770 likes | 1.84k Views
ทบทวน. วิธีการทางสถิติ. 1. ใช้ในการวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือวิจัย. 2. ใช้ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง. 3.1 สถิติเชิงบรรยายหรือเชิงพรรณนา. 3. ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล. วิธีการทางสถิติ. 3.2.1 สถิติมีพารามิเตอร์. 3.2 สถิติอ้างอิงหรือเชิงอนุมาน. 4. ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล.
E N D
วิธีการทางสถิติ 1. ใช้ในการวิเคราะห์คุณภาพของเครื่องมือวิจัย 2. ใช้ในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง 3.1 สถิติเชิงบรรยายหรือเชิงพรรณนา 3. ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล วิธีการทางสถิติ 3.2.1 สถิติมีพารามิเตอร์ 3.2 สถิติอ้างอิงหรือเชิงอนุมาน 4. ใช้ในการนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูล 3.2.2 สถิติไร้พารามิเตอร์
ขั้นตอนการเลือกกลุ่มตัวอย่างขั้นตอนการเลือกกลุ่มตัวอย่าง 1. กำหนด/นิยามประชากรเป้าหมาย 2. รวบรวมสมาชิกทั้งหมดของประชากร 3. กำหนดหน่วยของการสุ่มตัวอย่าง 3.1 ใช้เกณฑ์ 3.2 ใช้สูตรคำนวณ 3.3 ใช้ตาราง 4. วางแผนการเลือกกลุ่มตัวอย่าง 5. ทำการเลือกกลุ่มตัวอย่าง
3. กำหนดหน่วยของการสุ่มตัวอย่าง 3.1 ใช้เกณฑ์ • จำนวนประชากรหลักร้อยใช้กลุ่มตัวอย่าง 15–30% • จำนวนประชากรหลักพันใช้กลุ่มตัวอย่าง 10–15% • จำนวนประชากรหลักหมื่นใช้กลุ่มตัวอย่าง 5–10% • จำนวนประชากรหลักแสนใช้กลุ่มตัวอย่าง 1-5% 3.2 ใช้สูตรคำนวณ 3.3 ใช้ตาราง
ตัวอย่างการกำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้เกณฑ์ร้อยละตัวอย่างการกำหนดขนาดตัวอย่างโดยใช้เกณฑ์ร้อยละ • จำนวนประชากร 450 คน • จะใช้กลุ่มตัวอย่าง = • จำนวนประชากร 2,500 คน • จะใช้กลุ่มตัวอย่าง = • จำนวนประชากร 80,000 คน • จะใช้กลุ่มตัวอย่าง = • จำนวนประชากร 125,000 คน • จะใช้กลุ่มตัวอย่าง =
3. กำหนดหน่วยของการสุ่มตัวอย่าง 3.1 ใช้เกณฑ์ 3.2 ใช้สูตรคำนวณ 3.3 ใช้ตาราง • ไม่ทราบจำนวนประชากร • ประมาณค่าสัดส่วน -> Cochran • ประมาณค่าเฉลี่ย -> Cochran • ทราบจำนวนประชากร • Taro Yamane - ประมาณค่าสัดส่วน • Krejcie and Morgan - ประมาณค่าเฉลี่ย
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีไม่ทราบขนาดของประชากร ใช้สูตร W.G. Cochran ผู้วิจัยจะใช้กลุ่มตัวอย่างกี่คน ถ้าสัดส่วนของประชากรเท่ากับ 0.2 ต้องการความเชื่อมั่น 95 % และยอมให้คลาดเคลื่อน ได้ 3% • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 มีค่าเท่ากับ 1.96 (มั่นใจ 95%) • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 มีค่าเท่ากับ 2.58 (มั่นใจ 99%)
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีไม่ทราบขนาดของประชากร ใช้สูตร W.G. Cochran ในการศึกษาการเจ็บป่วยในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเกี่ยวกับโรคกระเพาะอาหารของประชากรในอำเภอหนึ่ง ทราบจากการรายงานประจำปีที่ผ่านมาว่า มีผู้ป่วยโรคนี้ 20% จงคำนวณหากลุ่มตัวอย่าง เมื่อกำหนดความเชื่อมั่น 95% ความเคลื่อนที่ยอมได้ไม่เกิน 2% • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 มีค่าเท่ากับ 1.96 (มั่นใจ 95%) • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 มีค่าเท่ากับ 2.58 (มั่นใจ 99%)
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีไม่ทราบขนาดของประชากร ใช้สูตร W.G. Cochran ต้องการศึกษาคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้เกิดขึ้นได้ +/- 5 คะแนน จากงานวิจัยที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยเท่ากับ 75 คะแนน และ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 16 คะแนน หาขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ต้องการ • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 มีค่าเท่ากับ 1.96 (มั่นใจ 95%) • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 มีค่าเท่ากับ 2.58 (มั่นใจ 99%)
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีทราบจำนวนประชากรที่แน่นอน ใช้สูตรทาโร ยามาเน ประชากรที่จะศึกษามีทั้งหมดเท่ากับ 4,500 และยอมให้เกิดความคลาดเคลื่อนของการสุ่มร้อยละ 5 ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ใช้คำนวณเท่ากับกี่หน่วย
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง โดยใช้สูตรKrejcie and Morgan การศึกษาภาวะการเป็นผู้นำทางการพยาบาลของพยาบาลในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มีพยาบาลจำนวน 1200 คน โดยยอมให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ 5% และที่ระดับความเชื่อมั่น 95% จะต้องใช้ขนาดตัวอย่างเท่าใด ถ้าร้อยละ 50 ของคนทำงานในโรงพยาบาลเป็นพยาบาล
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีทราบจำนวนประชากรและประมาณค่าสัดส่วน ถ้าประชากรที่ใช้ในการวิจัยมีจำนวน 3,000 หน่วย ยอมรับให้เกิดความคลาดเคลื่อนจากตัวอย่างได้ 5% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% และสัดส่วนของลักษณะที่สนใจในประชากรเท่ากับ 0.7 จงหาขนาดของกลุ่มตัวอย่าง • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 มีค่าเท่ากับ 1.96 (มั่นใจ 95%) • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 มีค่าเท่ากับ 2.58 (มั่นใจ 99%)
ตัวอย่างการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีทราบจำนวนประชากรและประมาณค่าเฉลี่ย ขนาดประชากร 600 หน่วย ต้องการศึกษาคะแนนวิชาสถิติ ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้เกิดขึ้นได้ +/- 5 คะแนน จากงานวิจัยที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยเท่ากับ 75 คะแนน และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 10 คะแนน ขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่ต้องการจะเท่ากับเท่าไร • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.05 มีค่าเท่ากับ 1.96 (มั่นใจ 95%) • Z ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 มีค่าเท่ากับ 2.58 (มั่นใจ 99%)
4. วางแผนการเลือกกลุ่มตัวอย่าง 4.1 Probability Sampling 1. SimpleRandomSampling 2. SystematicRandomSampling 3. Stratified RandomSampling 4. Cluster Sampling 5. Multi-stage Sampling 4.2 Non-Probability Sampling 1. Accidental Sampling 2. Quota Sampling 3. Purposive Sampling 4. Convenience Sampling 5. Snowball Sampling
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 1. วิเคราะห์ทางกายภาพ 2. วิเคราะห์ทางสถิติ 2.1 ทั้งฉบับ • Validity • Reliability 2.2 รายข้อ • Item Difficulty • Item Discrimination 1. Content Validity - IOC: Index Objective Congruence 2. Construct Validity - Carver Method - Phi-Correlation 3. Criterion Related Validity - Concurrent Validity - Predictive Validity
การแปลผล r = 0 แสดงว่าตัวแปรทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์กันเลย < 0.5 แสดงว่าตัวแปรมีความสัมพันธ์กันน้อย 0.5 < < 0.8 แสดงว่าตัวแปรทั้งสองมีความสัมพันธ์กันปานกลาง > 0.8 แสดงว่าตัวแปรทั้งสองมีความสัมพันธ์กันสูง r = 1 แสดงว่าตัวแปรทั้งสองมีความสัมพันธ์กันเป็นบวกสมบูรณ์ r = -1 แสดงว่าตัวแปรทั้งสองมีความสัมพันธ์กันเป็นลบสมบูรณ์
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 1. วิเคราะห์ทางกายภาพ 2. วิเคราะห์ทางสถิติ 2.1 ทั้งฉบับ • Validity • Reliability 2.2 รายข้อ • Item Difficulty • Item Discrimination 1. Coefficient of Stability • Test-Retest Method และ Parallel Form Method 2. Coefficient of Internal Consistency • Split-half Method - KR20 • Cronbach’s Alpha - KR21
ตัวอย่าง Split-half Method • ในการนำแบบทดสอบที่จะสร้างขึ้นใหม่ฉบับหนึ่งไปทดลองทดสอบกับนักเรียนกลุ่ม หนึ่ง เมื่อนำผลการทดสอบมาตรวจคะแนนโดยแบ่งเป็นข้อคู่และคี่แล้วหาสหสัมพันธ์ ระหว่างคะแนนรวมข้อคู่กับคะแนนรวมข้อคี่ ได้ค่าสหสัมพันธ์ = 0.75 ต้องการทราบว่าแบบทดสอบฉบับนี้มีค่าความเชื่อถือได้เท่าไร
ตัวอย่าง KR21 จากการทดลองใช้แบบทดสอบซึ่งมีจำนวน 40 ข้อ ได้ค่าเฉลี่ย 23.8, S=8.6 จงหาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบฉบับนี้
ตัวอย่าง Cronbach’s Alpha • ในการสำรวจเจตคติครั้งหนึ่ง ได้มีการสร้างแบบวัดจำนวน 10 ข้อ แล้วนำไปทดลองให้กลุ่มตัวอย่างที่เลือกเป็นกลุ่มทดลองเครื่องมือจำนวนหนึ่ง ตอบ เมื่อนำผลมาคำนวณรายข้อ ได้ค่าความแปรปรวนของคะแนนแต่ละข้อดังนี้ 0.98, 1.02, 0.63. 0.75, 0.68, 1.05, 0.98, 0.92, 0.94, 1.05 และเมื่อคำนวณความแปรปรวนของคะแนนรวมได้เท่ากับ 25.87 จงคำนวณค่าความเชื่อถือได้ของแบบสอบถามฉบับนี้
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือการตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ 1. วิเคราะห์ทางกายภาพ 2. วิเคราะห์ทางสถิติ 2.1 ทั้งฉบับ • Validity • Reliability 2.2 รายข้อ • Item Difficulty • Item Discrimination
ตัวอย่างการหาค่าความยากและอำนาจจำแนกตัวอย่างการหาค่าความยากและอำนาจจำแนก ในการสอบครั้งหนึ่ง เมื่อนำคะแนนรวมมาจัดลำดับ และจำแนกเป็นกลุ่มสูงและกลุ่มต่ำแล้วพบว่า ข้อสอบข้อหนึ่งมีจำนวนผู้ตอบถูกในกลุ่มสูงจำนวน 15 คน กลุ่มต่ำ 8 คน จากจำนวนในแต่ละกลุ่มที่มีกลุ่มละ 22 คน จะสามารถคำนวณค่าความยากและค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบข้อนี้ได้ดังนี้
ระเบียบวิธีทางสถิติ 1. การเก็บรวบรวมข้อมูล 2. การเตรียมข้อมูล 3. การนำเสนอข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมูล 5. การตีความหมายของข้อมูล 6. การสรุปผลจากข้อมูลที่รวบรวมมาเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจที่มีเหตุผล
สถิติเชิงบรรยายหรือเชิงพรรณนา(Descriptive Statistics) เป็นการอธิบายหรือบรรยายลักษณะของข้อมูลที่เก็บรวบรวม แต่จะไม่สามารถอ้างอิงถึงลักษณะประชากรได้ เช่น 1. การแจกแจงความถี่ 2. การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง 3. การจัดตำแหน่งเปรียบเทียบ 4. การวัดการกระจาย 5. การวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูล 6. การวัดความสัมพันธ์ 7. การวัดการถดถอย
1. การแจกแจงความถี่ 1. แบบเรียงคะแนนแต่ละจำนวน (ไม่จัดกลุ่ม) 2. แบบเรียงคะแนนเป็นกลุ่ม (จัดกลุ่ม) • พิสัย (Range) • หาจำนวนชั้น จากสูตร k=1+3.3logN • ความกว้างแต่ละชั้น (Interval)
2. การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง 1. ตัวกลางเลขคณิตหรือค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) 2. มัธยฐาน (Median) 3. ฐานนิยม (Mode)
ตัวอย่างการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลางตัวอย่างการวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง • 22 20 9 22 21 20 21 24 25 21 22 5 จงหาค่า Mean, Median, and Mode
3. การจัดตำแหน่งเปรียบเทียบ 1. เปอร์เซ็นต์ไทล์ (Percentile) P(n + 1)/100 2. ควอไทล์ (Quartile) Q(n + 1)/4 3. เดไซล์ (Decile) D(n + 1)/10
ตัวอย่างเปอร์เซ็นต์ไทล์ (Percentile) • จงหาเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ 58 ของข้อมูลต่อไปนี้ 6.3 6.6 7.6 3.0 9.5 5.9 6.1 5.0 3.6
ตัวอย่างเปอร์เซ็นต์ไทล์ (Percentile) • จากข้อมูลข้างล่าง หากค่าข้อมูลเท่ากับ 5.9 จะอยู่ในเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่เท่าไหร่ 6.3 6.6 7.6 3.0 9.5 5.9 6.1 5.0 3.6
ตัวอย่างเปอร์เซ็นต์ไทล์ (Percentile)
ตัวอย่างควอไทล์ (Quartile) • ให้ 10, 13, 8, 11, 15, 17, 20, 14, 22 จงหาควอไทล์ที่ 1, 3, และมัธยฐาน และถ้ามีข้อมูลเท่ากับ 15 ตกอยู่ในควอไทล์ที่เท่าไร
ตัวอย่างควอไทล์ (Quartile) หาควอไทล์ที่ 3
ตัวอย่างเดไซล์ (Decile) • ให้ 35, 37, 32, 34, 38, 40, 46, 41, 49 จงหาเดไซด์ที่ 4, 8 และ มัธยฐาน
4. การวัดการกระจาย 1. พิสัย (Range) • ถ้าเป็นข้อมูลที่ไม่มีการแจกแจงความถี่ Range = Max - Min • ถ้าเป็นข้อมูลที่มีการแจกแจงความถี่เป็นอันตรภาคชั้น พิสัย = ขีดจำกัดบนที่แท้จริงของอันตรภาคชั้นสูงสุด – ขีดจำกัดล่างที่แท้จริงของอันตรภาคชั้นต่ำสุด 2. พิสัยระหว่างควอไทล์ (Interquartile Range) และ Semi-Interquartile Range IR = Q3-Q1 และ Q.D. = (Q3-Q1)/2
4. การวัดการกระจาย 3.ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) 4. ค่าแปรปรวน (Variance)
ตัวอย่างการวัดการกระจายตัวอย่างการวัดการกระจาย จากข้อมูล 20 25 25 30 30 45 45 45 55 60 จงหาพิสัย, พิสัยระหว่างควอไทล์,Semi-Interquartile Range, SD, และ Variance
5. การวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูล 1. การวัดความเบ้ (Skewness) • ความเบ้เป็น 0, - , + 2. การวัดความโด่ง (Kurtosis) • ความโด่งเป็น 0, - , +
ตัวอย่างการวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูลตัวอย่างการวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูล • จากข้อมูล 2, 4, 6, 8, 10, 12, 14, 16, 18, 20 จงหา Skewness
ตัวอย่างการวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูลตัวอย่างการวัดลักษณะของเส้นโค้งความถี่ของข้อมูล • จากข้อมูล 10, 12, 16, 9, 15, 10, 15, 10, 12, 11 • จงหา Skewness and Kurtosis
6. การวัดความสัมพันธ์ 1. Pearson Product-Moment Correlation Coefficient 2. Spearman Rank Correlation Coefficient 3. Kendall’s Tau Rank Correlation Coefficient