760 likes | 2.99k Views
Demand, Supply and Equilibrium. อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ. Circular Flow Chart. สินค้าและบริการ. ปัจจัยการผลิต. Households. ค่าปัจจัยการผลิต. ค่าสินค้า. ซื้อ. ขาย. P. S. ตลาดการผลิต. ตลาดปัจจัย. D. Q. ค่าสินค้า. ค่าปัจจัยการผลิต. Businesses. สินค้าและบริการ. ปัจจัยการผลิต. ขาย.
E N D
Demand, Supply and Equilibrium อุปสงค์ อุปทานและดุลยภาพ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Circular Flow Chart สินค้าและบริการ ปัจจัยการผลิต Households ค่าปัจจัยการผลิต ค่าสินค้า ซื้อ ขาย P S ตลาดการผลิต ตลาดปัจจัย D Q ค่าสินค้า ค่าปัจจัยการผลิต Businesses สินค้าและบริการ ปัจจัยการผลิต ขาย ซื้อ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Demand อุปสงค์ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
อุปสงค์ตามทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์อุปสงค์ตามทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ตามทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ ความต้องการแยกได้เป็น 2 ประเภท คือ 1. ความต้องการแบบชาวบ้าน 2. ความต้องการทางเศรษฐศาสตร์หรืออุปสงค์ (Demand) - อำนาจซื้อ (Purchasing power) - ความเต็มใจที่จะจ่าย (Willingness to pay) - ความสามารถที่จะจ่าย (Ability to pay) • Effective Demand = อุปสงค์ที่มีพร้อมทั้งความต้องการและอำนาจซื้อ • (2) Potential Demand = อุปสงค์ที่ยังไม่สมบูรณ์ คือ มีเพียงความต้องการแต่ขาด อำนาจซื้อ หรือ มีเพียงอำนาจซื้อแต่ยังไม่มีความต้องการเกิดขึ้น หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตัวกำหนดอุปสงค์ ราคาสินค้าหรือบริการที่ผู้บริโภคต้องการ รายได้ของผู้บริโภค ราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง รสนิยมของผู้บริโภค Demand จำนวนประชากร การกระจายรายได้ใน ระบบเศรษฐกิจ ฤดูกาล หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Demand Function กำหนดให้ QdX = ปริมาณความต้องการซื้อสินค้า X PX= ราคาสินค้า X PY = ราคาสินค้าอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้า X C1 = รสนิยมC2 = ฤดูกาลC3 = จำนวนผู้ซื้อC4= การกระจายรายได้ในระบบเศรษฐกิจ สมการอุปสงค์ที่สมบูรณ์คือ QdX= f (PX, PY , C1 , C2 , C3 , C4) เนื่องจากเราต้องการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคา (ตัวแปรอิสระ) กับปริมาณซื้อ (ตัวแปรตาม) เราสมมุติให้ตัวแปรอื่นๆคงที่ ฟังก์ชันอุปสงค์ที่เราสนใจจึงเป็น QdX= f (PX, PY , C1 , C2 , C3 , C4) QdX= f (PX) หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ประเภทของอุปสงค์ อุปสงค์ของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง(Demand) หมายถึงปริมาณต่างๆ ของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ ซึ่งสามารถสามารถแบ่ง ออกได้เป็นสามประเภทคือ • อุปสงค์ต่อราคา (price demand) • อุปสงค์ต่อรายได้ (income demand) • อุปสงค์ต่อราคาสินค้าอื่น (cross demand) หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Price Demand อุปสงค์ต่อราคา หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Price Demand • อุปสงค์ต่อราคาเป็นอุปสงค์ที่มีความสำคัญและใช้มากที่สุด จึงนิยมเรียกสั้นๆว่า อุปสงค์หรือ Demand ซึ่งหมายถึง “ปริมาณต่างๆของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ ณ ระดับราคาต่างๆกันของสินค้าหรือบริการชนิดนั้นในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง” • Law of Demand: *Price effect = income effect + substitution effect 1. ปริมาณความต้องการซื้อของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งแปรผกผันกับราคา ของสินค้าหรือบริการชนิดนั้นเสมอ (Income effect; P α 1/Q) 2. ยิ่งระยะเวลายาวนานเท่าใด การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าจะมีผลให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงในปริมาณที่ผู้บริโภคต้องการซื้อตามไปด้วย เพราะผู้บริโภคมีโอกาส ในการเลือกซื้อสินค้าอื่นๆทดแทนสินค้าเดิมได้มากขึ้น (Substitution effect) หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตารางอุปสงค์และเส้นอุปสงค์ตารางอุปสงค์และเส้นอุปสงค์ • เราสามารถแสดงความสัมพันธ์ในรูปสมการและตารางของอุปสงค์ (Demand Schedule) ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณและสร้างเป็นเส้นอุปสงค์ (Demand Curve)ได้ในที่สุด • จากสมการ QX = 10-2PXเมื่อราคาเปลี่ยนแปลง ปริมาณซื้อสินค้า X จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางตรงกันข้ามดังนี้ • ถ้าPX= 1, QX= 10-(2 * 1) = 10 – 2 = 8 • ถ้า PX= 2, QX= 10-(2 * 2) = 10 – 4 = 6 • ถ้าPX= 3, QX= 10-(2 * 3) = 10 – 6 = 4 สมการอุปสงค์ (Demand equation) QX = 10-2PX โดยที่ QX = ปริมาณความต้องการซื้อ X PX = ราคาสินค้า X หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตารางอุปสงค์และเส้นอุปสงค์ (ต่อ) จากนั้นนำค่าความสัมพันธ์ของตัวแปร QXและ PX แสดงความสัมพันธ์ในรูปขอ ตารางอุปสงค์ดังนี้ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตารางอุปสงค์และเส้นอุปสงค์ (ต่อ) จากตารางบน slide ที่ 8 เราสามารถนำค่าความสัมพันธ์ในรูปตารางระหว่างราคาสินค้าและ ปริมาณซื้อสินค้า X ณ จุด A, B, C มาเขียนกราฟหรือเส้นอุปสงค์ของสินค้า X ได้ดังนี้ ราคาสินค้า X 4 C 3 B 2 A 1 DX 2 3 4 ปริมาณสินค้า X หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
1. การเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อ(Change in Quantity Demanded)- การเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อ เกิดจาก ราคาสินค้าที่เรากำลังพิจารณา เปลี่ยนแปลงแต่เพียงอย่างเดียว (สูงขึ้น หรือลดลง) ในขณะที่ตัวกำหนด อุปสงค์ตัวอื่นๆคงที่ - ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงจะมีผลให้ปริมาณ ซื้อย้ายจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งบน เส้นอุปสงค์เส้นเดิมโดยที่เส้นอุปสงค์ไม่ เปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อและการเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ ราคาสินค้า X A 3 B 2 C 1 DX 10 20 30 ปริมาณสินค้า X หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
เมื่อรายได้ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเมื่อรายได้ของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์(Change or Shift in Demand)- เกิดจากการที่ตัวกำหนดอุปสงค์อื่นๆ ทีไม่ใช่ราคาสินค้านั้นเปลี่ยนแปลงไป ทั้งที่ระดับราคาสินค้าไม่เปลี่ยน - ผลที่เกิดขึ้นทำให้เส้นอุปสงค์เคลื่อน ย้ายไปจากเดิม ถ้าอุปสงค์เพิ่มขึ้น เส้นอุปสงค์จะเคลื่อนไปทางขวามือ ถ้าอุปสงค์ลดลง เส้นอุปสงค์ก็จะ เคลื่อนไปทางซ้าย การเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อและการเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ P B C 7 D A 6 DX2 DX1 10 11 12 13 Q หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
กรณีราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องมีลักษณะใช้ประกอบกันกรณีราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องมีลักษณะใช้ประกอบกัน กรณีราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องโดยใช้ทดแทนกัน การเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อและการเปลี่ยนแปลงระดับอุปสงค์ P P B A A B 10 10 DX2 DX1 DX1 DX2 30 50 Q 20 40 Q หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Income Demand อุปสงค์ต่อรายได้ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Income Demand อุปสงค์ต่อรายได้ หมายถึง ปริมาณต่างๆของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ ผู้บริโภคต้องการซื้อ ณ ระดับรายได้ต่างๆกันของผู้บริโภคในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง income B • อุปสงค์ต่อรายได้กรณีสินค้าปกติ (Normal Good)- ค่าความชันเป็น + คือปริมาณซื้อ สินค้าแปรผันตรงกับรายได้ - สินค้าปกติ เรียกว่า Normal Good 110 A 100 C 90 DX Q 10 20 30 หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Income Demand income 2. อุปสงค์ต่อรายได้กรณีสินค้าด้อย(Inferior Good) - ค่าความชันเป็น – คือ ปริมาณซื้อสินค้แปรผกผัน กับรายได้ - เรียกว่า Inferior good B 100 A 50 DY 6 10 Q หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Cross Demand อุปสงค์ต่อราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Cross Demand หมายถึง ปริมาณต่างๆของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ ณ ระดับราคาต่างๆกันของสินค้าหรือบริการอีกชนิดหนึ่ง ณ ระยะเวลาใดระยะเวลาหนึ่ง ราคาของกาแฟ 1. กรณีสินค้าที่ใช้ประกอบกัน (Complementary good)- ค่าความชันเป็น – คือปริมาณการซื้อ ครีมแปรผกผันกับราคาของกาแฟ- ถ้าราคากาแฟ ปริมาณของครีม - ตัวอย่างอื่นๆ 20 15 10 Dครีม 10 15 20 ปริมาณของครีม หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Cross Demand ราคาของสบู่ลักซ์ 2. กรณีสินค้าที่ใช้แทนกันได้ (Substitute good)- ค่าความชันเป็น – คือปริมาณของสบู่ นกแก้วแปรผันโดยตรงกับราคาของ สบู่ลักซ์- ถ้าราคาของสบู่ลักซ์ ปริมาณของ สบู่นกแก้ว - ตัวอย่างอื่นๆ Dสบู่นกแก้ว 20 15 12 17 ปริมาณของสบู่นกแก้ว หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Supply อุปทาน หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Supply Theory อุปทานของผู้ผลิตแต่ละราย คือ ปริมาณต่างๆของสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตพร้อมที่จะนำออกขาย ณ ระดับราคาต่างๆกันของสินค้าหรือบริการชนิดนั้น ณ ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง Law of Supply P Qs P α Qs P Qs หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตัวอย่างแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและราคาลำไยตัวอย่างแสดงความสัมพันธ์ระหว่างปริมาณและราคาลำไย ราคา Sลำไย A 50 B 30 40 100 ปริมาณ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตัวกำหนดอุปทาน ราคาสินค้าหรือบริการ จำนวนผู้ขาย ราคาปัจจัยการผลิต อุปทาน ราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง เทคโนโลยีในการผลิต เป้าหมายของธุรกิจ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Supply Function กำหนดให้ QsX = ปริมาณผลผลิตสินค้าหรือ “อุปทาน” สินค้า X PX= ราคาสินค้า X PY = ราคาสินค้าอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้า X A1 = เป้าหมายธุรกิจA2 = เทคนิคการผลิตA3 = จำนวนผู้ขายA4 = ราคาปัจจัยการผลิต สมการอุปสงค์ที่สมบูรณ์คือ QsX= f (PX, PY , A1 , A2 , A3 , A4,……) เนื่องจากเราต้องการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างราคา (ตัวแปรอิสระ) กับปริมาณผลผลิต (ตัวแปรตาม) เราสมมุติให้ตัวแปรอื่นๆคงที่ ฟังก์ชันอุปสงค์ที่เราสนใจจึงเป็น QsX = f (PX, PY , A1 , A2 , A3 , A4,……) QsX = f (PX) หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Change in Quantity Supplied and Change in Supply ราคา การเปลี่ยนแปลงปริมาณขาย(Change in Quantity Supplied) - เกิดจากการกำหนดให้ปัจจัยอื่นๆ คงที่ แต่ราคาเปลี่ยนแปลง- ปริมาณขายเปลี่ยนจากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่งบนเส้นอุปทานเดิม Sลำไย B 70 A 50 C 30 ปริมาณขาย 100 150 200 หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Change in Quantity Supplied and Change in Supply P การเปลี่ยนแปลงระดับอุปทาน(Change or shift in Supply)- ถ้ากำหนดให้ราคาคงที่ โดยให้ ตัวกำหนดอุปทานตัวอื่นๆตัวใด ตัวหนึ่งหรือหลายตัวเปลี่ยน- หากอุปทานเพิ่มขึ้น เส้น อุปทานจะเคลื่อนไปทางขวา- หากอุปทานลด เส้นอุปทาน จะเคลื่อนไปทางซ้าย S1 S S2 P Q1 Q2 Q3 Q หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Market Equilibrium ดุลยภาพของตลาด หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ดุลยภาพ - ที่จุด E ปริมาณซื้อ (D)= ปริมาณขาย (S)- ราคาซื้อขายที่ดุลยภาพ เรียกว่า ราคาดุลยภาพ- ปริมาณซื้อขายที่ดุลยภาพ เรียกว่า ปริมาณดุลยภาพ P S P2 - เมื่อปริมาณขาย (S)> ปริมาณซื้อ (D) สินค้าที่ ต้องการซื้อ จะเกิดสินค้าเหลือเท่ากับ Q3-Q2หรือเส้นตรง ABเรียกว่า อุปทานส่วนเกิน(Excess supply: Surplus) A B P0 E G H P1 - เมื่อปริมาณขาย (S)< ปริมาณซื้อ (D) สินค้าที่ ต้องการซื้อ จะเกิดสินค้าไม่เพียงพอเท่ากับ Q4- Q1หรือเส้นตรง GHเรียกว่า อุปสงค์ส่วนเกิน(Excess demand: Shortage) D Q1 Q2 Q0 Q3 Q4 Q หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพการเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ 1. เส้นอุปสงค์เปลี่ยนโดยเส้นอุปทานคงที่2. เส้นอุปทานเปลี่ยนโดยเส้นอุปสงค์คงที่3. ทั้งเส้นอุปสงค์และอุปทานเปลี่ยนแปลง ตัวกำหนดดุลยภาพ คือ เส้นอุปสงค์และเส้นอุปทาน หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Consumer and Producer Surpluses Consumer Surplus (CS)หรือ ส่วนเกินของผู้บริโภค หมายถึง ส่วน ของจำนวนเงินที่ผู้บริโภคยินดีจ่ายเพื่อซื้อ สินค้าจำนวนหนึ่งๆที่เกินกว่าจำนวนเงินที่ ผู้บริโภคได้จ่ายออกไปจริงในการซื้อสินค้า จำนวนนั้นๆ CS+PS = Social Surplus (SS) P S CS E P0 Producer Surplus (PS)หรือ ส่วนเกินของผู้ผลิต หมายถึง ส่วน ของจำนวนเงินที่ผู้ผลิตได้รับจริงจากการ ขายสินค้าจำนวนหนึ่งๆที่เกินกว่าจำนวน เงินที่ผู้ผลิตสามารถยอมรับได้สำหรับการ ขายสินค้าจำนวนนั้นๆ PS D Q0 Q หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
โจทย์ปัญหา • อุปสงค์ต่อกาแฟมอคโคนาสามารถเขียนเป็นสมการได้คือ QD = 2P + 15 ส่วนสมการอุปทานเขียนได้เป็น QS =3P + 1 จงหา1.1 P0 และ Q0 1.2 ราคาสูงสุดที่เขาสามารถกำหนดได้ ถ้าผู้ผลิตต้องการขายกาแฟมอคโคนา 30 หน่วย1.3 จงคำนวณหา Consumer surplus และ Producer surplus 2. ถ้าฟังก์ชันอุปสงค์และอุปทานของตลาดต่อสินค้า A เขียนได้ว่า QD = 1,200 – 200P และ QS = 200P จงหา2.1 P0 และ Q02.2 Social Surplus 2.3 ถ้าราคาของสินค้า A เป็น 5 บาทต่อหน่วย จะเกิดอะไรขึ้นกับตลาด หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
Government Policy นโยบายรัฐบาล หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
การเก็บภาษีต่อหน่วย (Specific Tax) เป็นการเก็บภาษีที่รัฐบาลเรียกเก็บต่อหน่วยของสินค้าที่มีการซื้อขาย โดยทุกหน่วยของสินค้าจะเสียภาษีเท่ากันหมด P P S2 With Tax S1 S1 No Tax CS CS T P* Deadweight loss P0 PS PS D D Q Q Q0 Q* หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
การเก็บภาษีต่อหน่วย (Specific Tax) • ถ้ารัฐบาลเรียกเก็บภาษีต่อหน่วยจากผู้ขาย ในราคาขวดละ T บาทเท่ากันทุกขวดจะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น (โดยสูงขึ้นเท่ากับจำนวนภาษีที่เก็บ) เป็นผลให้เส้นอุปทานของสินค้าเปลี่ยนจาก S1 เป็น S2โดยขนานกับเส้นเดิม • Deadweight loss หมายถึง ความสูญเสียจากการดำเนินนโยบายหนึ่งๆของบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือรัฐบาลที่ตกกับสังคมในรูปผลประโยชน์ที่ลดต่ำลงจากจำนวนผลประโยชน์ทั้งหมดที่สังคมเคยได้รับ หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
ตัวอย่างการเก็บภาษีต่อหน่วยตัวอย่างการเก็บภาษีต่อหน่วย ถ้าฟังก์ชันอุปสงค์และอุปทานของตลาดต่อสินค้า A เขียนได้ว่า QD = 1,200 – 200P และ QS = 200P 1. จงหา P0และ Q0 2. หากรัฐบาลตัดสินใจเก็บภาษีกับผู้ผลิตเป็นจำนวนเงิน 200 บาทต่อหน่วย จงคำนวณหา ส่วนเกินผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและ Deadweight loss P P S1 S S 6 6 CS CS T=200 PS 3 PS DWL 2 D D Q Q 600 1200 1200 หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
การประกันราคาขั้นต่ำ (Price Support) P • เป็นเครื่องมือของรัฐบาลที่ใช้ในการแทรกแซงการทำงานของกลไกราคา • ส่วนใหญ่ใช้ประกันราคาขั้นต่ำกับผลผลิตทางการเกษตร • อุปทานของผลผลิตทางการเกษตรควบคุมยาก เพราะส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ S S A B P1 P0 • ราคาประกันขั้นต่ำคือ P1ปริมาณ ต้องการเป็น Q1 ปริมาณขายเป็น Q2อุปทานส่วนเกินคือ AB • รัฐบาลต้องเข้ามาซื้ออุปทานส่วนเกิน ของผลผลิตทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน ABQ1Q2 E D Q Q1 Q0 Q2 หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2
การกำหนดราคาขั้นสูงหรือการควบคุมราคา (Price Ceiling) P • เป็นมาตรการในการแทรกแซงการทำงานของกลไกราคาซึ่งมักจะใช้ในยามที่เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าอย่างมาก • สินค้าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต ราคานี้ต่ำเกินไป ผู้ขายจะนำเอาสินค้าไปขายในตลาดมืด S • ราคา P0สูงเกินไปจนผู้บริโภคเดือดร้อน รัฐบาลเข้ามาแทรกแซงโดยกำหนดราคา ขั้นสูงเป็น P1ซึ่งจะทำให้เกิดอุปสงค์ ส่วนเกิน AB • รัฐบาลควรจะป้องกันปัญหานี้โดยใช้ วิธีการปันส่วนโดยจ่ายคูปอง (Coupon) เพื่อซื้อสินค้านั้นๆ แม้จะมีเงินซื้อมาก เท่าใดก็ตาม P0 E A B P1 D Q Q1 Q0 Q2 หลักเศรษฐศาสตร์ Lecture 2