470 likes | 1.03k Views
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply. ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of Demand).
E N D
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์และอุปทาน Elasticity of Demand and Supply
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of Demand) ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ (Elasticity of Demand)หมายถึง อัตราการเปลี่ยนแปลงความต้องการซื้อสินค้าต่ออัตราการเปลี่ยนแปลงปัจจัยต่างๆ ที่กำหนดอุปสงค์ เช่น ราคา รายได้ ราคาสินค้าชนิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์(Elasticity of Demand) • ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา (Price Elasticity of Demand) • ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้ (Income Elasticity of Demand) • ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องหรือความยืดหยุ่นไขว้ (Cross Price Elasticity of Demand)
% Q Ed = % P ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคา (Price Elasticity of Demand)เป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงปริมาณความต้องการซื้อสินค้าเมื่อราคาสินค้าเปลี่ยนแปลง โดยวัดออกมาในรูปของร้อยละ
วิธีการวัดค่าความยืดหยุ่นวิธีการวัดค่าความยืดหยุ่น • การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด(Point Elasticity of Demand) • การวัดค่าความยืดหยุ่นแบบช่วง(Arc Elasticity of Demand)
ความยืดหยุ่น ณ จุด A เท่ากับ ? P Qเปลี่ยนแปลงไปเท่าใด เมื่อ Pเพิ่มขึ้น B P1 : ราคาเดิม P2 : ราคาใหม่ Q1 : ปริมาณเดิม Q2 : ปริมาณใหม่ P2 A P1 Q Q2 Q1 การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด(Point Elasticity of Demand)
สูตรความยืดหยุ่นของอุปงค์แบบจุด (Point elasticity of Demand) % Q Ed = % P Q1 - Q2 P1 Ed = x P1 - P2 Q1 Q2 - Q1 P1 Ed = x P2 - P1 Q1
ตัวอย่าง สินค้าราคา 20 บาท มีคนซื้อ 10 ชิ้น แต่ราคาลดลงเป็น 18 บาท คนจะซื้อเพิ่มเป็น 15 ชิ้น ค่าความยืดหยุ่นที่ A คือ
Q2 - Q1 P1 Ed = x P2 - P1 Q1 15 - 10 20 = x 18 - 20 10 20 5 = x 10 2 = 5
P A 20 B 18 D Q 0 10 15
ค่าความยืดหยุ่นที่ A = -5 หมายถึงว่า ถ้าราคาเปลี่ยนไป 1% ปริมาณซื้อจะเปลี่ยนไป 5% ส่วนเครื่องหมายเป็นลบเนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างราคาและปริมาณความต้องการซื้อมีทิศทางตรงกันข้าม ค่าความยืดหยุ่นจะพิจารณาเฉพาะตัวเลขเท่านั้น
Q1 - Q2 P2 Ed = x P1 - P2 Q2 10 - 15 18 = x 20 - 18 15 18 5 = x 15 2 = 3 สำหรับค่าความหยือหยุ่นที่จุด B คือ
P A 20 B Ed = - 3 Ed = - 5 18 15 10 Q
จะเห็นว่าค่าความยืดหยุ่นที่จุด A = -5 ที่ B = -3 ได้ค่าไม่เท่ากันทั้งๆที่การเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อ และราคาที่มีค่าเท่ากัน เพียงแต่การใช้ราคาปริมาณเริ่มแรกที่แตกต่างกัน ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาว่าจะใช้ค่าใดเป็นเริ่มแรก การคำนวณค่าความยืดหยุ่นจึงมีอีกสูตรหนึ่ง คือ
% Q Ed = % P Q1 - Q2 P1+ P2 x Ed = P1 - P2 Q1 + Q2 ค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์บนช่วงใดช่วงหนึ่งบนเส้นอุปสงค์ (Arc elasticity of demand) คือ ช่วง AB
P1 : 20บาท Q1 : 10ชิ้น P2 : 18 บาท Q2 : 15 ชิ้น Q1 - Q2 P1+ P2 x Ed = P1 - P2 Q1 + Q2 10 - 15 20 + 18 38 5 = x = x 20 - 18 10 + 15 25 2 = 3.8
P A Ed = - 3.8 20 B 18 15 10 Q ซึ่งค่า -3.8 นี้ไม่ว่าจะใช้ราคาและปริมาณใดเป็นตัวเริ่มต้นก็ตามจะได้ค่าเท่ากับ -3.8 เสมอ
% Q Ed = % P ถ้า % Q >% P Ed > 1 ถ้า % Q <% P Ed < 1 ถ้า % Q =% P Ed = 1 ถ้า % Q = 0 Ed = 0 ถ้า % P = 0 Ed = ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาสินค้าและความสัมพันธ์กับรายรับของผู้ขาย
ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ ความยืดหยุ่นมาก(Elastic) ความยืดหยุ่นน้อย(Inelastic) - สินค้าที่มีของทดแทนได้มาก - สินค้าที่มีของทดแทนได้น้อย - สินค้าฟุ่มเฟือย - สินค้าจำเป็น - สินค้าคงทนถาวร - สินค้าที่มีราคาเพียงเล็กน้อย
% Q >% P P P TR = = P Q TR P Q TR x x 5 4 Q 100 50 1.อุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่นมาก(Elastic Demand ; 1 <Ed<)
% Q <% P P P TR = P Q TR x 5 = P Q TR x 4 Q 100 90 2.อุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่นน้อย(Inelastic Demand ; 0 < Ed <1)
% Q =% P P P TR คงที่ 400 บาท 5 400 บาท 4 Q 100 80 3.อุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่นคงที่(Unitary Elastic Demand ; Ed =1)
% P = 0 P TR มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณซื้อ D 4 Q 50 100 4.อุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด(Perfectly Elastic Demand ; Ed=)
% Q = 0 P D TR มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับราคา 5 4 Q 100 5.อุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่นน้อยที่สุด(Perfectly Inelastic Demand ; Ed=0)
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้ (Income Elasticity of Demand : EY) • เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของปริมาณซื้อต่อเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของรายได้ % Q EY = % Y
วิธีการวัดค่าความยืดหยุ่นวิธีการวัดค่าความยืดหยุ่น • การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด(Point Elasticity of Demand) • การวัดค่าความยืดหยุ่นแบบช่วง(Arc Elasticity of Demand)
การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด(Point Elasticity of Demand) Q1 - Q2 Y1 EY = x Y1 - Y2 Q1 Y1 : รายได้เดิมQ1 : ปริมาณเดิม Y2 : รายได้ใหม่Q2 : ปริมาณใหม่
การวัดค่าความยืดหยุ่นแบบช่วง(Arc Elasticity of Demand) Q1 - Q2 Y1+ Y2 x EY = Y1 - Y2 Q1 + Q2
ถ้าค่าความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อรายได้มีเครื่องหมายเป็นบวกแสดงว่าเป็นสินค้าปกติ (Normal Goods) หรือสินค้าฟุ่มเฟือย (Superior Goods) และถ้ามีเครื่องหมายเป็นลบแสดงว่าเป็นสินค้าด้อยคุณภาพ (Inferior Goods) เพราะเมื่อผู้บริโภคมีรายได้เพิ่มขึ้นจะซื้อสินค้าชนิดนั้นลดลง
ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องหรือความยืดหยุ่นไขว้ (Cross - Price Elasticity of Demand : EC) • เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของปริมาณซื้อต่อเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้อง % QX Ec = % Py
การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด(Point Elasticity of Demand) Qx1 - Qx2 Py1 EC = x Py1 - Py2 Qx1 Py1 : ราคา y เดิมQx1 : ปริมาณ x เดิม Py2 : ราคา y ใหม่Qx2 : ปริมาณ x ใหม่
Qx1 - Qx2 Py1+Py2 EC = x Py1 - Py2 Qx1+Qx2 การวัดค่าความยืดหยุ่นแบบช่วง(Arc Elasticity of Demand)
สินค้าที่เกี่ยวข้องกันแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้ • สินค้าที่ใช้ประกอบกัน (Complementary Goods)เป็นสินค้าที่ในการอุปโภคบริโภคต้องใช้ร่วมกัน ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะไม่สามารถบริโภคได้ เช่น รถยนต์และน้ำมัน เป็นต้น ความสัมพันธ์ของสินค้าที่ต้องใช้ประกอบกันจะมีทิศทางตรงกันข้ามหรือเป็น - • สินค้าทดแทนกัน (Substitute Goods)เป็นสินค้าที่ในการอุปโภคบริโภค ถ้าหาสินค้าชนิดหนึ่งไม่ได้สามารถใช้สินค้าอีกชนิดหนึ่งทดแทนได้ เช่น เนื้อหมูกับเนื้อไก่ เป็นต้น ความสัมพันธ์ของสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้จะมีทิศทางเดียวกันหรือเป็น +
% Q Es = % P ความยืดหยุ่นของอุปทาน(Elasticity of Supply: Es) • ความยืดหยุ่นของอุปทานต่อราคา (Price Elasticity of Supply) : เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของปริมาณขายต่อเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้านั้น
Q1 - Q2 P1+ P2 Q1 - Q2 P1 x Es = Es = x P1 - P2 Q1 + Q2 P1 - P2 Q1 วิธีการวัดค่าความยืดหยุ่น • การวัดความยืดหยุ่นแบบจุด(Point Elasticity of Supply) • การวัดค่าความยืดหยุ่นแบบช่วง(Arc Elasticity of Supply)
P S Q 100 ค่าความยืดหยุ่นและลักษณะของเส้นอุปทาน 1.อุปทานที่มีความยืดหยุ่นน้อยที่สุด(Perfectly Inelastic Supply ; Es=0) % Q = 0
P S % Q <% P 5 25% 4 110 100 Q 10% 2.อุปทานที่มีความยืดหยุ่นน้อย(Inelastic Supply ; 0 <Es<1)
P S % Q =% P 5 25% 4 125 100 Q 25% 3.อุปทานที่มีความยืดหยุ่นคงที่(Unitary Elastic Supply ; Es =1)
P % Q >% P S 5 25% 4 160 100 Q 60% 4.อุปทานที่มีความยืดหยุ่นมาก(Elastic Supply ; 1 <Es <)
P % P = 0 S 4 Q 5.อุปทานที่มีความยืดหยุ่นมากที่สุด(Perfectly Elastic Supply ; Es=)
ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปทานปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปทาน • ความยากง่ายและเวลาที่ใช้ในการผลิต สินค้าที่สามารถผลิตได้ง่ายและใช้เวลาในการผลิตสั้นอุปทานของสินค้ามีค่าความยืดหยุ่นสูง • ปริมาณสินค้าคงคลัง สินค้าที่มีสินค้าคงคลังสำรองมาก อุปทานของสินค้าจะมีความยืดหยุ่นสูง
ปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปทานปัจจัยที่กำหนดค่าความยืดหยุ่นของอุปทาน • ความหายากของปัจจัยการผลิต ถ้าปัจจัยที่ใช้ในการผลิตสินค้ามีจำนวนจำกัดและหายาก ต้องใช้เวลาในการหาปัจจัยการผลิตนาน อุปทานของสินค้าชนิดนั้นจะมีความยืดหยุ่นต่ำ • ระยะเวลา ถ้าระยะเวลานานความยืดหยุ่นของอุปทานจะมากเพราะผู้ผลิตสามารถเปลี่ยนแปลงการใช้ปัจจัยการผลิตได้ทุกชนิด แม้แต่เทคโนโลยีและเครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ
ประโยชน์ของค่าความหยืดหยุ่นของอุปสงค์ประโยชน์ของค่าความหยืดหยุ่นของอุปสงค์ • ในการวางนโยบายหรือมาตรการของรัฐ เช่น การจัดเก็บภาษีจากสินค้า รัฐจะต้องรู้ว่าสินค้านั้นมีความหยืดหยุ่นเท่าไร เพื่อจะได้ทราบว่าภาระภาษีจะตกไปบุคคลกลุ่มใด • ช่วยให้หน่วยุรกิจสามารถดำเนินกลยุทธทางด้านราคาได้อย่างถูกต้องว่าสินค้าชนิดใดควรตั้งราคาสินค้าไว้สูงหรือต่ำเพียงใด ควรเพิ่มหรือลดราคาสินค้า จึงจะทำให้รายได้รวมกำไรของธุรกิจจะเพิ่มขึ้น • นำมาใช้ประกอบการพยากรณ์แนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ