1 / 25

ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (Theory of Consumer Behaviour)

ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (Theory of Consumer Behaviour). ทฤษฎีอุปสงค์ (Demand Theory. ปริมาณอุปสงค์ต่อสินค้าของผู้บริโภค แปรผกผัน ราคาสินค้า. P. P 1. D. Q. Q 1. ทฤษฎีอุปสงค์ (Demand Theory). Substitution effect ( ผลการทดแทนกันของสินค้า)

Download Presentation

ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค (Theory of Consumer Behaviour)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภค(Theory of Consumer Behaviour)

  2. ทฤษฎีอุปสงค์ (Demand Theory • ปริมาณอุปสงค์ต่อสินค้าของผู้บริโภคแปรผกผันราคาสินค้า P P1 D Q Q1

  3. ทฤษฎีอุปสงค์ (Demand Theory) • Substitution effect (ผลการทดแทนกันของสินค้า) • ถ้าสินค้า A และ B เป็นสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้ หากราคาของ A เพิ่มขึ้นผู้บริโภคจะบริโภค A น้อยลงและหันไปบริโภค B แทน • Income effect (ผลจากรายได้) • หากราคาสินค้าใดเพิ่มขึ้น ผู้บริโภคจะรู้สึกว่าตัวเองมีฐานะยากจนลง จึงไม่สามารถบริโภคสินค้านั้นๆในจำนวนเท่าเดิมได้

  4. ทฤษฏีพฤติกรรมผู้บริโภคทฤษฏีพฤติกรรมผู้บริโภค • อธิบายว่าทำไมผู้บริโภคจึงมรพฤติกรรมการซื้อสินค้าและบริการตามทฤษฎีอุปสงค์ • ในสถานการณ์หนึ่งๆที่ผู้บริโภคเผชิญอยู่ • ด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด • ด้วยราคาสินค้า • ด้วยความต้องการที่แสวงหาความพึงพอใจสูงสุด ผู้บริโภคจะมีหลักเกณฑ์อย่างไรในการจัดสรรเงินที่ตนมีอยู่เพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ

  5. ทฤษฎีอรรถประโยชน์ (Utility Theory) • เป็นทฤษฎีที่พยายามอธิบายว่า ผู้บริโภคตัดสินใจอย่างไรในการเลือกซื้อสินค้าและบริการหลายๆชนิด ในจำนวนต่างๆกันและทำไมจึงเลือกซื้อสินค้าชนิดนั้นๆ • อรรถประโยชน์ (Utility) คือ ความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้าและบริการชนิดต่างๆ โดยมีหน่วยวัดความพอใจเป็น ยูทิล (Util) เช่น สำหรับนาย ก ข้าวหมูแดง 1 จานให้อรรถประโยชน์ เท่ากับ 5 util เป็นต้น

  6. เครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค • อรรถประโยชน์รวม (Total Utility: TU) คือ ความพอใจรวมทั้งหมดที่ได้รับจาการบริโภคสินค้าและบริการ • อรรถประโยชน์เพิ่มหรืออรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (Marginal Utility: MU) คือ อรรถประโยชน์ที่ผู้บริโภคได้รับเพิ่มขึ้นจากการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้น 1 หน่วย ในระยะเวลาหนึ่ง • จุดอิ่มตัวของการบริโภค คือ จุดสูงสุดของความพอใจในการบริโภค เมื่อเลยจุดนี้ไป การบริโภคมากขึ้นกลับจะทำให้ความพอใจลดลง

  7. ตัวอย่างการคำนวณหาอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มตัวอย่างการคำนวณหาอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม การบริโภคข้าวผัดเพิ่มขึ้น 1 จาน ความพอใจของนาย ข จะเปลี่ยนแปลง ไปจาก 10 util เป็น 18 util ∆TU = TU2 – TU1 = 18-10 ∆TU= 8 ∆Q = Q2 – Q1 = 2 -1 ∆Q= 1 MU = ∆TU/ ∆Q = 8/1 MU= 8

  8. ตารางและเส้นแสดงอรรถประโยชน์ตารางและเส้นแสดงอรรถประโยชน์

  9. ความสัมพันธ์ระกว่าง Utility และปริมาณสินค้า U ผู้บริโภคได้ TU เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงแก้วที่ 7 แล้ว TU จะลดลง 30 28 TU Q 4 5 6

  10. ความสัมพันธ์ระหว่าง MU และ Q MU 10 บริโภคแก้วแรกได้รับความพอใจเพิ่ม MU = 10 แก้วต่อๆมา MU จะลดลงเรื่อยๆ 8 6 4 2 Q 1 2 3 4 5 6

  11. Law of Diminishing Marginal Utility กฎการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม หมายถึง ในขณะ ใดขณะหนึ่งถ้าเราได้รับสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อรรถประโยชน์หน่วยสุดท้าย (หรืออรรถประโยชน์เพิ่ม) จากการบริโภค สินค้านั้นจะลดลงเรื่อยๆ จึงได้เส้น MU ที่ลาดลงจากซ้ายมาขวา

  12. พฤติกรรมผู้บริโภค • ผู้บริโภคจะเป็นผู้ที่มีเหตุผลในทางเศรษฐกิจ (Rationality) • การมุ่งหวังที่จะได้รับความพอใจสูงสุด หรือ อรรถประโยชน์รวมสูงสุดจากการเลือกบริโภคสินค้าต่างๆ โดยมีข้อจำกัด คือ 1. รายได้มีจำกัด 2. ราคาสินค้า (ถูกกำหนดโดย Demand และ Supply) 3. ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีเหตุผลในทางเศรษฐกิจ 4. ผู้บริโภคทั่วไปสามารถจัดลำดับความพอใจสำหรับ สินค้าแต่ละอย่างได้อย่างชัดเจน

  13. ดุลยภาพของผู้บริโภค (Consumer Equilibrium) 1. ชุดของสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกซื้อจนได้ดุลยภาพจะต้องเป็นชุดสินค้าที่ทำให้ MU ต่อเงินบาทสุดท้ายในการซื้อสินค้าแต่ละชนิดมีค่าเท่ากัน • ถ้าราคาสินค้า (P) เท่ากัน ความพอใจสูงสุดจะเกิดเมื่อ MUx = MUy = MUz • ถ้ามีสินค้าเพียงชนิดเดียว ความพอใจสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อ MU = P 2. จำนวนเงินที่ผู้บริโภคจ่ายไปในการซื้อสินค้าทุกชนิดรวมกันแล้วต้องไม่เกินงบประมาณที่มีอยู่ (B)

  14. ตัวอย่างการหาดุลยภาพของผู้บริโภคตัวอย่างการหาดุลยภาพของผู้บริโภค หากผู้บริโภคมีงบประมาณ 10 บาท ในการเลือกซื้อสินค้า 2 ชนิด คือ สินค้า Xราคาหน่วยละ 1 บาท สินค้า Yราคาหน่วยละ 2 บาท

  15. การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ดุลยภาพการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ดุลยภาพ • เงื่อนไขที่ 1 • เงื่อนไขที่ 2 (Px* Qx) + (Py* Qy) = B (2*1) + (2*4) = 10 ***ดังนั้นที่ดุลยภาพของผู้บริโภคคือ ซื้อสินค้า X เท่ากับ 2 หน่วยและซื้อสินค้า Y เท่ากับ 4 หน่วย ผู้บริโภคจะได้รับความพึงพอใจสูงสุด

  16. การพิสูจน์ดุลยภาพความพึงพอใจของผู้บริโภคการพิสูจน์ดุลยภาพความพึงพอใจของผู้บริโภค • พิสูจน์ว่า ชุดของสินค้า ณ จุดดุลยภาพให้ความพอใจแก่เราสูงสุดหรือไม่โดยดูความพอใจหรืออรรถประโยชน์ที่เราได้รับจากสินค้าชุดอื่นซึ่งมี MU/P เท่ากัน 2 ชุด คือ 10 และ 6 - ถ้าเราซื้อ QX = 2, QY = 4 จะได้ TU = 18 + 84 = 102 util - ถ้าเราซื้อ QX = 1, QY = 3 จะได้ TU = 10 + 68 = 78 util - ถ้าเราซื้อ QX = 4, QY = 5 จะได้ TU = 31 + 96 = 127 util ****ถ้าเราซื้อ X จำนวน 4 หน่วยและ Y จำนวน 5 หน่วย จะได้ TU คือ 127 util แต่เรามาสามารถเลือกซื้อได้เพราะเกินงบประมาณ 10 บาท (รายจ่าย 14 บาท)

  17. ส่วนเกินผู้บริโภค (Consumer Surplus)

  18. ส่วนเกินผู้บริโภค (Consumer Surplus) P Consumer Surplus จำนวนเงินที่ผู้บริโภคจ่ายจริง D Q

  19. ทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภคตามหลักเส้นความพอใจเท่ากันทฤษฎีพฤติกรรมผู้บริโภคตามหลักเส้นความพอใจเท่ากัน • ปัญหาของทฤษฎีอรรถประโยชน์ • Indifference curve approach สามารถอธิบายพฤติกรรมของผู้บริโภคได้โดยไม่ต้องอาศัยข้อสมมุติฐานที่ว่า Utility สามารถวัดเป็นหน่วยได้ • Indifference curve approach อาศัยเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค คือ 1. เส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference curve: IC) 2. เส้นงบประมาณ (Budget line: BL)

  20. เส้นความพอใจเท่ากัน (Indifference Curve) • แสดงถึงรสนิยมของผู้บริโภค • เส้นความพอใจเท่ากันจะแสดงกลุ่มสินค้าสองชนิดที่บริโภคแล้วให้ความพอใจเท่ากันตลอดทั้งเส้น • Slope ของเส้น IC เรียกว่า MRS (Marginal Rate of Substitution in Consumption)

  21. Marginal Rate of Substitution (MRS) • อัตราหน่วยสุดท้ายของการทดแทนกันระหว่างสินค้า 2 ชนิด • MRS หมายถึง อัตราการลดลงของสินค้าชนิดหนึ่งเพื่อให้ได้รับสินค้าอีกชนิดหนึ่งเพิ่มขึ้น 1 หน่วยโดยได้รับความพอใจเท่าเดิม Y • ค่าของ MRSXY คือ - ∆Y/ ∆X • แทนค่า X และ Y ลงในตัวอย่างจะได้ • MRSXY = -(8-5)/(3-2) • = -3 A 8 ∆Y B IC 5 ∆X X 2 3

  22. การแปลค่า MRS 1. MRSXY คือ - ∆Y/ ∆X - Marginal Rate of Substitution of X for Y หมายถึง อัตราการ ลดการบริโภค Y เพื่อเพิ่มการบริโภค X จำนวน 1 หน่วยแทน 2. ส่วน MRSYX คือ - ∆X/∆Y - Marginal Rate of Substitution of Y for X หมายถึง อัตราการ ลดการบริโภค X เพื่อเพิ่มการบริโภค Y จำนวน 1 หน่วยแทน

  23. เส้นงบประมาณ • เป็นเส้นที่แสดงถึงจำนวนสินค้าและบริการสองชนิดที่เงินจำนวนหนึ่งซื้อได้ (แสดงถึงอำนาจซื้อ) • อำนาจซื้อ = เงินรายได้/ระดับราคา - Purchasing power = Income/Price • Budget Line: Px*Qx + Py*Qy = I • Budget Space: Px*Qx + Py*Qy ≤ I

  24. กราฟเส้นงบประมาณ Y เส้นงบประมาณ (Budget Line)Slope = -PX / PY BL X

  25. ดุลยภาพของผู้บริโภคตามทฤษฎีความพอใจเท่ากันดุลยภาพของผู้บริโภคตามทฤษฎีความพอใจเท่ากัน Y • จุดสัมผัสของเส้น IC สัมผัสกับเส้น BL ณ จุดดุลยภาพโดยที่slope เส้น IC = slope เส้น BL MRSXY = -PX/PY • ผู้บริโภคได้รับความพอใจสูงสุดเมื่อ IC BL X

More Related