220 likes | 917 Views
ยาต้านเชื้อบิด (Anticoccidial drugs). เชื้อบิดเป็นปัญหาที่สำคัญ เฉพาะ ใน ไก่ * โค และ สุกร ปกติสามารถพบเชื้อบิดได้ใน สัตว์ที่มีสุขภาพปกติ ในจำนวนที่ไม่มาก เชื้อบิดจะเป็นปัญหาในไก่/ สัตว์ที่เลี้ยงบนพื้นดิน. คุณสมบัติยาที่ใช้ต้านทานเชื้อบิดได้ดี
E N D
ยาต้านเชื้อบิด (Anticoccidial drugs) • เชื้อบิดเป็นปัญหาที่สำคัญ เฉพาะ ใน ไก่ * โค และ สุกร • ปกติสามารถพบเชื้อบิดได้ในสัตว์ที่มีสุขภาพปกติ ในจำนวนที่ไม่มาก • เชื้อบิดจะเป็นปัญหาในไก่/ สัตว์ที่เลี้ยงบนพื้นดิน
คุณสมบัติยาที่ใช้ต้านทานเชื้อบิดได้ดีคุณสมบัติยาที่ใช้ต้านทานเชื้อบิดได้ดี • 1. ประสิทธิภาพสูง ป้องกันเชื้อบิดได้หลายพันธุ์ • 2. ป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดของโรค • 3. ช่วยเพิ่มอัตราการแลกเนื้อ • 4. ไก่กินได้ • 5. สามารถผสมได้กับวัตถุดิบและยาอื่นๆ
คุณสมบัติยาที่ใช้ต้านทานเชื้อบิดได้ดี(ต่อ)คุณสมบัติยาที่ใช้ต้านทานเชื้อบิดได้ดี(ต่อ) • 6. ไม่มีการตกค้างในเนื้อไก่ • 7. ไม่มีผลต่อไข่และการฟักไข่ • 8. มีความคงตัวนานเมื่อผสมในอาหาร • 9. สามารถตรวจสอบ residue ได้
กลุ่มยาที่ใช้ต้านทานเชื้อบิด เช่น 1. Ionophorousantibiotics: นิยมใช้มาก • ยาออกฤทธิ์ต่อเชื้อบิดเกือบทุกชนิด, หลาย stage ของเชื้อ • มีรายงานการดื้อยาน้อยกว่ายากลุ่มอื่น ๆ (1994) • ยาบางชนิดมีผลเพิ่มอัตราการแลกเนื้อ • Therapeutic index ต่ำมาก
1. Ionophorousantibiotics (ต่อ) :ตัวอย่าง เช่น • Monensin (Coban , Elancoban, Monelan) 100-121 ppm • Lasalocid (Avatec ) 75-125 ppm. • Narasin (Monteban ) 60-80 ppm. • Salinomycin (Baycox , Coxistac , Sacox ) 44-66 ppm. • Maduramcin (Cygro) 5-6 ppm. * ห้ามให้พร้อม anticoccidial drug อื่น ๆ และ ห้ามให้ในช่วง 7 วัน ก่อนหรือการให้ tiamulin
2. Quinolones • นอกจากจะเป็น antibacterial drug (G- )แล้วยังมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมต่อเชื้อบิดชนิดต่าง ๆ • มีความเป็นพิษต่ำ และถูกขับออกจากร่างกายได้เร็ว • * ทำให้ไม่ต้องมีระยะหยุดยาก่อนส่งโรงฆ่า • เพิ่มประสิทธิภาพการแลกเนื้อ • ข้อเสีย คือ เชื้อดื้อยาเร็วกว่ากลุ่มอื่น ๆ • ตัวอย่าง Decoquinate (50 ppm.), Clopidol (125 ppm.)
3. Sulfonamides • ออกฤทธิ์ดีต่อเชื้อบิดในไส้ติ่ง (cecal coccidiosis) • เชื้อดื้อยาง่าย • มีฤทธิ์ข้างเคียง คือรบกวนเมตาโบลิซึมของ Vit K ทำให้เกิดเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ และทำให้ไข่ลด • ตัวอย่าง Sulfadimethoxine 125 ppm. • Sulfaquinoxaline 150-200 ppm.
4. Thiaminederivatives ตัวอย่าง Amprolium • ประสิทธิภาพของยาต่อเชื้อบิดแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน • ความปลอดภัยสูง ไม่มีผลต่อไข่ และ การฟักไข่ • สามารถใช้ร่วมกับ sulfaquinoxaline อย่างละ 0.006% ให้ผลดี • เหมาะจะใช้ในไก่พ่อพันธุ์, แม่พันธุ์ • ข้อเสีย คือเชื้อดื้อยาง่าย
5. SubstitutedCarbanilides ตัวอย่าง nicarbazin • ประสิทธิภาพสูงมากต่อเชื้อบิดชนิดต่าง ๆ • เชื้อดื้อยาน้อยมาก (1955-1994) • ข้อเสีย - narrow therapeutic index - ลดอัตราการเจริญเติบโต esp. ไก่ไข่ และมีผลต่อไข่ และการฟักไข่ - มีผลร่วมกับ heat stress • เหมาะจะใช้ในไก่กระทง
การใช้ยาต้านเชื้อบิดมี 2 วัตถุประสงค์ : รักษา หรือ ป้องกันโรค หลักการใช้ยาต้านเชื้อบิดเพื่อการรักษา • เพื่อฆ่าเชื้อ (Coccidiocide) หรือ เพื่อยับยั้งเชื้อ (Coccidiostat) • มีหลายโปรแกรม และชนิดของยา ตัวอย่างเช่น ให้ยาติดต่อกัน 3 วัน (วันแรกให้ dose สูงวันต่อมาลด dose ลงครึ่งหนึ่ง) หรือให้ยาเว้นช่วง เช่น 3-2-3, 2-2-2
ยาที่นิยมใช้มากคือ • Sulfaquinoxaline 1 lb+น้ำ 75 gallon 3 วัน หยุดยา 3 วัน แล้วให้ยาละลายน้ำขนาด 1 lb + น้ำ 12 gallon อีก 2 วัน (3:3:2) • Sulfaquinoxaline 1 lb + อาหาร 500 lb 3 วัน หยุดยา 3 วัน แล้วให้ยาผสมอาหาร 1 lb + อาหาร 500 lb อีก 2 วัน (3:3:2) • Sulfachlorpyrazine ละลายน้ำ ขนาด 1 g/น้ำ 1 litre กินติดต่อกัน 3 วัน หรือให้ยาวันที่ 1-3-5-7-9 หรือให้ 2 วัน เว้น 2 วัน (ไม่มีผลต่อไก่ไข่)
ยาที่นิยมใช้มาก (ต่อ) • Sulfamethoxypyridazine (long-acting Sulfa) 1 g/50/kg S / P / M / V • Amprolium 2.5% ผสมอาหาร 1,000 ppm (ไม่มีผลต่อไก่ไข่) • Toltrazuril 2.5% 1 CC./น้ำ 1 l (25 ppm) 2 วันเว้น 2 วัน แล้วอาจให้ซ้ำอีก 2 วัน ในขนาด 0.00125%
หลักการใช้ยาต้านเชื้อบิดเพื่อป้องกันโรคหลักการใช้ยาต้านเชื้อบิดเพื่อป้องกันโรค • ก. ไก่กระทง • ปกติไก่กระทงมักจะมีการเติมยากันบิด (coccidiostat) • ป้องกันโรคโดยใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะถึงเวลาส่งขาย และจะมีการเปลี่ยนตัวยาผสมอาหารเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการดื้อยา
หลักการใช้ยาต้านเชื้อบิดเพื่อป้องกันโรคหลักการใช้ยาต้านเชื้อบิดเพื่อป้องกันโรค • ข. ไก่ไข่และไก่พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ • 1. ช่วงอายุที่เหมาะสมต่อการระบาดของโรค คือ 8-10 wk • 2. ถ้าไก่เกิดโรคในช่วง 14-16 wk ทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิตไข่ • วิธีการ เริ่มให้ยาผสมอาหารในขนาดป้องกัน ตั้งแต่ลูกไก่เริ่มเกิด เมื่อไก่อายุ 5 wk ปริมาณยาจะค่อย ๆ ลดลงเหลือครึ่งหนึ่งของขนาดป้องกัน เมื่อไก่ 6-7 wk ทำให้ไก่เป็นโรคอย่างอ่อนๆ เมื่อ 7-8 wk แล้วจึงรักษา autoimmune
ยากำจัดพยาธิภายนอก • ใช้ควบคุมพยาธิภายนอกของสัตว์เลี้ยง • มีอยู่ในหลายรูปแบบ เช่น • - spray ใช้พ่น • - สารละลายใช้ dip • - ราดหลัง pour-on, dust ใช้กับตัวสัตว์ • - กิน (feed additives)
ยากำจัดพยาธิภายนอก • ยาเกือบทุกชนิดเป็นพิษต่อสัตว์และมีผลต่อผลิตภัณฑ์ เช่น นม ไข่ เนื้อ • การใช้ยาควรให้สัมผัสกับพยาธิจะได้ผลดีที่สุด ยกเว้นยาพวกที่สามารถถูกดูดซึม เช่น ยา Ivermectin ที่ใช้ฉีด • ไม่ควรใช้ยาในภาวะลมสงบนิ่ง และอากาศร้อนจัดแม้ว่าสัตว์จะมีสุขภาพดีก็ตาม
ยากำจัดพยาธิภายนอก • พยาธิภายนอกสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ซึ่งสามารถใช้ยารักษาชนิดเดียวกัน แต่อาจมีความแตกต่างในเรื่องของระยะเวลาที่ควรให้ยา • 1.เห็บ ที่สำคัญในปศุสัตว์คือ • เห็บในโค ชื่อ Boophilus microplusซึ่งเป็นชนิด one-host หากพิจารณาจากวงจรชีวิต ควรให้ยาเมื่อ 0-2-3 อาทิตย์ เห็บตัวแก่(ดูดเลือดเต็มที่) เห็บตัวอ่อน
ยากำจัดพยาธิภายนอก • 2. ไร เป็นสาเหตุของโรคขี้เรื้อนในสัตว์ ไรที่สำคัญในปศุสัตว์มี 2 ประเภท • - ประเภทตัวกลม เช่น Satcoptes scabei ทำให้เกิดขี้เรื้อนแห้งสามารถรักษาได้ง่าย ควรให้ยาทุก 2 อาทิตย์ • - ประเภทคล้ายตัวหนอน คือ Demodex spp. ทำให้เกิดขี้เรื้อนเปียก ควรให้ยาทุกอาทิตย์ติดต่อกัน จนกว่าจะหาย
ยากำจัดพยาธิภายนอก • 3.แมลงกำจัดยากที่สุด หากใช้ยาชนิดที่ออกฤทธิ์เมื่อสัมผัสกับแมลง ควรใช้ยาที่ออกฤทธิ์นาน (long acting) • การใช้ยาฆ่าแมลง • - ควรใช้บนตัวสัตว์ • - ตามสิ่งแวดล้อม โรงเรือน แหล่งเพาะพันธุ์ • การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ • - ราดน้ำมันในแหล่งน้ำเพื่อกำจัดลูกยุง • - กำจัดมูลสัตว์ รื้อสิ่งปูรองเก่าๆ
ยากำจัดพยาธิภายนอก • 4. อื่นๆ เช่น เหา หมัด • - เหากำจัดง่ายที่สุด เนื่องจากต้องอยู่บนโฮสต์เกือบตลอดเวลา
ยากำจัดพยาธิภายนอก • ตัวอย่างยาฆ่าแมลงที่ใช้ • - กลุ่ม Organophosphate เช่น Asuntol, Bayticol • - กลุ่ม Long acting pyrethroid เช่น cypermethrin, flumethrin • - กลุ่มอื่นๆ เช่น amitraz • 3 กลุ่มนี้ใช้ พ่น ทา อาบ • - กลุ่มที่สามารถูดซึมได้ ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เช่น Ivermectin