440 likes | 878 Views
Chapter 13 Leadership and Ethics. Learning Objectives. ให้ความหมาย leadership และ ทำความเข้าใจบทบาทและความสำคัญอันเอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร IT projects. อธิบายถึง 5 แนวทางในการเป็น Leadership อย่างเหนือชั้น อธิบายถึง leadership 6 สไตล์
E N D
Learning Objectives • ให้ความหมาย leadership และ ทำความเข้าใจบทบาทและความสำคัญอันเอื้อต่อความสำเร็จในการบริหาร IT projects. • อธิบายถึง 5 แนวทางในการเป็น Leadership อย่างเหนือชั้น • อธิบายถึง leadership6 สไตล์ • อธิบายถึงแนวความคิดของ emotional intelligence และ มันสามารถช่วยให้คนกลายเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น • กล่าวเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณและทำความเข้าใจถึงความสำคัญที่มีต่อ project leadership. • ทำความเข้าใจ ethical challenges บางอย่างที่อาจเผชิญเมื่อเป็น project leader หรือ project team member. • อธิบายถึงกระบวนการในการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณ • ทำความเข้าใจวัฒนธรรมและความแตกต่าง รวมถึงความท้าทายในการนำและบริหาร multicultural project.
Project Leadership • Management • เน้นที่นโยบายและระเบียบปฏิบัติต่าง ๆ อันนำมาเป็นกฏเกณฑ์และการคาดการณ์สถานการณ์ที่ซับซ้อนขององค์กร • โดยทั่วไปแล้ว หมายถึงการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับ การวางแผน การจัดองค์กร การควบคุม การจัดคนเข้าทำงาน การประเมิน (evaluating) และ การเฝ้าดู (monitoring) • Leadership • มีความแตกต่างจากการบริหาร แม้ว่าจะมีบางส่วนทับซ้อนกันบ้าง • เป็นศูนย์กลางของวิสัยทัศน์ การเปลี่ยนแปลง และการกระทำใด ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันเกี่ยวข้องกับ ทิศทางและการปรับการทำงานของบุคลากร รวมถึงการโน้มน้าว (motivate)เขาเหล่านั้น
Leadership Is Different From Management ภาวะผู้นำจะแตกต่างกับการบริหารเหตุผลของความแตกต่างนั้นคงไม่เหมือนกับที่คนทั่วไปคิดกัน ภาวะผู้นำไม่ใช่คนลึกลับและเรื่องลึกลับแต่อย่างใด มันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสามารถพิเศษหรือมีลักษณะประหลาดต่างจากผู้อื่น มันไม่ถึงขนาดต้องไปหาคนไม่กี่คนจากคนจำนวนมากมาย และก็ไม่ได้หมายความว่า ภาวะผู้นำจะดีกว่าการบริหาร หรือ ทดแทนกันได้ แต่ภาวะผู้นำและการบริหารคือระบบการกระทำสองลักษณะที่แตกต่างกันแต่ชดเชยซึ่งกันและกัน ทั้งคู่เป็นสิ่งจำเป็นในการประสบผลสำเร็จในธุรกิจที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (Kotter, 2001: p.3)
Some Modern Approaches to Leadership • Kouzes & Posner (2002) ได้ทำการวิจัยมากกว่า 20 ปีเกี่ยวกับ effective leadership • พบว่า ผู้นำมักเป็นคนธรรมดาที่ช่วยแนะนำผู้อื่น • กำหนดแนวทางปฏิบัติในการเป็นผู้นำชั้นยอดเพื่อช่วยให้คนทั่วไปกลายเป็นผู้นำที่ประสบผลสำเร็จ
Five Practices of Exemplary Leadership • 1) เป็นต้นแบบนำทาง ( Model the way) • ถือเป็น Most effective leaders และนำโดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง (lead by example) • มีพฤติกรรมแบบ wins respect ไม่ใช่เป็นผู้นำโดยชื่อหรือตำแหน่ง • หาแนวทางของเขาบนพื้นฐานของคุณค่าและความเชื่อแห่งตน โดยถือว่า สิ่งที่ตนเองกระทำมีความสำคัญกว่าคำพูด • การวางแนวทางโดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าอะไรคือสิ่งที่เขาในฐานะผู้นำคาดหวังจากผู้อื่นและเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นยอมรับการเป็นผู้นำของเขา
Five Practices of Exemplary Leadership • 2) สร้างแรงดลใจต่อวิสัยทัศน์ร่วม (Inspiring a shared vision) • ผู้นำซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย (Exemplary leaders)เป็นผู้มี exciting vision หรือ exciting dream อันเป็นเสมือนพลังในการจุดประกาย แห่งความใฝ่ฟันว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร (เช่น การสร้างภาพแห่งอนาคต (inventing the future)) • วิสัยทัศน์ควรเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คน ทำให้เขาเกิดความมุ่งมั่น มีเจตนาแน่วแน่ที่จะไปให้ถึงวิสัยทัศน์ข้างต้น ดังนั้นผู้นำต้อง • ทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการ ใส่ใจ และบรรยายออกมาให้ได้ • การพบปะเพื่อถ่ายทอดวิสัยทัศน์กับผู้อื่น ควรเป็นไปในเชิงสนทนา ไม่ใช่แจ้งให้ทราบฝ่ายเดียว
Five Practices of Exemplary Leadership • 3) กล้าท้าทายต่อกระบวนการ (Challenging the process) • ผู้นำที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเภทนี้ต้องมีความกล้าหาญและยอมรับความท้าทายในสิ่งใหม่ ๆ มักไม่ติดยึดอยู่กับสิ่งเดิม ๆ • ผู้นำเหล่านี้มักมองหาโอกาสใหม่ ๆ ทางด้านการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาให้ดีขึ้น และการปรับปรุง • แต่ผู้นำทั้งหมดไม่สามารถสร้าง พัฒนา หรือ ทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การบริการใหม่ ๆ หรือ กระบวนการใหม่ ๆ ออกมาได้ • เขามักเป็นผู้ฟังที่ดี เพื่อจับแนวความคิดดี ๆ ออกมา แล้วให้การสนับสนุนแนวความคิดข้างต้น และท้าทายกระบวนการในการทำแนวความคิดนั้น ๆ ให้เป็นจริง • เขาสามารถลดความเสี่ยงอันอาจทำให้เกิดความล้มเหลวลงได้ต่ำกว่าผู้อื่น ในขณะที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกปลอดภัยและสะดวกใจที่จะรับความเสี่ยงนั้น ๆ
Five Practices of Exemplary Leadership • 3. เพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานให้ผู้อื่น (Enabling others to act ) • ผู้นำต้องอาศัยผู้อื่นให้ทำงานให้โดยการกระตุ้นให้ร่วมมือกันและสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นระหว่าง project stakeholders • ผู้นำทำการจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ผู้อื่นทำงานออกมาได้ดี • ผู้คนควรจะรู้สึกถึงการเอื้ออำนาจและได้รับการชักจูงให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด มีความรู้สึกว่างานนั้น ๆ เป็นของตนเองและภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ • ผู้นำควรให้อำนาจกับผู้อื่นในการตัดสินใจ ไม่ควรหลงติดอยู่กับอำนาจนั้น • กล่าวง่าย ๆ ว่า ผู้นำมักเปลี่ยนผู้ตามให้เป็นผู้นำตัวของเขาเอง
Five Practices of Exemplary Leadership • 5. กระตุ้นหัวใจ (Encouraging the heart) • ผู้นำที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นยั่วเย้าคนอื่น ๆ ให้ทำงานต่อไปโดยการบำรุงขวัญและกำลังใจ • สามารถแสดงออกง่าย ๆ เช่น เขียนโน้ตแสดงความขอบคุณ หรือ ให้ติดป้ายประกาศเพื่อให้คนเดินไปเดินมาทราบ • ผู้นำต้องแสดงความขอบคุณในการมีส่วนร่วมของคนทั้งหลาย และสร้างวัฒนธรรมการให้รางวัลเมื่อบรรลุความสำเร็จ • การให้รางวัลและการเลี้ยงฉลองจะต้องไม่เป็นแบบแสร้งทำหรือทำอย่างเสียไม่ได้ • ต้องเชื่อมการให้รางวัลเข้ากับผลของการปฏิบัติงาน • การประกาศเกียรติคุณและการฉลองควรปรับเข้ากับคุณค่าของกลุ่ม อันจะทำให้สามารถสร้างผลงานที่ระบุได้อย่างชัดเจนรวมทั้งสปิริตอันควรเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาในการทำโครงการ
Leadership Styles • effective leader ส่วนมากมีการผสมกันระหว่าง distinct leadership styles • จากการศึกษา 3,871 executives worldwide โดย Daniel Goleman ในปี 2000 ได้ตั้งข้อสังเกตว่า the best leaders จะไม่มีแค่ leadership style แบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น แต่มีหลาย different styles ขึ้นกับสถานการณ์ • ต่อไปนี้คือ 6 สไตล์ที่สามารถนำไปใช้เกิดประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ต่างกัน • The Coercive Style • The Authoritative Style • The Affiliative Style • The Democratic Style • The Pace Setting Style • The Coaching Style
Leadership Styles:The Coercive Style (ผู้นำแบบเผด็จการ) • Attitude: “ทำตามที่ฉันบอก (do as I say)” • จะมีประสิทธิภาพในกรณีที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤติ, เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้สถานการณ์วกกลับ, จัดการกับปัญหาที่เกี่ยวกับพนักงาน หรือ เมื่อพยายามเพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการทันทีทันใด • แต่จะไม่มีประสิทธิภาพในหลาย ๆ สถานการณ์ และยังอาจส่งผลกระทบทางลบให้กับบรรยากาศในการทำงานขององค์กรหรือโครงการ • สามารถก่อให้เกิดอุปสรรคต่อแนวความคิดใหม่ ๆ และ เกิดข้อจำกัดในด้านการสื่อสาร • ผู้คนจะกลายมาเป็นไม่พอใจ หรือ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นตามความจริง อันนำไปสู่ความสูญเสียความริเริ่มการจูงใจ ความจริงใจ และ ความรู้สึกเป็นเจ้าของ
Leadership Styles:The Authoritative Style (ผู้นำแบบแบบชักจูง) • Attitude: “เดินตามฉันมา (Come with me!)” • แทนที่จะใช้การออกคำสั่ง ผู้นำแบบนี้จะ ชักจูงทีมงาน ซึ่งถึงแม้จะใช้เวลานานหน่อย แต่ก็มีผลดีในระยะยาวทั้งกับตัวองค์กรเองและกับพนักงาน ซึ่งในการเป็นผู้นำแบบนี้ คุณจะต้องมั่นใจว่า ทีมงานของคุณ เข้าใจถึงที่มาที่ไป ถึงการกระทำ และแนวทางที่คุณต้องการจะได้ • ผู้นำแบบนี้จะมีวิสัยทัศน์และความกระตือรือร้น • แสดงพนักงานควรทำงานอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับภาพรวม • ทำให้คนเชื่อว่างานของเขามีความหมายและมีเป้าประสงค์ • ทำให้คนมองภาพมาตรฐานของความสำเร็จและผลงานที่ต้องการอย่างชัดเจน • ผู้นำแบบนี้ใช้ได้ดีที่สุดเมื่อองค์กรหรือโครงการเคลื่อนที่แบบแกว่งไปมา(adrift) • ถ้าผู้นำไม่ค่อยมีประสบการณ์แล้วไปทำงานกับผู้ชำนาญการณ์หรือมีประสบการณ์มากกว่า จะไม่ดีเพราะอาจจะไม่ถูกยอมรับ
Leadership Styles:The Affiliative Style (ผู้นำแบบเพื่อนร่วมงาน) • Attitude: “people come first!” • ผู้นำประเภทนี้ จะปฏิบัติตนดั่งเป็นเพื่อนร่วมงานของทีมงาน โดยให้ความสำคัญกับเรื่องของ "คน" เป็นหลัก ให้ความสำคัญของพนักงานและทักทายทุก ๆ คนด้วยความเสมอภาคกัน • มีแนวความคิดว่า คนควรช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงเน้นไปในเรื่องการสื่อสาร แบ่งปันความคิด ให้กำลังใจ และ จัดการกับความเสี่ยงร่วมกัน • ผู้นำมักจะไม่กำหนดกฏเกณฑ์ที่ไม่จำเป็นและมักไม่กำหนดงานอย่างเป็นโครงสร้าง ซึ่งมันก็จะวิ่งเข้าสู่คำถามว่า แล้วใครล่ะจะเป็นผู้กำหนด • ใช้ได้ดีในสถานการณ์ที่ซึ่งผู้นำต้องการสร้างความกลมเกลียว อารมณ์ ความไว้วางใจ และ การสื่อสาร ของทีมให้ไปทางเดียวกัน • แต่จะไม่ดีถ้าผู้คนต้องการโครงสร้างของงานและการกำหนดทิศทางที่จะไป
Leadership StylesThe Democratic Style (ผู้นำประชาธิปไตย) • Attitude: “what do you think?” • เพื่อความเสมอภาค ผู้นำประเภทนี้ ต้องการที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้แก่เหล่าทีมงาน โดยใช้การออกเสียงเพื่อซื้อใจทีมงาน และเลือกหนทางที่ทีมงานต้องการมากที่สุด นี่ก็เพื่อให้ทีมงานรู้สึกว่า พวกเขาเป็นส่วนสำคัญขององค์กร ซึ่งจะทำให้พวกเขาตั้งใจทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ • ข้อควรระวังคือ อาจจะใช้เวลาค่อนข้างมากเพื่อให้ได้ข้อตัดสินใจออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่สามารถเข้าสู่เสียงเอกฉันท์ได้และองค์กรอาจจะแบ่งเป็นพรรคเป็นพวกขึ้นมาได้ มากไปกว่านั้น บางทีสิ่งที่ทีมงานของคุณ vote ออกมา อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด สำหรับองค์กรในระยะยาว • ใช้ได้ดีกับผู้นำที่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วม หรือ ความเป็นเอกฉันท์ หรือ gain valuable input ซึ่งกันและกัน • ใช้เวลาประชุมนาน ให้มุมมองต่อกลุ่มในเชิงไม่มีผู้นำ จึงไม่เหมาะสมในสถานการณ์วิกฤติ หรือ ทีมกำลังต้องการคำแนะนำ
Leadership Styles:The Pacesetting Style (ผู้นำตัวอย่าง) • Attitude: “do as I do, now!” • ผู้นำแบบนี้ เน้นหนักในด้านการทำตัวเป็นตัวอย่างแก่ลูกน้อง โดยสร้างมาตราฐานที่สูงให้แก่ตนเองในการทำงาน ซึ่งตรงนี้จะกระตุ้นให้ลูกน้องหรือทีมงานเห็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานและพยายามเลียนแบบบ้าง ข้อดีก็คือ ผู้นำแบบนี้จะสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพได้ทำให้บ่งชี้ข้อด้อยและปรับเปลี่ยนได้เร็ว • Morale จะลดลงถ้าคนรู้สึกว่าถูกกดดันในเรื่องความต้องการด้านความเป็นเลิศหรือ performance • Goals อาจชัดเจนโดยตัวผู้นำ แต่อาจไม่ใช่ทุกคน ดังนั้น ผู้นำอาจต้องมุ่งเน้นเป็นรายตัว • คนอาจเสียกำลังใจและความมุ่งมั่น ถ้างานเริ่มเปลี่ยนเป็น task-focused, routine, และ น่าเบื่อ • ถ้าผู้นำไม่อยู่ คนอาจจะรู้สึกไร้ทิศทาง(ในการทำงาน) เพราะว่า ผู้นำคือผู้กำหนดทางเดินทั้งหมด • อาจเหมาะสมในสถานการณ์ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างรวดเร็วจากการชักจูงอย่างรุนแรง เพื่อให้เดินไปตามกรอบ และให้ทีมไปทางเดียวกัน
Leadership Styles:The Coaching Style (ผู้นำสร้างคน) • Attitude: “try this!” • ผู้นำแบบนี้เน้นหนักในด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคลมากกว่าการทำงานตรงหน้า เพื่อสร้างพนักงานที่มีคุณภาพคับแก้ว จริง ๆ ในการทำงาน • ยอมรับในความผิดหรือข้อบกพร่องเล็ ๆ น้อย ๆ และมองในแง่เป็นประสบการณ์ในการเรียนรู้ • สไตล์นี้ถูกนำมาใช้น้อยที่สุด แต่มีคุณค่าและถือเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการปรับปรุงประสิทธิภาพและบรรยากาศในองค์กรหรือโครงการ • ใช้งานได้ดีในหลาย ๆ สถานการณ์ แต่ได้ผลมากที่สุดเมื่อคนต้องการการสอน (Coach) • ได้ผลน้อยที่สุดเมื่อคนเกิดการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง หรือ ผู้นำไม่มีความรู้ ความสามารถ หรือ ไม่ต้องการเป็นผู้สอน
Emotional Intelligence • จากการศึกษาของ Goleman ได้เสนอแนะว่า ผู้นำควรชำนาญในสไตล์ การชักจูง ความเป็นประชาธิปไตย ความเป็นมิตร (เชิงเพื่อนร่วมงาน) และ การสอนงาน ทั้งหมดนี้จะทำให้มีบรรยากาศการทำงานที่ดี มีประสิทธิภาพสูง • ผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะมีความคล่องตัวในการสับเปลี่ยนระหว่าง leadership style ข้างต้นได้ตามต้องการ • ความสามารถนี้ขึ้นกับ emotional intelligence ของแต่ละคน • Emotional intelligence คือ ความสามารถในการทำความเข้าใจและบริหารความสัมพันธ์กับผู้อืนและตนเองให้ดีขึ้น ๆ • แม้ว่า intelligence quotient (IQ) คือ เรื่องที่ขึ้นกับอดีตหรือกรรมพันธุ์ แต่ emotional intelligence สามารถเรียนรู้ได้ (และปรับปรุงได้) ตลอดชีวิต
Emotional Intelligence • การปรับปรุง emotional intelligence ของใครคนใดคนหนึ่ง เหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยที่ไม่ดี (bad habit) ดังนั้นจึงต้องอาศัยเวลา ความใจเย็น และใช้พลังอย่างมากมาย • ตัวอย่างเช่น เราอาจใช้ democratic leadership style เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างราบลื่นแต่จะเปลี่ยนเป็น coercive style มากขึ้นเมื่อเรื่องต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามแผน เมื่อได้ผลแล้ว เราอาจจุดประกาย (lesson learned)และปรับความคิดของคนอื่น ๆ เพื่อให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน • และยังรวมถึงความสามารถอีก 4 ด้านคือ • การระมัดระวังตนเอง (Self-Awareness) • การบริหารตนเอง (Self-Management) • การระมัดระวังทางสังคมกับผู้อื่น (Social Awareness) • ทักษะในการเข้าสังคม (Social Skills)
Emotional Intelligence:Self-Awareness • Emotional Self-Awareness • อ่านและเข้าใจอารมณ์ของตนเองและ เข้าใจว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลกระทบต่องานอย่างไร • Accurate Self-Assessment • วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองตามความจริง • Self-Confidence • มีความเชื่อมันและเป็นบวกในคุณค่าของตนเอง
Emotional Intelligence:Self-Management • ควบคุมตนเอง (Self-Control) • Keeping your impulses and negative emotions in check • ซื่อสัตย์ต่อตนเอง (Trustworthiness) • รักษาความซื่อสัตย์ต่อตนเองและเพื่อผู้อื่น • ซื่อตรงต่อหน้าที่ (Conscientiousness) • บริหารตนเองและการสนองตอบต่อผู้อืนอย่างมีประสิทธิภาพ • ปรับปรุงตนเองเสมอ (Adaptability) • ปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์ใหม่ ๆ และ บรรลุความท้าทายที่เกิดขึ้น • จับจ้องที่ผลสำเร็จ (Achievement Orientation) • ผลักดันตนเองให้บรรลุถึงมาตรฐานอันเป็นเลิศตามที่ตั้งใจไว้ • ริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ (Initiative) • จับประเด็นเพื่อค้นหาโอกาสใหม่ ๆ
Emotional Intelligence:Social Awareness • เห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy) • รับรู้และเข้าใขความรู้สึก มุมมอง ของผู้อื่น จริงใจและใส่ใจในการเข้าร่วมแก้ปัญหา • Organizational Awareness • รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ ความเป็นไปของวิถีชีวิตในองค์กร สร้างเครื่อข่าย (สังคมกับคนอื่น) และเจริญรอยตามนโยบายขององค์กร • มุ่งเน้นที่การให้บริการ (Service Orientation) • รับรู้และบรรลุถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
Emotional Intelligence:Social Skills • เป็นผู้นำทางด้านวิสัยทัศน์ (Visionary Leadership) • หาโอกาสเผยแพร่วิสัยทัศน์ให้กับผู้อื่น • ชักชวน (Influence) • มีแนวทางในการโน้มน้าว ชักชวน ให้คล้อยตามในเรื่องที่ท่านตัดสินใจ • พัฒนนาผู้อื่น (Developing Others) • เสริมศักยภาพของผู้อื่นผ่านข้อมูลป้อนกลับ (feedback)และ แนะนำแนวทาง • การสื่อสาร (Communication) • รับฟังและส่งสารอย่างชัดเจน มีการใช้ข้อความที่มีจุดมุ่งหมายชัดแจ้ง • เป็นตัวเร่งเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Change Catalyst) • ริเริ่มแนวความคิดใหม่ ๆ และนำผู้คนไปในทิศทางที่ถูกต้อง • บริหารข้อขัดแย้ง (Conflict Management) • มีความสามารถในการลดความขัดแย้ง และช่วยให้ได้ทางออกของข้อขัดแย้ง
Emotional Intelligence:Social Skills • สร้างพันธะผูกพัน (Building Bonds) • สร้างและรักษาโครงข่ายของความสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร • การทำงานเป็นทีมและการร่วมือกัน (Teamwork and Collaboration) • ก่อให้เกิดความร่วมมือกันและสร้างทีมขึ้นมา
Emotional Intelligence • แต่ละคนสามารถควบคุม emotional intelligence และ leadership ของเขาให้มีประสิทธิภาพได้โดยการถามว่า • ปัจจุบันนี้เราคือใคร (Who Am I Now)? • ใครที่เราอยากจะเป็นแบบนั้น (Who Do I Want to Be)? • ต้องซื่อสัตย์ต่อการประเมินว่าผู้อื่นมองเราในฐานะผู้นำของเขาอย่างไร และ เราต้องการให้เขามองเราอย่างไรในอนาคต • อาจใช้ 360-degree feedback จาก เพื่อน ลูกน้องและผู้อยู่เหนือเราขึ้นไป • ขั้นตอนต่อไป คือ จัดทำแผนที่จะเดินจากที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันไปยังสิ่งที่เราอยากเป็นในอนาคต
จริยธรรมในโครงการ (Ethics in Projects) • จริยธรรมนิยามได้ว่าเป็น a set of moral principles and values • ปัญหาทางจริยธรรม (Ethic dilemma) จะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณค่าแห่งบุคคลเกิดข้อขัดแย้ง • พนักงานต้องกำหนดแนวทางเพื่อใช้เป็น ประมวลจริยธรรมที่เขาต้องทำตาม เช่น เวลาใดคือเวลาเข้างาน เวลาใดคือเวลาเลิกงาน จะต้อนรับขับสู้ผู้ที่เป็นลูกค้าอย่างไร เป็นต้น • ผู้นำควรบ่งชี้แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม ควรปฏิบัติ และ ไม่เหมาะสม ไม่ควรปฏิบัติ แล้วสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ
Ethics in Business • จริยธรรมกลายเป็นเรื่องที่นิยมกล่าวถึงกันมากขึ้นในธุรกิจและโรงเรียนสอนธุรกิจ เพราะผลอันเกิดจากจริยธรรมจำนวนหนึ่งได้เริ่มกัดกร่อนองค์กรให้หลอมละลาย • Unethical business behaviors • ความเสียหายคือเงิน • อาจผิดกฎหมาย ผลลัพธ์คือคุก ตาราง • เป็นไอ้ตัวร้ายในวงการธุรกิจ! • ผู้คนต้องการทำงานหรือทำธุรกิจกับองค์ที่เขาไว้วางใจ • อย่างไรก็ตาม ethical decisions ยังไม่ชัดเจนมากนัก • To a large degree legality and ethics are governed by society and culture – i.e., the shared beliefs, assumptions, and values that we learn and that guide or influences our behavior
Ethics Versus Legality Figure 13.2
Ethical Leadership • การเป็นไปตามสังคม (Socialization) • กระบวนการอันเกิดจากผู้คนเรียนรู้วัฒนธรรมขององค์กร อันเกิดจากมีผู้นำ (สิ่งนั้น ๆ )เข้ามาในองค์กร • สามารถคิดในเชิงเป็นทางการ (เช่นการอบรม) หรือ เป็นทางการน้อยลง( เช่นปฏิสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้างานกับผู้ร่วมงาน) • คนใหม่จะเรียนไม่เพียงแต่การแต่งกายเท่านั้น แต่จะรวมไปถึงนิสัย (พฤติกรรม) ในการยอมรับและไม่ยอมรับการแต่งกายนั้น ๆ ด้วย • สิ่งที่ตามมาก็คือ กระแสสังคมจะสนับสนันหรือไม่สนับสนันพฤติกรรมทางด้านจริยธรรมไปด้วย
Ethical Leadership • ผู้คนจะมองผู้นำของเขาในแง่ของ ethical guidance • ถ้าหัวหน้าไม่มี guidance เขาจะเสาะหาจากคนอื่น (อาจจะตั้งใจนำ หรือไม่ตั้งใจนำก็แล้วแต่) ซึ่งอาจมีพฤติกรรมไปในทางไร้จริยธรรม • ผู้บริหารโครงการต้องทำตนเป็น moral individual และ moral manager/leader ผู้ซึ่งกำหนด the right set of values and sends the right message to shape an ethical culture • ผู้นำจะตกอยู่ภายใต้ 4 หลักการนี้ • ภาวะผู้นำที่ไร้จริยธรรม (Unethical Leaderships) • ภาวะผู้นำเจ้าเล่ห์ (Hypocritical Leadership) • ภาวะผู้นำกึ่งมีจริยธรรม (Ethically Neutral Leadership) • ภาวะผู้นำเชิงจริยธรรม (Ethical Leadership)
Common Ethical Dilemmas • Human Resource Situations • ผู้นำโครงการควรสร้าง project environment ซึ่งคนรู้สึกปลอดภัยและพึงพอใจเขาจึงจะทำงานได้ดีที่สุด • พึงระมัดระวังเรื่องที่จะนำไปสู่ ethical situations ได้แก่: การเลือกที่รักมักที่ชังความเป็นส่วนตัว การคุกคามทางเพศหรือในรูปแบบอื่น ๆ รวมทั้ง การประเมินความสามารถ ระเบียบวินัย การจ้างคน การไล่คนออก และการลดคนงาน • ประเด็นที่ควรพิจารณาคือความยุติธรรมในเทอมของความเท่าเทียมกัน (only performance counts), ความเห็นตรงกัน (expectations are understood and met), และความไม่เอนเอียง (prejudice and bias are not factors)
Common Ethical Dilemmas • ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflicts of Interest) • ได้แก่สิ่งของ เช่นสินบนหรือการต่อต้านโดยเปิดเผย หรือ แฝงเร้น เป็นต้น รวมไปถึงความสัมพันธ์อาจเกิดคำถามเรื่องความยุติธรรมกับท่าน • ความไม่เอนเอียง (impartiality)อาจกลายมาเป็นคำถามเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องส่วนตัวและความเป็นมืออาชีพเกิดการทับซ้อนกัน และ ผลประโยชน์ทับซ้อนอาจเกิดขึ้นได้ • Could a gift or personal favor from a vendor or customer be viewed as having an influence on your judgment or a decision? • ความเชื่อมั่นคือ key factor ของความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องส่วนตัวและเรื่องธุรกิจ และ ผลประโยชน์ทับซ้อนจะให้ให้ความเชื่อมั่นลดลง
Common Ethical Dilemmas • ความเชื่อมั่น (Confidence) • ความสัมพันธ์กับ project stakeholders ต้องรักษาให้มั่นคงในแง่ของความเชื่อมั่นในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับ การรักษาความลับ ความปลอดภัยและวางใจได้ในผลิตภัณฑ์ ความจริงในการโฆษณา เรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ทำเป็นพิเศษ ให้แก่ client หรือ other project stakeholders • ความไว้วางใจจะคลอนแคลนลงเมื่อ your fairness, honesty, หรือ respect ถูกยกขึ้นมาสอบถาท
Common Ethical Dilemmas • Corporate Resources • ท่านเป็นตัวแทนหรือเป็นแบบอย่างขององค์กร ดังนั้นการกระทำของท่านสามารถถูกพิจารณาได้ว่าเป็นการกระทำขององค์กรของท่าน • This may include your opinions or actions, especially if you use corporate resources such as stationary, business cards, an email address, phones, etc for personal reasons • ดังนั้นทรัพยากรของบริษัทต้องใช้กับธุรกิจภายใต้นโยบายที่กำหนดไว้โดยองค์กรของท่าน
Making Sound Ethical Decisions • สืบหาความจริง (Gather the Facts) • กำหนดเรื่องจริยธรรม (Define the Ethical Issue) • บ่งชี้ถึง stakeholder ที่ได้รับผลกระทบ (Identify the Affected Stakeholders) • บ่งชี้ผลที่จะเกิดขึ้นตามมา (Identify the Consequences) • บ่งชี้การบังคับใช้ (Identify the Obligations) • พิจารณา character และ integrity ของท่าน
Multicultural Projects • แม้ว่า international project อาจถูกพิจารณาว่าเป็น multicultural project แต่หลาย ๆ domestic projects ได้กลายเป็น multicultural ไปแล้ว ทั้งนี้เพราะองค์กรได้พยายามใช้พนักงานที่หลากหลาย • และแม้ว่าจริยธรรมถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของภาวะผู้นำก็จริง ในเรื่องความสามารถในการนำและการบริหาร multicultural team ได้กลายมาเป็นทักษะที่สำคัญของ successful project leaders
The Challenge of International Projects • จำนวนสถานที่ตั้งต่าง ๆ • อัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา • ข้อกำหนดและกฏหมายต่าง ๆ • ความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง • ทัศนคติเกี่ยวกับการทำงานและเวลา • ศาสนา • ภาษา • อาหาร
Understanding and Managing Diversity • ในขณะที่วัฒนธรรมคือ a set of social lessons of behaviors ที่เราเรียนรู้ได้จากเวลาที่ผ่านไป ความหลากหลาย (diversity) ถูกนิยามว่าเป็นความแตกต่างของวัฒนธรรม เช่นเดียวกับเรื่องเชื้อชาติ จริยธรรม ศาสนา เพศ หรือ อายุ • Diversity Wheel เป็นเครื่องมือที่ใช้ทำความเข้าใจได้ดีขึ้นถึงความแตกต่างของแต่ละคน • มันช่วยให้เรารู้ว่า บางคนอาจดูเหมือนเรา แต่เขาอาจมาจากวัฒนธรรมที่แตกต่าง แม้ว่าจะอยู่ในประเทศเรา หรือภูมิภาคเดียวกับเรา • เราควรเริ่มด้วยการทำความเข้าใจในแต่ละมิติของ Diversity Wheel ที่เกี่ยวข้องกับทัศนคติ การจูงใจ และพฤติกรรม รวมไปถึง สังคมและกิจกรรมของเขา • เราจะเห็นว่า ไม่เพียงแต่ผู้คนมีความแตกต่างกันเท่านั้น เราอาจเห็นว่า เรามีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน
The Diversity Wheel Figure 13.3
จบหัวข้อ 13 • คำถาม ………..