใจที่พ่อตัวดีมีเสน่ห์เหลือร้ายแต่ช้าก่อนเพราะเพลงของปานนำมาใช้ได้กับคำโกหกคำนี้เสมอ "ตบมือข้างเดียว ไม่ดัง“ • 15."เพื่อนมันลากผมไป ผมอยากไปกับมันซะที่ไหนเล่า" • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) ถ้าไม่อยากไปจริงๆ แม้เค้ามาฉุดยังไงก้อไม่ยอมดังนั้นถ้าเค้าไม่ถูกเพื่อนเอาปืนจ่อหัว อย่าไปเชื่อว่า เค้าไม่อยากไปเฮกับเพื่อน • 16."ผมไม่ว่างจริงๆ อยากเจอเธอจะตายไป" • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 85 คน) คำว่าไม่มีเวลาว่างของเค้าก้อคือไม่อยากไปเจอเธอนั่นเองและที่มันไม่ว่างเพราะว่าหายไปเฮกับเพื่อนๆ หรือกิจกรรมที่เร้าใจกว่าของเค้า • "ไม่มีทางที่ผมจะเห็นเพื่อนสำคัญมากกว่าเธอ“ • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 51 คน) ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันดีอยู่ว่าคำพูดผู้ชายจะพูดกับผู้ร่วมแก๊งว่า"เฮ้ย กรูน่ะไม่เคยเห็หญิงสำคัญกว่าเพื่อนอยู่แล้ว" • "มีอะไรเราต้องไม่ปิดบังกันทุกเรื่อง“ • (ชาย100คน โกหกเรื่องนี้ถึง 64 คน) แม้จะรักกันปานหายใจปอดเดียวกัน แต่เชื่อเหอะว่าทุกคนย่อมมีความลับของตัวเองบ้าง และผู้ชายไม่มีวันคายความลับของตัวเองออกมาอย่างแน่นอน • 19."ถ้าวันไหนต้องเลิกกัน ผมยังจะห่วงเธอเหมือนเดิม" • (ชาย 100 คน โกหกเรื่องนี้ถึง 95 คน) มันไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว อย่างน้อยที่สุดก้อไม่มีทางว่าจะห่วงใยกันได้เท่าเดิม กลับสู่หน้าหลัก

  28. Thank You ! พบกันใหม่ฉบับหน้า Logistics Specialist and International Freight Forwarder www.themegallery.com

More Related