1 / 58

4132101 พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ 3(2-2) Information Technology Fundamentals

4132101 พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ 3(2-2) Information Technology Fundamentals. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Internet. อินเทอร์เน็ต ( Internet ). อินเทอร์เน็ต ( Internet ) มาจากคำว่า Inter Connection Network หมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน

nadda
Download Presentation

4132101 พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ 3(2-2) Information Technology Fundamentals

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. 4132101 พื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศ 3(2-2)Information Technology Fundamentals

  2. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ Internet

  3. อินเทอร์เน็ต (Internet) อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter Connection Network หมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ระบบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกัน ลักษณะของระบบอินเทอร์เน็ต เป็นเสมือนใยแมงมุม ที่ครอบคลุมทั่วโลก ในแต่ละจุดที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตนั้น สามารถสื่อสารกันได้หลายเส้นทาง โดยไม่กำหนดตายตัว และไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางโดยตรง อาจจะผ่านจุดอื่น ๆ หรือ เลือกไปเส้นทางอื่นได้หลาย ๆ เส้นทาง

  4. เราเชื่อมต่อกับ Internet ได้อย่างไร เครือข่าย Internet ทั่วโลก เชื่อมต่อกันโดยผ่านหน่วยงานที่เรียกว่า “ISP” : Internet Service Provider หรือ “ผู้ให้บริการ Internet” • ISP เป็นเจ้าของและผู้ดูแลระบบคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับ Internet • ISP อาจจะเป็นบริษัทหรือหน่วยงานใด ๆ ก็ได้ ซึ่งเปิดบริการให้ผู้ใช้ทั่วไปเชื่อมต่อเครื่องคอม ฯกับเครือข่ายของตน เพื่อต่อกับ Internet อีกทอดหนึ่ง โดยเก็บค่าบริการเป็นทอด ๆ

  5. เราเชื่อมต่อกับ Internet ได้อย่างไร เช่น • บริษัท เอเชียอินโฟเน็ตwww.asianet.co.th • บริษัท เอ- เน็ท www.a-net.net.th • บริษัท อินเตอร์เน็ทประเทศไทย www.inet.co.th • บริษัท ซีเอสคอมมูนิเคชั่นwww.cscoms.co.th • บริษัท เคเอสซีคอมเมอร์เชียลอินเตอร์เน็ต www.ksc.co.th • บริษัท จัสมินอินเตอร์เน็ต www.jinet.co.th • บริษัท ซีเอสล็อกซอินโฟwww.csloxinfo.com

  6. เราเชื่อมต่อกับ Internet ได้อย่างไร Internetsการเชื่อมต่อกับ Internets ทำได้หลายวิธี: แต่มี 2 วิธีที่นิยมคือ • การเชื่อมต่อโดยตรง (Direct Connection)เหมาะกับเครื่องที่เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายย่อยอยู่แล้ว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ ในมหาวิทยาลัย ในองค์กร • การเชื่อมต่อผ่านผู้ให้บริการ Internets(ISP)เหมาะกับเครื่องที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย เช่น เครื่องคอมฯ ที่บ้าน หรือในระบบธุรกิจเล็กๆ

  7. เราเชื่อมต่อกับ Internet ได้อย่างไร • การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง (direct internet access) • การเชื่อมต่อผ่านผู้ให้บริการ Internets (ISP), การเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์และโมเด็ม (dial - up access)

  8. 1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง (direct internet access) การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ผู้ใช้จะต้องมีคอมพิวเตอร์เครือข่ายที่เชื่อมต่อกับโครงข่ายหลักหรือแบ็กโบน (backbone) โดยต้องมีอุปกรณ์ ที่ทำหน้าที่เป็น gatewayในการเชื่อมต่อ สถาบันการศึกษาที่อนุญาตให้หน่วยงานอื่นใช้เครือข่ายร่วมกัน หรือผู้ที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรง เป็นการเชื่อมต่อแบบตลอดเวลา จะเสียค่าใช้จ่ายในการติดตั้งค่อนข้างสูง แต่ข้อดีก็คือการรับ - ส่งข้อมูล จะสามารถทำได้โดยตรงทำให้รับ - ส่งข้อมูลได้เร็วและมีความน่าเชื่อถือ

  9. 2. การเชื่อมต่อผ่านโทรศัพท์และโมเด็ม (dial - up access) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตประเภทนี้จะใช้สายโทรศัพท์ ที่ใช้กันตามบ้านหรือที่ทำงานทั่วไป โดยจะให้เครื่องคอมพิวเตอร์ติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ เครือข่ายโดยใช้อุปกรณ์แปลงสัญญาณที่เรียกว่า โมเด็ม เมื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครือข่ายที่ให้บริการ เช่น ISP แล้ว คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็สามารถใช้บริการอินเทอร์เน็ตเสมือนกับการต่อเชื่อมโดยตรงข้อดีของการเชื่อมต่อประเภทนี้คือ ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าการเชื่อมต่อโดยตรง เนื่องมาจากมีการเฉลี่ยค่าใช้จ่ายในการเช่า คู่สายโทรศัพท์ไป ยังต่างประเทศ

  10. การเชื่อมต่อผ่าน Modem • การต่อคอมฯของเราเข้ากับเครือข่ายของ ISP ทั่วไปนิยมทำผ่านสายโทรศัพท์กับอุปกรณ์ที่เรียกว่า Modem (จะแปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์) • และมีModem อีกตัวคอยแปลงสัญญาณกลับทางฝั่ง ISP เช่นกัน (จะแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์)

  11. อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ISDN , ADSL • การเชื่อมต่อ Internet ส่วนมากจะใช้ Modem แบบที่ต้องหมุนโทรศัพท์ (Dial-up) • แต่ถ้าต้องการความเร็วสูงกว่านั้นจะต้องใช้ เทคโนโลยีใหม่ คือการรับส่งข้อมูลที่ความถี่สูง “บรอดแบนด์” Broadband เช่น • การเชื่อมต่อด้วยระบบ ISDN (intergrated Services Digital network) • เคเบิลโมเด็ม (Cable Modem) • ADSL (Asymmetric Digital Subscriber Loop) • Internet ผ่านดาวเทียม (Satellite)

  12. รู้จักคำศัพท์ และความหมายต่าง ๆ • Protocol • TCP/IP • IP Address • Domain name system :DNS • World Wide Web(WWW) • โปรแกรม Web Browser

  13. โปรโตคอล(Protocol) คืออะไร เป็นกลุ่มของกฎหรือกติกาที่มีการบัญญัติขึ้นสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างตัวส่งและตัวรับ เพื่อให้ตัวส่งและตัวรับใช้กติกานี้ ร่วมกัน ทำให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างถูกต้องและมีระเบียบตัวอย่างของโปรโตคอลTCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)FTP (File Transfer Protocol)HTTP (Hypertext Transfer Protocol)

  14. Hypertext Transfer Protocol (HTTP) เป็นกลุ่มของกฎสำหรับการแลกเปลี่ยนไฟล์ (เช่น ข้อความ ภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และไฟล์มัลติมีเดียต่าง ๆ) บน World Wide Web ที่สัมผัสกับชุดโปรโตคอลแบบ TCP/IP (ซึ่งทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสารสนเทศบนอินเตอร์เน็ต)

  15. TCP/IP และ IP Address เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะใช้มาตรฐานของการสื่อสารแบบเดียวกัน เรียกว่าTCP/IPหรือ Transmission Control Protocol/Internet Protocolและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะต้องมี หมายเลขประจำตัวของเครื่องนั้น หรือที่เรียกว่า IP address ที่ประกอบด้วยเลขฐานสอง 4 ชุด ชุดละ 8 บิต ดังนั้น เลขหมายของ IP address จึงมีขนาด 32 บิต ต่อมาเพื่อความสะดวกในการใช้งานได้มีการแปลง IP address ที่อยู่ในระบบตัวเลขฐานสองเป็นระบบเลขฐานสิบ 4 ชุดเช่นเดิม IP Address ของแต่ละเครื่องต้องไม่ซ้ำกัน

  16. IP Address • หมายเลขเครื่อง (IP Address) เป็นเลขฐาน 2 (Binary) 32 bits ซึ่งจํายาก • จึงแบ่งเป็น 4 ส่วน ๆ ละ 8 bits(คั่นด้วย .) • โดยแต่ละส่วนมีค่าได้ ตั้งแต่ 000000002–111111112 (หรือ 0 –255) • รูปแบบ IP Address คือ xxx.xxx.xxx.xxx • ตัวอย่างเช่น 205.42.117.104

  17. โดเมนเนม  (Domain name system :DNS) สืบเนื่องจากเลขหมาย IP address มีจำนวนมากขึ้น ทำให้ไม่สะดวกต่อการจำเลขหมาย ดังนั้น จึงได้มีการกำหนดชื่อที่เป็น ตัวอักษรเพื่อใช้แทนหมายเลข IP address โดยเรียกชื่อที่ใช้แทนว่า “โดเมนเนม (Domain Name)” ดังนั้นโดเมนเนม ก็คือชื่อที่เป็นตัวอักษรของเลขหมาย IP address ของเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง

  18. DNS(Domain Name System) คืออะไร เป็นเทคนิคการเปลี่ยนหมายเลข IP ที่เป็นตัวเลขให้เป็นตัวอักษรแทน เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ตัวอย่างของ DNS เช่น DNS -- > IP Addresskku1.kku.ac.th -------> 202.12.97.1

  19. DNS  IP Address http://cqcounter.com/whois/

  20. รูปแบบของ DNS มีดังต่อไปนี้ ชื่อโฮสต์ (Host)คอมพิวเตอร์.ชื่อเครือข่ายท้องถิ่น[.ชื่อโดเมนย่อย.].ชื่อโดเมนระดับบน ชื่อโดเมนระดับบน จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ 1 . ชื่อโดเมนที่เป็นชื่อย่อของประเภทขององค์กรในสหรัฐอเมริกา 2. ชื่อโดเมน ระดับบนของประเทศอื่นๆ (ที่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา)

  21. 1.รูปแบบของ DNS ที่เป็นชื่อย่อของประเภทขององค์กรในสหรัฐอเมริกา • ชื่อโดเมนที่เป็นชื่อย่อของประเภทขององค์กรในสหรัฐอเมริกา โดเมนที่ได้รับความนิยมกันทั่วโลก ที่ถือว่าเป็นโดเมนสากล มีดังนี้ คือ .com commercial กลุ่มองค์กรเอกชน.edu educational กลุ่มสถาบันการศึกษา.gov governmental กลุ่มองค์กรของรัฐทั่วไป.mil military กลุ่มองค์กรทหาร.net network services สำหรับหน่วยงานที่มีเครือข่าย ของ  ตนเองและทำธุรกิจ .org non-commercial organization กลุ่มองค์กรไม่แสวงหากำไร เช่น biz.zd.com fbi.gov

  22. 2.ชื่อโดเมน ระดับบนของประเทศอื่นๆ (ที่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา) 2. ชื่อโดเมนระดับบนที่เป็นชื่อย่อของประเทศต่างๆ เช่น .au ออสเตรเลีย .jp ญี่ปุ่น .ca แคนาดา .th ไทย .fr ฝรั่งเศส .uk อังกฤษ จะมีโดเมนย่อย (Sub domain) ที่แสดงถึงประเภทขององค์กรในประเทศนั้นๆ เช่น .ac สถาบันการศึกษา .go องค์กรรัฐบาล .co องค์กรเอกชน .or องค์กรไม่แสวงหากำไรเช่น reru.ac.th

  23. ตัวอย่าง : Domain Name Webhost.provision.co.th ict.reru.ac.th ประเภทองค์กร ชื่อคอมพิวเตอร์,ชื่อ host จดทะเบียนในประเทศไทย ชื่อองค์กร

  24. World Wide Web(WWW) เมื่อ Internet ถูกนำมาใช้และพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ ในปี พ.ศ. 2532 นายทิม เบอร์เนอร์สลี (Tim Berners-Lee) เสนอแนวความคิดที่จะนำเอา Internet มาใช้เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างนักวิชาการจากทุกที่ทั่วโลก จากแนวความคิดนี้ทำให้มีการพัฒนา Internet จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า World Wide Web (WWW) ที่หมายถึงโลกเครือข่ายข้อมูล ที่มีลักษณะคล้ายใยแมงมุม ซึ่งมีจุดเชื่อมต่อได้ไม่จำกัด และทำให้เกิดแหล่งข้อมูลเป็นจำนวนไม่จำกัดด้วย

  25. World Wide Web(WWW) • เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web, WWW, W3 ; หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "เว็บ") คือพื้นที่ที่เก็บข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันทาง Internet โดยการกำหนด URL คำว่าเวิลด์ไวด์เว็บมักจะใช้สับสนกับคำว่า อินเทอร์เน็ต โดยจริงๆแล้วเวิลด์ไวด์เว็บเป็นเพียงแค่บริการหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต

  26. World Wide Web(WWW) • เวิลด์ไวด์เว็บ นิยมเรียกสั้นๆ ว่าเว็บ หรือ WWWถือเป็นส่วนที่น่าสนใจที่สุดบนอินเทอร์เน็ตเพราะ สามารถแสดงสารสนเทศต่างๆ ได้หลากหลาย เช่น นิตยสารหรือหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ข้อมูลด้านดนตรีกีฬา การศึกษา • ซึ่งสามารถนำเสนอได้ทั้งภาพ เสียง รวมถึงภาพเคลื่อนไหว เช่น แฟ้มภาพวีดิทัศน์หรือตัวอย่าง ภาพยนตร์ และการสืบค้นสารสนเทศในเวิลด์ไวด์เว็บนั้นจำเป็นต้องอาศัยโปรแกรมค้นดูเว็บ (web browser)ในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล โดยที่เว็บกับโปรแกรมค้นผ่านจะทำหน้าที่รวบรวมและกระจายเอกสารที่เครือข่ายที่ทำไว้

  27. ส่วนประกอบของ WWW • แหล่งข้อมูลหรือเว็บไซต์(Web Site) • โปรแกรมเว็บบราวเซอร์(Web Browser)

  28. แหล่งข้อมูลหรือเว็บไซต์(Web Site) • เว็บไซต์ (Web site)หรือ เว็บเซิรฟ์เวอร์ (Web server )เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่เป็นแหล่งเก็บ เว็บเพจ web page

  29. โปรแกรมเว็บบราวเซอร์(Web Browser) • เว็บบราวเซอร์ หรือเว็บไคลเอ็นต์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการเข้าสู่ WWWเพื่อเปิดดูเว็บเพจในเว็บไซต์

  30. โปรแกรม Web Browser, เว็บบราวเซอร์ • เว็บบราวเซอร์ (web browser)บราวเซอร์ หรือ โปรแกรมค้นดูเว็บคือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษา HTML ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ • โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) • เว็บบราว์เซอร์ตัวแรกของโลกชื่อ เวิลด์ไวด์เว็บ [1] ขณะเดียวกัน เว็บบราว์เซอร์ที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันคือ อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์

  31. โปรแกรม Web Browser, เว็บบราวเซอร์ เป็นโปรแกรมสำหรับแปลง Tags ที่กำหนดในเว็บเพจ HTML ให้กลายเป็นตัวอักษร/ภาพ/เสียง • NCSA Mosaic • Netscape Navigator • Microsoft Internet Explorer • Opera • Mozilla Firefox เป็นต้น

  32. ศัพท์เฉพาะ และเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการใช้ Internet • Website ,Homepage ,Webpage ,Hyperlink • IP Address • Domain Name System หรือ DNS • URL (Uniform Resource Location)

  33. Website ,Homepage ,Webpage

  34. Website ,Homepage ,Webpage , โฮมเพจ(Homepage) คือ หน้าแรกของเว็บไซต์เมื่อเรียกเว็บนั้นๆขึ้นมาแล้วเจอเป็นหน้าแรก ถ้าเปรียบกับหนังสือก็คือ หน้าสารบัญ. เว็บเพจ (Web Page) คือ เนื้อหาของเว็บไซต์ทุกๆหน้า หรือหน้าใดๆได้ทุกหน้าจะเป็นหน้าที่เราเรียกเฉพาะเจาะจงเข้าไป จะเป็นหน้า general หรือหน้าใดก็ได้ ถ้าเป็นหนังสือก็คือ หน้าต่างๆที่เราเปิดไปเพื่อที่จะอ่าน เว็บไซต์ (Web site) คือ ทั้งหมด และทุกๆส่วนของเว็บนั้นๆเลยครับ ถ้าเป็นหนังสือ ก็คือหนังสือทั้งเล่ม

  35. Hypertext, Hyperlink

  36. Hypertext, Hyperlink Hyperlink เป็นจุดเชื่อมโยงบน Webpage ที่จะส่งให้ผู้ใช้ไปยัง Webpage หน้าอื่น หรือไปที่ทรัพยากรอื่น กล่าวคือ สิ่งที่เราเรียกกันย่อๆ ว่า "ลิงค์" ซึ่งในบราวเซอร์อาจเป็นข้อความ มีขีดเส้นใต้ ปุ่มกดหรือบางส่วนของรูปภาพ ที่สามารถคลิกเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงไปยัง Webpage อื่นหรือโปรแกรมที่ทำงานใน Webpage เหล่านั้น

  37. URL (Uniform Resource Locator) • URL (ยูอาร์แอล) ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator หมายถึง ตัวบ่ง บอกข้อมูล หรือ ที่อยู่ (Address) ของไฟล์หรือเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต เช่น  URL ของกูเกิลประเทศไทย  คือ http://www.google.co.th • เป็นที่อยู่ของ Website ที่ผู้ใช้บริการจะเข้าไปเรียกดูข้อมูลชื่อโดเมน(DNS) ยังสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของ URLได้รูปแบบมีดังต่อไปนี้โปรโตคอล://ชื่อโดเมน/ชื่อไดเรกทอรี่ที่เก็บไฟล์ในโฮสต์/ชื่อไฟล์ในโฮสต์

  38. URL (Uniform Resource Locator) URL ย่อมาจาก Universal Resource Locator คือ ที่อยู่ของ เว็ปไซด์, ที่อยู่ของรูป, ที่อยู่ของเพลง บนอินเตอร์เน็ต .. ตัวอย่างของ URL เช่น (ที่อยู่ของเว็บไซด์)  http://www.clubvolk.pantown.com  (ที่อยู่ของรูป) http://i10.tinypic.com/35by3iq.jpg(ที่อยู่ของเพลง) http://streaming.gmember.com/wmv/01607801.wmv http://www.reru.ac.th/index.asp ftp://computer.reru.ac.th/

  39. E-mail Address คืออะไร เป็นที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือที่อยู่อีเมล์ เพื่อให้ผู้ใช้งานในอินเตอร์เน็ตสามารถรับส่งจดหมายผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้รูปแบบมีดังต่อไปนี้ชื่อผู้ใช้@ชื่อโฮสต์.ชื่อเครือข่ายท้องถิ่น[.ชื่อโดเมนย่อย.].ชื่อโดเมนระดับบนตัวอย่างเช่น potjaluck@yahoo.com ตัวอย่างโปรแกรม E-mail ที่มีบริการอยู่ในอินเตอร์เน็ตMicrosoft OutlookNetscape Mail หรือ Netscape MessengerEudora YahooHot mail ฯลฯ

  40. E-mail ตัวอย่าง E-mail server เช่น E-mail Server ของมหาลัย reru.ac.th E-mail Server ของ hotmail.com

  41. การโอนถ่ายข้อมูลหรือ เอฟทีพี (FTP)

  42. ความหมายของ FTP การโอนถ่ายข้อมูลหรือเอฟทีพี (File Transfer Protocol - FTP) เป็นบริการหนึ่งของ อินเทอร์เน็ตหมายถึง การดึงไฟล์จากคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา โดยที่เราสามารถคัดลอก ถ่ายโอนข้อมูล รูปภาพ เสียง วิดีโอและโปรแกรมต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ตได้

  43. FTP FTP นี้เป็นวิธีการหลักในการส่งไฟล์ผ่านอินเทอร์เน็ตซึ่งมีคำที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 ลักษณะคือ • การดาวน์โหลด (Download) หมายถึง การดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งเป็นต้นทางมาเก็บไว้ยังเครื่องของเรา โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ • การอัพโหลด (Upload) หมายถึง การนำข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่ไปเก็บไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องที่ปลายทาง โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์เรียกได้ว่าตรงกันข้ามกับดาวน์โหลด

  44. ประเภทของโปรแกรมที่ให้บริการในอินเทอร์เน็ตประเภทของโปรแกรมที่ให้บริการในอินเทอร์เน็ต โดยทั่วไปโปรแกรมหรือไฟล์ที่เก็บอยู่ใน Host (เครื่องให้บริการ) มีหลายประเภทหากแบ่งตามลักษณะของการถ่ายโอนข้อมูล จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ • ฟรีแวร์ (Freeware) • แชร์แวร์(Shareware) • คอมเมอร์เชียลแวร์(Commercial ware)

  45. Freeware หมายถึงโปรแกรมที่มีผู้สร้างขึ้นเพื่อแจกจ่ายให้แก่สาธารณชนใช้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมฟรีแวร์ไปใช้เองและถ่ายโอนให้ผู้อื่นต่อไปได้ โดยมีข้อแม้ว่าจะต้องไม่นำไปขายหรือหารายได้จากโปรแกรมนั้น เช่น โปรแกรม Linux เป็นต้น

  46. Shareware หมายถึง โปรแกรมที่มีผู้สร้างขึ้นเพื่อตั้งใจจะจำหน่าย แต่ยอมให้ผู้สนใจนำไปทดลองใช้ก่อนโดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ แต่ถ้าหากพอใจและต้องการใช้งานอย่างจริงจัง จะต้องจ่ายเงินซื้อโปรแกรมดังกล่าวจึงจะได้โปรแกรมฉบับสมบูรณ์

  47. Commercial ware หมายถึง โปรแกรมที่สร้างขึ้นมาเพื่อจำหน่วย ไม่มีการแจกฟรี ผู้ใช้อาจจะได้ดูตัวอย่างบ้างแต่ไม่สามารถนำไปใช้งานได้ ถ้าหากต้องการจะต้องซื้อจึงจะดาวน์โหลดโปรแกรมมาใช้งานได้

  48. โปรแกรมดาวน์โหลด-อัฟโหลดข้อมูลที่น่าสนใจ (ตัวอย่าง) โปรแกรม Get Right มีคุณสมบัติที่เด่น เช่นดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว กรณีที่สายโทรศัพท์หลุดในระหว่างดาวน์โหลด โปรแกรมจะช่วยต่อโทรศัพท์อัตโนมัติ เมื่อดาวน์โหลดโปรแกรมเสร็จจะวางหูโทรศัพท์ให้ นอกจากนั้นช่วยปิดโทรศัพท์ให้เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ และตั้งเวลาในการดาวน์โหลดไฟล์อัตโนมัติให้อีกด้วย

  49. โปรแกรมดาวน์โหลด-อัฟโหลดข้อมูลที่น่าสนใจโปรแกรมดาวน์โหลด-อัฟโหลดข้อมูลที่น่าสนใจ • โปรแกรม Teleport Pro สามารถดาวน์โหลดเว็บไซต์ทั้งเว็บไวต์แล้วนำมาเปิดดูได้ภายหลัง • โปรแกรม Go!Zilla ดาวน์โหลดได้เร็ว ป้องกันสายหลุด ดาวน์โหลดได้หลายๆ ไฟล์พร้อมกัน และที่สำคัญโปรแกรมนี้ใช้งานได้ฟรี • โปรแกรม WS-FTP (UL/DL ได้) • โปรแกรม CuteFTP (UL/DL ได้)

  50. บริการบน Internet • บริการข้อมูลข่าวสารเพื่อการสืบค้น ผ่านโปรแกรมสืบค้นข้อมูล(Search Engine) ที่เรียกว่า Browser • บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) • บริการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) • บริการถ่ายโอนข้อมูล (File Transfer) • ห้องสนทนา (Chat Room)

More Related