1 / 111

QFD + FMEA + Error Proofing

QFD + FMEA + Error Proofing. ในการออกแบบนั้น เรามีเครื่องมืออยู่หลายตัวด้วยกัน แต่ที่มักนำมาใช้ คือ QFD (Quality Function Deployment) ออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า FMEA (Failure Mode and Effects Analysis) ป้องกันปัญหาก่อนลงมือผลิต Error Proofing ป้องกันปัญหาระหว่างการผลิต

dennis
Download Presentation

QFD + FMEA + Error Proofing

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. QFD + FMEA + Error Proofing • ในการออกแบบนั้น เรามีเครื่องมืออยู่หลายตัวด้วยกัน แต่ที่มักนำมาใช้ คือ • QFD (Quality Function Deployment) ออกแบบให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า • FMEA (Failure Mode and Effects Analysis) ป้องกันปัญหาก่อนลงมือผลิต • Error Proofing ป้องกันปัญหาระหว่างการผลิต • เราจะมาดูคร่าว ๆ ว่าแต่ละตัวคืออะไร Sanmin-SCI Systems Thailand

  2. Hin Shitsu Ki NO Ten Kai (Quality) (Function) (Deployment) Quality Function Deployment (QFD) Sanmin-SCI Systems Thailand

  3. ผู้นำ QFD มาใช้ • Dr. Mizuno ศาสตราจารย์เกียรติคุณแห่ง Tokyo Institute of Technology เป็นผู้นำระบบ QFD มาใช้ โดยเริ่มที่ Mitsubishi, Heavy Industries, Ltd. QFD จะช่วยแปลความต้อง การของลูกค้า (ซึ่งอยู่ในเชิงคำพูด)ให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลทางวิศวกรรมส่งผลให้เราสามารถแปลความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง ทำให้สินค้าที่ได้ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand

  4. ดังนั้น QFD คือ …… • กล่าวโดยกว้าง ๆ QFD คือ การฟังเสียงลูกค้าว่า ต้องการอะไร ( Hearing the customer voice ) นั่นหมายความว่า มันใช้แปล ความต้องการ (Needs) ความอยากได้ (Wants) และ ความคาดหวัง (Expectations) ของลูกค้าให้อยู่ในกลุ่มของสิ่งที่ต้องออกแบบ (set of design) และความต้องการจากการผลิต (manufacturing requirements) • QFD เป็นกระบวนการเชิงระบบ(systematic process) สำหรับ motivating business เพื่อ focus ตรงไปยังความต้องการของลูกค้า • QFD ช่วยในการออกแบบสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด ใช้เวลาการออกแบบน้อยกว่าปกติ และ ใช้ต้นทุนน้อยกว่า • QFD ใช้ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการแก้ไข (reactive)มาเป็นการควบคุม คุณภาพในเชิงป้องกัน(preventative manufacturing quality control) Sanmin-SCI Systems Thailand

  5. Comparison between QFD and traditional way เหนื่อยช่วงแรก สบายไปตลอด สบายช่วงแรก ตายตอนจบเพราะปัญหาเยอะ Sanmin-SCI Systems Thailand

  6. ก่อนและหลังทำ QFD ของ TOYOTA • โตโยต้าได้พบว่า ก่อนทำ QFDนั้น หลังจากผลิตภัณฑ์ถูกผลิตออกสู่ตลาด มีเสียงร้องบ่นเข้าอย่างมากมาย • หลังจากทำเทคนิค QFD มาใช้ พบว่า หลังจากผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดแล้ว เสียงร้องบ่นลดลงแสดงว่า QFD สามารถใช้แก้ปัญหาอันอาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ Sanmin-SCI Systems Thailand

  7. ประโยชน์ของ QFD สามารถสรุปได้ดังนี้ • 1 ) เป็นพลังขับดันจากลูกค้า ( Customer driven ) • โฟกัสตรงไปยังสิ่งที่ลูกค้าต้องการ • เป็นการใช้ข้อมูลที่ได้ไปในการแข่งขันอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ • เป็นการจัดลำดับความสำคัญของทรัพยากรที่มี • ช่วยจัดโครงสร้างของข้อมูล หรือ ประสบการณ์ที่มีอยู่ • 2 ) ช่วยลดเวลาดำเนินการลง (Reduces implementation times) • ช่วยลดการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในช่วงกึ่งกลางของการออกแบบ • ช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง • ช่วยลดปัญหาที่จะต้องออกแบบซ้ำ ๆ ไม่จบสิ้นในภายหลัง • ช่วยลดการตั้งข้อสมมติฐานอย่างผิวเผิน Sanmin-SCI Systems Thailand

  8. 3 ) สนับสนุนการทำงานร่วมกัน (Promotes teamwork) • เน้นการร่วมมือกันทำงานระหว่างหลาย ๆ แผนก • พัฒนาการสื่อสารภายในองค์กร • ช่วยแยกแยะกระบวนการที่เกิดขึ้นในการร่วมมือกัน • ช่วยสร้างรายละเอียดของภาพพจน์ในวงกว้าง • 4 ) ง่ายต่อการทำเอกสาร • ช่วยให้จัดทำเอกสารสำหรับออกแบบได้ง่าย • ง่ายต่อการตรวจสอบเมื่อออกแบบเสร็จสิ้น • ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเก็บอย่างเป็นระบบทำให้ง่ายต่อการค้าหา และทำ ความเข้าใจ • สะดวกในการเปลี่ยนแปลง • สะดวกต่อการวิเคราะห์ส่วนที่ผิดพลาดได้ง่าย Sanmin-SCI Systems Thailand

  9. โครงสร้างของ House of Quality • โดยพื้นฐานแล้วจะเหมือนกับบ้านมี • กำแพงด้ายซ้ายใช้แทนความต้องการของลูกค้า • กำแพงด้านขวาใช้แทนลำดับความสำคัญของ ความต้องการของลูกค้า • เพดานห้องใช้แทนรายละเอียดเชิงเทคนิค • หลังคาบ้านใช้แทนความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างรายละเอียดเชิงเทคนิค • พื้นห้องใช้แทนการจัดลำดับความสำคัญเชิง เทคนิค Sanmin-SCI Systems Thailand

  10. ความสัมพันธ์ของแต่ละส่วนความสัมพันธ์ของแต่ละส่วน Sanmin-SCI Systems Thailand

  11. ตัวอย่างของแมตตริก ของบ้านแห่งคุณภาพ แบบพื้นฐาน Sanmin-SCI Systems Thailand

  12. ก่อนทำ

  13. QFD ที่ทำเสร็จแล้ว

  14. เริ่มจากผนังบ้านด้านซ้าย (What does the customer want?) • ปัจจัยป้อนเข้าก็คือข้อมูลที่เป็น Voice of Customer • Voice of Customer ก็คือ ความต้องการของลูกค้าในเชิงคำพูด ความคิด จินตนาการ ข้อมูลจะอยู่ในเชิงบอกเล่า ความคิดเห็น • การรับฟัง (การเก็บข้อมูล) จะต้องมั่นใจว่า ข้อมูลที่ได้ถูกต้อง ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ลูกค้าควรกำหนดคุณภาพที่ต้องการด้วยภาษาของเขาเอง • การกำหนด voiceof customer ถือเป็นขึ้นตอนที่กินเวลามากที่สุดในการทำ QFD • ในขั้นตอนนี้บางแห่งจะกำหนดว่าเป็น Phase 0 เป็นเฟสที่ทำการรวบรวมข้อมูล เพื่อเข้าใจแนวความคิดหรือ Concept ของลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand

  15. การเปลี่ยนจาก VOC to What • Voice of Customer สามารถหาข้อมูลได้หลายทางด้วยกัน เช่น • การพูดคุย • การใช้แบบสอบถาม • การร้องบ่น • ฯลฯ • VOC มักจะเป็นคำพูด ข้อความ ความรู้สึก ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลแล้ว สิ่งที่จะทำต่อไปคือ จับกลุ่มข้อมูลโดยใช้ Affinity diagram หรือ ผังเชื่อมโยง Sanmin-SCI Systems Thailand

  16. VOC What Affinity Diagram จาก VOC มาสู่ Affinity Diagram เพื่อให้ได้ What Sanmin-SCI Systems Thailand

  17. ตัวอย่าง • สมมติว่า เราต้องการทราบขอบเขตของปัญหาในการผลิตชุดสวมใส่เพื่อปีนเขา จึงได้ตั้งกลุ่มขึ้นมา และออกสอบถามกับนักปีนเขาจำนวนหนึ่ง เกี่ยวกับความต้องการของชุดสวมใส่เพื่อปีนเขาที่ดีหลังจากพบปะพูดคุยแล้ว เราได้ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ว่า ชุดสวมใส่เพื่อปีนเขาที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้ • น้ำหนักเบา (lightweight) • สวมใส่สบาย (comfortable) • สวยงามน่าใช้ (attractive) • ปลอดภัย (safe) • ไม่ขัดขวางการเคลื่อนไหว (does not restrict movement) • เหมาะกับเสื้อผ้าหลาย ๆ แบบ (fits over different clothes) • มีห่วงร้อย (has accessible gear loops) Sanmin-SCI Systems Thailand

  18. Rock Climbing Harness Sanmin-SCI Systems Thailand

  19. จับ VOCมาทำเป็นบัตรข้อมูลของ Affinity Diagram • lightweight • comfortable • attractive • safe • does not restrict movement • fits over different clothes • has accessible gear loops เขียนสิ่งที่ลูกค้าต้องการในแต่ละเรื่องลงในบัตรคำ แล้ววางลงบนโต๊ะเพื่อทุกคนจะได้มองเห็น Sanmin-SCI Systems Thailand

  20. กำหนดหัวข้อใหญ่เป็น Facilitates Climbing ทำ Affinity Statement ทำการจัดกลุ่มบัตรคำให้เป็นหมวดหมู่ แล้วตั้งชื่อของหมวดหมู่นั้น ๆ ขึ้นมา Sanmin-SCI Systems Thailand

  21. จาก Affinity มาสู่ Tree Diagrams Sanmin-SCI Systems Thailand

  22. แปลงเป็น Tree Diagram จัดทำเป็นตาราง Sanmin-SCI Systems Thailand

  23. ส่วนแรกเสร็จแล้ว • ข้อมูลที่ได้จากรูปที่ผ่านมาจะถูกกรอกลงไปในตาราง ของ Blank QFD ในส่วนของ Customer Requirement Sanmin-SCI Systems Thailand

  24. จัดทำคะแนนแสดงลำดับความสำคัญจัดทำคะแนนแสดงลำดับความสำคัญ • หลังจากเรารู้ถึงความต้องการของลูกค้าแล้ว ก็ควรจะรู้ต่อไปว่า ความต้องการของลูกค้าข้อใด มีความสำคัญมากน้อยเท่าใด • ทำได้โดย นำหัวข้อด้ายซ้ายมาจัดทำคะแนน เพื่อแสดงถึงลำดับความสำคัญต่อ ลูกค้า • โดยกำหนดให้ • 5 = สำคัญมาก (very importance) • 1 = ไม่สำคัญเลย (unimportance) • ให้ลูกค้าเป็นผู้กำหนดนะครับ Sanmin-SCI Systems Thailand

  25. คะแนนที่ได้มาจากการพูดคุยกับลูกค้าคะแนนที่ได้มาจากการพูดคุยกับลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand

  26. ต่อไปก็กำแพงบ้านด้านขวาต่อไปก็กำแพงบ้านด้านขวา • กำแพงบ้านด้านขวา จะเป็น Prioritized customer requirement • โดยหลักแล้วจะใช้เปรียบ ระดับความพึงพอใจใน แต่ละหัวข้อที่ได้จากกำ แพงบ้านด้านซ้าย โดย เทียบกับคู่แข่ง Sanmin-SCI Systems Thailand

  27. เราจะเทียบผลิตภัณฑ์ของเรากับคู่แข่ง A และ B • เมื่อเรามี Spec. ของเราคร่าว ๆ (อาจมาจากผลิตภัณฑ์ที่เราเคย ทำมาแล้ว) เราก็เอา Spec. ของ เราเทียบกับคู่แข่งแต่ละหัวข้อ ที่ลูกค้าต้องการ เช่น เริ่มจาก ไม่กีดขวางการเคลื่อนไหว (does not restrict movement) • โดยกำหนดคะแนนเป็น • 5 = ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างมาก • 1 = ลูกค้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก Sanmin-SCI Systems Thailand

  28. คู่แข่งกับเรา ต้องเทียบกันหน่อย เมื่อได้คะแนนแล้วก็ใส่ลงไปในตารางของ QFD Sanmin-SCI Systems Thailand

  29. Planned Rating • การให้ความสำคัญในการวางแผน เพื่อทำการปรับปรุง (เมื่อเปรียบ เทียบระหว่างเรา คู่แข่ง ในมุมมองของความสำคัญต่อลูกค้า) ก็ต้องกำหนดลำดับ ความสำคัญออกมา เช่นกัน • ตามตัวอย่าง หัวข้อไม่กีดขวางต่อการเคลื่อนไหว แม้ว่าเรากับคู่แข่งไม่ต่างกันมากก็ตาม แต่เมื่อเทียบ ถึงความสำคัญที่ลูกค้าต้องการแล้ว จะต้องปรับปรุงโดยด่วน คะแนนจึงเท่ากับ 5 Sanmin-SCI Systems Thailand

  30. Importance Factor • การคำนวณเพื่อให้ weight จะใช้รูปแบบใด ก็ได้แล้วแต่ตกลงกัน เช่น • Improvement Factor = {(Plan Rating -Our product) * 0.2} + 1 Sanmin-SCI Systems Thailand

  31. Sale Point มาจากทีมกำหนดในช่วง 1.0-1.5 • ต่อมาก็มามองในเชิงการตลาด สิ่งใดถือว่าเป็นจุดขายหลัก (major) ก็ให้คะแนนสูง เช่น 1.4 ส่วน ส่วนใดเป็นจุดขายรอง (minor) ก็ให้คะแนนกลาง ๆ เช่น 1.1 – 1.2 ส่วนใดที่ไม่เน้นก็ให้ 1.0 Sanmin-SCI Systems Thailand

  32. Overall Weighting • ได้จาก Importance * Improvement * Sales point • แล้วแต่ตกลงกัน ในทีม ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว Sanmin-SCI Systems Thailand

  33. ผนังบ้านด้านขวา (Planning Matrix)ครบแล้ว • เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วก็กรอกลง ไปในตาราง QFD ดัง ตัวอย่างซ้ายมือ • การคิด Percentage of total ได้จากรวมทั้ง Column ของ Overall weighting (=38) แล้วคิดเป็น 100% จากนั้นนำ Overall rating แต่ละช่องมาทำการหาค่าเปอร์เซ็นต์ เช่น (2.6/38)*100 = 7 %) Sanmin-SCI Systems Thailand

  34. เพดานบ้าน • เพดานบ้านแสดงถึงรายละ เอียดทางเทคนิค ที่สัมพันธ์ กับความต้องการของลูกค้า Sanmin-SCI Systems Thailand

  35. คราวนี้เราจะพูดในเชิงเทคนิคคราวนี้เราจะพูดในเชิงเทคนิค • เราแยกออกเป็นสามส่วนหลัก คือ • 1) Performance Measures • Meet standards • Harness weight • Webbing strength • 2) Size of range • No. of colors • No. of sizes • 3) Technical details • Padding thickness • No. of buckles • No. of gear loops Sanmin-SCI Systems Thailand

  36. รายละเอียดเชิงเทคนิค Sanmin-SCI Systems Thailand

  37. หาความสัมพันธ์ในเชิงเทคนิคในลักษณะของ Direction of improvement • ในอนาคตควรพัฒนา ให้มีขนาดหลายขนาดมากขึ้น มีหลายสีมากขึ้น เป็นต้นก็จะแสดงด้วยลูกศรชี้ขึ้น สิ่งใดที่ควรพัฒนาให้ลดลงก็จะใช้ ลูกศรชี้ลงส่วนข้อใดที่พอใจแล้วให้เว้นว่างไว้ Sanmin-SCI Systems Thailand

  38. ตัวบ้าน • ตัวบ้านแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างความต้องการของ ลูกค้า กับ รายละเอียดเชิงเทคนิค Sanmin-SCI Systems Thailand

  39. กำหนดคะแนน • กำหนดคะแนน และ สัญลักษณ์ เช่น • แดง = 9 คะแนน • ฟ้า = 3 คะแนน • เขียว = 1 คะแนน Sanmin-SCI Systems Thailand

  40. ทีมให้คะแนน • ดูความสัมพันธ์กันระหว่างสิ่งที่ลูกค้าต้องการกับเทคนิคที่นำมาใช้ เช่น น้ำหนักเบากับความแข็ง จะมีความสัมพันธ์กันมาก ตัวอย่างได้แก่ เพื่อให้น้ำหนักเบา ถ้าเราเลือกใช้อลูมิเนียม มันก็จะไม่แข็ง ถ้าเปลี่ยนมาใช้เหล็กมันแข็งจริง แต่น้ำหนักจะมาก ดังนั้น อาจเลือกใช้ไททาเนียม เพื่อแก้ปัญหานี้ Sanmin-SCI Systems Thailand

  41. ใส่ลงไปในตาราง Sanmin-SCI Systems Thailand

  42. หลังคาบ้าน • ในส่วนของหลังคาบ้าน เราจะดูความสัมพันธ์กัน หรือ ไม่สัมพันธ์กันของ เทคนิคที่ เรานำมาใช้ Sanmin-SCI Systems Thailand

  43. ต่อไปดูว่า เทคนิคอันใดเสริมกัน/ขัดกัน • ความเหนียวของผ้า (Webbing strength) จะสัมพันธ์กับกับมาตรฐาน (Meet standard) Sanmin-SCI Systems Thailand

  44. กรอกลงไปในตารางเช่นเดียวกันกรอกลงไปในตารางเช่นเดียวกัน Sanmin-SCI Systems Thailand

  45. พื้นบ้าน • พื้นบ้าน เราจะใช้ให้คะแนน ทางด้านเชิงเทคนิค และ ทำการ เปรียบเทียบเทคนิคของเรากับ คู่แข่ง Sanmin-SCI Systems Thailand

  46. ต่อไปก็เป็นการให้คะแนนในเชิงเทคนิคต่อไปก็เป็นการให้คะแนนในเชิงเทคนิค เริ่มจาก Technical Priority ใช้ 36.6 = (1x3.0)+(3x11.2)+(0) Sanmin-SCI Systems Thailand

  47. ต่อไปทำการเปรียบเทียบเชิงเทคนิคกับคู่แข่งต่อไปทำการเปรียบเทียบเชิงเทคนิคกับคู่แข่ง ถ้าทำตามที่ตั้งไว้นี้ แพ้เขาตั้งแต่ยังไม่ผลิตเลย ถ้าอยากชนะต้องแก้ไข Sanmin-SCI Systems Thailand

  48. สรุปว่า เป้าหมายเป็นอย่างไร ? หลังจากปรับ Spec. พอสู้เขาได้ Sanmin-SCI Systems Thailand

  49. ซ้ำอีกที เพื่อความเข้าใจ Sanmin-SCI Systems Thailand

  50. ทำไปจาก Stage 1 … 2 … 3….4 Sanmin-SCI Systems Thailand

More Related