1 / 11

โครงงาน วิชาคอมพิวเตอร์

โครงงาน วิชาคอมพิวเตอร์. เรื่อง สมุนไพรไทย 10 ชนิด. เสนอโดย. นางสาว ศศิ ประภา สุภาสัย เลขที่ 9 นางสาว สุ สิสา พวงแก้ว เลขที่ 11 นางสาว หนึ่ง ฤทัย ต้นกลาย เลขที่12 นาย วรวิทย์ เพิ่มผล เลขที่ 20 นาย จง รกษ์ บุญ มี เลขที่ 18 นางสาว กัญญา รัตน์ มั่นหมาย เลขที่ 24

samson
Download Presentation

โครงงาน วิชาคอมพิวเตอร์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. โครงงาน วิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง สมุนไพรไทย 10 ชนิด เสนอโดย นางสาว ศศิประภา สุภาสัยเลขที่ 9 นางสาว สุสิสา พวงแก้ว เลขที่ 11 นางสาว หนึ่งฤทัย ต้นกลาย เลขที่12 นาย วรวิทย์เพิ่มผล เลขที่ 20 นาย จงรกษ์ บุญมี เลขที่ 18 นางสาว กัญญารัตน์ มั่นหมาย เลขที่ 24 นาสาง ศิรินันท์ บุญมากเลขที่ 28

  2. ว่านแร้งคอดำ ชื่อวิทยาศาสตร์ : Crinum latifolium L. ชื่อวงศ์ : AMARYLLDACEAE ชื่ออื่น : ว่านพระยาแร้งคอดำ, ว่านพระยาแร้ง, ว่านคอแดง, ว่านกระทู้ ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้นและหัว เป็นพันธุ์ไม้ล้มลุก ลักษณะคล้ายหอมหัวใหญ่ ผิวหัวแดงๆ เนื้อในสีขาว ตามลำต้นที่โผล่พ้นดินขึ้นมามีลายเป็นวงสีน้ำตาลแก่ ตั้งแต่กาบโคนต้นจากถึงกาบคอต้น ที่กาบคอต้น จะมีวงขนาดที่ใหญ่กว่าวงรอบโคนต้น และจะมีสีม่วงมอแดง ใบ เป็นใบเดี่ยวรูปขอบขนาน ลักษณะคล้ายต้นพลับพลึงขนาดเล็ก ใบจะออกซ้อนกันเป็นกาบเป็นลักษณะใบรีรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม โคนใบสอบเรียว แนวเส้นกลางใบจะลึกเป็นร่อง ขอบใบจะเป็นคลื่น ผิวใบบาง แตกใบอ่อนตรงส่วนยอดของลำต้นใต้ดิน เมื่อดึงกาบใบออกจะมีใยเหมือนใยบัว ดอก จะออกเป็นช่อแบบซี่ร่ม ดอกตูมเป็นรูปหอก มีกาบหุ้ม ปลายดอกเป็นกระจุก 10-20 ดอก กลีบดอกแยกเป็น 6 กลีบ ก้านดอกสั้น มีสีขาวแต้มด้วยสีแดงตรงกลางหรือทางด้านหลังจากกลีบดอก ส่วนเกสรตัวผู้นั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 6 อัน และมีอับเรณูเป็นรูปโค้ง สรรพคุณทางสมุนไพร หัว สามารถแก้อาการมดลูกหย่อน ปีกมดลูกอักเสบ โดยนำหัวว่าน 5 หัว ดองกับเหล้าขาว 1 ขวดใหญ่ สามารถแก้โรคริดสีดวงทวาร แก้กษัย แก้ไตพิการ นำหัวมาทุบเผาไฟ ทาแก้โรคปวดข้อ ฝี ริดสีดวง นำหัวมาโขลกให้ละเอียด เอาน้ำมาหยอดหูจะสามารถใช้รักษาอาการปวดหู

  3. ว่านช้างผสมโขลง ชื่อวิทยาศาสตร์ :EulophiaandamanensisRchb.f. ชื่อวงศ์ : ORCHIDACEAE ชื่ออื่น : ว่านหมูกลิ้ง, พญาเทครัว ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ กล้วยไม้ดิน ลำลูกกล้วยเป็นหัวรูปกลมรีอยู่ใต้ดิน เปลือกนอกสีเขียวเป็นกลีบซ้อนกัน หลายชั้นคล้ายหัวหอม ใบเดี่ยวสีเขียวเข้ม รูปแถบออกเรียงสลับรอบลำต้น ปลายใบแหลม โคนใบเป็นกาบหุ้มลำต้นไว้ไม่มีก้านใบ ดอกออกเป็นช่อจากหัวใต้ดิน ช่อดอกชูตั้งตรง ดอกย่อยสีน้ำตาลอมเขียว สรรพคุณทางสมุนไพร เป็นสมุนไพรรักษาฝี แก้ฝีหัวเดียว สำหรับสตรีที่เป็นฝีบริเวณเต้นนม ใช้รักษาได้ดี เป็นยาปลุกกำหนัดอย่างอ่อน

  4. ชื่อวิทยาศาสตร์ : JatrophapodagricaHook.f. ชื่อวงศ์ : EUPHORBIACEAE ชื่ออื่น : ว่านหนุมาน, ว่านเลือด, หัวละมานนั่งแท่น ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ลำต้นเป็นเหง้าใต้ดินลักษณะกลมยาว อาจจะเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย ลำต้นอวบน้ำ สีน้ำตาลอมเขียว ลำต้นไม่เรียบ ใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันแน่น ก้านใบยาวกลมเรียว สีเขียวยาว ออกตามข้อของเหง้า ใบรูปกลม ปลายใบกลม โคนใบกลมหรืออาจจะหยักเว้าเล็กน้อย ด้านบนเส้นกลางใบและเส้นใบร่องสีเขียวอ่อน แผ่นใบสีเขียว ด้านล่างเส้นกลางใบและเส้นใบนูนเป็นสันสีเขียวอ่อน แผ่นใบสีแดงเรื่อๆ ใบคล้ายตำลึงแต่ใหญ่กว่า เว้าเป็นแฉกๆ ขอบใบหยัก ดอกออกเป็นช่อกระจุก สีแดง เกสรดอกสีเหลือง ผลสีเขียวเมื่อแก่จัดเมล็ดจะแตกและดีดออกมาได้ไกล สรรพคุณทางสมุนไพร ใช้หัวกิน บำรุงพละกำลังสำหรับผู้ที่ใช้กำลังแบกหามทำงานหนัก ใช้หัวโขลกละเอียดพอกทาตามข้อมือข้อเท้า นวดแก้เคล็ดขัดยอก ใช้เป็นยาฟอกโลหิต และสมานแผล

  5. ต้นปลาไหลเผือก ชื่อสามัญ ( Eurocomalongifolia jack) ชื่ออื่น:  กรุงบาดาล  คะนาง  ชะนาง  ตรึงบาดาล  ตุงสอ  แฮพันชั้น เพียก หยิกบ่อถอง หยิกไม่ถึง เอียนดอน ไหลเผือก ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :  ไม้ยืนต้น สูง 4-6 เมตร ลำต้นตรง ไม่ค่อยแตกกิ่งก้านใบประกอบแบบขนนก เรียงสลับ ออกเป็นกระจุกบริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่แกมวงรี กว้าง 2-3 ซม. ยาว 5-7 ซม. สีเขียวเข้ม ยอดและใบอ่อนมีขนสีน้ำตาลแดง ดอกช่อ ออกที่ซอกใบ ดอกย่อยขนาดเล็ก กลีบดอกสีม่วงแดง ผลเป็นผลสด รูปยาวรี ต้นปลาไหลเผือกเป็นยาไม้รากเดียว ต้นปลาไหลเผือนกหรือโสมเทวดา หรือพญานาคราช มีความเชื่อว่าเป็นไม้มงคลที่หายาก และ เป็นสมุนไพรที่หมอสมุนไพรสมัยโบราณปิดเป็นความลับมาตลอด ผู้ที่รู้ก็เฉพาะหมอสมุนไพรไม่กี่คนที่ศึกษามาอยู่ในอาศรมฤาษีเท่านั้น เพราะต้นปลาไหลเผือกมีความเร้นลับมาก สมุนไพรทั้ง 4 ชื่อนี้ล้วนแต่มีฤทธิ์ทั้งนั้นซึ่งมีประวัติความเป็นมาในโบราณคดีของสมุนไพรหรือปลาไหลเผือก ในยุคต้นไม้เจริญ ต้นไม้ก็รับใช้ถือว่าเป็นยาสำหรับมนุษย์ให้หายจากโรคภัยได้อย่างไม่ต้องสงสัยพอยุคมนุษย์เจริญ ต้นไม้ก็ยังรับใช้มนุษย์เหมือนเดิม ต้นปลาไหลเผือกที่ว่านี้หมอสมุนไพรโบราณเคยเล่าว่า สามารถรักษาโรคได้ 108 โรค จะเท็จหรือจริงนั้นลองดูว่าคำโบราณผิดหรือถูก สรรพคุณ โรคตับ, โรคปอด, โรคเลือด, น้ำเหลืองไม่ดี, ตกขาว, ประจำเดือนดำ, เหนื่อย, เวียนหัว,โรคเบาหวาน, ประดงต่างๆ, ริดสีดวง, เส้นเอ็นอักเสบ, ปวดหลัง, ปวดเอว, หัวเข่า, ข้อ,ภูมิแพ้, หอบหืด, เท้าชา, มือชา, เกร็ดเงิน, ขับสารพิษ, ความดันโลหิตสูง, ไมเกรน, ประจำเดือน, อัมพฤกเริ่มแรก, มะเร็งเริ่มแรก, ฝีภายใน, TB ชนิดบวม, ประดงต่างๆ

  6. ต้นไข่เน่า ชื่ออื่นคมขวาน, ฝรั่งโคก(กลาง), ขี้เห็น (อุบลราชธานี-เลย),ปลู (เขมร - สุรินทร์) ชื่อสามัญ ชื่อวิทยาศาสตร์Vitexglabrata R. Br. ชื่อวงศ์VERBENACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ต้น : เป็นพรรณไม้ยืนต้นมีทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ลำต้นนั้นจะมีความสูงประมาณ 10-12 เมตร ลำต้นจะเกลี้ยงเป็นสีหม่นและมีด่างเป็นดวงขาว ๆ ใบ : เป็นในประกอบ มีขนาดไม่เท่ากัน ตรงโคนใบจะเรียวเล็กปลายของมันจะกว้างและมน ยาว ประมาณ 6 ซม. ถึง 33 ซม.ใบจะมีสีเขียว คล้ายใบงิ้ว ดอก : อยู่ ติดกันเป็นช่อยาวๆ ดอกนั้นจะเป็นดอกเล็ก ๆ มีสีม่วงอมชมพู สีขาวมีแดงเรื่อ ๆ ดอกจะมีกลิ่น หอม และมีดอกใกล้ย่างเข้าหน้าฝน เมล็ด( ผล ) : ผลอ่อนที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียว และแข็ง ผลที่สุกแก่เต็มที่นั้นสีจะเปลี่ยนเป็นสีดำเทาอ่อนนุ่มนิ่ม ผิว จะมัน ผลโตประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร และมีรสหวานอมเปรี้ยว กลิ่นจะเหม็นผลนั้นจะแก่ในหน้า ฝน ส่วนเมล็ดโตขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย การขยายพันธุ์ : โดยการใช้เมล็ด สรรพคุณทางสมุนไพร เปลือกต้น ใช้รักษาพิษสานซาง ตานขโมย ราก ขับไส้เดือน รักษาท้องร่วง เจริญอาหาร เปลือกต้น นั้นจะมสารจำพวกsteroid มีชื่อว่า -sitosterolและ ecdysteroneและ anguside (p-hydroxybenzoic ester of aucubin ผล เมื่อสุกใช้รับประทานกับเกลือ สามารถรักษาโรคเบาหวาน

  7. หญ้าดอกขาว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Vernoniacinerea Less ชื่อวงศ์ : Compositae ชื่ออื่น  หญ้าสามวัน  ก้านธูป ถั่วแฮะดิน ฝรั่งโคก  หญ้าละออง  หญ้าหมอน้อย  หนวดหนา หญ้าดอกขิง  หญ้าเหล่าฮก  หญ้าเหนียมช้าง  เซี่ยวไซ(จีน) ลักษณะทางพฤกษศาสตร์   เป็นไม้ล้มลุกจำพวกหญ้า  มีขึนกระจายทั่วไปตามที่รกร้างข้างทาง  ข้างบ้านทุกภาคของประเทศไทย  ซึ่งคนส่วนใหญ่จะพบเห็นเป็นประจำ  แต่ไม่ทราบว่าเป็นต้นอะไร  คิดว่าเป็นต้นหญ้าที่หาประโยชน์ไม่ได้ ต้น  ลำต้นตั้งตรงเป็นสัน  มีขน สูง 1 ฟุต  ใบเป็นใบเดี่ยว  ออกเรียงสลับ  เป็นรูปไข่กลับหรือรูผใบหอกแกมขอบขนาน  คล้ายต้นพริก  มีขนละเอียดทั้ง 2 ด้าน ดอก  ออกเป็นช่อแบบแยกแขนงช่อที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อประกอบด้วย ดอกย่อยจำนวนมาก เมื่อดอกบาน กลับดอกจะเป็น สีม่วงสด  กลีบดอก เป็นฝอยๆ  เป็นกระจุกคล้ายดอก  ดาวเรือง  แต่มีขนาด เล็กกว่ามาก เวลาดอกบานพร้อมๆกันจะสวยมากมาก  พอดอกแก่จะกลายเป็นสีขาว  เบาคล้ายปุยนุ่น  มีผลแห้งเล็กๆ มี 4 - 5 อัน ติดอยู่ หลุดร่วงง่าย เมื่อลมพัด จะปลิวกระจายไปทั่ว เมื่อไปตกดินบริเวณไหน จะแพร่ขยายพันธุ์เองตามธรรมชาติ  มีรสจืดดอกมีรสขมเล็กน้อยและมีกลิ่นฉุนเล็กน้อยรากมีรสขม สรรพคุณทางสมุนไพร   ใช้ทั้งต้นต้มรับประทาน  แก้ปวดท้อง  ท้องขึ้น  ท้องเฟ้อ  ใบสด ตำให้ละเอียด ปิดสมานแผล ทำให้เย็น หรือผสมกับน้ำนมคน กรองเอาแต่น้ำ หยอดตา แก้ตาแดง ตาฝ้า ตาเปียก ตาแฉะ แพทย์จีน ใช้ทั้งต้นตำพอกนม แก้นมคัดนมหลง แก้บวม และดูดหนอง ส่วนภาคเหนือใช้ทั้งต้นและราก ตากแห้งบดเป็นผง รักษาแผลสด แผลเรื้อรัง ผิวหนังพุพอง ห้ามเลือด ตำรายาไทยใช้ทั้งต้น แก้ไข้ แก้ไอ ดีซ่าน ปัสสาวะรดที่นอน ใบสด แก้กลากเกลื้อน เรื้อนกวาง ได้ดีมาก  ยาพื้นบ้านใช้ทั้ง 5 (รวมราก) 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 4 ถ้วย ดื่มแก้ตกเลือด บำรุงเลือด ลดอาการปวด ลดความดัน 

  8. ราน้ำ ชื่ออื่น   : ผักกระโฉม  กระออม  นางออม  กระออมโป๋ง  กระออมหอม ผักชะออม  ชื่อวิทยาศาสตร์ - ชื่อวงศ์   ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ พืชล้มลุกอายุหลายปี เติบโตได้ดีภูมิประเทศที่ลุ่ม ชื้นแฉะ และเป็นดินโคลน มีกลิ่นหอมคล้ายยี่หร่า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ  ราน้ำ ต้น ลำต้นกลม อวบน้ำ เป็นข้อๆ แต่ละข้อยาวประมาณ  2.5 - 3  ซม. สีน้ำตาลอ่อนแกมม่วง ใบ เป็นใบเดี่ยว รูปหอกปลายมน ออกตรงข้ามกันเรียงสลับตามข้อของลำต้น  มีเส้นด้านบนของใบ สีเขียวเข้มเป็นมันเล็กน้อย ขอบใบหยัก ใต้ใบสีขาว ขนาดของใบกว้าง 3 ซม. ยาว 5 ซม. ดอก เมื่อต้นแก่ จะมีดอกขนาดเล็ก ลักษณะเป็นช่อๆ ออกเป็นกระจุกที่ด้านบนของก้านใบ มีสีม่วง ผล เมื่อดอกแก่จะร่วงและกลายเป็นผล ออกเป็นกระจุกแน่นตามข้อด้านบนของก้านใบ มีสีเขียว ลักษณะคล้ายหอก  หุ้มเมล็ดซึ่งอยู่ข้างใน ประโยชน์  เป็นผักพื้นบ้านของภาคใต้ ใช้รับประทานสดเป็นผักเหนาะ รับประทานกับน้ำพริก แกงเผ็ด หรือขนมจีน สรรพคุณทางสมุนไพร ทั้งต้น ขับเสมหะ แก้ไอ หอบ แน่นหน้าอก ลำต้นใช้สับแล้วตำ พอกแผลพุพอง   ส่วนของใบ  ขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้แน่นหน้าอก เป็นยาขับลม ใช้ดับกลิ่นปาก  ลำต้นจะมีน้ำมันหอมระเหย

  9. ผักเสี้ยนผี ชื่อสามัญ :Wild Spider flower, Phaksianphee. ชื่อวิทยาศาสตร์ :Cleomaviscosa Linn.  วงศ์ CLEOMACEAE ลักษณะทางวิทยาศาสตร์  เป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มี ขนาดเล็ก หรือจัดอยู่ในจำพวกหญ้า แตกกิ่งก้านสาขาตามลำต้นจะมีขนอ่อนสีเหลืองปกคลุมทั้งต้นและมีเมือกเหนียว ๆอยู่ภายในลำต้น ใบเป็นใบรวม ช่อหนึ่งจะมีใบอยู่ 3 - 5 ใบ ซึ่งจะออกสีเขียวอมเหลือง ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปไข่ เนื้อในบางนุ่ม ตามผิวใบจะมีขนอ่อน ๆ ปกคลุมเช่นกัน มีกลิ่นฉุน กว้าง 0.5 - 1 นิ้ว ยาว 0.5 - 2 นิ้ว  ดอกออกเป็นช่อ อยู่ตามง่ามใบ ช่อดอกยาวแหลม ดอกมีสีเหลืองบาง ที่ปลายดอกมีจงอยแหลม และมีขนปกคลุมอยู่เล็กน้อย  ผลเป็นฝักยาว คล้ายฝักถั่วเขียว แต่จะมีขนาดเล็กกว่ามาก ตรงปลายผลมีจงอยแหลม ผลกว้างประมาณ 2 - 4.5 มิลลิเมตร ยาว 1 - 4 นิ้ว  เมล็ดเมล็ดในผลมี สีน้ำตาลแดง ผิวย่น ใน 1 ผล มีเมล็ดจำนวนมาก เมล็ดมีรูปร่างกลม ขนาดประมาณ 2มิลลิเมตร สรรพคุณและวิธีใช้ ผักเสี้ยนมีน้ำมันหอมระเหย (Volatic Oil) ประกอบด้วย Cyanide ซึ่งจะมีผลระบบทางเดินโลหิต  และสารไฮโดรไซยาไนด์ (Hydrocyanide) ซึ่งมีพิษต่อระบบประสาทส่วนกลาง และยังมีกลิ่นเหม็นเขียวอย่างแรง เด็กรุ่นใหม่พอเข้าใกล้ได้กลิ่นผักเสี้ยนก็มักจะไม่ชอบ จึงทำให้สูญเสียโอกาสที่จะเรียนรู้คุณประโยชน์และภูมิปัญญาที่ว่าทำไมคุณย่า คุณยาย รวมถึงคุณแม่ด้วยจึงชอบผักเสี้ยนดองนัก

  10. มันแกว ชื่อวิทยาศาสตร์ : Pachyrhizuserosus L. Urb.ชื่อวงศ์ :Leguminosaeชื่อสามัญ : Jicama, Yam beanชื่ออื่น : มันแกว (กลาง), หัวแปะกัวะ (ใต้),มันแกวละแวก มันแกวลาว (เหนือ), มันเพา (อีสาน)เครือเขาขน หมากบัง(เพชรบูรณ์) ถั่วกินหัว ถั่วบ้งลักษณะทางพฤกษศาสตร์มันแกวเป็นพืชตระกูลถั่ว ลักษณะต้นเป็นเถาเลื้อย มีหัวใต้ดิน เป็นรากสะสมอาหาร โคนตันเนื้อแข็ง ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ ดอกมีสีขาวหรือชมพูเป็นช่อ รูปร่างของดอกคล้ายดอกบัว ผลเป็นฝักแบน มีขนปกคลุม ในหนึ่งฝักจะประกอบไปด้วยเมล็ดสีเหลือง สีน้ำตาล หรือสีแดงลักษณะสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบน ประมาณ 8-10 เมล็ด โดยต้นมันแกว 1 ต้นมีเพียงหัวเดียว ส่วนที่ใช้รับประทานคือส่วนของรากแก้วแหล่งที่พบ ถิ่นกำเนิดเดิมอยู่ในอเมริกาเขตร้อน ฟิลิปปินส์ อินเดีย จีน อินโดนีเซีย และ ไทย นิยขมปลูกเพื่อทานในส่วนของหัวสะสมอาหารใต้ดิน ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : เมล็ด และ หัวสารสำคัญเมล็ดมีสาร Pachyrrizinและ rotenone ซึ่งมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าแมลงได้เป็นอย่างดี และPachysaponin A และ B ซึ่งเป็นพิษต่อปลา แต่ถ้าคนทานเมล็ดแก่ของมันแกวเข้าไป จะส่งผลทำให้เม็ดเลือดแดงแตก เกิดอาการช็อคหมดสติและหยุดหายใจได้ สรรพคุณทางยาสมุนไพร มันแกวมีวิตามิน C และเส้นใยสูง มีประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย และป้องกันไข้หวัดได้ดีมาก ส่วนใบของมันแกวนั้นมีคุณสมบัติในการรักษาโรคผิวหนังอย่างกลาก เกลื้อน และยังเป็นยาถ่ายพยาธิที่มีสรรพคุณดีตัวหนึ่ง เมล็ด ใช้เมล็ดบดทาผิวหนังรักษาหูด

  11. หญ้างวงช้างชื่ออื่น หวายงวงช้าง (ศรีราชา), หญ้างวงช้างน้อย (เหนือ) ผักแพวขาว (กาญจนบุรี), กุนอกาโม (มลายู) ชื่อวิทยาศาสตร์Heliotropiumindicum Linn. ชื่อวงศ์BORAGINACEAE ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นพืชล้มลุกเกิดตอนฤดูฝน ถึงหน้าแล้งตาย สูง 15-50 เซนติเมตร มีขนหยาบๆ ปกคลุมทั้งต้น ใบ ออกสลับกัน ลักษณะทรงกลมรีหรือป้อมๆ ปลายใบแหลมสั้น กลางใบกว้างออก ฐานใบเรียวต่อลงมาถึงก้านใบ ตัวใบยาว 3-8 เซนติเมตร มีขน ผิวใบมีรอยย่นขรุขระ ขอบใบมีรอยหยักเป็นคลื่น ช่อดอกเกิดที่ยอดหรือซอกใบ ยาว 3-10 เซนติเมตร ดอก เกิดอยู่ทางด้านบนด้านเดียว บานจากโคนไปปลายช่อดอก ปลายช่อโค้งงอคล้ายงวงช้างชูขึ้น กลีบเลี้ยงสีเขียว มี 5 กลีบ กลีบดอกสีฟ้าใกล้ขาวติดกันเป็นหลอด ที่ขอบมีรอยแยกตื้นๆ แบ่งเป็น 5 กลีบบานออกกลีบดอก ประมาณ 5 มิลลิเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 3-3.5 มิลลิเมตร มีเกสรตัวผู้ 5 อันติดอยู่ ด้านในมีก้านเกสรตัวเมีย 1 อัน รังไข่เป็นรูปจานแบนๆ ผลยาว 4-5 มิลลิเมตร เกิดจากการที่รังไข่ 2 อันรวมตัวติดกัน มักพบตามที่ชื้นแฉะ เช่น ตามริมแม่น้ำ ลำคลอง หรือทางน้ำ แหล่งน้ำต่างๆ ท้องนาหรือตามที่รกร้างต่างๆ ตามวัดวาอารามทั่วๆ ไป และมีปลูกเก็บมาขายเป็นยาสดตามสวนยาจีนต่างๆ สรรพคุณทางสมุนไพรใบ   รสเย็นเฝื่อน  ตำคั้นเอาน้ำหยอดหู แก้ฝีในหู ปวดหู หยอดตาแก้ตาฟาง อมกลั้วคอ แก้เจ็บคอ แก้กระหายน้ำ ดื่มลดน้ำตาลในเลือด ทาแก้สิวดอก,ราก   รสเย็นเฝื่อน ต้มดื่มพอเหมาะ ขับระดู ใช้มากอาจทำให้แท้งได้ราก   รสเย็นเฝื่อน คั้นเอาน้ำหยอดตา แก้ตาเจ็บ ตามัวทั้งต้น   รสเย็นเฝื่อน ต้มดื่ม ดับพิษร้อน แก้ปวดอักเสบ แก้เจ็บคอ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ  ขับปัสสาวะ  แก้ไข้ แก้ปากเปื่อย  แผลบวม มีหนอง  แก้ตาฟาง  แก้พิษตานซาง

More Related