1 / 20

S.N.P. GROUP OF COMPANIES

S.N.P. NEWS. ข่าวสารฉบับที่ 139. S.N.P. GROUP OF COMPANIES. CLICK HERE. Free. www.snp.co.th Tel.0-2333-1199 ( 12 Line ). 1. CEO Articles. Global News. 2. Privilege Society. 3. Inside Customs. 4. Supply & Demand. 5. ทัศนา นานาท่าเรือ. 6. 7. SNP Joke. NEW PROMOTION. 8.

tavon
Download Presentation

S.N.P. GROUP OF COMPANIES

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. S.N.P. NEWS ข่าวสารฉบับที่ 139 S.N.P. GROUP OF COMPANIES CLICK HERE Free

  2. www.snp.co.thTel.0-2333-1199 ( 12 Line ) 1 CEO Articles Global News 2 Privilege Society 3 Inside Customs 4 Supply & Demand 5 ทัศนา นานาท่าเรือ 6 7 SNP Joke NEW PROMOTION 8 Logistics Specialist and International Freight Forwarder

  3. CEO Articles ยักษ์ใหญ่เอาไปกิน ปัจจุบัน รัฐบาลกำลังเป็นห่วงธุรกิจโลจิสติกส์ SME ของไทยจะอยู่ไม่ได้เมื่อประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การค้าเสรีทางด้านโลจิสติกส์ ซึ่งในสภาพปัจจุบันรัฐบาลเองก็ยอมรับว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ได้ตกไปอยู่ในมือของกิจการต่างชาติมานานแล้ว ความเป็นจริงก็คือ ธุรกิจของคนไทยอยู่ในสภาพ SME เกือบทั้งนั้น การช่วยเหลือของรัฐบาลด้านหนึ่ง ได้ทุ่มเทไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นถนนหนทางและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ซึ่งในข่าวสารฉบับที่แล้ว ผมโดยส่วนตัวเชื่อว่า ความช่วยเหลือด้านนี้ สุดท้ายแล้ว ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ซึ่งก็ย่อมหนีไม่พ้นธุรกิจโลจิสติกส์ต่างชาติขนาดใหญ่นั่นเอง ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลได้พยายามสร้างจุดเชื่อมให้แก่ธุรกิจโลจิสติกส์ SME ของไทย และการให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้และการเงิน โดยรัฐบาลเลือกที่จะส่งผ่านสมาคมต่าง ๆ รัฐบาลอาจรู้ หรืออาจไม่รู้ก็ได้ว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีสมาคมที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์มากมายเหลือเกิน เจตนารมณ์ของสมาคมมากมายเหล่านี้ ย่อมเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลในสาขาอาชีพเดียวกัน เพื่อให้มีพลังในการดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เป็นประโยชน์ของกลุ่ม นี่คือเจตนารมณ์ในทางทฤษฎีครับแต่ในความเป็นจริง สมาคมมากมายเหล่านี้ เกิดจากกลุ่มบุคคลที่แบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับ ประเภทหนึ่งทำไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มหรือของส่วนรวมจริง ๆ ส่วนจะเป็นบุคคลไหน สมาคมไหน ผมว่า คนของรัฐบาลก็ย่อมดูออก และบุคคลหรือสมาคมที่อยู่ประเภทนี้ก็มีมากที่ควรได้รับการยกย่อง สรรเสริญจริง ๆ อ่านต่อหน้า 2

  4. ส่วนอีกประเภทหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการก่อตั้งขึ้น หรือวิธีการบริหาร ใครมาดู ใครมาเห็น ก็รู้ ๆ อยู่ว่า เป็นการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือพวกพร้องเท่านั้น บางท่านอาศัยตำแหน่งกรรมการสมาคมเข้ามามีบทบาทเพื่อสร้างงานส่วนตัวให้มากขึ้นเป็นงานหลัก ส่วนงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมกลับเป็นงานรอง ทีนี้เราลองมาคิดดูซิครับ รัฐบาลให้ความช่วยเหลือโดยผ่านทางสมาคม แต่สมาคมเกี่ยวกับโลจิสติกส์ของไทยมีมากเหลือเกิน มากจนไม่มีเอกภาพ อย่างนี้แล้วความช่วยเหลือที่รัฐบาลให้จะไปตกอยู่ที่ใดครับ สมาคมบางสมาคม ผมขอย้ำว่าบางสมาคมนะครับ เป็นแหล่งทำมาหากินของคนที่มิได้มีเจตนาเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง การช่วยเหลือของรัฐบาลที่สร้างเป็นโครงการมากมาย ยิ่งสร้างให้แก่สมาคมเหล่านี้ก็ยิ่งห่างไกลความจริงออกไปจนไม่รู้ว่า ประโยชน์ไปตกที่ใดจริง ๆ ครับ ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่ง สมาคมที่ต่อสู้กับธุรกิจโลจิสติกส์ต่างชาติจะมีลักษณะงานที่ต้องเคลื่อนย้ายสินค้าระหว่างประเทศได้ตั้งแต่ต้นทางแหล่งผลิต (Point of Origin) จนส่งมอบถึงปลายทางผู้บริโภค (End User) ซึ่งก็คือบุคคลในกลุ่มที่ 1 ที่ผมกล่าวไว้ในฉบับที่แล้ว แม้จะธุรกิจเล็กแต่ก็ต้องสู้กับยักษ์ใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กลุ่มบุคคลที่ 2 ที่หากินกับบรรดาเงินใต้โต๊ะ ผมว่ากลุ่มนี้ รัฐบาลคงไม่ได้ประสงค์ข่วยเหลือสักเท่าใด ส่วนกลุ่มที่ 3 ที่ประกอบด้วยกิจการขนส่งขนาดต่าง ๆ รถบรรทุก กิจการคลังสินค้า กิจการเครื่องมือหนักในการเคลื่อนย้ายสินค้า และอื่น ๆ กลุ่มนี้จะถูกผลกระทบมากและไม่รู้จะไปต่อสู้กับกิจการข้ามชาติอย่างไร หากข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลจิสติกส์ไทยเป็นไปอย่างที่ผมเห็น สมาคมมีมาก บางคนมีผลประโยชน์ทับซ้อน บางธุรกิจไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสู้ได้ ภาพเหล่านี้ทำให้ผมมองว่า สุดท้ายแล้ว การช่วยเหลือของรัฐบาลจะทำให้ธุรกิจโลจิสติกส์ SME ของไทยได้อานิจสงค์ไปเพียงไม่เท่าไร และไม่ว่ารัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือลงไปมากน้อยเพียงใด หากข้อเท็จจริงยังเป็นอยู่เช่นนี้ ผมว่าสุดท้ายยักษ์ใหญ่ก็ยังคงเอาไปกินอยู่ดีครับ สิทธิชัย ชวรางกูร กลับสู่หน้าหลัก

  5. Global News พาณิชย์จี้สินค้าที่ได้อานิสงส์ค่าบาทแข็งให้ลดราคา นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ผู้ประกอบการส่งออกจะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่การนำเข้าวัตถุดิบเพื่อผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคภายในประเทศจะมีราคาที่ถูกลงดังนั้นจึงได้ให้กองตรวจสอบราคาสินค้าไปตรวจสอบข้อมูลกลุ่มสินค้าที่ได้รับอานิสงส์ จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นว่ามีกลุ่มใดบ้าง เบื้องต้นวัตถุดิบที่อิงกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าเหล็ก ตะกั่ว ทองแดง ปุ๋ยเคมี แต่ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจน แม้ว่าค่าเงินบาทแข็งค่า จะส่งผลดีในแง่ของราคาวัตถุดิบที่นำมาผลิตลดลงบ้าง แต่ต้องดูข้อมูลก่อนว่าผู้ประกอบการที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตได้รับผลกระทบ หรือมีวัตถุดิบค้างสต๊อกมากขนาดไหน คาดว่าจะสรุปข้อมูลได้ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะชี้ชัดว่ากลุ่มสินค้าใดควรที่จะปรับราคาสินค้าลดลงตามต้นทุนที่แท้จริง กลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคโดยรวมยังไม่ปรับตัวสูงขึ้น เพราะอยู่ในช่วงการขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคไปจนถึงสิ้นเดือน ก.ย. นี้ ทำให้ราคาสินค้าโดยรวมอยู่ในอัตราเดิม และกลุ่มสินค้าวัตถุดิบที่อิงราคาตลาดโลก กลุ่มนี้ก็ถือว่ามีการปรับขึ้นและลดลงตามภาวะราคาตลาดโลกดังนั้น การติดตามราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคของกระทรวงพาณิชย์ ก็จะติดตามดูแลสินค้าทุกประเภทอย่างใกล้ชิด อ่านต่อหน้า 2

  6. มาร์คเชื่อมั่นการค้าไทย-จีน เป็นไปตามเป้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใช้โอกาสเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน พบปะกับทีมประเทศไทยในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นภารกิจแรกของการเดินทางเยือนจีนในวันแรก ซึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พิจารณาถึงเป้าหมายความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของการค้านั้น ยังเชื่อมั่นว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งประโยชน์จากการเปิดเขตการค้าเสรี จะช่วยให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่การลงทุนจีนให้ยังคงให้ความสนใจ และยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้น ก็จะมีการตัดสินใจในการที่ชัดเจนในการที่จะมาลงทุนมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกมาก ซึ่งไทยจะพยายามส่งเสริมการเดินทางโดยทางถนน หรือระบบราง แทนการเดินทางด้วยเครื่องบิน ซึ่งยังเกิดปัญหาคอขวด เนื่องจากไม่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก นอกจากนี้ยังจะขยายความร่วมมือด้านสังคม วัฒนธรรม ความร่วมมือทางด้านการเงิน เช่นการปรับบทบาทให้สกุลเงินหยวน เป็นสกุลเงินค้าขายในภูมิภาคให้มากขึ้น สำหรับความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมนั้น ยังมีโอกาสมีความเป็นไปได้สูง ที่ละครไทย และภาพยนตร์ไทย จะ มาเจาะตลาดผู้ชมในจีน ซึ่งมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น. ไทยรัฐออนไลน์ อ่านต่อหน้า 3

  7. ปากีฯ - อินเดียห้ามส่งออกเส้นด้าย กระทบสิ่งทอไทยอ่วม นายวิรัตน์ ตันเดชานุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งทอ เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทยในรอบ 7 เดือนแรกของปีนี้ ปรากฏว่ามีการส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมูลค่า 4,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีอัตราการเติบโต 16.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีการส่งออกเพียง 3,665 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าสิ่งทอประเภท เส้นใยสังเคราะห์ เส้นด้ายและผ้าผืนขณะเดียวกันในส่วนของเครื่องนุ่งห่ม มีอัตราการเติบโต 1.8 % โดยเสื้อผ้าสำเร็จรูปเติบโตเพียง 0.6% และตลาดส่งออกหลักของไทยคืออาเซียน ขณะนี้อุตสาหกรรมสิ่งทอไทย กำลังเผชิญกับปัญหาฝ้ายและเส้นด้ายที่ทำจากฝ้ายเริ่มขาดแคลนในตลาดโลก เพราะประเทศผู้ผลิตหลักคืออินเดียและปากีสถาน จำกัดปริมาณส่งออกฝ้ายและเส้นด้ายที่ทำจากฝ้าย เนื่องจากกระทรวงสิ่งทอของอินเดียออกประกาศควบคุมปริมาณการส่งออกฝ้าย หลังจากความต้องการฝ้ายของอุตสาหกรรมสิ่งทอในประเทศอินเดียมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งตามกฎข้อบังคับของอินเดีย ผู้ส่งออกฝ้ายจะต้องจดทะเบียนกับกระทรวงสิ่งทอและจำนวนฝ้ายที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้วเท่านั้นจึงจะสามารถส่งออกได้ อีกทั้งการที่โรงปั่นและสมาคมผู้ส่งออก ของอินเดีย ได้ผ่านความเห็นชอบในข้อตกลงการลดราคาเส้นด้ายที่ทำจากฝ้ายทุกขนาด เพื่อช่วยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทอผ้าภายในประเทศอินเดีย กรณีดังกล่าวได้ส่งผลให้ราคาขายฝ้ายในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปอนด์ แม้ว่าสหรัฐฯที่เป็นประเทศผู้ผลิตฝ้ายรายใหญ่ของโลก จะยืนยันผลผลิตและปริมาณสำรองฝ้ายของสหรัฐฯว่ายังมีปริมาณเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศและเพียงพอแต่การส่งออกในตลาดโลกตลอดปีนี้ แต่ก็เป็นเพียงการช่วยสกัดไม่ให้ราคาฝ้ายพุ่งสูงไปมากกว่านี้เท่านั้น ไม่ได้ทำให้ราคาลดลงแต่อย่างใด อ่านต่อหน้า 4

  8. สำหรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยนับจากนี้ไปนั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนของโรงปั่นเส้นด้ายที่ไม่ได้มีการสต๊อกฝ้ายไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อสต๊อกถูกใช้หมดลง และราคาฝ้ายในตลาดโลกถีบตัวสูงขึ้น จะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นไม่สามารถส่งออกไปตลาดโลกได้มากนัก และยังส่งผลให้เส้นด้ายจากใยสังเคราะห์ เช่น โพลีเอสเตอร์ ฯลฯ ซึ่งเดิมมีแนวโน้มราคาที่ลดต่ำลงก็จะมีราคาแพงขึ้น ส่วนโรงงานทอผ้าและโรงงานถักผ้าของไทยกำลังประสบปัญหาเป็นอย่างมากในการรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) จากต่างประเทศ ไม่กล้ารับออเดอร์เพราะเกรงว่าจะจัดหาเส้นด้านมาผลิตสินค้าเพื่อส่งมอบลูกค้า ไม่ทันตามสัญญา เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ 2 ประเทศคือจีนและอินเดีย ไม่อนุญาตให้ส่งออกเส้นด้ายหรือส่งออกในจำนวนไม่มากนัก ขณะเดียวกันในส่วนของผู้ผลิตเสื้อผ้า/เครื่องนุ่งห่มเอง ก็ประสบปัญหาในเรื่องของการกำหนดราคาขายในอนาคตมากขึ้น จึงมีผู้ผลิตเสื้อผ้าหลายราย ที่เริ่มใช้วิธีการลงคำสั่งซื้อกับโรงงานทอ/ถักผ้า ในลักษณะปริมาณสูง แต่ใช้การทยอยจัดส่ง เพื่อตรึงราคาซื้อผ้าและโยนภาระความเสี่ยงในเรื่องราคาเส้นด้ายให้กับโรงงาน ผู้ผลิตผ้ารับภาระดังกล่าวไปแทน. อ่านต่อหน้า 5

  9. ธปท.สั่งเลิกค่าต๋งถอนเงินข้ามเขต โอนเงินข้ามแบงก์ฟรีสิ้นปีนี้ ธปท.เอาจริง นัดแบงก์คุยรอบสุดท้าย 9 กันยายนนี้ ขีดเส้นภายในกลางปีหน้าเลิกเก็บค่าธรรมเนียมข้ามเขต ทั้งถอนเงินหน้าเคาน์เตอร์ หรือโอนข้ามเขต ฮึ่มเลิกต๋งโอนเงินเข้าบัญชีระหว่างแบงก์ภายในสิ้นปีนี้ คาดรายได้หายหมื่นล้านแต่ยอมให้แบงก์ขึ้นค่าธรรมเนียมเช็คได้ จากปัจจุบันคิดแค่ใบละ 15 บาท ขณะที่ต้นทุนอยู่ที่ 40-50 บาท นายฉิม ตันติยาสวัสดิกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายระบบข้อสนเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.มีแนวทางการปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียม โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมการการทำธุรกรรมข้ามเขต ค่าคู่สาย โดยจะขอความร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์ให้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมข้ามเขต ทั้งกรณีถอนเงินสดหน้าเคาน์เตอร์ การโอน และเช็คข้ามเขต ขณะเดียวกันจะขอให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมบริการโอนเงินเข้าบัญชีระหว่างธนาคาร (Bulk Payment) ในการประชุมวันที่ 9 กันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม ธปท.มีอำนาจบังคับได้ตาม พ.ร.บ.ธุรกิจสถาบันการเงิน มาตรา 46 (3) ซึ่งจะใช้เป็นไม้ตายสุดท้าย คาดว่ารายได้ธนาคารพาณิชย์จะหายไปประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อปีจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมข้ามเขตซึ่งจะให้เวลายกเลิกค่าธรรมเนียมข้ามเขตภายในไตรมาส 2/2554 โดยจะให้เวลาแบงก์พาณิชย์ปรับระบบและดำเนินการแก้ไขสัญญากับลูกค้า ขณะเดียวกันยังวางกรอบระยะเวลาให้ยกเลิกค่าธรรมเนียมบริการโอนเงินเข้าบัญชีระหว่างธนาคารภายในไตรมาส 4 ปีนี้ เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นการสร้างอุปสรรคระหว่างธนาคารขึ้นมา หลายแห่งจึงเลี่ยงไปเปิดบัญชีหลายๆ ธนาคารไว้หรือบางแห่งก็หันไปใช้เช็คจึงเป็นภาระโดยไม่จำเป็น ขณะเดียวกันจะมีการชดเชยให้โดยมีความเป็นไปได้ที่จะให้ธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเช็คและค่าธรรมเนียมถอนเงินสดได้ ขณะนี้การขนเงินสดระยะห่างไกล ธปท.เป็นผู้ดำเนินการให้ ทำไมคนต่างจังหวัดต้องเสียเปรียบ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมข้ามเขตสมัยก่อนอาจจะเหมาะสม เพราะมีต้นทุนจริงจากการขนส่งเงินสด และการดูแลบัญชีที่เป็นระบบกระจายอยู่ในระดับสาขา แต่ละแบงก์ก็มีการกำหนดเขตไม่เหมือนกัน ไม่เป็นมาตรฐาน จึงให้เลิกเก็บค่าธรรมเนียมข้ามเขต ประชาชาติธุรกิจ กลับสู่หน้าหลัก

  10. Privilege Society ตอน กฏแหล่งกำเนิดสินค้า ปัจจัยสำคัญของการใช้สิทธิฯ กฏแหล่งกำเนิดสินค้า หรือในเวอร์ชั่นอังกฤษว่า Rules of Origin : RoO เป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆนะครับ สำหรับผู้ส่งออกชาวไทย ที่ต้องการส่งออกสินค้าไปขายที่ต่างประเทศและต้องการอำนวยความสะดวกให้ผู้ซื้อในการขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีนำเข้า ณ ประเทศปลายทาง ผ่านการใช้สิทธิตามข้อตกลงการค้าเสรี ผู้ส่งออกหลายท่านนะครับ ที่ประสบกับปัญหากับ RoO จนไม่สามารถตีความได้ ทำให้พอผลิตสินค้าเสร็จ ก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะขอ ใบรับรองแหล่งกำเนิด หรือ C/O ได้ ปัญหาการตีความ RoO ในส่วนตัวของผม ผมคิดว่าปัญหามันอยู่ที่ ความแตกต่างกันของ RoO ใน FTA แต่ละกรอบนั่นเอง ปัจจัยดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้ส่งออกที่มีคู่ค้ากระจายอยู่หลายประเทศ มีภาระต้องเรียนรู้ความแตกต่างดังกล่าวอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและช่วยไม่ได้ครับ เพื่อตอบแทนท่านผู้อ่านที่น่ารักของผมทุกท่าน ผมขอถือโอกาสอธิบาย RoO ในสไตล์ของนักวิชาการดีกรีต่ำอย่างผม ผ่านทาง Privilege Society นี้ก็แล้วกัน RoO เป็นการระบุว่า สินค้านั้นๆ จะได้แหล่งกำเนิดของประเทศส่งออกได้อย่างไร ซึ่งบอกตามตรงครับ วิธีที่ว่า แบ่งออกเป็นสองแบบเท่านั้นเอง ไม่ว่าจะเป็น FTA กรอบใด แบบแรกก็คือ การได้แหล่งกำเนิด อันเนื่องมาจาก การผลิตสินค้าที่ใช้วัตถุดิบทั้งหมดมาจากประเทศผู้ส่งออก ภาษาปะกิดเราเรียก Wholly Obtained : WO นะครับ จำไว้หน่อยนะครับ สินค้าที่ได้แหล่งกำเนิดด้วยวิธี RoO นั้น จะเป็นสินค้าที่ผลิตโดยใช้วัตถุดิบจากประเทศผู้ส่งออกล้วนๆ ไม่มีการนำเข้าวัตถุดิบใดๆจากต่างประเทศเลย ส่วนใหญ่สินค้าประเภทนี้มักจะเป็น สินค้าที่ปลูก เก็บเกี่ยว หรือสกัด ภายในอาณาเขตของประเทศผู้ส่งออกเอง เช่น พืช ผัก สัตว์ ผลไม้ เป็นต้น อ่านต่อหน้า 2

  11. ผมขอยกตัวอย่างให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกสักนิดนะครับผมขอยกตัวอย่างให้ชัดเจนยิ่งขึ้นอีกสักนิดนะครับ เกษตรกรชาวไทยนำเข้าเมล็ดพันธุ์ สับปะรด มาจาก มาเลเซีย ขยายพันธุ์ และทำการส่งออกไปยัง อียู สับปะรดทีได้จากการขยายพันธ์นี้ถือว่าได้แหล่งกำเนิดแบบ WO และสามารถขอ C/O ได้แน่นอน บางคนหัวหมอ ถามว่า อ้าว แล้วถ้าตอนขยายพันธุ์ เกษตรกรใช้ปุ๋ยที่นำเข้ามาจากต่างประเทศล่ะ สับปะรดนี้จะยังได้แหล่งกำเนิดอยู่รึเปล่า จินตนาการตามผมเลยนะครับ คุณอั้ม พัชราภา ฟอร์เอเวอร์ เซ็กซี่สตาร์ ของเมืองไทย เป็นคนไทยแท้ๆร้องเปอร์เซนต์ถูกไหมครับ ถ้าคุณอั้มไปทานกาแฟ Starbucks ที่พารากอน ผมถามว่าคุณอั้มจะเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน ตามกาแฟไหมครับ หรือหากคุณอั้มมีลูก ลูกคุณอั้มดื่มนมที่นำเข้าจากต่างประเทศ ลูกคุณอั้มจะได้ 2 สัญชาติไหม ก็คงไม่จริงไหมครับ (แต่ถ้าผู้เขียนได้เกิดเป็นลูกคุณอั้ม ผมจะเลือกดื่มนมแม่ครับ 5555) ดูตัวอย่างที่ใช่ไปแล้ว ลองดูตัวอย่างที่ไม่ได้บ้างก็แล้วกัน เกษตรกรนำเข้าหมูจาก เยอรมณี เข้ามา หลังจากนั้น ให้อาหาร ขุนจนเจ้าหมูตัวนั้นอ้วนแล้ว จึงเชือดเพื่อเอาเนื้อมาส่งออกไปต่างประเทศ กรณีนี้ไม่ได้แหล่งกำเนิดแบบ WO นะครับ เพราะถือว่าหมูตัวนั้น ยังสัญชาติเยอรมัน สปีคด๊อยช์อยู่เหมือนเดิม สัปดาห์นี้เนื้อที่ไม่พอครับ สัปดาห์หน้ามาว่ากันต่อ เกี่ยวกับวิธีได้แหล่งกำเนิด หรือ RoO แบบที่ 2 กัน กลับสู่หน้าหลัก โดย...Mr. Privilege

  12. Inside Customs ตอน ความผิดทางศุลกากร สัปดาห์ที่แล้ว ผมนำเรื่องราวของขอบเขตอำนาจของเจ้าหน้าที่ศุลกากร ในการเข้าไป Post Audit ณ สถานที่ของผู้ประกอบการ มาให้ท่านผู้อ่านทราบไปแล้วนะครับ สัปดาห์นี้ ผมจะขออนุญาตนำเอา ลักษณะของความผิดทางศุลกากร มาเล่าสู่กันฟังบ้าง ความผิดทางศุลกากรที่มักพบได้เสมอๆ ในการการนำเข้าส่งออก สามารถจำแนกออกเป็น 5 ประเภทใหญ่ ๆ คือ1. ความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร การลักลอบหนีศุลกากรหมายถึง การนำของที่ยังไม่ได้เสียค่าภาษีอากร หรือของที่ควบคุมการนำเข้าหรือของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาหรือส่งออกไปนอกประเทศไทย โดยของที่ลักลอบหนีศุลกากรอาจเป็นของที่ต้องเสียภาษีหรือไม่ต้องเสียภาษีก็ได้ หรืออาจเป็นของต้องห้ามหรือของต้องกำกัดหรือไม่ก็ได้ หากไม่นำมาผ่านพิธีการศุลกากร ก็มีความผิดฐานลักลอบหนีศุลกากร ทั้งนี้ กฎหมายศุลกากรได้กำหนดโทษผู้กระทำผิดฐานลักลอบหนีศุลกากรสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ไว้สูงสุดคือ ให้ริบของที่ลักลอบหนีศุลกากรและปรับเป็นเงิน 4 เท่าของของราคารวมค่าภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับและจำ 2. ความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากร การหลีกเลี่ยงภาษีอากรหมายถึง การนำของที่ต้องชำระค่าภาษีอากรเข้ามาหรือส่งของออกไปนอกประเทศไทยโดยนำมาผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง แต่ใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งโดยมีเจตนาเพื่อมิให้ต้องชำระค่าภาษีอากรหรือชำระในจำนวนที่น้อยกว่าที่จะต้องชำระ เช่น สำแดงปริมาณ น้ำหนัก ราคา ชนิดสินค้า หรือพิกัดอัตราศุลกากรเป็นเท็จ เป็นต้น ดังนั้นผู้นำเข้าหรือส่งออกที่มีความผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรจึงมีความผิดฐานสำแดงเท็จอีกฐานหนึ่งด้วย กฎหมายศุลกากรได้กำหนดโทษผู้กระทำผิดฐานหลีกเลี่ยงภาษีอากรไว้สูงสุดคือ ให้ริบของที่หลีกเลี่ยงภาษีอากรและปรับเป็นเงิน 4 เท่าของของราคารวมค่า ภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับและจำ แต่ในกรณีที่มีการนำของซุกซ่อนมากับของที่สำแดง อ่านต่อหน้า 2

  13. เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากรสำหรับของซุกซ่อน โทษสำหรับผู้กระทำผิด คือ ปรับ 4 เท่าของอากรที่ขาดกับอีก 1 เท่าของภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต และภาษีเพื่อมหาดไทยที่ขาด (ถ้ามี) และให้ยกของที่ซุกซ่อนมาให้เป็นของแผ่นดิน 3. ความผิดฐานสำแดงเท็จ การสำแดงเท็จหมายถึง การสำแดงใด ๆ เกี่ยวกับการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าไม่ตรงกับหลักฐานเอกสารและข้อเท็จจริงในการนำเข้าและส่งออก การกระทำผิดฐานสำแดงเท็จมีหลายลักษณะ ดังนี้ 3.1 การยื่นใบขนสินค้า คำสำแดง ใบรับรอง บันทึกเรื่องราว หรือตราสารอย่างอื่นต่อกรมศุลกากรเป็นความเท็จ หรือไม่บริบูรณ์หรือชักพาให้หลงผิดในรายการใด ๆ ก็ตาม 3.2 การไม่ตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมายด้วยความสัตย์จริง 3.3 การไม่ยอมหรือละเลย ไม่ทำ ไม่รักษาบันทึกเรื่องราว หรือทะเบียน หรือสมุดบัญชี หรือเอกสาร หรือตราสารอย่างอื่น ๆ ซึ่งกฎหมายศุลกากรกำหนดไว้ 3.4 การปลอมแปลงหรือใช้เอกสาร บันทึกเรื่องราว หรือตราสารอย่างอื่นที่ปลอมแปลงแล้ว 3.5 การแก้ไขเอกสาร บันทึกเรื่องราว หรือตราสารอย่างอื่นภายหลังที่ทางราชการออกให้แล้ว 3.6 การปลอมดวงตรา ลายมือชื่อ ลายมือชื่อย่อ หรือเครื่องหมายอย่างอื่นของพนักงานศุลกากรซึ่งพนักงานศุลกากร นั้น ๆ ใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย การกระทำตามลักษณะที่เป็นไปตามข้อ 3.1-3.6 ให้ถือเป็นความผิดโดยมิต้องคำนึงถึงว่า ผู้กระทำผิดมีเจตนาหรือกระทำโดยประมาทเลินเล่อหรือไม่ ทั้งนี้ กฎหมายศุลกากรได้กำหนดโทษผู้กระทำผิดฐานสำแดงเท็จไว้สูงสุดคือ ปรับเป็นเงินไม่เกิน 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน อ่านต่อหน้า 3

  14. 4. ความผิดฐานนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในหรือส่งออกนอกราชอาณาจักร ของต้องห้ามคือ ของที่มีกฎหมายห้ามมิให้นำเข้าหรือส่งออก เช่น วัตถุลามก ของที่มีการแสดงถิ่นกำเนิดเป็นเท็จ ของที่ละเมิดลิขสิทธิ์ หรือทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ส่วนของต้องกำกัดคือ ของที่จะนำเข้า-ส่งออกได้ ต้องได้รับอนุญาตหรือปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องนั้น ๆ เช่น ต้องมีใบอนุญาตนำเข้าหรือส่งออกของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือกระทรวงสาธารณสุข ต้องปฏิบัติตามประกาศอันเกี่ยวกับฉลากหรือใบรับรองการวิเคราะห์หรือเอกสารกำกับยา เป็นต้น ของต้องกำกัดเหล่านี้หากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายอื่น ๆ กำหนดแล้ว ก็สามารถนำเข้าหรือส่งออกได้ กฎหมายศุลกากรได้กำหนดโทษผู้กระทำผิดในการนำของต้องห้ามต้องกำกัดเข้าประเทศไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ ไว้สูงสุดคือ ให้ริบของที่หลีกเลี่ยงข้อห้ามข้อกำกัดและปรับเป็นเงิน 4 เท่าของของราคารวมค่าภาษีอากร หรือจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งปรับและจำ 5. ความผิดฐานฝ่าฝืนพิธีการศุลกากร ในการนำเข้าและส่งออกสินค้าแต่ละครั้งผู้นำเข้าและส่งออกจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบริหารและการควบคุมการจัดเก็บภาษีอากรและการนำเข้า-ส่งออกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย การกระทำผิดฐานฝ่าฝืนพิธีการศุลกากรมีหลายลักษณะ เช่น การปฏิบัติพิธีการศุลกากรผิดท่า การขอยื่นปฏิบัติพิธีการศุลกากรแบบใบขนสินค้าขาเข้าตามมาตรา 19 ทวิ ย้อนหลัง การกระทำความผิดฐานฝ่าฝืนระเบียบที่กำหนดไว้เกี่ยวกับพิธีการศุลกากร ผู้ฝ่าฝืนจะถูกปรับ 1,000 บาท ** ข้อมูลจาก website กรมศุลกากร ** กลับสู่หน้าหลัก

  15. Supply & Demand ข้าวหอมมะลิ : เพราะอะไรจึงหอม? สวัสดีค่ะท่านผู้ประกอบการ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวจริงๆนะคะ จากสภาพอากาศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นที่แน่นอนค่ะว่ามีผลกระทบต่อการปลูกข้าวอย่างแน่นอน แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเข้าเรื่องแบบข้าวๆของเราต่อดีกว่าค่ะ สัปดาห์นี้ดิฉันจะขอนำเสนอด้านคุณสมบัติและประเภทของข้าวให้ได้ทราบกันนะคะ ท่านผู้ประกอบการเคยลองสังเกตไหมคะว่าข้าวสวยหุงสุกใหม่ๆจะมีกลิ่นหอมชวนหิวอย่างประหลาด? เจ้ากลิ่นหอมนี่แหละค่ะเป็นที่มาของชื่อ "ข้าวหอมมะลิ" โดยเฉพาะเมื่อตอนเริ่มเก็บเกี่ยวนั้น จะมีกลิ่นหอมๆคล้ายกลิ่นมะลิอ่อนๆเลยล่ะค่ะ ข้าวหอมมะลิที่นิยมปลูกและบริโภคกันอย่างแพร่หลายคือพันธุ์ ขาวดอกมะลิ 105 และ พันธุ์ กข.15 ความหอมของข้าวหอมมะลิ เกิดจากสารระเหยชื่อ 2-acetyl-1-pyroline ซึ่งเป็นสารที่ระเหยหายไปได้ การรักษาความหอมของข้าวหอมที่ดีต้องเริ่มตั้งแต่ การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษาข้าวเปลือกการสีข้าว และการเก็บรักษาข้าวที่สีเรียบร้อยแล้วการจะรักษาความหอมของข้าวเอาไว้ต้องพยายามหลีกเลี่ยงภาวะแวดล้อมที่ร้อน อบอ้าว และมีความชื้นสูง การตากแดดหรือใกล้สถานที่ร้อนจัดเป็นเวลานานๆ เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่งสภาวะที่เหมาะสมคือที่ที่มีอากาศค่อนข้างเย็น มีการถ่ายเทของอากาศดี ความชื้นไม่สูง ข้าวหอมใหม่ (NEW CROP) หมายถึงข้าวหอมที่พึ่งเก็บเกี่ยวมาได้สักระยะหนึ่ง และมีการดูแลรักษาอย่างดี ก่อนที่จะนำมาบริโภค ข้าวหอมใหม่จะให้ความหอมขณะหุงต้ม ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากข้าวชนิดอื่นๆ นอกจากนี้ข้าวหอมที่หุงแล้ว ยังมีลักษณะนุ่มเหนียว มียาง เกาะตัวกันพอสมควร มีรสชาติอร่อย นี่คือข้าวไทยที่ชาวต่างชาติยอมยกนิ้วให้ในความหอมอร่อยเฉพาะตัวและเป็นที่ต้องการของทั่วโลกจนประเทศสหรัฐอเมริกาก็พยายามจะลักไก่จดลิขสิทธ์เป็นของตัวเองแบบไม่เกรงใจใคร อ่านต่อหน้า 2

  16. ข้าวหอมที่เก็บไว้นานขึ้น (ข้าวเก่า) คือ ข้าวที่เก็บเกี่ยวมาแล้วเก็บไว้เป็นเวลานาน 5-6 เดือนขึ้นไป ความหอมจะเจือจางลง รวมทั้งความนุ่มเหนียวลดลงด้วย เมื่อนำข้าวหอมนี้มาหุงจะต้องใช้ปริมาณน้ำมากขึ้นกว่าข้าวใหม่ ถึงแม้ความหอมจะลดน้อยลงไปแต่ยังคงมีรสชาติอร่อยเหมือนเดิม ส่วนความนุ่มนวลนั้น แม้จะลดลงบ้างเมื่อเทียบกับข้าว-หอมใหม่ แต่ก็ไม่ร่วนแข็งกระด้างเหมือนข้าวชนิดอื่น ๆ • กระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ได้แบ่งประเภทของ ข้าวหอมมะลิไทย ออกเป็น 2 ประเภท คือ ข้าวขาว (8 ชนิด) และข้าวกล้อง ( 6 ชนิด) • ข้าวขาวแบ่งออกเป็น 8 ชนิด ดังนี้ข้าวกล้องแบ่งออกเป็น 6 ชนิด ดังนี้ • 1.ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 1 1. ข้าวกล้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 1 • 2.ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 2 (มีปริมาณส่งออกมากที่สุด) 2. ข้าวกล้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 2 • 3.ข้าวขาว 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 3 3. ข้าวกล้อง 100 เปอร์เซ็นต์ ชั้น 3 • 4.ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ 4. ข้าวกล้อง 5 เปอร์เซ็นต์ • 5.ข้าวขาว 10 เปอร์เซ็นต์ 5. ข้าวกล้อง 10 เปอร์เซ็นต์ • 6.ข้าวขาว 15 เปอร์เซ็นต์ 6. ข้าวกล้อง 15 เปอร์เซ็นต์ • 7.ข้าวขาวหักเอวันเลิศพิเศษ • 8.ข้าวขาวหักเอวันเลิศ • เนื้อที่หมดเสียแล้วสำหรับสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าดิฉันจะแนะนำให้รู้จักกับวิธีการตรวจสอบข้าวหอมมะลิแท้พืชเศรษฐกิจของไทยเราให้ได้ทราบกันนะคะ เพนกวิ้นตัวกลม กลับสู่หน้าหลัก

  17. ทัศนา นานาท่าเรือ ไปเที่ยว Manila Port กับ โย่ง ยิงยาว สวัสดีครับท่านผู้ประกอบการ และผู้อ่านที่รักทุกท่าน ก่อนอื่นเลยต้อง ขออนุญาตประกาศเตือนท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยความหวังดีครับ ว่าช่วงนี้ฝนตกชุกใน กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะช่วงเวลาตอนเย็น ซึ่งนำมาด้วยไข้หวัด 2009 อีก ครั้ง มีเพื่อนร่วมงานของผมหลายๆท่าน เล่ากันให้ฟัง ว่าลูกหลานของเขา ติดไข้หวัด 2009 กันหลายคน จึงขอให้ร่วมช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลานและคนใกล้ตัวของท่าน ด้วยนะครับ เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวน่าสลดเกี่ยวกับตัวนักท่องเที่ยวชาว ฮ่องกงในประเทศฟิลิปปินส์ที่ถูกอดีตนายตำรวจจับเป็นตัวประกัน และลงเอยด้วย ผู้เสียชีวิตจำนวน8 ศพ แถมเจ้าหน้าที่ตำรวจของทางฟิลิปปินส์ก็โดนประณามไปทั่ว โลกถึงความไม่มีประสิทธิภาพ ในการให้ความช่วยเหลือตัวประกัน ส่งผลให้ทางฮ่อง กง ประกาศให้ฟิลิปปินส์เป็นประเทศติด Blacklist ไปในทันใด ถึงจะมีข่าวในแง่ลบเกิดขึ้นกับทางประเทศฟิลิปปินส์ แต่จริงๆ แล้วเท่าที่ผมเคยได้สัมผัสกับทางคนฟิลิปปินส์โดยตรงผมก็พบว่าจริงๆ แล้วคนฟิลิปปินส์ เป็นคนอารมณ์ดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย มีน้ำใจ จริงๆแล้วลักษณะนิสัยค่อนข้างจะตรงกับคนไทยเลยทีเดียว ที่ผมพูดขึ้นมานี้ก็เพื่อจะให้รู้ว่า เรื่องสลดที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นกับแค่คนกลุ่มเล็กๆ ไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาเป็นกัน ด้วยเหตุนี้ผมจึงอยากจะพูดถึง Port ทางฟิลิปปินส์ ซึ่งถือว่าเป็นประเทศหนึ่งเลยทีเดียวที่มีประวัติ การค้าขายมายาวนานตั้งแต่ยุคสมัยล่าอาณานิคมเมื่อนานมาแล้ว ด้วยสภาพที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะแก่ง ถึง 7,107 เกาะ กับประชากรทั้งประเทศอีกประมาณ 92 ล้านคน และท่าเรือที่ถือได้ว่าเป็นท่าเรือพาณิชย์ หลักของประเทศเลยนั่นคือ Port of Manila อ่านต่อหน้า 2

  18. Port of Manila ตังอยู่ในเมือง Manila ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งนอกจากท่าเรือดังกล่าว จะเป็นท่าเรือหลักของประเทศแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการผลิตสินค้าต่างๆมากมาย ได้แก่ สิ่งทอ เคมีภัณฑ์ เสื้อผ้า อุปกรณ์ไฟฟ้า นาฬิกา เครื่องหนัง รองเท้า แร่เหล็ก สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ ได้แก่ ไม้อัด น้ำตาลบริสุทธิ์ น้ำมันมะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้งนอกจากนี้ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังถือเป็นอีกส่วนที่ทำรายได้หลักให้กับ Port of Manila อีกด้วย ถ้าจะพูดถึงประวัติของ Port of Manila ผมคงไม่สามารถนำมาเล่าสู่กันฟังได้หมด ด้วยความที่ประวัติของ Port of Manila นั้นเต็มไปด้วยความขัดแย้งของเชื้อชาติมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยก่อน ที่ทาง Spain เข้ามายึดถือฟิลิปปินส์ เป็นอาณานิคม บวกกับเป็นเมืองท่าใหญ่ทำให้มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่มาก และพ่อค้าที่เดินทางผ่านมาทำการค้าขายด้วย โดยในอดีต ประเทศที่เข้ามาทำการติดต่อค้าขายเป็นส่วนใหญ่คือ ประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และประเทศห่างไกลอย่าง ประเทศในทางอาหรับ และทางยุโรปได้แก่ สเปน อังกฤษ โปรตุเกส เป็นต้น อีกทั้งเมืองท่าเรือแห่งนี้ยังผ่านภาวะสงครามและความขัดแย้งมานับไม่ถ้วน ทั้งจากชาวจีน ชาวสเปน ชาวอังกฤษ และผู้นับถือศาสนาอิสลามที่เข้ามาแย่งชิงอำนาจกัน แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ท่าเรือดังกล่าวนั้นมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ การค้าขาย มากเพียงใดในอดีต Port of Manila นับเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุด และมีการสัญจรของเรือพาณิชย์มากที่สุดในฟิลิปปินส์ ในปี 2006 ท่าเรือนี้มีสายเรือใช้บริการถึง 5,325 สายเรือ เป็นสายเรือต่างชาติถึง 2,442 สายเรือ และ อีกว่า 1,911 สายเรือภายในประเทศ นับเป็น 2.7 ล้าน TEUs เป็น 608,000 TEUs จากภายในประเทศที่ท่าเรือทางเหนือ 716,300 TEUs กับ 200,000 TEUs จากภายนอกประเทศและภายในประเทศตามลำดับที่ท่าเรือทางใต้ ทางเข้าอ่าว Manila นั้นมีความกว้าง ถึง 19 กิโลเมตร ความกว้างภายในท่าเรือถึง 48 กิโลเมตร ท่าเรือ Manila ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ North Manila, South Manila และ Manila International Cargo Terminal Tips : ชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ชาวฟิลิปปินส์ที่เรียนจบมาส่วนมากยังคงพูดสเปนได้อยู่ อันเป็นผลพวงมาจากการตกเป็นอาณานิคมของสเปน เชื่อกันว่า China Town ที่ Port of Manila นั้นเก่าแก่ที่สุดในโลก มาฮัล กะ ตา (Mahal ka ta) แปลว่า ฉันรักเธอเชื่อว่า คนฟิลิปปินส์ มีลักษณะหน้าตาใกล้เคียงคนไทยมาก กว่าชาติอื่นๆ ในเอเชีย กลับสู่หน้าหลัก

  19. SNP JOKE หลวงตากับเจ้าแกละ เช้าวันหนึ่งก่อนที่หลวงตาจะออกไปบิณฑบาตพอดีเห็นใบไม้ร่วงอยู่ เต็มลานวัด ท่านจึงบอกเจ้าแกละให้ไปกวาดลานวัด เพื่อญาติโยมเวลามาทำบุญ เห็นลานวัดสะอาดสะอ้านจะได้สบายอก สบายใจ พอหลวงตาบิณฑบาตกลับมาก็พบว่าที่ลานวัดยังไม่ได้กวาดแต่ อย่างใด หลวงตาจึงเรียกเจ้าแกละมาถามว่า หลวงตา : นี่..เจ้าแกละ ฉันบอกให้แกช่วยกวาดใบไม้ลานวัด ทำไมแกไม่ยอมกวาดล่ะเจ้าแกละ : โธ่.. จะกวาดไปทำไมหลวงตา กวาดแล้ว เดี๋ยวใบไม้มันก็ร่วงอีก หลวงตาได้ฟังเจ้าแกละเถียงก็ไม่ว่าอะไร หนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากที่พระทุกรูปฉันอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาของศิษย์วัดที่จะได้รับประทานอาหารกันบ้าง บรรดาศิษย์วัดทั้งหลายรวมทั้งเจ้าแกละ ต่างช่วยกันยกสำรับกับข้าว มาตั้งที่กลางโรงฉัน ในขณะที่ทุกคนกำลังจะลงมือรับประทานอาหารอยู่นั่นเอง ก็ได้ยินเสียงหลวงตาพูดดัง ๆ ขึ้นมาว่า หลวงตา : เฮ้ยๆ ทุกคนกินข้าวกันได้ ยกเว้นเจ้าแกละคนเดียวไม่ต้องกินเจ้าแกละ : อ้าว ! ..หลวงตา ถ้าไม่ให้ผมกิน ผมก็หิวแย่สิครับหลวงตา : เอ็งจะกินไปทำไมวะ กินแล้วเดี๋ยวตอนเที่ยงเอ็งก็หิวอีก * กลับสู่หน้าหลัก

  20. กลับสู่หน้าหลัก Logistics Specialist and International Freight Forwarder

More Related