1 / 39

Chapter 5 Nonferrous Heavy Alloys

Chapter 5 Nonferrous Heavy Alloys. 1302 310 Engineering Metallurgy Lecturer: Dr.Sukangkana Lee. 1. The Superalloys. Superalloys เป็นกลุ่มของโลหะผสมที่สามารถทนต่อความร้อน และทนต่อการกัดกร่อนได้ดี สามารถใช้งานได้ที่อุณหภูมิสูง ประมาณ 1000  C มีการขยายตัวตามความร้อนต่ำ การใช้งานได้แก่

forest
Download Presentation

Chapter 5 Nonferrous Heavy Alloys

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Chapter 5Nonferrous Heavy Alloys 1302 310 Engineering Metallurgy Lecturer: Dr.Sukangkana Lee

  2. 1. The Superalloys • Superalloys เป็นกลุ่มของโลหะผสมที่สามารถทนต่อความร้อน และทนต่อการกัดกร่อนได้ดี สามารถใช้งานได้ที่อุณหภูมิสูง ประมาณ 1000 C มีการขยายตัวตามความร้อนต่ำ การใช้งานได้แก่ • อุตสาหกรรมเครื่องบิน และอากาศยาน ซึ่งมีการใช้มากที่สุด • อุตสาหกรรมเคมี และปิโตรเคมี • อุตสาหกรรมทางทะเล • อุตสาหกรรมไฟฟ้าพลังงานความร้อน และนิวเคลียร์

  3. ค.ศ. 1930-1940 นั้น สหรัฐอเมริกามีความต้องการวัสดุที่สามารถทนความร้อนได้สูง (Heat resistant materials) เพื่อใช้ในเครื่องยนต์เทอร์ไบน์ของเครื่องบิน ซึ่งมีอุณหภูมิการใช้งานที่ 730-1370 C

  4. 1100 C 650-980 C 1100 C 760 C

  5. ได้นำเอา Ni ซึ่งมีจุดหลอมเหลว 1455 C มาผสมกับ Cr ซึ่งมีจุดหลอมเหลว 1875 C ในอัตราส่วน 80:20 เรียกว่า ‘Nicrome’ สามารถใช้งานที่อุณหภูมิสูงได้ • จากนั้น พบว่า เมื่อเราผสม Ti ลงใน Nicrome เพียง 0.3 wt % และ C ประมาณ 0.1% จะได้โลหะผสมที่แข็งแรงขึ้น ซึ่งเรียกว่า ‘Nimonic 75’ เป็นชนิดแรก จากนั้นจึงได้มีการพัฒนา Superalloy เรื่อยมา

  6. Titanium Nickel Steel Aluminium Composites

  7. คุณสมบัติเด่นของ Superalloys สามารถคงรูปได้ที่อุณหภูมิสูง ทั้งนี้เนื่องมาจากมีโครงสร้างผลึกแบบFCC มีโครงสร้างจุลภาคเป็น Austenitic ซึ่งจะมีความต้านทานแรงดึงสูง ต้านทานการแตกหักสูง ต้านทานการเกิดการคืบสูงกว่าเหล็กซึ่งมีโครงสร้างผลึกแบบBCCเพราะโครงสร้างแบบ FCC สามารถทำให้เกิด Precipitate และ solid solution ได้สูงกว่า

  8. 100 hour rupture stress For Nickel-base alloy 713C, IN-738, R’80, B-1900, In-100 Stress, ksi 100 hour rupture stress For Cobalt-base alloy HS-31, WI-52, FSX 414, Mar M 509 Temperature, F

  9. ชนิดของSuperalloy สามารถแบ่งได้เป็น 3 ชนิดคือ • Ni-based Superalloys • Ni-Fe Superalloys • Co-based Superalloys

  10. Ni-based Superalloys • จะมี Nickel เป็นส่วนผสมธาตุหลัก โดยมีธาตุผสมอื่นๆที่สำคัญ คือ • Cr จะมีปริมาณ 20 wt% มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความแข็งแรงโดยกลไก Solid solution hardening • Ti and Al มีประสิทธิภาพในการเพิ่มความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูงโดยกลไก precipitationhardening จากการเกิดสารประกอบ Ni3(Al,Ti) • อื่นๆ เช่น Mo, Co, Nb and B

  11. ปัจจุบัน Ni-based Superalloys มีอยู่ประมาณ 100 กว่าชนิด และที่เป็นที่รู้จักและมีใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม คือ Inconel X-75, Rene 41 and Nimonic 90 เป็นต้น

  12. Ni-Fe Superalloys Superalloys ชนิดนี้ จะมี Nickel เป็นส่วนผสมธาตุหลัก ประมาณ 25-60 wt% และ Fe 15-60 wt% โดยข้อดีของการผสมเหล็ก คือ ทำให้โลหะผสมชนิดนี้มีราคาถูกลง แต่จะทำให้สามารถทนอุณหภูมิได้เพียง 650-850 C เท่านั้น

  13. ธาตุผสมอื่นๆที่สำคัญ คือ • Cr ประมาณ 15-28 wt% เพื่อเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน • Mo ประมาณ 1-6 wt% เพื่อเพิ่มความแข็งแรงโดยกลไก Solid solution hardening • การเพิ่มความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูง ได้จากการเติม Ti and Al เพื่อเกิดเป็น สารประกอบ Ni3(Al,Ti)

  14. Co-based Superalloys • จะมี Cobalt ที่มีจุดหลอมเหลวประมาณ 1495 C เป็นส่วนผสมธาตุหลัก ประมาณ 50 wt% และ Cr ประมาณ 25 wt% เป็นหลัก • จะมีโครงสร้างผลึกแบบ FCC ความแข็งแรงที่อุณหภูมิสูงได้จากการละลายของ Cr ในโครงสร้าง รวมถึงการเกิด Carbide ชนิดต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้มีความต้านทานการกัดกร่อนที่อุณหภูมิสูงที่ดีมาก • โลหะผสมชนิดนี้จะมีราคาแพง เหมาะกับการใช้งานที่อยู่นิ่ง ไม่เคลื่อนที่

  15. 3. Heat Treatment of Superalloys • Superalloys ที่ผ่านการรีด จะผ่านการอบ Solution treatment ที่อุณหภูมิประมาณ 1040-1230 C แล้วตามด้วย Ageing ที่อุณหภูมิต่ำ และตามด้วย Ageing ที่อุณหภูมิปานกลาง ประมาณ 760 C ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการ • ลดขนาดเกรน • สร้างสารประกอบที่เรียกว่า  ในเนื้อวัสดุ เพื่อกีดขวางการเคลื่อนที่ของ dislocation ภายในเกรน เฟส  จะมีโครงสร้างแบบ FCC และมีสูตรทางเคมีเป็น A3B เช่น Ni3(Al,Ti), (Ni,Co)3(Al,Ti) เป็นต้น

  16. 4. Manufacturing Process • งานผลิต Superalloys โดยทั่วไปจะเป็น การหล่อขึ้นรูป 1. หล่อแบบธรรมดา (Conventional casting) 2. หล่อแบบทิศทางเดียว (directional Solidification) จะมีการควบคุมทิศทางการถ่ายเทความร้อนเพื่อให้ได้โครงสร้างเกรนแบบ Columnar grain โดยการทำให้มีการเย็นตัวไปในทิศทางเดียว

  17. การหล่อทิศทางเดียว จะดีกว่า หล่อแบบธรรมดา เพราะ • ลดความไม่สม่ำเสมอของขนาดเกรน และความไม่สม่ำเสมอของความเข้มข้นของธาตุในโครงสร้าง • ลดการเกิดรูพรุนเนื่องจากการหดตัว • ลดการเกิดสารประกอบที่มีขนาดใหญ่ • ลดปริมาณ Precipitate ที่ขอบเกรน ส่งผลให้โลหะผสม superalloys มีความแข็งแรงสูง มีความต้านทานการล้า การคืบ สามารถรับแรงกระแทกได้สูงขึ้น และเพิ่มความต้านทานการกัดกร่อน เมื่อเทียบกับชิ้นงานที่ได้จากการหล่อแบบธรรมดา

  18. Direct Chill Method

  19. Adaptation of Stockbarger method

  20. ข้อด้อยของการหล่อทิศทางเดียว คือ • ราคาแพง • ขนาดของ precipitate อาจจะไม่สม่ำเสมอ ได้ • เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลาในการเย็นตัวนาน ดังนั้นอาจจะเกิดการ Oxidation ได้ จึงต้องมีการป้องกัน • ต้องมีการควบคุมกระบวนการอย่างใกล้ชิด

  21. ดังนั้น จึงได้มีการคิดค้น การหล่อแบบผลึกเดียว (Single grain)ซึ่งจะทำให้โลหะผสมมีการกระจายของธาตุผสมที่สม่ำเสมอในเกรน • โลหะผสมที่มีผลึกเดียว จะมีความต้านทานการกัดกร่อนที่สูงขึ้น กำจัดปัญหารอยแตกระหว่างเกรน • การหล่อแบบผลึกเดียว จะต้องมีการควบคุมให้อุณหภูมิเหมาะสม และโลหะผสมจะต้องมีความบริสุทธิ์สูง จึงจะได้ผลึกเดี่ยวที่มีคุณภาพสูง

  22. วิธีการ • ทำการหล่อในแบบหล่อที่มีทางเข้าเลี้ยวไปมา 3-4 ขั้น เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตของผลึกในทิศทางที่ต้องการเท่านั้น • สุดท้ายให้เหลือเพียงผลึกที่มีทิศทางการเจริญเติบโตในทิศ [001] เท่านั้น ซึ่งเป็นทิศที่ให้สมบัติทางกลที่ดีที่สุด [001] ชิ้นงาน ทางเข้าของน้ำโลหะ

  23. Single Crystal alloy Directional Solidified columnar Creep Strain Conventional Uniform equiaxed Time

  24. 5. Copper and Copper alloys • Leaded red brassesเป็นโลหะผสมของทองแดงที่มีสังกะสีเป็นธาตุผสมหลัก หรือเรียกทั่วไปว่า ทองเหลือง ปริมาณของสังกะสีในทองเหลืองจะไม่เกิน 40% • Leaded semi-red brassesมีปริมาณสังกะสีมากกว่าชนิดแรก ทำให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น • Tin bronzesเป็นโลหะผสมระหว่างทองแดงและดีบุก หรือ “สำริด” จะมีปริมาณของดีบุกอยู่ประมาณ 10% เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และความทนทานต่อการกัดกร่อน

  25. Leaded tin bronzes เป็น bronze ที่มีตะกั่วผสมอยู่มากกว่า 0.5% โดยน้ำหนัก และมีนิกเกิล และ สังกะสี อยู่เล็กน้อย ตะกั่วจะไม่ละลายในทองแดง และจะอยู่ในรูปของตะกอนเม็ดกลม ทำให้มีคุณสมบัติหล่อลื่น และ รับภาระโดยที่ไม่มีสารหล่อลื่นได้ • High-leaded tin bronzesเป็น bronze ที่มีตะกั่วผสมอยู่ในปริมาณที่สูง เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการกลึงและไส และช่วยให้น้ำโลหะไหลดีขึ้นขณะหล่อ

  26. อิทธิพลของธาตุผสม (Alloying element) ต่อ โลหะทองแดงผสม • Zinc สังกะสีเป็นโลหะที่มีราคาถูกสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับทองแดง โดยรวมกันเป็นสารละลายของแข็ง หรือ Solid-solution strengthening • Zn สามารถละลายได้มากที่สุดใน Cu เท่ากับ 32.5% และแข็งตัวได้สารละลายของแข็งเฟสเดียวคือ -phase โลหะจะมีความเหนียวและแข็งแรงสูง • ถ้าปริมาณ Zn สูงกว่านี้ความเหนียวจะลดลง เนื่องจากจะมีเฟส เพิ่มขึ้น

  27. Tin ดีบุก เป็นธาตุที่เติมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับทองแดงโดยรวมกันเป็นสารละลายของแข็งแต่มีประสิทธิภาพดีกว่าสังกะสี และ เพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อน • โลหะทองแดงผสมดีบุกไม่เกิน 10% นี้มีช่วงการแข็งตัวที่กว้าง ทำให้เกิดการเย็นตัวแบบ non-equilibrium freezing เกิดการแยกตัวของส่วนผสม ทำให้เนื้อของ -phase มีความเข้มข้นของดีบุกที่ไม่สม่ำเสมอโดยที่ความเข้มข้นของดีบุกจะมีน้อยที่สุดตรงกลางและสูงขึ้นเรื่อยๆตามระยะรัศมีของเฟส ซึ่งเรียกว่าการเกิด coring • ในช่วงสุดท้ายของการแข็งตัว โลหะเหลวที่เหลืออยู่ จะมีความเข้มข้นของดีบุกที่สูง และจะเกิดเป็นเฟสเดลต้า -phase ซึ่งจะแข็งและเปราะ มองเห็นเป็นเฟสสีน้ำเงินเกิดขึ้นบริเวณขอบเกรน

  28. Lead ตะกั่ว ช่วยเพิ่มการไหลของน้ำทองเหลือง ทำให้หลอมชิ้นงานได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้งานกลึงไสได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าตะกั่วมีมากเกินไปจะทำให้ strength และ elongation ลดลงมาก • Other elements เช่น Aluminium Manganese Silicon and Iron จะช่วยเพิ่ม strength ลดขนาดของเกรน เพิ่มความต้านทานต่อการกัดกร่อน เชื่อมต่อกันได้ง่าย ปกติปริมาณธาตุเหล่านี้จะรวมกันระหว่าง 2-7%โดยน้ำหนัก

  29. Heat treatment of copper alloys • copper and most copper alloys are homogeneous single phase • they are not susceptible to heat treatment and their strength may be altered only by cold working • There are two types of temper: Cold-worked and Annealed.

  30. Annealed temper

  31. 1) Copper-Zinc (brass) at 30%Zn70%Cu, Slow cooling rate • will allow the equilibrium structure: solid solution α phase (fcc structure). • The α brass are soft and ductile (greater ductility than pure copper) and capable for cold work. Annealed, 75x

  32. Cu-Zn LL LL

  33. Rapid cooling rate • will not allow the equilibrium structure. • The α phase will be rich in copper and the last liquid will be rich in Zn and undergo a Peritectic reaction: α +Lβ at grain boundary.

  34. 2) Copper-Zinc (brass) at 40%Zn60%Cu, Slow cooling rate: • The liquid will solidified as the equilibrium phase: α +β • β has bcc structure and much stronger than the α-phase and has a lower ductility. • This structure (α +β) therefore is difficult to cold work but can be hot work.  

  35. Typical precipitation hardening of copper-Beryllium alloy

More Related