580 likes | 948 Views
บทที่ 5. การกำหนดนโยบาย การนำนโยบายไปปฏิบัติ และการประเมินผลนโยบาย. หัวข้อ. 1. การกำหนดนโยบาย - การระบุปัญหา - การพัฒนาทางเลือก - การเสนอทางเลือก 2. การนำนโยบายไปปฏิบัติ - ความหมายและลักษณะการนำนโยบายไปปฏิบัติ - ความสัมพันธ์ระหว่างการนำนโยบายไปปฏิบัติและขั้นตอนอื่นในกระบวนการนโยบาย
E N D
บทที่ 5 การกำหนดนโยบาย การนำนโยบายไปปฏิบัติ และการประเมินผลนโยบาย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หัวข้อ • 1. การกำหนดนโยบาย -การระบุปัญหา -การพัฒนาทางเลือก -การเสนอทางเลือก • 2.การนำนโยบายไปปฏิบัติ -ความหมายและลักษณะการนำนโยบายไปปฏิบัติ -ความสัมพันธ์ระหว่างการนำนโยบายไปปฏิบัติและขั้นตอนอื่นในกระบวนการนโยบาย -ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ • 3.การประเมินผลนโยบาย -ความหมายและลักษณะของการประเมินผลนโยบาย -ประเภทของการประเมินผลนโยบาย -วิธีการประเมินผลนโยบาย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การกำหนดนโยบาย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1. การระบุปัญหา - • จะต้องระบุให้ถูกต้องว่า อะไรคือ “อาการของปัญหาหรือตัวปัญหา” อะไรคือ “สาเหตุของปัญหา” เพราะจะทำให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างถูกต้อง • ให้นักศึกษายกตัวอย่างปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม และสาเหตุปัญหามา สัก 3 ปัญหา อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- ลักษณะของปัญหานโยบาย • ลักษณะของปัญหานโยบาย โดยทั่วไป -ปัญหานโยบายเป็นปัญหาที่มีความสัมพันธ์กับปัญหาอื่น (interdependence) -ปัญหานโยบายเป็นปัญหาที่มีความสัมพันธ์กับตัวผู้กำหนดนโยบาย (subjectivity) -ปัญหานโยบายเป็นเรื่องของการสร้างสรรค์และคิดคำนึง (artificiality) -ปัญหานโยบายเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์และเวลา (dynamism) • ลักษณะของปัญหานโยบาย ตามความยากง่ายในการแก้ไขปัญหา -ปัญหาที่มีโครงสร้างดีเยี่ยม (well-structured problem) -ปัญหาที่มีโครงสร้างดีปานกลาง (moderately-structured problem) -ปัญหาที่มีโรงสร้างไม่ชัดเจน (ill-structured problem) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- • ลักษณะของปัญหานโยบาย ตามความยากง่ายในการแก้ไขปัญหา อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- วิธีการระบุประเด็นปัญหา 5 แนวทาง • ความคิดสร้างสรรค์เป็นญาณ (intuition) • ความคิดสร้างสรรค์เป็นการสังเคราะห์ (synthesis) • ความคิดสร้างสรรค์เป็นจินตนาการ (imagination) • ความคิดสร้างสรรค์เป็นการเปลี่ยนความสนใจ (attention) • ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากความขัดแย้ง (conflict) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- เทคนิควิธีการระบุประเด็นปัญหานโยบาย • วิธีการวิเคราะห์แยกประเภท (classification analysis) >ประเภทต่างๆที่แยกควรสอดคล้องกับเนื้อหาหรือเรื่องที่พิจารณา >การแยกประเด็นต้องให้ได้ประเภทต่างๆที่ครอบคลุมปัญหาทั้งหมด >ประเภทต่างๆที่แยกควรให้เป็นกลุ่มที่ชัดเจนเด็ดขาดจากกันไม่คาบเกี่ยวกัน >หลักเกณฑ์การแยกประเภทควรเป็นอย่างเดียวกันตลอดทุกกลุ่ม >การแยกกลุ่มควรให้กลุ่มต่างๆมีความแตกต่างกันอย่างเป็นระบบหรือมีลำดับขั้นที่เห็นได้เด่นชัด อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- เทคนิควิธีการระบุประเด็นปัญหานโยบาย(ต่อ) • วิธีการสร้างภาพเหมือนหรือสถานการณ์จำลอง (synectics) >การสร้างภาพเหมือนส่วนตัวโดยสมมุติตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ >การสร้างภาพเหมือนโดยตรงโดยใช้สถานการณ์จริงที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบ >การสร้างภาพเหมือนจากสัญลักษณ์ที่เห็นได้เด่นชัดมาพิจารณาสถานการณ์ >การสร้างภาพเหมือนโดยการจินตนาการขึ้นมาเอง อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2. การพัฒนาทางเลือก 3 วิธี - • การประเมินความเป็นไปได้ (feasibility assessment techniques) • การประเมินโดยใช้โปรแกรมเส้นตรง (linear programming) • การวิเคราะห์ต้นทุน-ผลประโยชน์ (cost-benefit analysis) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การประเมินความเป็นไปได้ (feasibility assessment techniques) - • จุดยืนในประเด็นนโยบาย +1 คือ การสนับสนุน 0 คือ การวางตัวเป็นกลาง -1 คือ การคัดค้าน • ทรัพยากรที่มีอยู่ 0 คือ ไม่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เพื่อผลักดันทางเลือกนโยบาย 1 คือ นำทรัพยากรทีมีอยู่ทั้งหมดมาเพื่อผลักดันทางเลือกนโยบาย • ลำดับความสำคัญมากน้อยของทรัพยากรที่มีอยู่ของแต่ละกลุ่ม ดัชนี แสดง อำนาจหรืออิทธิพลที่แต่ละกลุ่มมีอยู่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่พิจารณา อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ตัวอย่างการพิจารณาทางเลือกการดำเนินนโยบายการคลังตัวอย่างการพิจารณาทางเลือกการดำเนินนโยบายการคลัง - • ทางเลือกที่ 1 การเพิ่มภาษี • ทางเลือกที่ 2 การตัดงบประมาณ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทางเลือกที่ 1 การเพิ่มภาษี อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ดัชนีแสดงค่าความเป็นไปได้ = = =-0.13 อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ทางเลือกที่ 2 การตัดงบประมาณ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ดัชนีแสดงค่าความเป็นไปได้ = = =0.11 อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3. การเสนอทางเลือก - • ประสิทธิผล >> ความสามารถในการบรรลุวัตถุประสงค์ • ประสิทธิภาพ>> ความสามารถในการผลผลิตผลผลิตและบริการ ดูปริมาณผลผลิต และต้นทุนการผลิต • ความพอเพียง >> ความสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่ วัดจากทรัพยากรที่ใช้คืองบประมาณ • ความเป็นธรรม >> การกระจายตัวของผลการดำเนินการ • ความสามารถในการตอบสนอง >> ตอบสนองกลุ่มต่างๆ • ความเหมาะสม >> การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายนโยบาย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การนำนโยบายไปปฏิบัติ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หัวข้อ • 1. ความหมายของการนำนโยบายไปปฏิบัติ • 2.ลักษณะของการนำนโยบายไปปฏิบัติ • 3.ความสัมพันธ์ระหว่างการนำนโยบายไปปฏิบัติและขั้นตอนอื่นในกระบวนการนโยบาย • 4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1. ความหมายของการนำนโยบายไปปฏิบัติ • การนำนโยบายไปปฏิบัติ เป็นการดำเนินการให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายของนโยบาย โดยมีความหมายว่า ก่อนนำนโยบายไปปฏิบัติต้องมีตัวตนนโยบายก่อนและต้องมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์กำหนดไว้ด้วย นั่นคือ การนโยบายไปปฏิบัติเป็นขั้นตอนหนึ่งในกระบวนการนโยบาย โดยขั้นตอนที่สืบเนื่องมาจากการกำหนดนโยบาย โดยการนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นกระบวนการ นั่นคือ มีความต่อเนื่องไม่หยุดนิ่งมีขั้นตอนในการดำเนินกิจกรรมไม่ใช่กิจกรรมที่เกิดขึ้นชั่วคราวแล้วยุติไป มิใช่กิจกรรมที่ทำบ้างไม่ทำบ้าง แต่เป็นกิจกรรมที่ทำอย่างต่อเนื่อง แต่ละขั้นตอนมีความสัมพันธ์กันตลอดเวลา อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2.ลักษณะของการนำนโยบายไปปฏิบัติ2.ลักษณะของการนำนโยบายไปปฏิบัติ • การนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นกระบวนการที่มีผู้เกี่ยวข้องสำคัญๆมากมาย >>ประชาชน เอกชน หน่วยงานราชการ ที่มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม • ผู้เกี่ยวข้องกับการนำนโยบายไปปฏิบัติ มักมีวัตถุประสงค์หลากหลายและมักต่างกัน >>แตกต่างกันตามความต้องการตนเอง หน่วยงาน และสังคม การตอบสนองวัตถุประสงค์องค์กร วัตถุประสงค์ของนโยบายรัฐบาล ดังนั้นจึงมีทั้งสอดคล้องและขัดแย้งกัน • การนำนโยบายไปปฏิบัติ มักมีการขยายขอบเขตของนโยบายในเวลาต่อมาอันเนื่องมาจากภารกิจเพิ่มขึ้น>>เช่นภายหลังการนำนโยบายไปปฏิบัติพบว่าพบว่าประเด็นปัญหาได้ขยายตัวขึ้นจำเป็นต้องขยายขอบเขตนโยบายออกไป นอกจากนี้อาจขยายเพิ่มจากการที่ผลการปฏิบัติประสบความสำเร็จก็ได้ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2.ลักษณะของการนำนโยบายไปปฏิบัติ(ต่อ)2.ลักษณะของการนำนโยบายไปปฏิบัติ(ต่อ) • การนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นกระบวนการของความสำพันธ์ระหว่างหน่วยงานจากหลายกระทรวงในหลายระดับ>>ดังนั้นจึงต้องมีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่ดีมีประสิทธิภาพ • การนำนโยบายไปปฏิบัติอาจประสบกับปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานพบกับความยุ่งยาก>>ทั้งปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี ภัยธรรมชาติ เป็นต้น อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3.ความสัมพันธ์ระหว่างการนำนโยบายไปปฏิบัติและขั้นตอนอื่นในกระบวนการนโยบาย3.ความสัมพันธ์ระหว่างการนำนโยบายไปปฏิบัติและขั้นตอนอื่นในกระบวนการนโยบาย การกำหนดนโยบาย-การระบุประเด็นปัญหา-การพัฒนาทางเลือก-การเสนอทางเลือก การนำนโยบายไปปฏิบัติ -การแปลความกฎหมาย/นโยบายรูปแบบอื่น-การรวบรวมทรัพยากร-การวางแผน-การจัดองค์กร-การดำเนินการ การประเมินผลนโยบาย-ปรับเปลี่ยน/ยกเลิกนโยบาย ผลการดำเนินการระยะสั้น ผลการดำเนินการระยะยาว โครงการ/แผนปฏิบัติการ กฎหมาย/นโยบาย/แนวการดำเนินการ/ผลที่คาดหวัง อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ • 1.ลักษณะของนโยบาย>>การปฏิบัติตามนโยบายจะประสบความสำเร็จมากที่สุดเมื่อนโยบายนั้นเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆน้อยที่สุดและมีความเห็นพ้องต้องกันในวัตถุประสงค์ในระดับสูงระหว่างฝ่ายปฏิบัติและฝ่ายผู้กำหนดนโยบายหรือระหว่างฝ่ายประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในนโยบายกับฝ่ายรัฐผู้กำหนดนโยบาย สาธารณชนสามารถรับรู้และเปรียบเทียบได้ว่านโยบายที่กำหนดมีประโยชน์มากกว่านโยบายอื่น ความสอดคล้องกับค่านิยม ประสบการณ์ และความต้องการของผู้ที่จะรับผลกระทบจากนโยบาย มีความเป็นไปได้ในการทดลองปฏิบัติ มีข้อมูลย้อนกลับสะท้อนการสำเร็จหรือล้มเหลวจากการปฏิบัติ • 2.วัตถุประสงค์ของนโยบาย>> ต้องมีความชัดเจน สอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ง่ายแก่การเข้าใจของผู้ปฏิบัติ มีตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจน อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ(ต่อ)4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ(ต่อ) • 3.ความเป็นไปได้ทางการเมือง >>ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง ชนชั้นนำ สื่อมวลชน ประชาชนผู้ออกเสียง • 4.ความเป็นไปได้ทางเทคนิคหรือทฤษฎี >>โดยนโยบายจะต้องไม่ยุ่งยากในการเข้าใจและการปฏิบัติ หากจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติจากเดิมจะต้องมีความชัดเจนในขั้นตอนการปฏิบัติ มีการวางแผนที่ดีทั้งแผนหลักในการปฏิบัติและแผนสำรองเพื่อป้องกันความล้มเหลว มีการปรับใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับพื้นที่และงาน • 5.ความเพียงพอของทัพยากร >>ทั้งทางงบประมาณ บุคลากรที่มีคุณภาพ การบริการทางวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ(ต่อ)4.ปัจจัยกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ(ต่อ) • 6.ลักษณะของหน่วยงานที่นำนโยบายไปปฏิบัติ >>เป็นหน่วยงานที่มีอยู่แล้ว และสนับสนุนนโยบายทั้งงบประมาณและกำลังคน มีลำดับชั้นการบังคับบัญชาน้อย การสื่อสารมีประสิทธิภาพ ผู้นำมีภาวะความเป็นผู้นำ • 7. ทัศนคติของผู้นำนโยบายไปปฏิบัติ >>มีทัศนคติที่ดีสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของนโยบาย นโยบายต้องไม่ขัดแย้งกับการปฏิบัติงานเดิมๆค่านิยม ตลอดจนอำนาจ ผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของผู้ปฏิบัติ • 8. ความสัมพันธ์ระหว่างกลไกต่างๆที่นำนโยบายไปปฏิบัติ >> จำนวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มาก จำนวนจุดที่ตัดสินใจในการดำเนินงานไม่มาก มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่เดิมแล้ว และไม่มีการแทรกแซงจากหน่วยงานระดับบน อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
การประเมินผลนโยบาย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หัวข้อ • 1. ความหมายของการประเมินผลนโยบาย • 2.ลักษณะของการประเมินผลนโยบาย • 3.ประเภทขงการประเมินผลนโยบาย -การประเมินผลแบบเทียม (Psuedo evaluation) -การประเมินผลแบบเป็นทางการ (Formal evaluation) -การประเมินผลแบบพิจารณาความเหมาะสม (Decision theoretical evaluation) • 4.วิธีการประเมินผลนโยบาย -วิธีเดลฟี่เชิงนโยบาย (Policy Delphi)-การวิเคราะห์อนุกรมเวลาแบบเป็นช่วง (Interuped Time Series Analysis) -การเชิงถดถอยแบบไม่ต่อเนื่อง (Regresion-discontinuity Analysis) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
1. ความหมายของการประเมินผลนโยบาย คำที่ใช้เรียกการประเมินผลนโยบาย (Policy evaluation) • การประเมินผลระหว่างการดำเนินการ ( formative evalyation ) • การประเมินผลสรุปรวบยอด ( summativeevalyation ) • การประเมินผลย้อนหลัง ( retrospectiveevalyation ) • การประเมินผลล่วงหน้า( evaluabilityassessment ) • การประเมินความสามารถประเมินผล ( prospectiveevalyation ) และ • การประเมินผลกระทบ ( impactevalyation ) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นิยามการประเมินผลนโยบายนิยามการประเมินผลนโยบาย • การประเมินผลเกี่ยวข้องกับกระบวนการวัดคุณค่าของผลของการดำเนินการตามนโยบาย เพื่อที่จะนำมาเปรียบเทียบกับเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ การปฏิบัติ การวางแผน ผลการดำเนินการ วัตถุประสงค์ เป้าหมาย การประเมินผล อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2.ลักษณะของการประเมินผลนโยบาย2.ลักษณะของการประเมินผลนโยบาย โจเซฟ ดี กองตัวส์ ( JosephD. Comtois ) • เป็นสหสาขาวิชา • เป็นที่ยอมรับทั้งผู้ประเมินเองและผู้มีอำนาจตัดสินใจ • นำยุทธวิธีต่างๆมาผสมผสานกันอย่างเหมาะสม • กระทำอย่างเป็นกลางให้มากที่สุดเท่าที่จะมาได้ • การรวบรวมข้อมูลข่าวสารต่างๆต้องเน้นการติดต่อสื่อสารระหว่างบุคคลภายในหน่วยงาน • วิธีการที่ใช้ต้องยืดหยุ่นและเปิดกว้างเพียงพอที่จะยอมรับระเบียบวิธีการศึกษาวิจัยทั้งเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โรเบิร์ต เอฟ คลาก ( RobertF.Clark ) • การใช้วิธีวิจัยเชิงทดลองในการประเมินผล ( experimentaldesignresearch ) >> โดยการแบ่งกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม แล้วทำการประเมินผล โดยผู้ประเมินต้องควบคุมตัวแปรได้ • การเปิดโอกาสให้ผู้รับผิดชอบในนโยบาย เข้ามามีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดตั้งแต่การเริ่มการวางแผนการประเมิน การกำหนดยุทธวิธี การออกแบบวิธีการประเมิน ไปจนถึงการลงมือเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์และตีความหมายของข้อมูล >> อย่างไรก็ตามอาจเกิดความล่าช้าได้ • ผลที่ได้จากการประเมินมีผลกระทบต่อนโยบายหรือโครงการใดโครงการหนึ่งโดยเฉพาะ >>นำสู่การปรับปรุงแก้ไขนโยบายหรือโครงการต่อไป อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิล เลียมดูนน์ ( WilliumDunn ) • การเน้นคุณค่า ( value - focus )>> ว่านโยบายสมควรสนับสนุนต่อไปหรือไม่ • ความสัมพันธ์ระหว่างข้อเท็จจริงและคุณค่า ( fact - value interdependence ) >>ข้อเท็จจริงนำไปสู่การตัดสินในคุณค่าของนโยบาย • ความเกี่ยวเนื่องทั้งปัจจุบันและอดีต ( presentandpastorientation )>> เป็นกระบวนการที่เกิดหลังการนำนโยบายไปปฏิบัติ โดยการเปรียบเทียบสิ่งที่คาดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง • ความมีคุณค่าซ้อน( value - duality )>>โดยตัวมันเองมีคุณค่าเชิงนโยบาย และมีคุณค่าต่อสิ่งอื่นด้วย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3.ประเภทขงการประเมินผลนโยบาย3.ประเภทขงการประเมินผลนโยบาย วิธีการประเมินผลนโยบายจากวิธีการประเมิน • การประเมินเชิงปริมาณ และการประเมินเชิงคุณภาพ วิธีการประเมินผลนโยบายจากบุคคลผู้ประเมิน • การประเมินโดยหน่วยราชการ การประเมินโดยองค์กรอิสระ และการประเมินโดยนักวิชาการ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ประเภทของการประเมินผลนโยบายตามลักษณะการประเมินผลประเภทของการประเมินผลนโยบายตามลักษณะการประเมินผล 1.การประเมินผลแบบเทียม( Pseudo - evalyation ) • การประเมินผลซึ่งใช้วิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ในการสร้างข่าวสารที่ถูกต้องและเชื่อถือได้เกี่ยวกับนโยบาย โดยไม่พยายามที่จะพิจารณาว่า ผลดังกล่าวมีคุณค่า หรือประโยชน์มากน้อยเพียงใดต่อประชาชนกลุ่มต่างๆในสังคมและต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม • ผู้ประเมินมักใช้วิธีการต่างๆหลายวิธี เพื่ออธิบายผลของนโยบายที่เกิดขึ้นว่ามาจากปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง วิธีการต่างๆที่ใช้มักจะเน้นการวิจัยทดลอง การวิจัยกึ่งทดลองและการใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิธีการทางสถิตต่างๆ มักจะถูกนำมาประยุกต์ใช้ในการประเมินผล มาว่าจะเป็นการสุ่มตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการตีความข้อมูล อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบเทียมรูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบเทียม • รูปแบบการทำบัญชีระบบสังคม( socialsystemsaccounting )>>เน้นการสร้างดัชนีสังคม ( socialindicator )ขึ้นมา เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสังคมและเป็นตัววัดเพื่อประเมินผลนโยบาย ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง >> ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ อัตราการว่างงาน >> ตัวชี้วัดแบบปรนัย วัดมาเป็นตัวเลขได้ เป็นรูปธรรม เช่น จำนวนรายได้ ส่วนตัวชี้วัดแบบอัตนัย เป็นเชิงนามธรรม เช่น ทัศนคติของปะชาชน • รูปแบบการทดลองทางสังคม ( socialexperimentation )>>เน้นการทดลองใช้นโยบายหนึ่งๆในกลุ่มเป้าหมายตัวอย่าง แล้วประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการตามนโยบายนั้น อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปแบบที่ใช้ในการประเมิน (ต่อ) • รูปแบบการตรวจสอบทางสังคม ( socialauditing ) >> เน้นการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยนำเข้า กระบวนการในการดำเนินการตามนโยบายและผลของนโยบาย >> ทำให้ทราบเหตุการณ์และกิจกรรมต่างๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกระบวนการแปรสภาพซึ่งเน้นการเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ของผู้ประเมิน เน้นการสังเกต การสัมภาษณ์ • รูปแบบการวิจัยสะสมทางสังคม ( socialresearchaccumulation )>> เน้นการรวบรวมสะสมข่าวสารข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับผลการดำเนินการตามนโยบายที่ผ่านมา แล้วนำมาเปรียบเทียบและประเมินเก็บสะสมไว้ประกอบการประเมินผลนโยบายครั้งต่อๆไป >> ข้อมูลที่ได้จาก 1)กรณีตัวอย่าง 2)รายงานการวิจัย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2. การประเมินผลแบบเป็นทางการ ( Formal evaluation ) • การประเมินผลซึ่งใช้วิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์ในการสร้างข่าวสารที่ถูกต้องและเชื่อถือได้เกี่ยวกับนโยบายโดยประเมินผลนโยบายจากวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของนโยบายที่กำหนดไว้อย่างเป็นทางการ • ใช้ข้อมูลต่างๆที่เป็นกฎหมาย ในเค้าโครงนโยบายรวมทั้งข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้กำหนดนโยบายและผู้นำนโยบายไปปฏิบัติเป็นข้อมูลในการระบุและนิยามวัตถุประสงค์รวมทั้งเป้าหมายที่เป็นทางการของนโยบาย • เกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินจึงเน้นเกณฑ์ประสิทธิภาพหรือประสิทธิผลของนโยบายเป็นหลัก อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบเป็นทางการรูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบเป็นทางการ • การประเมินพัฒนาการของการปฏิบัติ (developmentalevaluation )>> เพื่อประเมินการทำงานประจำวันของผู้นำนโยบายไปปฏิบัติโดยเฉพาะ ผู้ประเมินสามารถควบคุมการดำเนินการตามนโยบายได้โดยตรง มีการวัดประสิทธิภาพและสัมฤทธิผลในการทำงานที่เกิดขึ้นเป็นระยะตลอดเวลา • กระบวนการของการนำนโยบายไปปฏิบัติที่ผ่านมา (retrospectiveprocessevaluation)>> ใช้ประเมินนโยบายที่ได้รับการนำไปปฏิบัติแล้วระยะเวลาหนึ่ง การประเมินผลแบบนี้เน้นการพิจารณาปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเมื่อนำนโยบายไปปฏิบัติและไม่ยินยอมให้ผู้ประเมินควบคุมกิจกรรมใดๆในส่วนที่เกี่ยวกับปัจจัยนำเข้าของนโยบาย มักใช้วิธีมองกลับมาพิจารณาเหตุการณ์และกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบเป็นทางการ(ต่อ)รูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบเป็นทางการ(ต่อ) • การประเมินผลโดยใช้รูปแบบการทดลอง (experimentalevaluation )>> เป็นการประเมินผลที่ประเมินผลสามารถควบคุมปัจจัยนำเข้าและกระบวนการแปรสภาพนโยบายได้ ขั้นตอนในการประเมินผลแบบนี้ จึงคล้ายกับขั้นตอนที่ใช้ในการทดลองในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อทดสอบว่าผลของนโยบายที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องมาจากนโยบายนั้นใช่หรือไม่ • การประเมินผลลัพธ์ของการนำนโยบายไปปฏิบัติที่ผ่านมา (retrospectiveoutcomeevaluation)>> เพื่อศึกษาผลกระทบสุทธิของนโยบายที่ดำเนินไปว่ามีผลลัพธ์เกิดขึ้นอย่างไรเมื่อปัจจัยอื่นๆที่อาจมีอิทธิพลต่อผลกระทบดังกล่าวคงที่ โดยการประเมินในระยะเวลาหนึ่งโดยเฉพาะ หรือในช่วงระยะเวลาติดต่อกันการเปรียบเทียบว่าลักษณะของปัจจัยนำเข้าและกระบวนการแประสภาพอย่างไรที่ก่อให้เกิดผลที่พึ่งปรารถนา เปรียบเทียบผลของนโยบายหลายช่วงเวลาว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3.การประเมินผลแบบพิจารณาความเหมาะสม ( decisiontheoretical evaluation ) • เน้นการพยายามที่จะนำเอาวัตถุประสงค์และเป้าหมายของนโยบายทั้งที่เป็นทางการและที่แอบแฝงอยู่ในรูปของทัศนะของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆมาพิจารณาเป็นเกณฑ์ร่วมกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดเป็นทางการโดยผู้กำหนดนโยบายและผู้นำนโยบายไปปฏิบัติเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินวิธีจึงกว้างขวางและครอบคลุมมากกว่าเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินวิธีอื่น • ช่วยให้ประชาชนกลุ่มต่างๆยอมรับและนำผลการประเมินไปใช้ประโยชน์มากขึ้น ช่วยให้วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายี่กว้างเกินไปจนคลุมเครือให้รับการนิยามใหม่ให้เฉพาะเจาะจงขึ้น ช่วยให้ทราบถึงวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายทั้งหลายที่อาจขัดแย้งกันดังกล่าวเปิดเผยและรับรู้ร่วมกันย่อมทำให้การประเมินผลนโยบายถูกต้องและรัดกุมยิ่งขึ้น อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบพิจารณาความเหมาะสมรูปแบบที่ใช้ในการประเมินผลแบบพิจารณาความเหมาะสม • การประเมินความสามารถที่จะประเมินได้ ( evaluabilityassessment >>มุ่งตอบคำถามที่สำคัญว่า นโยบายนั้นสามารถประเมินผลได้หรือไม่ โดยต้องระบุเนื้อหาและวัตถุประสงค์ของนโยบายให้ชัดเจน รวบรวมข่าวสารทั้งหลายทั้งปวงที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย สร้างตัวแบบเพื่ออธิบายผลของนโยบายที่อธิบายให้ทราบถึงกิจกรรมต่างๆและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ประเมินความเป็นไปได้ของการประเมินผล และรายงานผลการประเมิน • การวิเคราะห์อรรถประโยชน์แบบพหุลักษณ์ ( multi – attributeutilityanalysis )>>มุ่งตอบคำถามว่า ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในนโยบายมีทัศนะและการรับรู้เช่นไร ในเรื่องอรรถประโยชน์ของนโยบายและความเป็นไปได้ที่ผลของนโยบายจะเกิดขึ้น โดยต้องระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในนโยบายให้ชัดเจน แจกแจงให้ชัดเจนว่ามีการดำเนินการตามนโยบายประเภทใดบ้าง ที่ประชาชนที่เกี่ยวข้อง แจกแจงผลของนโยบายต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดำเนินการแต่ละประเภท อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการดำเนินการแต่ละประเภท แยกแยะให้เห็นชัดเจนว่าผลของนโยบายแต่ละข้อนั้นมีคุณประโยชน์ที่ได้รับและผลเสียที่อาจเกิดขึ้น จัดลำดับความสำคัญของแต่คุณลักษณะ ให้น้ำหนักของแต่ละคุณลักษณะ ทำค่าของน้ำหนักที่คำนวณได้ให้เป็นคะแนนมาตรฐานเดียวกัน คำนวณความเป็นไปได้ที่ผลของนโยบายแต่ละเรื่องจะสามารถบรรลุคุณลักษณะแต่ละชนิด คำนวณอรรถประโยชน์ของผลของนโยบายแต่ละเรื่องโดยใช้สูตร Ui = Wj* Uij เมื่อ Ui = อรรถประโยชน์ร่วมของนโยบายเรื่องที่ i Wj = ค่าคะแนนมาตรฐานของคุณลักษณะเรื่องที่ j ประเมินและรายงานผลโดยชี้ให้เห็นว่าผลของนโยบายใดก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
4. วิธีการประเมินผลนโยบาย 1.วิธีเดลฟีเชิงนโยบาย ( Policy Delohi ) • เน้นการนำเอาข้อคิดและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงในเนื้อหาและเรื่องราวของนโยบายที่กำลังประเมินมาประมวลและเปรียบเทียบกันเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับผลนโยบาย • หัวใจของวิธีการของเดลฟี คือ การพยายามสรุปความคิดเห็นที่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนเห็นพ้องต้องกันซึ่งเชื่อว่าจะเกิดขึ้นภายหลังจากทำการสอบถามแล้วหลายๆรอบ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หลักสำคัญวิธีเดลฟีทั่วไปหลักสำคัญวิธีเดลฟีทั่วไป • ชื่อผู้เชี่ยวชาญต้องปกปิดเป็นความลับ (anomymity ) • การถามความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญควรถามซ้ำหลายๆครั้ง ( iteration ) • ข้อมูลย้อนกลับไปยังผู้เชี่ยวชาญควรถูกควบคุมและป้องกันมิให้ทราบรายละเอียดของข้อมูลที่ประมวลแล้วยกเว้นภาพรวมของข้อมูล( controlledfeedback ) • การสรุปภาพรวมต้องแสดงเป็นสถิติ( statisticalgroup response ) • ข้อสรุปที่จะนำเสนอสู่ภายนอก ต้องเป็นข้อสรุปที่เห็นพ้องต้องกันของผู้เชี่ยวชาญทุกคน( expertconsensus ) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หลักสำคัญวิธีเดลฟีเชิงนโยบายหลักสำคัญวิธีเดลฟีเชิงนโยบาย • การปกปิดชื่อผู้เชี่ยวชาญในระยะเริ่มแรก( selective anomymity ) • การใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มาจากต่างสถาบันหรือต่างหน่วยงานกัน(informedmultipleadvocacy )>> เพราะจะทำให้การประเมินไม่ลำเอียงหรือถูกโน้มเอียงไปทางใดทางหนึ่ง • การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติใช้การวิเคราะห์แบบแยกกลุ่ม ( polarized statistiscal response ) แทนการเสนอภาพรวมของกลุ่มเดียว • การจัดความเห็นที่ขัดแย้งกันให้มีระบบมีโครงสร้างที่ชัดเจนอธิบายได้ ( structured confict ) • การเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างผู้เชี่ยวชาญผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์(computerconferencing) อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ขั้นตอนของวิธีเดลฟีเชิงนโยบายขั้นตอนของวิธีเดลฟีเชิงนโยบาย • การชี้ประเด็นที่ต้องการประเมิน >> ว่ามีวัตถุประสงค์หรือขอบข่ายที่ต้องการประเมินคืออะไร เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญที่จะเข้ามาประเมินมีความเข้าใจตรงกัน เพื่อป้องกันปัญหาการพูดคนละเรื่อง • การคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญ >> คัดเลือกตัวแทนของหลายๆกลุ่มที่สนใจ • การสร้างแบบสอบถาม >> ควรเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญแสดงความคิดเห็นโดยเสรี ทั้งทางผลกระทบ การจัดลำดับ การบรรลุผล การแก้ไข • การวิเคราะห์ผลในรอบแรก การปรับเปลี่ยนแบบสอบถาม >> เพื่อแสดงเหตุผลข้อสนับสนุนและข้อมูลต่างๆ • การจัดประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ >> เพื่อให้สนับสนุนหรือหักล้างข้อมูลซึ่งกันและกัน • การสรุป >> นำผลที่ได้จากการประชุมสรุปเป็นรายงาน อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
2. การวิเคราะห์อนุกรมเวลาแบบเป็นช่วง (Interuped Time Series Analysis) • โดยช่วยแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นภายหลังการนำนโยบายไปปฏิบัติในรูปของตาราง และ/หรือ ค่าสถิติและกราฟแบบต่างๆ เหมาะสำหรับการประเมินผลนโยบายที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเพียงกลุ่มเดียวหรือมีขอบเขตการดำเนินงานที่แน่นอนเพียงแห่งเดียว • การวัดนโยบายทั้งก่อนและหลังการนำนโยบายไปปฏิบัติ • เช่น 1)การประเมินผลการดำเนินนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลทักษิณ1 โดยวัดจากยอดการจับกุมและการระบาดของยาเสพติดก่อนและหลังการดำเนินการตามนโยบาย 2)การประเมินผลนโยบายแก้ไขปัญหาความยากจนของรัฐบาลทักษิณ1 โดยวัดจากจำนวนคนจนที่ลดลง อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3. การเชิงถดถอยแบบไม่ต่อเนื่อง (Regresion-discontinuity Analysis) • ช่วยให้ผู้ประเมินผลสามารถคำนวณและเปรียบเทียบผลโดยประมาณของนโยบายที่เกิดขึ้นในกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้และกลุ่มเปรียบเทียบที่นำมาพิจารณา วิธีการนี้เหมาะสำหรับการประเมินผลตามแนวการทดลองทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทดลองที่มีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและกลุ่มควบคุมไว้เรียบร้อยแล้ว วิธีการประเมินผลนโยบายแบบนี้จึงเหมาะสำหรับการประเมินผลนโยบายที่มุ่งช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายหนึ่งๆในสังคมโดนเฉพาะ • อาจแยกเป็นกลุ่มทดลอง และกลุ่มควบคุม • ใช้การประมาณการด้วยวิธีถดถอยแบบกำลังสองน้อยที่สุด • Y = a + bX เมื่อ Y ตัวแปรตาม , X เป็นตัวแปรต้น , a เป็นค่าคงที่ , b เป็นค่าสัมประสิทธิ์ตัวแปรอิสระ • เช่น การประเมินผลการใช้จ่ายของรัฐบาลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจารย์มานิตย์ ผิวขาว สาขาเศรษฐศาสตร์ วิทยาเขตหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น