1 / 57

ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Commerce)

ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Commerce). อ.ชนิดา คำเพ็ง สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. พัฒนาการจากการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไป สู่ E-Commerce ในยุคปัจจุบัน. คนไทยช่วงที่ยังไม่รู้จักกับ E-Commerce เว็บไซต์ส่วนใหญ่จะเป็นการแนะนำสินค้าหรือองค์กรของตนเอง

Download Presentation

ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Commerce)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Commerce) อ.ชนิดา คำเพ็ง สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

  2. พัฒนาการจากการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปสู่ E-Commerce ในยุคปัจจุบัน • คนไทยช่วงที่ยังไม่รู้จักกับ E-Commerce • เว็บไซต์ส่วนใหญ่จะเป็นการแนะนำสินค้าหรือองค์กรของตนเอง • ผู้คนยังไม่มีความเข้าใจ การขยายตัวของ E-Commerce จึงอยู่ในวงแคบๆ • การออกแบบเว็บไซต์เพื่อการค้ามีน้อย • ราคาอุปกรณ์ และเครื่องคอมพิวเตอร์มีราคาสูง • ไม่มีการเรียนการสอนเรื่องนี้โดยเฉพาะ

  3. พัฒนาการจากการใช้อินเทอร์เน็ตทั่วไปสู่ E-Commerce ในยุคปัจจุบัน • เว็บไซต์ที่บุกตลาด E-Commerce ในยุคแรกๆ • Thaigem.com • Pantip.com • Thai2hand.com • Amazon.com

  4. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นเมื่อใดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เริ่มต้นเมื่อใด • การค้าอิเล็กทรอนิกส์นั้นเริ่มขึ้นบนโลกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2513 ซึ่งได้มีการเริ่มใช้ระบบโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EFT (Electronic Fund Transfer) ในสถาบันการเงิน และองค์กรขนาดใหญ่ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กได้นำ E-commerce มาใช้เพียงเล็กน้อย • ต่อมามีการใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเลกทรอนิกส์( Electronic Data Interchange : EDI) ช่วยขยายการส่งข้อมูลจากเดิมที่เป็นข้อมูลทางการเงินอย่างเดียวเป็นการส่งข้อมูลแบบอื่นเพิ่มขึ้น เช่น การส่งข้อมูลระหว่างสถาบันการเงินกับผู้ผลิต หรือผู้ค้าส่งกับผู้ค้าปลีก เป็นต้น เนื่องจาก EDI มีค่าใช้จ่ายสูงจึงทำให้มีการใช้เฉพาะเครือข่ายธุรกิจรายใหญ่เท่านั้น • เมื่อเกิด World Wide Web พร้อมเบราเซอร์รุนแรกชื่อ Mosaic ในปี ค.ศ. 1993 พาณิชย์อิเลกทรอนิกส์จึงเป็นที่แพร่หลาย • ตั้งแต่ปี 1995 อินเตอร์เน็ตได้ถูกนำมาพัฒนา และประยุกต์ใช้กับหลากหลาย นวัตกรรมใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงการขายสินค้าเท่านั้น

  5. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) ผ่านทางอินเทอร์เน็ต • การค้า E-Commerce เป็นการซื้อ-ขายผ่านอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมโยงซึ่งกันและกันทั่วโลกโดยใช้เว็บไซด์(Web Site)เป็นที่ตั้งของบริษัท มีโดเมนเนมเป็นชื่อร้านค้า และเว็บเพจ (Web page)เป็นสื่อกลางในการแสดงรายละเอียดของสินค้าและบริการ พร้อมราคา ตลอดจนถึงวิธีการขนส่ง และการชำระเงิน • ดังนั้นจำนวนผู้เล่นอินเทอร์เน็ตและเว็บไซด์ที่มีคนรู้จักมาก จะมีผลต่อความสำเร็จในการค้าแบบ E-Commerce

  6. จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก ณ เดือน มีนาคม 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 6,676,120,288 คน ข้อมูลจาก http://www.internetworldstats.com/

  7. ความหมายของธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (E-Business)พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) คืออะไร

  8. พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์คืออะไร • E-Commerce หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นชื่อที่ตั้งโดยสำนักงาน ECAPMOมีความหมายคือ “การติดต่อทำการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการสื่อสารที่ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในการนำเสนอข้อมูลสินค้าต่างๆ”

  9. ความหมาย e-Business • e-Business หรือ ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง การดำเนินธุรกิจโดยอาศัยเทคโนโลยี ด้านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มาใช้ในทุกๆกระบวนการทำธุรกิจของ เช่น การประสานกันในองค์กร และการเชื่อมต่อกับระบบการค้ากับองค์กรภายนอกด้วย อาทิ กับธนาคารโดยใช้ระบบ e-Banking หรือกับ Suppliers โดยอาศัยสื่อ ทั้งในรูปของ Internet,Intranet และ Extranet

  10. สรุป E-Commerce กับ E-Business เหมือนกันหรือแตกต่างอย่างไร มีคนจำนวนมากเข้าใจว่า E-Business ก็คือ E-Commerce ซึ่งในความจริงแล้วมีความหมายไม่เหมือนกัน โดยที่ E-Commerce เป็นส่วนหนึ่งของ E-Businessซึ่งมีความหมายที่กว้างกว่า ความหมาย E-Businessการทำกิจกรรมทั้งหมดเกี่ยวกับการขาย การตลาด การผลิต การเงิน การบริหารบุคคล การสั่งซื้อวัตถุดิบ และกิจกรรมในการดำเนินธุรกิจทั้งหมด โดยใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้าไปประยุกต์และเป็นตัวเชื่อมต่อในทุกกิจกรรมหรือขั้นตอนของธุรกิจ ในขณะที่ E-Commerce มีความหมายในส่วนของการซื้อ-ขาย สินค้าและบริการ เท่านั้น

  11. ธุรกรรมอิเล็คทรอนิกส์ธุรกรรมอิเล็คทรอนิกส์ E-Business โครงข่ายโทรคมนาคม Telecommunication Networks การติดต่อสื่อสารและการทำงานร่วม Comunication and Collaboration การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ Electronic Commerce ระบบธุรกิจภายในองค์กร Internal Business System ภาพแสดงแบบจำลอง E-Business

  12. ตัวอย่างของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ตัวอย่างของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ • การสั่งพิซซ่าทางโทรศัพท์ • การของบัตรชมภาพยนตร์ผ่านโทรศัพท์มือถือ • การส่งข้อมูลใบขนสินค้าให้กรมศุลกากรผ่านระบบ EDI • การซื้อหนังสือจากเว็บไซต์ Amazon.com

  13. ตัวอย่าง E-Commerce

  14. วงจรการทำการค้าแบบเดิมวงจรการทำการค้าแบบเดิม - ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้า - บริษัทผลิตสินค้าเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค - การโฆษณาขายสินค้าให้ผู้บริโภคทราบ - จัดเตรียมส่งสินค้าไปตามสถานที่ ๆ ผู้บริโภคสามารถหาซื้อได้สะดวก - จัดทีมงานคอยดูแลบริการและแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น - เงินที่ขายสินค้าได้วนกลับเข้าสู่บริษัท *** บริการหลังการขายมีความสำคัญ? *****

  15. วงจรของระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์วงจรของระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ เข้าหาข้อมูล - ค้นหา การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ลูกค้า โฆษณาออนไลน์ สั่งซื้อโดยทั่วไป - ส่งทางออนไลน์ (For soft goods) - ส่งทางทั่วไป (For hard goods) การกระจายสินค้า การบริการลูกค้า ทางอิเล็กทรอนิกส์ การขายซ้ำ

  16. ข้อแตกต่างระหว่างการทำธุรกิจทั่วไปกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้อแตกต่างระหว่างการทำธุรกิจทั่วไปกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ - การเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล - การตอบสนองเพื่อการแข่งขัน - การให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง - การควบคุมและปฏิสัมพันธ์ได้ด้วยตนเอง - การสร้างร้านค้าเสมือนจริง - การติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค - การส่งเสริมภาพลักษณ์อันดี

  17. กรอบการทำงานของ EC (Framework for EC) • หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่า E-commerceเป็นเพียงแค่ Web siteหรือ Web portal เพื่อแสดงสินค้า แท้จริงแล้ว E-commerceมีมากกว่าที่กล่าวมาไม่ว่าจะเป็นการ Shopping onlineการหางาน การประมูล การร่วมมือของพันธมิตรในการวิจัย หรือพัฒนาโครงการ รวมถึงการแลกเปลี่ยน ข้อมูลต่าง ๆ

  18. กรอบการทำงานA Framework for EC

  19. กรอบการทำงาน (E-commerce Framework) กรอบการทำงานแบ่งเป็น 4 ส่วน • ส่วนที่ 1 การประยุกต์ใช้ (E-Commerce Application) • การค้าปลีกอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Retailing : E-Retail) • การโฆษณา อิเล็กทรอนิกส์(Electronic Advertising : E-Advertising) • การประมูลอิเล็กทรอนิกส์( Electronic Auction : E- Auction) • การให้บริการอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Service : E- Service) • รัฐบาลอิเล็คทรอนิกส์(Electronic Government : Electronic Government) • โมบายคอมเมิร์ช(Mobile Commerce: M-Commerce)

  20. กรอบการทำงาน (E-commerce Framework) ส่วนที่ 2 การสนับสนุน(E-Commerce Supporting) • คน (People) • นโยบายสาธารณชน • การตลาด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ • พันธมิตรธุรกิจ • บริการสนับสนุนอื่น

  21. กรอบการทำงาน (E-commerce Framework) ส่วนที่ 3 โครงสร้างพื้นฐาน(E-Commerce Infrastructure) • ระบบเครือข่าย(Network System) • ช่องทางการสื่อสาร (Communication Channel) • การจัดรูปแบบและการเผยแพร่เนื้อหา(Format and Content Publishing) • ระบบรักษาความปลอดภัยและระบบชำระเงิน(Security and Payment Systems) • ส่วนที่ 4 การจัดการ(E-Commerce Management) • แบบจำลองทางธุรกิจ

  22. ปัจจัยที่ทำให้ E-Commerce ประสบความสำเร็จ การนำ E-commerceไปใช้ในธุรกิจจำเป็นต้องมีสารสนเทศที่ถูกต้อง มีโครงสร้างพื้นฐาน และมีระบบสนับสนุน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จมี 5 อย่างดังนี้ • คน (People)หมายถึง ผู้ขาย ผู้ซื้อ คนกลาง พนักงาน ITและอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง • นโยบายสาธารณชนหมายถึง กฎหมาย ภาษี และนโยบายหลักๆ ที่สำคัญ เช่น สิทธิส่วนบุคคล ที่ถูกกำหนดด้วยรัฐบาล ในที่นี้นโยบายจะรวมถึงมาตรฐานด้านเทคนิค และ โปรโตคอล (Protocol) • การตลาด และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เว็บไซต์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อใช้ติดต่อกับลูกค้า และทำธุรกิจค้าขาย รวมถึงการมองหาตลาดแหล่งใหม่ ๆ และกลยุทธ์ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ • พันธมิตรธุรกิจ E-commerceถูกนำมาใช้ในการบริหาร Supply Chain หรือ ระหว่างคู่ค้า และพันธมิตรทางการค้า • บริการสนับสนุนอื่น สิ่งสำคัญ คือการวิจัยตลาด การสร้างเนื้อหาและการบริการอื่น ๆ เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น ระบบการชำระ การขนส่ง เทคโนโลยีสารสนเทศ และระบบรักษาความปลอดภัย

  23. ประเภทของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ • พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถจัดประเภทของการดำเนินธุรกิจออกได้เป็นหลายรูปแบบคือแยกตามคู่ค้า • Business-to-Business (B2B) • Business-to-Consumer (B2C) • Consumer-to-Consumer (C2C) • Business-to-Government (B2G)

  24. E-Commerce แบบ B2B • Business-to-Business (B2B) คือรูปแบบการซื้อขาย สินค้าระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ เป็นการซื้อขายทีละปริมาณมากๆ มีมูลค่าการซื้อขาย แต่ละครั้งเป็นจำนวนมาก เป็นการค้าส่ง เช่น ผู้ผลิตขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลางเป็นธุรกิจนำเข้า - ส่งออก ชำระเงินผ่านระบบธนาคารด้วยการเปิด L/C หรือในรูปของ Bill of Exchange อื่นๆ Supply Chain Management (SCM) B2B Information Selling

  25. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2B

  26. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2B

  27. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2B

  28. Online selling Online services B2C Online trading รายละเอียดของ E-Commerce แบบ B2C • Business-to-Consumer(B2C) คือรูปแบบการจำหน่ายสินค้าโดยตรงจากผู้ค้ากับผู้บริโภคโดยตรง เป็นการค้าปลีก

  29. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2C http://www.tohome.com/

  30. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2C http://www.misslily.com/

  31. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2C

  32. Online Auction Market place (Web Board) C2C E-Commerce แบบ C2C • Consumer-to-Consumer (C2C)เป็นรูปแบบการซื้อขาย สินค้าระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค เช่นการประกาศขายสินค้าใช้แล้ว เป็นต้น

  33. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท C2C http://www.thaisecondhand.com/

  34. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท C2C

  35. E-Commerce แบบ B2G • Business-to-Government (B2G)คือ การทำการค้าหรือการติดต่อประสานงานทางการค้าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ทำการค้ากับรัฐบาล ยกตัวอย่างเช่น การจัดซื้อของภาครัฐที่ต้องติดต่อกับเอกชน (eProcurement),การกรอกแบบฟอร์มและการลงทะเบียนต่าง ๆ  จดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ www.dbd.go.th , งานบริการสาธารณะต่าง ๆ เช่นระบบสาธารณูปโภค , งานเสนอโครงการ การเปิดประมูล การยื่นซองประกวดราคา เป็นต้น

  36. ตัวอย่าง E-Commerce ประเภท B2G

  37. ที่มา http://pld.nectec.or.th/websrii

  38. รูปแบบขององค์กร E-Commerce(EC Organization) Click and Mortar Organization • รูปแบบของการทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการผสมผสานระหว่างผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการขาย • คำว่า Mortarคือการก่อสร้างบ้านอาคาร เปรียบได้กับธุรกิจที่มีหน้าร้านค้าจริงๆ โดยบางคนจะเลือกใช้คำว่า “Brick”แทนคำว่า Mortar

  39. Click and Mortar (http://www.chulabook.com/)

  40. รูปแบบขององค์กร E-Commerce(EC Organization) • Click and Mortar Organization • เหมาะสำหรับผู้ที่มีกิจการค้าเดิมอยู่แล้ว และต้องการขยายเพิ่มช่องทางการค้าไปสู่ภายนอกทั้งระดับประเทศและทั่วโลก

  41. รูปแบบขององค์กร E-Commerce(EC Organization) Click and Click Organization • การทำ e-commerce ที่มีรูปแบบการค้าขายหรือให้บริการผ่านทางเว็บไซต์และอินเทอร์เน็ตเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่มีธุรกิจหรือร้านค้าจริงๆ ที่ให้คนสามารถไปซื้อหรือรับสินค้าหน้าร้านได้

  42. Click and Click (www.tarad.com)

  43. ความแตกต่างระหว่าง Click and Click Click and Mortar

  44. Pure E-commerce and Partial E-commerce • Pure E-commerceคือ การทำธุรกรรม E-commerce ในรูปแบบดิจิตอล Digital ทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนที่เริ่มจาก • การสั่งซื้อสินค้า หรือ บริการ • กระบวนการชำระเงิน • การส่งมอบ • ตัวอย่างเช่น การซื้อขาย โปรแกรม เพลง หรือ เกมส์ ผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยบัตรเครดิต

  45. Pure E-commerce and Partial E-commerce (ต่อ) • Partial E-commerceคือ การทำธุรกรรม E-commerceที่บางขั้นตอนยังอยู่ในรูปแบบกายภาพ (Physical) เช่น การสั่งซื้อตำรา ต้องมีการขนส่งผ่านระบบขนส่งปกติทั่วไป หรือ การชำระเงินโดยใช้วิธีโอนผ่านธนาคาร หรือ ATM เป็นต้น

  46. องค์ประกอบของการค้าขายบนเว็บองค์ประกอบของการค้าขายบนเว็บ 1. ส่วนหน้าร้าน (Web Store หรือ Store front ) จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้า ตัวสินค้านโยบายการขาย ฯลฯ แก่ลูกค้า จะทำหน้าที่หลักในการให้ข้อมูลและเชิญชวนให้ซื้อสินค้า โดยการออกแบบ หน้าร้านที่ดีนั้นต้องคำนึงถึงความสมบูรณ์ครบถ้วนของสินค้า การจัดวางหมวด หมู่ ให้ง่ายต่อการค้นหา รวมถึงใช้งานง่ายไม่ซับซ้อนในการเลือกสินค้าแต่ละชิ้น ในส่วนหน้าร้านสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ระบบตะกร้ารับสินค้า (Shopping Cart System) เป็นระบบที่สามารถคลิกเพื่อสั่งซื้อสินค้าจากหน้าเว็บเพจได้ จะมีช่องให้กรอกจำนวนสินค้าที่สั่งซื้อโดยคลิกซื้อแต่ละครั้งก็จะเป็นการหยอด ของลงตะกร้าและสะสมไว้จนซื้อของครบและตัดสินใจให้ระบบคำนวณเงิน โดยอัตโนมัติ

  47. องค์ประกอบของการค้าขายบนเว็บองค์ประกอบของการค้าขายบนเว็บ • 2. ระบบหลังร้าน (Back Office) • ประกอบไปด้วยระบบการรับคำสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ดังนี้ • - ระบบการรับชำระเงิน • ระบบการจัดส่งสินค้า • ระบบการบริหารร้านค้าเริ่มตั้งแต่ระบบฐานข้อมูล สินค้าที่ต้อง Update และเชื่อมต่อโดยตรงกับหน้าร้าน • ระบบรักษาความปลอดภัยในการจ่ายเงิน หรือ Secure Payment System เป็นระบบที่สำคัญที่สุดในการคำนวณเงินและชำระเงินค่าสินค้าให้ปลอดภัย ส่วนใหญ่จะรับชำระด้วยบัตรเครดิต การถ่ายโอนข้อมูลต้องมีการเข้ารหัสเพื่อป้องกันการรั่วไหล

  48. ระบบชำระเงินที่ ปลอดภัย ระบบรักษา ความปลอดภัย อินเทอร์เน็ต ลูกค้า Web server Database Server ระบบสนับสนุน หลังสำนักงาน ระบบตะกร้าสั่งซื้อสินค้า ระบบจัดส่งสินค้า

More Related