1 / 45

CHAPTER 12

CHAPTER 12. Inventory Management การจัดการวัสดุคงคลัง. Inventory Management. ของคงคลังหรือ Inventory เป็นทรัพย์สินหมุนเวียนที่มีมูลค่าสูงที่สุด ของคงคลังในแง่ของการผลิตประกอบด้วย Raw material: วัตถุดิบ Component or part: ชิ้นส่วนประกอบ Supplies: วัสดุสิ้นเปลือง

simone
Download Presentation

CHAPTER 12

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. CHAPTER 12 Inventory Management การจัดการวัสดุคงคลัง

  2. Inventory Management • ของคงคลังหรือ Inventory เป็นทรัพย์สินหมุนเวียนที่มีมูลค่าสูงที่สุด • ของคงคลังในแง่ของการผลิตประกอบด้วย • Raw material: วัตถุดิบ • Component or part: ชิ้นส่วนประกอบ • Supplies: วัสดุสิ้นเปลือง • Work-in-process: งานระหว่างทำ • Finished goods: สินค้าสำเร็จรูป

  3. Functions of inventory • Finished good inventory • To meet anticipated demand • To smooth production requirements • To protect against stock-outs • Work-in-process inventory • To decouple operations • To permit operations • Raw material and part inventory • To take advantage of order cycles • To help hedge against price increases • To take advantage of quantity discounts

  4. Inventory management • การตัดสินในพื้นฐานเกี่ยวกับ Inventory มีอยู่ 2 ด้าน • How much?: จะสั่งซื้อครั้งละเท่าไหร่ • When?: จะสั่งซื้อเมื่อใด

  5. Inventory cost • เป้าหมายสำคัญในการจัดการของคงคลัง คือ การกำหนดระดับของคงคลังที่ทำให้ต้นทุนของคงคลังทั้งสิ้นอยู่ในระดับต่ำที่สุด • ต้นทุนที่เกิดจากการมีของคงคลัง ได้แก่ • Ordering costs or setup costs • Carrying costs • Storage costs • Out-of-stock costs

  6. Inventory cost • Ordering costs or setup costs • ต้นทุนในการสั่งซื้อ: ค่าจัดทำเอกสารจัดซื้อต่าง ๆ ค่าสินค้า ค่าตรวจรับสินค้า • ต้นทุนในการสั่งผลิต: ค่าจัดวางสายการผลิต ค่าวัตถุดิบ ค่าจัดเตรียมเอกสาร • Carrying costs: ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าของเสียหาย ค่าเสื่อม • Storage costs: ค่าพื้นที่ ค่าพลังงานไฟฟ้า ค่าคนงาน • Out-of-stock costs: รายรับที่ควรจะได้ ความเชื่อมั่นของลูกค้า

  7. Inventory Management • ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าคงคลัง • อุปสงค์ หรือ ความต้องการสินค้าคงคลัง (Demand of inventory) • การจัดหมวดหมู่สินค้าคงคลัง (Inventory catalog) • การจัดระดับความสำคัญ (Priority of inventory)

  8. Inventory Management • ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าคงคลัง • อุปสงค์ หรือ ความต้องการสินค้าคงคลัง (Demand of inventory) • การจัดหมวดหมู่สินค้าคงคลัง (Inventory catalog) • การจัดระดับความสำคัญ (Priority of inventory)

  9. Inventory Management • อุปสงค์อิสระ (Independent Demand) หมายถึงอุปสงค์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับอุปสงค์ของรายการสินค้าอื่นๆ ในองค์กร เช่น อุปสงค์ของสินค้าสำเร็จรูปที่มีความต้องการมาจากความต้องการของลูกค้า อุปสงค์ของชิ้นส่วนในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรที่เกิดการชำรุด • อุปสงค์ตาม (Dependent Demand) หมายถึงอุปสงค์ที่มีความสัมพันธ์กับ รายการสินค้าอื่น ๆ หรือมีความต้องการมาจากโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ตามลำดับ เช่น ความต้องการชิ้นส่วนในการประกอบตามใบแสดงรายการวัสดุ (Bill of Material-BOM)

  10. Inventory Management

  11. Inventory Management • ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าคงคลัง • อุปสงค์ หรือ ความต้องการสินค้าคงคลัง (Demand of inventory) • การจัดหมวดหมู่สินค้าคงคลัง (Inventory catalog) • การจัดระดับความสำคัญ (Priority of inventory)

  12. Inventory Management ประโยชน์ของการจัดหมวดหมู่สินค้าคงคลัง • ช่วยป้องกันการตั้งรายการสินค้าคงคลังซ้ำ • ใช้เป็นสื่อกลางในการสื่อสาร

  13. Inventory Management • ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการบริหารสินค้าคงคลัง • อุปสงค์ หรือ ความต้องการสินค้าคงคลัง (Demand of inventory) • การจัดหมวดหมู่สินค้าคงคลัง (Inventory catalog) • การจัดระดับความสำคัญ (Priority of inventory)

  14. Inventory Management • หากให้ความสำคัญสินค้าคงคลังเท่ากันทั้งหมดจะทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเวลามาก • ใช้หลักการ ABC Analysis ในการจัดลำดับความสำคัญ

  15. Inventory Management ABC Analysis • ประเภท A มีรายการสินค้าคงคลังประมาณ 10-20% ของรายการสินค้าคงคลังทั้งหมด มีมูลค่าประมาณ 60-70% ของมูลค่าสินค้าคงคลังที่ใช้ทั้งหมด • ประเภท B มีรายการสินค้าคงคลังอีกประมาณ 30-40% ของรายการสินค้าคงคลังทั้งหมด มีมูลค่าประมาณ 20-30% ของมูลค่าสินค้าคงคลังที่ใช้ทั้งหมด หรือเมื่อรวมกับประเภท A แล้ว จะมีมูลค่าประมาณ 90% ของมูลค่าสินค้าคงคลังที่ใช้ทั้งหมด • ประเภท C มีรายการสินค้าคงคลังอีกประมาณ 50-60% ของรายการสินค้าคงคลังทั้งหมด มีมูลค่าประมาณ 10-15% ของมูลค่าสินค้าคงคลังที่ใช้ทั้งหมด

  16. Inventory Management ABC Analysis • ประเภท A เนื่องจากมีมูลค่าที่สูง จึงจะต้องถูกทบทวนสถานะ การเก็บและการซื้อในระยะสั้น เช่น รายเดือน • สินค้าคงคลังประเภท B มีมูลค่ารองลงมา อาจทำการทบทวนสถานะ การเก็บและการซื้อในระยะกลาง เช่น ทุก 1-6 เดือน • สินค้าคงคลังประเภท C เป็นสินค้าคงคลังกลุ่มที่มีมูลค่าต่ำ สามารถทำการทบทวนสถานะ การเก็บและการซื้อในระยะที่ยาวขึ้น เช่น ทุก 6-12 เดือน

  17. ตัวอย่าง บริษัทผู้ผลิตแผงวงจรคอมพิวเตอร์ความเร็วสูง มีสินค้าคงคลังทั้งสิ้น 10 รายการ แสดงดังตาราง

  18. Inventory Models • Inventory models คือ แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ซึ่งใช้วิเคราะห์หาขนาดที่ประหยัดสำหรับการสั่งซื้อหรือสั่งผลิตแต่ละครั้ง • การบริหารสินค้าคงคลัง มีวิธีดำเนินการได้ 3 แนวทาง คือ • วิธีระบบปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด (Economic Order Quantity, EOQ) • วิธีการ Moving Average • วิธีการสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ (Simulation)

  19. Inventory Models วิธีปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด (Economic Order Quantity, EOQ) • เป็นวิธีการคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้ออย่างง่ายที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานาน • ช่วยในการกำหนดปริมาณการสั่งซื้อแต่ละครั้ง • การคำนวณ EOQ มีต้นทุนที่สำคัญอยู่ 2 อย่าง คือ • ต้นทุนการเก็บรักษา (Carrying cost) • ต้นทุนการสั่งซื้อ (Ordering cost)

  20. Dilemma in inventorycontrol

  21. Economic Order Quantity, EOQ Assumption of EOQ model • Only one product is involved: สินค้าชนิดเดียว • Annual demand requirements known: ทราบความต้องการต่อปี • Demand is even throughout the year: ความต้องการสม่ำเสมอทั้งปี • Lead time does not vary: ทราบ Lead time ที่แน่นอน • Each order is received in a single delivery: สินค้าที่สั่งซื้อไปจะต้องได้รับพร้อมกันทั้งหมด • There are no quantity discounts: ไม่มีส่วนลดจากการสั่งซื้อ

  22. EOQ: Inventory Cycle

  23. EOQ: Average Inventory Quantity

  24. EOQ: Inventory parameters TC Total cost: ต้นทุนรวมต่อหน่วย (บาทต่อหน่วย) P Ordering cost: ต้นทุนในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง (บาทต่อครั้ง) H Holding cost or Carrying cost: ต้นทุนในการจัดเก็บของคงคลัง (บาทต่อปี) Q Order quantity: ปริมาณการสั่งซื้อแต่ละครั้ง (หน่วยต่อครั้ง) D Annual demand: ความต้องการของต่อปี (หน่วยต่อปี) K Annual cost: ต้นทุนรวมทั้งสิ้นต่อปี (บาทต่อปี) C Purchasing cost: ราคาสินค้าต่อหน่วย (บาทต่อหน่วย) iอัตราค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีของคงคลัง (ร้อยละต่อปี)

  25. EOQ การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด ต้นทุนคงคลังต่อปี ต้นทุนในการซื้อสินค้า ต้นทุนการสั่งซื้อต่อปี ต้นทุนการเก็บของคงคลังต่อปี

  26. EOQ การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (ต่อ) ต้นทุนต่อปี 1 ต้นทุนต่อหน่วย 2

  27. EOQ การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (ต่อ)  การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ทำให้ค่า TC ต่ำที่สุดทำโดยหาอนุพันธ์ขั้นที่ 1 ของ TC เทียบกับ Q แล้วกำหนดให้ผลลัพธ์เท่ากับ 0

  28. EOQ การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด (ต่อ) ต้นทุนต่อหน่วย 2 หาอนุพันธ์ขั้นที่ 1 ของ TC เทียบกับ Q เท่ากับ 0 3

  29. ตัวอย่าง บริษัท Sharp Inc ตัวแทนขายเข็มฉีดยาสำหรับใช้ในโรงพยาบาล ต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายสินค้าคงคลังของบริษัทให้น้อยลง โดยใช้ตัวแบบปริมาณสั่งซื้อที่ประหยัดความต้องการสินค้าต่อปีเท่ากับ 1,000 หน่วย (D)ต้นทุนการสั่งซื้อเท่ากับ 10 ดอลลาร์ต่อครั้ง (P)ต้นทุนการเก็บรักษาต่อหน่วยต่อปีเท่ากับ 0.50 ดอลลาร์ต่อหน่วยต่อปี (H)จงคำนวณหาปริมาณสั่งซื้อเข็มฉีดยาที่เหมาะสมที่สุด = 200 หน่วย ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม จำนวนครั้งของการสั่งซื้อต่อปี (N) N = ปริมาณความต้องการต่อปี / ปริมาณสั่งซื้อที่เหมาะสมที่สุด = 1,000/200 = 5ครั้งต่อปี

  30. ต้นทุนรวมสินค้าคงคลังต่อปีต้นทุนรวมสินค้าคงคลังต่อปี ช่วงเวลาการสั่งซื้อในแต่ละครั้ง K = (10x1000/200) + ((0.5x200)/(2)) = 1000 ดอลลาร์ต่อปี T = จำนวนวันทำงานต่อปี / N T = 250/5 = 50 วันต่อครั้ง

  31. ตัวอย่างที่ 2 ผู้จัดจำหน่ายยางรถยนต์คาดการณ์ว่าจะสามารถขายยางรุ่นพิเศษได้ 9,600 เส้นในปีถัดไป โดยการเก็บสต๊อกสินค้ามีต้นทุน $16 ต่อยางหนึ่งเส้น และมีต้นทุนในการสั่งซื้อ $75 ต่อครั้ง และจำนวนวันทำงานคือ 288 วันต่อปี1. จงหาจุดสั่งซื้อที่ประหยัด2. จงหาจำนวนครั้งในการสั่งซื้อต่อปี3. จงหาช่วงเวลาในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง4. จงคำนวณต้นทุนรวมต่อปีสำหรับการสั่งแบบประหยัด = 300 เส้น ปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม จำนวนครั้งของการสั่งซื้อต่อปี (N) N = ปริมาณความต้องการต่อปี / ปริมาณสั่งซื้อที่เหมาะสมที่สุด = 9,600/300 = 32ครั้งต่อปี

  32. ต้นทุนรวมสินค้าคงคลังต่อปีต้นทุนรวมสินค้าคงคลังต่อปี ช่วงเวลาการสั่งซื้อในแต่ละครั้ง K = (75x32) + ((16x300)/(2)) = 4,800 ดอลลาร์ต่อปี T = จำนวนวันทำงานต่อปี / N T = 288/32 = 9วันต่อครั้ง สั่งสินค้าทุกๆ 9 วัน

  33. EOQ: Discount การหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด:กรณีมีส่วนลด ต้นทุนในการซื้อสินค้า ต้นทุนการสั่งซื้อต่อปี ต้นทุนการเก็บของคงคลังต่อปี

  34. ตัวอย่าง ร้านค้าปลีก Wohl’sผู้จำหน่ายรถแข่งเด็กเล่น ได้จัดทำตารางส่วนลดสำหรับรถแข่ง ดังตาราง ราคาปกติของรถแข่ง 5ดอลล่าร์สหรัฐต่อคัน สำหรับยอดการสั่งซื้อจำนวนระหว่าง 1,000-1,999 คัน ราคาจะลดลงเหลือ 4.80ดอลล่าร์สหรัฐ หากสั่งซื้อจำนวนตั้งแต่ 2,000 คันขึ้นไปจะได้รับส่วนลดเหลือเพียงคันละ 4.75 ดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้ ต้นทุนการสั่งซื้อต่อครั้งเท่ากับ 49ดอลล่าร์สหรัฐ ปริมาณความต้องการต่อปีเท่ากับ 5,000 คัน ต้นทุนการเก็บรักษาคิดเป็นร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่าย หรือ 0.2 จงคำนวณหาปริมาณสั่งซื้อที่จะทำให้ต้นทุนสินค้าคงคลังโดยรวมต่ำที่สุด

  35. คำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด iคือ ต้นทุนการเก็บรักษา (ร้อยละต่อปี) ต้นทุนการเก็บของคงคลัง H = iC Cคือ ราคาสินค้าต่อหน่วย (บาทต่อหน่วย) Q1 = 700 คัน Q2 = 1,000 คัน Q3 = 2,000 คัน

  36. ตัวอย่าง ร้านค้าปลีก Wohl’sผู้จำหน่ายรถแข่งเด็กเล่น ได้จัดทำตารางส่วนลดสำหรับรถแข่ง ดังตาราง ราคาปกติของรถแข่ง 5ดอลล่าร์สหรัฐต่อคัน สำหรับยอดการสั่งซื้อจำนวนระหว่าง 1,000-1,999 คัน ราคาจะลดลงเหลือ 4.80ดอลล่าร์สหรัฐ หากสั่งซื้อจำนวนตั้งแต่ 2,000 คันขึ้นไปจะได้รับส่วนลดเหลือเพียงคันละ 4.75 ดอลล่าร์สหรัฐ นอกจากนี้ ต้นทุนการสั่งซื้อต่อครั้งเท่ากับ 49ดอลล่าร์สหรัฐ ปริมาณความต้องการต่อปีเท่ากับ 5,000 คัน ต้นทุนการเก็บรักษาคิดเป็นร้อยละ 20 ของค่าใช้จ่าย หรือ 0.2 จงคำนวณหาปริมาณสั่งซื้อที่จะทำให้ต้นทุนสินค้าคงคลังโดยรวมต่ำที่สุด

  37. คำนวณต้นทุนโดยรวม ต้นทุนการสั่งซื้อต่อปี ต้นทุนการเก็บรักษาต่อปี ต้นทุนราคาสินค้าต่อปี Q1 = 700 คัน Q2 = 1,000 คัน Q3 = 2,000 คัน

  38. ต้นทุนการสั่งซื้อต่อปีต้นทุนการสั่งซื้อต่อปี ต้นทุนการเก็บรักษาต่อปี ต้นทุนราคาสินค้าต่อปี คำนวณต้นทุนโดยรวม เลือกปริมาณการสั่งซื้อที่มีต้นทุนโดยรวมต่ำที่สุด กรณีที่ 2

  39. ตัวอย่าง โรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าแห่งหนึ่งต้องใช้สวิตช์จำนวน 4,000 ตัวต่อปี ราคาสินค้าต่อหน่วยแสดงดังตาราง โดยมีส่วนลดเมื่อสั่งซื้อในปริมาณมาก ต้นทุนในการสั่งซื้อสินค้า $30 ต่อครั้ง และต้นทุนในการเก็บสินค้าคงคลังเป็นร้อยละ 40 ต่อปีจงคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ทำให้ต้นทุนคงคลังต่อปีต่ำที่สุด

  40. คำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัด iคือ ต้นทุนการเก็บรักษา (ร้อยละต่อปี) ต้นทุนการเก็บของคงคลัง H = iC Cคือ ราคาสินค้าต่อหน่วย (บาทต่อหน่วย) Q1 = 817 ชิ้น Q2 = 840 ชิ้น Q3 = 1,000 ชิ้น

  41. ตัวอย่าง โรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าแห่งหนึ่งต้องใช้สวิตช์จำนวน 4,000 ตัวต่อปี ราคาสินค้าต่อหน่วยแสดงดังตาราง โดยมีส่วนลดเมื่อสั่งซื้อในปริมาณมาก ต้นทุนในการสั่งซื้อสินค้า $30 ต่อครั้ง และต้นทุนในการเก็บสินค้าคงคลังเป็นร้อยละ 40 ต่อปีจงคำนวณหาปริมาณการสั่งซื้อที่ทำให้ต้นทุนคงคลังต่อปีต่ำที่สุด

  42. คำนวณต้นทุนโดยรวม ต้นทุนการสั่งซื้อต่อปี ต้นทุนการเก็บรักษาต่อปี ต้นทุนราคาสินค้าต่อปี Q2 = 840 ชิ้น Q3 = 1,000 ชิ้น

  43. ต้นทุนการสั่งซื้อต่อปีต้นทุนการสั่งซื้อต่อปี ต้นทุนการเก็บรักษาต่อปี ต้นทุนราคาสินค้าต่อปี คำนวณต้นทุนโดยรวม เลือกปริมาณการสั่งซื้อที่มีต้นทุนโดยรวมต่ำที่สุด กรณีที่ 3

  44. Safety Stock กรณีจัดให้มีของเหลือเผื่อ (Safety stock)

  45. Out of Stock กรณียอมให้ของขาดแคลน (Out of Stock)

More Related