1 / 16

อะตอมที่มีอิเล็กตรอน 1 อนุภาค :

+. -. ระดับพลังงานและสัญลักษณ์ของเทอม (Energy State and Term Symbol). อะตอมที่มีอิเล็กตรอน 1 อนุภาค :. เช่น H ใช้เลขควอนตัม. n = 1, 2, 3, …….a l = 0, 1, 2, ……(n-1) m l = -1, …0…+1 s = 1/2. กรณีที่อะตอมมีอิเล็กตรอนหลายอนุภาค :. ต้องใช้เวลาควอนตัมใหม่ ซึ่งเกิดจาก.

sophie
Download Presentation

อะตอมที่มีอิเล็กตรอน 1 อนุภาค :

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. + - ระดับพลังงานและสัญลักษณ์ของเทอม (Energy State and Term Symbol) อะตอมที่มีอิเล็กตรอน 1 อนุภาค : เช่น H ใช้เลขควอนตัม n = 1, 2, 3, …….a l = 0, 1, 2, ……(n-1) ml = -1, …0…+1 s = 1/2

  2. กรณีที่อะตอมมีอิเล็กตรอนหลายอนุภาค : ต้องใช้เวลาควอนตัมใหม่ ซึ่งเกิดจาก 1.การคู่ควบของค่าโมเมนตัมเชิงมุมของออร์บิทัล (coupling of orbital angular momenta) เมื่ออิเล็กตรอนมากขึ้น การอธิบายค่า orbital angular momenta จะใช้ค่าใหม่ คือ L ซึ่งเป็นการคู่ควบระหว่างค่า l ของอิเล็กตรอนหลาย ๆ อนุภาค เป็นการรวมกันทาง vector L = l1+l2, l1+l2-1, l1+l2-2…[ l1-l2 ] ค่า L มีค่าได้ถึง [l1-l2] เช่น p2อิเล็กตรอนแต่ละอนุภาคมีค่า l=1

  3. L = 1+1, 1+1-1, 1+1-2…[ 1-1 ] = 2,1,0 ค่า L ที่ได้แสดงถึงระดับพลังงาน (Energy state) ของอะตอม (ไม่ใช่ออร์บิทัลเหมือน l) หรือเป็นเทอมที่บ่งถึงภาวะของอะตอมนั้นเอง ถ้า L = 0 1 2 3 4 5 เทอม = S P D F G H ในทำนองเดียวกัน ถ้าเป็น mlจะใช้ MLแทน ML = -L….0….+Lมี 2L+1 ค่า หรือหาจาก ML = ml1+ml2+….….mln

  4. 2. การคู่ควบของค่าโมเมนตัมเชิงมุมของสปิน (Coupling of spin angular momenta) S = Si MS = -S…0…+S มี 2S+1 ค่า หรือหาจาก MS = ms1 +ms2+…msn

  5. 3. การคู่ควบLS (Russel-Saunders Coupling) เป็นการคู่ควบระหว่างโมเมนตัมเชิงมุมของสปินและโมเมนตัมเชิงมุมของออร์บิทัล ได้เลขควอนตัมใหม่ เรียกว่า total angular momentum quantum number (J) ซึ่งได้จากการรวมกันทาง vector ของค่า L และ S J = L+S, L+S+1, L+S+2…[ L-S] มีได้ 2S+1 ค่าซึ่งเรียกว่า ‘‘multiplicity’’ ของเทอม เช่น ถ้า L=2, S=1 J = 3, 2, 1 (มีได้ 2S+1=3ค่า)

  6. ความสัมพันธ์ระหว่างการจัดเรียงของอิเล็กตรอนกับเทอมความสัมพันธ์ระหว่างการจัดเรียงของอิเล็กตรอนกับเทอม สัญลักษณ์ของเทอม : 2S+1LJ ถ้า L = 0 --> S เทอม L = 1 --> P เทอม L = 2 --> D เทอม เป็นต้น ตัวอย่าง (1) Li = 1S2 2S1 พิจารณาจากออร์บิทัลนอกสุด ซึ่งมีอิเล็กตรอน 1 อนุภาคใน 2S

  7. L = l1 = 0 --> ได้ S เทอม S = s1 = 1/2 J = L+S,…,| L-S | = 1/2,….,1/2 ค่า multiplicity ของเทอม = 2S+1 = 2 Li มีสัญลักษณ์ของเทอมเป็น 2S1/2

  8. (2)Be : 1S2 2S2 L = l1+l2 =0+0 =0 --> ได้ S เทอม S = Si = s1+s2 = +1/2-1/2 =0 J = L+S,…,| L-S | =0 = 1/2,….,1/2 multiplicity = 2S+1 = 1 สัญลักษณ์ของเทอมเป็นของ Be เป็น 1S0

  9. (3) B : 1S2 2S2 2p1 L = l1 = 1 --> ได้ P เทอม S = Si = s1= 1/2 J = 3/2,1/2, ...= 1/2 ค่า J มีค่าได้ถึง | L-S | ค่าที่ต่ำกว่านี้ใช้ไม่ได้ J = 3/2, 1/2 ค่า multiplicity = 2S+1 = (2x1/2)+1=2 สัญลักษณ์ของเทอมเป็นของ B : 2P3/2 และ2P1/2

  10. (4)d1 L = l1 = 2 --> ได้ D เทอม S = 1/2 J = 5/2, 3/2, 1/2, ...3/2 J = 5/2 และ 3/2 ค่า multiplicity = 2S+1 = 2 สัญลักษณ์ของเทอมเป็นของ : 2D5/2 และ2D3/2

  11. กรณีที่มีอิเล็กตรอนหลายอนุภาคใน pและ d ออร์บิทัล (ยกเว้น s2) การหาสัญลักษณ์ของเทอมค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากการเข้าไปอยู่ในออร์บิทัลของอิเล็กตรอนเป็นไปได้หลายแบบ เช่น p2 p4 d6 d2 d3เป็นต้น วิธีหาต้องใช้แผนผัง ‘‘ microstate ’’ รายละเอียดจะไม่ขอกล่าวในที่นี้ แต่พอสรุปจากตัวอย่างของ p2ได้ดังนี้ จากตาราง microstate ได้สัญลักษณ์ของเทอมของอะตอมที่มีการจัดเรียงอิเล็กตรอนแบบ p2ทั้งหมด 3 เทอมคือ 1S3Pและ1D ถ้าพิจารณาสภาวะพื้นโดยกฎของฮุนด์ จะได้ 3P เป็นสภาวะพื้นเพราะมีค่า multiplicity สูงสุด กรณีที่เทอมทั้ง 2 คือ 1D และ 1S มี multiplicity เท่ากัน เทอมที่มี L สูง จะมีพลังงานต่ำกว่า ฉะนั้น เทอม 1D มีพลังงานต่ำกว่า 1S

  12. สมบัติของอะตอมและโมเลกุลสมบัติของอะตอมและโมเลกุล โครงสร้างของการจัดเรียงอิเล็คตรอนในอะตอมจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสมบัติต่างๆ ของอะตอม 1. ขนาดของอะตอม (effective atomic radii) 2. Ionization energy 3. Electron affinity 4. Magnetic properties 5. Electronegativity สมบัติทั้งหมดจะขึ้นกับค่าประจุสัมพัทธ์ของนิวเคลียส (effective nuclear charge, Z* หรือ Zeff)

  13. IE1ของ H = 13.6 V IE1ของ Li = 5.4 V ประจุสัมพัทธ์ของนิวเคลียส (Zeff) เป็นผลจากการกั้น (sheilding) ประจุนิวเคลียสของ อิเล็คตรอนภายใน ที่มีผลต่ออิเล็คตรอนรอบนอก การกั้น (sheilding) เราคาดว่าพลังงานที่ใช้ดึงอิเล็คตรอนออกจากอะตอมจะเพิ่มขึ้นตามเลขอะตอมที่เพิ่ม แต่ไม่เป็นความจริง เพราะจากค่า

  14. ซึ่งค่าลดลงสอดคล้องกับประจุนิวเคลียสเท่ากับ 1-2 เท่านั้น (ประจุนิวเคลียสของ Li = +3) แสดงว่าอิเล็คตรอนวงนอกสุดของ Li ได้รับประจุจากนิวเคลียสลดลง เนื่องจากถูกกั้นโดยอิเล็คตรอนวงใน Z* = Z-s s = sheilding หรือ screening constant นั่นคือ อิเล็คตรอนใน 2s ของ Li ได้รับ net nuclear charge หรือ effective nuclear charge เท่ากับ Z*

  15. เนื่องจากรูปร่างของ 2s-ออร์บิทัล แทรกซึมเข้าใกล้นิวเคลียสได้มากกว่า จะถูกกั้นโดยอิเล็คตรอนชั้นในได้น้อยกว่าพวก p และ d-ออร์บิทัล ในทางตรงข้าม s-ออร์บิทัลจะกั้นออร์บิทัลอื่นๆ ได้ดี Slater ได้เสนอสูตรหรือกฎในการคำนวณค่า shielding constant เพื่อคำนวณค่า Z* ซึ่งเขาพิจารณาให้อิเล็คตรอนข้างใน ไม่ว่าจะเป็น s หรือ p-ออร์บิทัล จะบังอิเล็คตรอนวงนอกได้เท่ากัน ทั้งๆ ที่รูปร่างของออร์บิทัลต่างกัน ต่อมามีผู้เสนอสูตรเพื่อคำนวณค่า Z*ซึ่งใกล้ความจริงมากกว่ากฎของ slater

  16. รัศมีอะตอม Zeff Effective Atomic Radii คือระยะทางครึ่งหนึ่งระหว่างนิวเคลียสทั้งสองของธาตุที่ยึดกันด้วยพันธะโควาเลนต์ที่เป็นพันธะเดี่ยว เช่น H2นิวเคลียสทั้งสองห่างกัน = 0.74 A effective atomic radii = 0.37 A นอกจากนี้ค่า IE, EA และ electronegativity ของอะตอม ก็ขึ้นค่า Zeff เช่นกัน

More Related