1 / 36

การดูแลผิวที่มีปัญหาสิว

การดูแลความงามและบุคลิกภาพ. การดูแลผิวที่มีปัญหาสิว.

Mercy
Download Presentation

การดูแลผิวที่มีปัญหาสิว

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การดูแลความงามและบุคลิกภาพการดูแลความงามและบุคลิกภาพ การดูแลผิวที่มีปัญหาสิว

  2. สิว ( Acne / Pimple / Zits)คือตุ่มเม็ดเล็กๆ ที่มีหนองเป็นไตสีขาว ๆ อยู่ข้างใน ขึ้นตามหน้าต้นจากหัวสิว โคมิโดน (Comedone)ซึ่งสามารถอักเสบได้ง่ายหากมีตัวกระตุ้นเพิ่มเติม เช่น แบคทีเรีย หรือ ฝุ่นละอองในอากาศ หรือผิวหนังสกปรกก็สามารถทำให้เกิดสิวได้ เกี่ยวกับสิวและที่มา

  3. สิวเกิดจากผิวหน้าสกปรก จริงๆแล้วไม่เสมอไป • สิวเกิดเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย • ต่อมไขมันก็จะทำงานมากผิดปกติ • เซลล์เยื่อบุรูขุมขนมีการแบ่งตัวมากไป • รูขุมขนก็จะแคบลง จึงเกิดการอุดตัน • ไขมันที่มากผิดปกติ ไม่สามารถที่จะ ระบายออกจากรูขุมขนได้จึงเกิดเป็นสิว ที่มาของสิว

  4. ชนิดของสิวแบ่งได้ ดังนี้         1. สิวหัวขาว เป็นส่วนผสมของผิวหนังเซลล์ที่ตายแล้วรวมกับไขมันซึ่งอยู่ในรูขุมขนจะมีลักษณะเป็นเม็ดขาวปนเหลืองนูนขึ้นมาบนผิวหนัง         2. สิวหัวดำ เป็นสิวหัวขาวซึ่งถูกออกซิเจนในอากาศหรือมีเม็ดสีเมลานิน (melanin) มาสะสมอยู่ จะเกิดเป็นสิวหัวดำ         3. สิวอักเสบ เป็นสิวหัวขาวหรือหัวดำที่มีเชื้อแบคทีเรียซึ่งปกติอยู่ในผิวหนัง ย่อยไขมันที่สะสมเป็นกรดไขมัน ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว จึงมีอาการบวมแดงกลายเป็นสิวอักเสบ         4. สิวหนอง เป็นสิวอักเสบที่ได้รับเชื้อ จากภายนอกโดยการบีบหรือแกะสิว ทำให้มีการ ลุกลามของเชื้อโรคจนเป็นหนองขึ้น และจะรู้สึกเจ็บมาก ชนิดของสิว

  5. ชนิดของสิว http://learners.in.th/blog/edu3204mimew/349310 24/11/10

  6.      5. สิวเสี้ยน สิวเสี้ยนเกิดจากการอุดตันของไขมันในรูขุมขนรวมตัวกับฝุ่นละอองในอากาศ ทำให้เกิดอัดตัวแน่นเป็นก้อน จึงเกิดเป็นสิวเสี้ยน สิวเสี้ยน

  7.   6. สิวข้าวสาร สิวข้าวสารจะคล้ายกับสิวเสี้ยน แต่สิวข้าวสารเกิดจากไขมันที่ถูกขับจากต่อมไขมันไปอุดตันอยู่ภายในท่อไขมัน ซึ่งการอุดตันเกิดลึกกว่าสิวเสี้ยน ทำให้เกิดเป็นไตแข็งๆ เป็นแล้วมักหายช้า สิวข้าวสาร

  8. 7. สิวหัวช้าง ลักษณะการเกิดเช่นเดียวกับสิวหนอง แต่การแตกของต่อมไขมันเกิดขึ้นในชั้นที่ลึกกว่าสิวหนอง จึงทำให้เกิดการอักเสบมากกว่า ถ้าหากแกะหรือบีบสิว จะทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นที่ลึกมากดังนั้นจึงไม่ควรบีบสิวที่เกิดขึ้น สิวหัวช้าง

  9. สิวเกิดจากสาเหตุหลายประการร่วมกันคือ • 1. เกิดจากการหนาตัวของชั้น corneumการหนาตัวของชั้น corneum (hyper-cornification) ที่ท่อของรูขุมขนซึ่งต่อมไขมันมาเปิดเชื่อมต่อ การหนาตัวเกิดจากการระคายเคืองจากไขมัน (sebum) จากต่อมไขมัน และการที่กรด linoleic ในไขมันมีปริมาณลดลง สาเหตุของการเกิดสิว

  10. 2. ฮอร์โมน Testosterone ฮอร์โมนTestosteroneในกระแสเลือดเปลี่ยนไปเป็น dihydrotestosteroneในเนื้อเยื่อโดยอาศัยเอนไซม์ 5-a reductasedihydrotestosteroneในเนื้อเยื่อ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้น และหลั่งไขมันออกมามากขึ้น เนื่องจากในไขมันมีส่วนประกอบของสาร free fatty acid, squaleneและ squalene oxide ซึ่งเชื่อกันว่าสารเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวและการอักเสบที่ผิวหนัง มีรายงานว่าส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นสิว มีระดับ testosterone ในกระแสเลือดปกติแต่dihydrotestosteroneในเนื้อเยื่อสูงกว่าปกติ

  11. 3. แบคทีเรียในบรรยากาศแบคทีเรียที่สำคัญที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ คือPropionibacterium acnes (P. acnes) • เชื้อตัวนี้ย่อยไขมันจากต่อมไขมันให้เป็น free fatty acid โดยอาศัยเอนไซม์ lipase • P. acnes หลั่งเอนไซม์protease, hyaluronidaseและ low molecular weight chemotactic factor ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบขึ้น • ปริมาณของ P. acnes ไม่ได้แปรตามความรุนแรงของการเกิดสิว

  12. 4. การตอบสนองของร่างกายการตอบสนองของร่างกายเป็นสาเหตุข้อหนึ่งในการเกิดสิว โดยพบว่าผู้ที่เป็นสิวอย่างรุนแรงจะมีปริมาณของแอนติบอดีต่อ P. acnes มากขึ้น

  13. พันธุกรรม • เด็กที่เป็นสิวจะมีพ่อหรือแม่เป็นสิว 45% • เด็กที่ไม่เป็นสิวจะมีพ่อหรือแม่เป็นสิวเพียง 8% • ความรุนแรงของโรคที่เกิดในพ่อแม่ก็ไม่เหมือนกับที่เกิดในลูก • ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัดว่าพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับการเป็นสิว ปัจจัยอื่นที่กระตุ้นให้เกิดสิว

  14. 2. ยา • ทั้งยาทาและยารับประทานหลายชนิดอาจทำให้เกิดสิว หรือทำให้เกิดสิวเห่อมากขึ้น • ยาบางอย่างทำให้เกิดสิวเฉพาะคนบางคน แต่คนเป็นจำนวนมากได้รับยาอย่างเดียวกันนั้นอาจไม่เกิดสิว • ยาที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคสิวอย่างแน่นอนและก่อโรคในคนส่วนใหญ่ ได้แก่ • Corticosteroids (คล้าย Prednisone) พบได้บ่อยในการรักษาโรคหืด  • androgens,anabolic steroids ,gonadotropinsเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศชาย • Anticonvulsants (คล้าย Dilantin) เป็นยาที่ใช้ในการรักษาโรคลมชัก ลมบ้าหมู • Disulfuram(หรือยาที่ใช้รักษาอาการติดเหล้า) ใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะติดสุราเรื้อรัง  • Immuranยารักษาโรคภูมิคุ้มกัน ใช้เพื่อระงับระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะ • INH (Isoniazid) ปกติใช้ในการรักษาวัณโรค หรือ TB • Quinineใช้เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคมาลาเรีย  • Thyroid preparationsการรักษาโรคไทรอยด์บางวิธี http://www.acnethai.com/index.php?option=com_content&view=article&id=57:2009-02-03-15-53-22&catid=56&Itemid=9 24/11/10

  15. 3. เครื่องสำอาง • สบู่ น้ำมันใส่ผม ก็ทำให้เกิดสิวได้ (cosmetic acne, acne detergicans, pomade acne)

  16. 4. Premenstrual acne • มีรายงานว่าร้อยละ 60-70 ของผู้หญิงที่เป็นสิวจะมีสิวมากขึ้นใน 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน • เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่หลั่งออกมามากในช่วงนั้นทำให้มีการคั่งของน้ำในร่างกาย รูขุมขนจะบวมมากขึ้น • การไหลผ่านของไขมันเป็นไปได้ไม่ดีสิวมักเห่อใน 2-3 วันต่อมา

  17. 5. ภาวะเครียด • กระตุ้นให้เกิดสิวหรือไม่นั้นยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด • แต่มีบางรายงานที่กล่าวว่าสิวเห่อมากขึ้นในช่วงที่เครียดจากการสอบ • สิวทำให้เกิดภาวะเครียดเนื่องจากทำให้ใบหน้าดูไม่ดี • ทำให้ผู้ป่วยบีบหรือแกะสิว ซึ่งมีผลทำให้สิวอักเสบ รุนแรงมากขึ้น

  18. 6. อาชีพและสิ่งแวดล้อม • การทำงานในที่ที่มีอากาศร้อนชื้น เหงื่อออกมาก ทำให้เกิดการบวมของท่อไขมันและเกิดสิวตามมาได้ • การทำงานที่ต้องสัมผัสกับน้ำมันก็อาจทำให้เกิดสิวได้ เช่นน้ำมันเครื่องจักรกล, crude petroleum tar

  19. 7. อาหาร • เดิมเชื่อว่าอาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต, อาหารที่มีไขมันมาก มีผลทำให้สิวเห่อ • แต่จากการศึกษาไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับความรุนแรงของสิว

  20. หลักเกณฑ์ในการรักษาสิวค่อนข้างจะตรงไปตรงมาตามพยาธิกำเนิด • การรักษาไม่สามารถจะรักษาสิวให้หายได้อย่างรวดเร็วทันใจภายใน 1 สัปดาห์ • การรักษาอาจจะพอเห็นผลดีขึ้นบ้างอย่างน้อยภายใน 2-4 สัปดาห์ • ซึ่งถ้าได้รับการรักษาที่เหมาะสมจะดีขึ้นประมาณ 40% • เมื่อรักษาได้ครบ 2 เดือน, เมื่อครบ 4 เดือนจะดีขึ้นประมาณ 60% และเมื่อครบ 6 เดือนจะดีขึ้นประมาณ 80% หรือมากกว่า การรักษา

  21. ยาทา • ยาทาที่ใช้รักษาสิวออกฤทธิ์ที่สำคัญ คือ • ฤทธิ์กำจัดหัวสิว • ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ • ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ ยาทา

  22. 1. Benzoyl peroxide • ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อ P. acnes • ลดปริมาณกรดไขมันอิสระ • ลดขนาดและจำนวนของ comedonesรวมทั้งรอยสิวที่อักเสบลง • ได้ผลดีทั้งสิวอักเสบและไม่อักเสบ • Benzoyl peroxide อาจจะทำให้ ผิวหนังเกิดอาการระคาย แห้ง ลอกและอาการผื่นแพ้จากการสัมผัสได้ แนะนำให้ใช้ยาเพียง 5-10 นาที วันละ 2 ครั้งแล้วล้างยาออกด้วยน้ำเปล่า เมื่อเริ่มคันกับการใช้ยาจึงเพิ่มเวลาในการทายาให้นานขึ้น • มีหลายรูปแบบในความเข้มข้น 2.5%, 5% และ 10% ในรูปของ gel และ lotion • ยาในชนิด gel ออกฤทธิ์ดีกว่า lotion และตัวยาในความเข้มข้น 2.5% ได้ผลในการรักษาพอๆ กับ 5% และ 10% อีกทั้งยังก่อให้เกิดอาการระคายผิวน้อยกว่าด้วย

  23. 2. antibiotics ชนิดทาเฉพาะที่ • ออกฤทธิ์เป็น bacteriostatic และออกฤทธิ์ลดการอักเสบ • ได้ผลดีกับรอยโรคชนิดอักเสบ คือ ตุ่มนูนแดงแข็ง (papule) และสิวหนองชนิดตื้นหรือลึก (pustules) • รอยโรคแบบ comedoและสิวขนาดใหญ่ เป็นถุงใต้ผิวหนังภายในมีหนองหรือสารเหลวๆ คล้ายเนย (cyst) อาจจะไม่เปลี่ยนแปลง • ยา clindamycin และ erythromycin ใช้ทาได้สะดวก • ผลที่ได้ใกล้เคียงกัน รองลงมาคือ tetracycline ยากลุ่มนี้ถ้าใช้ต่อไปนาน ๆจะมีเชื้อโรคซึ่งดื้อต่อยา • ยาทาต้านเชื้อแบคทีเรียทุกชนิด ใช้ทาวันละ 2 ครั้ง antibiotics ชนิดทาเฉพาะที่

  24. ใช้ทารักษาสิว ได้แก่ 2.1 Clindamycin phosphate ความเข้มข้น 1% 2.2 Erythromycin base solution ความเข้มข้นต่างๆ กัน ตั้งแต่ 1.5-2% 2.3 Tetracycline hydrochloride solution Topical antibiotic

  25. 3. Azelaic acid cream • เป็นยารักษาสิวที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อ P. acnes และS. epidermidis • ยับยั้งการเกิด comedo • ยับยั้งการอักเสบแต่ไม่มีผลต่ออัตราการหลั่งsebum • ผลของการรักษาใกล้เคียงกับ benzoyl peroxide และ retinoic acid • ชื่อยา Skinoren® ใช้ทาผิวหนังวันละ 2 ครั้ง

  26. 4. Tretinoin(Vitamin A acid ) • มีจำหน่ายในชื่อ Airol® และ Retin-A® หรืออื่นๆ อีก ความเข้มข้นของยา0.1%, 0.05% cream หรือ 0.05% liquid, 0.01%, 0.025% gel • ออกฤทธิ์เป็นยาที่กำจัดหัวสิว (comedolytic agent) ที่ดีที่สุด • ยับยั้งการเกิด comedoขึ้นใหม่ และทำให้ comedoซึ่งเกิดขึ้นแล้วหลวมตัวหลุดออกไปง่ายขึ้น • ลดจำนวนชั้น stratum corneumที่ปกติด้วย ช่วยให้ยาตัวอื่นผ่านผิวหนังได้ดี • ใช้ทาเพื่อรักษาสิวหัวดำและสิวหัวขาว (comedo acne) • ใช้ยานี้เพียงอย่างเดียว หรือจะใช้ร่วมกับ benzoyl peroxide gel หรือยาทาต้านเชื้อแบคทีเรียชนิดอื่นๆ ด้วยก็ได้

  27. ยารับประทานผู้ป่วยซึ่งเป็นสิวชนิดที่รุนแรงขึ้น • มี papule (หัวสิวที่อักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มแข็งสีแดง), pustule (หัวสิวที่เป็นหนองชนิดตื้นและลึก), cyst และแผลเป็น นอกจากจะใช้ยาทาดังกล่าวแล้ว ควรให้ยารับประทาน เช่น antibiotics ร่วมด้วย ยารับประทาน

  28. Retinoid :Isotretinoinเป็นอนุพันธ์ของกรดวิตามิน เอ ใช้ในการรักษาสิวชนิดรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาปฏิชีวนะ • ออกฤทธิ์ทำให้ต่อมไขมันมีขนาดเล็กลง การหลั่งไขมันลดลง • ช่วยให้การสร้างเคอราตินของท่อต่อมไขมันกลับเข้าสภาพปกติ • ลดการอักเสบของสิวและลดปริมาณ P. acnes ด้วย • ขนาดที่ใช้คือ 20-30 มก./วัน ให้นานติดต่อกัน 16-20 สัปดาห์ • จะเริ่มเห็นผลเมื่อเวลาผ่านไป 3-4 สัปดาห์ ในผู้ป่วยบางรายมีสิว เห่อมากขึ้นในช่วง 2-4 สัปดาห์แรกแต่ไม่จำเป็นต้องหยุด รับประทานยา • ไม่ควรใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะกลุ่ม tetracycline ยารับประทานที่พบบ่อย

  29. ฮอร์โมน:Cyproteroneacetate ยาตัวนี้ออกฤทธิ์เป็นตัวต้าน androgen • ลดขนาดและการหลั่งไขมันของต่อมไขมัน • ใช้ได้เฉพาะผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีสิวสัมพันธ์กับการมีประจำเดือน หรือในผู้หญิงที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษา • ยาที่มีขายใน ท้องตลาดในรูปของยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของ cyproterone acetate 2 มก.และ ethinyl estradiol 0.05 มก. • ยา 1 แผงประกอบด้วยยา 21 เม็ด เริ่มรับประทานยาเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน เริ่มเห็นผลเมื่อใช้ยาไปนาน 3-4 เดือน ควรใช้ยานาน 6-12 เดือน โดยใช้ควบคู่ไปกับยาทารักษาสิว • ผลข้างเคียงคล้ายคลึงกับยาคุมกำเนิดทั่วๆ ไป คือ คลื่นไส้ อาเจียน น้ำหนักตัวเพิ่มประจำเดือนผิดปกติ และเป็นฝ้า ไม่ใช้ยานี้ในผู้ชาย เด็ก ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 16 ปี หรือผู้หญิงอายุมากมีประวัติสูบบุหรี่จัด มี varicose vein

  30. 1. การใช้ความเย็น(liquid nitrogen) ใช้ไม้พันสำลีจุ่มใน liquid nitrogen และแตะที่สิวอักเสบที่เป็นซีสต์ 2 ครั้ง ครั้งละ 20 วินาที แต่ละครั้งห่างกันนาน 2 นาที • จุดประสงค์เพื่อช่วยลดการอักเสบ และความเย็นจะทำให้ผนังของซีสต์ถูกทำลายไป การรักษาโดยวิธีทางกายภาพ

  31. 2. การกดสิว • ใช้รักษาสิวที่ไม่อักเสบทั้งชนิดหัวดำและหัวขาว • เพื่อช่วยให้การกดสิวเป็นไปได้ง่ายขึ้น • การกดสิวต้องทำให้ถูกหลักวิธี และสะอาด • มิฉะนั้นจะทำให้หัวสิวที่อุดตันอยู่หลุดลงไปในชั้นหนังแท้ และทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม

  32. 3. การฉีดสตีรอยด์ใต้หัวสิว • ใช้ Kenacort® ความเข้มข้น 2.5 มก./มล. ในปริมาณ0.25-0.1 มล. • ฉีดเข้าที่ถุงสิวด้วยความระมัดระวัง การฉีดสตีรอยด์จะทำให้การอักเสบของสิวลดลงอย่างรวดเร็ว • ข้อพึงระวัง คือ การฉีดยาลึกเกินไปหรือปริมาณยามากเกินไป ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิด atrophy หรือpurpuraขึ้นได้

  33. เครื่องสำอางกับการเกิดสิว (cosmetic acne) • ลักษณะสิวจากเครื่องสำอาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า • จะเป็นตุ่มแดงเล็กๆ เป็นผื่นที่แก้ม คาง และหน้าผาก • มักพบหลังใช้เครื่องสำอาง 2-3 สัปดาห์ หรือหลายเดือน • ถ้าหยุดการใช้เครื่องสำอางต้นเหตุสิวมักดีขึ้น เครื่องสำอางกับการเกิดสิว(cosmetic acne)

  34. หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ผสมน้ำมันที่ซึมผ่านผิวหนังได้หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่ผสมน้ำมันที่ซึมผ่านผิวหนังได้ เช่น ลาโนลิน (กรดไขมันที่สกัดจากขนแกะ) • ควรเลือกเครื่องสำอางชนิดปราศจากน้ำมันและไม่ทำให้เกิดสิวอุดตัน • เลือกเครื่องสำอางที่ไม่ผสมน้ำหอม เพราะพบว่าน้ำหอมเป็นสาเหตุใหญ่ของการทำให้ผิวหน้าแพ้และระคายเคือง • ไม่ควรเลือกเครื่องสำอางที่ทาแล้วเป็นประกายมากเพราะมักมีส่วนผสมของผงไมก้า (mica) ที่เป็นอนุภาคที่เป็นแผ่นขอบหยักทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวอุดตันได้ง่าย การป้องกันสิวจากเครื่องสำอาง

  35. 1. หลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เช่น เครื่องสำอาง หรือครีมกันแดดที่เพิ่มความมันบนใบหน้า การนวดและการขัดหน้า2. การทำความสะอาดผิวหน้า ควรล้างหน้าด้วยน้ำยาล้างหน้าหรือคลีนเซอร์อย่างอ่อน (gentle cleanser) ที่ไม่มีฟอง เพียงวันละ 2-3 ครั้งเท่านั้น (ขึ้นกับความมันของผิวหน้า) ไม่ควรฟอกสบู่บ่อยเกินไป เพราะความเป็นด่างของสบู่จะระคายผิว และก่อให้เกิดสิวขึ้นได้3. หากมีความจำเป็นต้องใช้เครื่องสำอาง หรือโลชั่น ควรเลือกใช้เครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน (oil free) หรือโลชั่นที่ระบุว่าไม่ก่อให้เกิดสิว (non-acnegenic) และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedongenic)4. อย่าใช้มือที่ไม่สะอาดสัมผัสใบหน้าบ่อย5. อย่าบีบ หรือแกะหัวสิวให้แตก เพราะจะทำให้อักเสบมากขึ้น หายช้าลง หรือทำให้เกิดแผลเป็นได้ วิธีการปฎิบัติตนเพื่อไม่ให้เกิดสิวขึ้นหรือการป้องกันสิวเกิด

  36. 6. ควรสระผมบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ผมมันและลงมาปรกตามใบหน้า พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันใส่ผมหรือโฟมแต่งผม7. พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดหรือวิตกกังวลเกินไป8. ในกรณีที่เป็นสิวหัวหนองขนาดใหญ่หลายๆเม็ด หรือมีอาการอักเสบมาก ควรพบแพทย์ เพราะจะได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง จะได้ไม่เกิดแผลเป็นจากสิว9. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวมัน10. กรณีผิวหน้ามัน ควรซับมันออกจากผิวหน้าด้วยกระดาษซับ วิธีการปฎิบัติตนเพื่อไม่ให้เกิดสิวขึ้นหรือการป้องกันสิวเกิด

More Related