1 / 68

(Changes after Death & Time since Death)

การเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังตาย และการประมาณเวลาตาย. (Changes after Death & Time since Death). การเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังตาย. ประโยชน์ ใช้ประมาณระยะเวลาภายหลังตาย ใช้บ่งชี้สาเหตุของการตาย ใช้บ่งบอกการรบกวนต่อศพ. การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย. ขณะตาย ระยะแรกภายหลังตาย

shamara
Download Presentation

(Changes after Death & Time since Death)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังตายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังตาย และการประมาณเวลาตาย (Changes after Death & Time since Death)

  2. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังตายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายภายหลังตาย • ประโยชน์ • ใช้ประมาณระยะเวลาภายหลังตาย • ใช้บ่งชี้สาเหตุของการตาย • ใช้บ่งบอกการรบกวนต่อศพ

  3. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย • ขณะตาย • ระยะแรกภายหลังตาย • ระยะท้ายภายหลังตาย

  4. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะตายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะตาย • การไม่รู้สึกตัวและไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ • ระบบการหายใจหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวร • ระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวร • การอ่อนตัวของกล้ามเนื้อ • คาดาเวอริค สปาซึม

  5. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายระยะแรกภายหลังตายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายระยะแรกภายหลังตาย • 1. การเปลี่ยนแปลงของตา • 2. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง • 3. การเย็นตัวลงของศพ • 4. การเกิดจ้ำเลือดภายหลังตาย • 5. การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ • 6. การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในของเหลวของร่างกาย

  6. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายระยะท้ายภายหลังตายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายระยะท้ายภายหลังตาย • 1. การเน่าของศพ • 2. การกัดกินศพของตัวอ่อนแมลงและสัตว์กินเนื้อ • 3. การเหลือแต่ซากกระดูก • 4. การกลายสภาพเป็นมัมมี่ • 5. การแข็งตัวของไขมัน

  7. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายขณะตาย(Immediate change at death) !!!

  8. ไม่รู้สึกตัวและไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติจากแกนสมองไม่รู้สึกตัวและไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติจากแกนสมอง • ระบบการหายใจหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวร • ระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวร • การอ่อนตัวของกล้ามเนื้อ • คาดาเวอริค สปาซึม

  9. การไม่รู้สึกตัวและไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติการไม่รู้สึกตัวและไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติ • สูญเสียความรู้สึกตัว • ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เอง • ไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก • ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติใด ๆ โดยเฉพาะที่แสดงถึงการทำงานของแกนสมอง • ตรวจคลื่นสมองมีลักษณะเป็นเส้นราบเรียบ

  10. ระบบการหายใจหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวรระบบการหายใจหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวร • สังเกตการเคลื่อนไหวของทรวงอก • ไม่มีลมหายใจเข้าออกทางจมูก ทดสอบได้โดยใช้สำลีจ่อบริเวณปลายจมูก เพื่อดูการเคลื่อนไหวของสำลี หรือใช้กระจกอังบริเวณปลายจมูก เพื่อดูการเกิดฝ้าไอน้ำ • ใช้เครื่องมือช่วยฟังเสียงการหายใจที่ทรวงอกทั้งสองข้าง โดยเฉพาะทรวงอกส่วนบนและบริเวณคอหอย

  11. ระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวรระบบไหลเวียนโลหิตหยุดทำงานอย่างสิ้นเชิงและถาวร • หัวใจหยุดเต้น ทดสอบได้โดยการจับชีพจรที่เส้นเลือดบริเวณข้อมือ คอ หรือขาหนีบ ฟังเสียงการเต้นของหัวใจด้วยการแนบหูที่ทรวงอก หรือด้วยการใช้เครื่องฟัง • วัดความดันเลือดไม่ได้ • ตรวจการทำงานของหัวใจด้วยการใช้เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ พบว่า มีลักษณะราบเรียบ

  12. การอ่อนตัวของกล้ามเนื้อปฐมภูมิการอ่อนตัวของกล้ามเนื้อปฐมภูมิ • กล้ามเนื้ออ่อนตัวทันทีขณะตาย ทำให้ร่างกายไม่สามารถคงลักษณะท่าทางเดิมได้ เช่น ถ้าอยู่ในท่ายืนก็จะล้มพับลงทั้งร่างกายลงมากองอยู่ที่พื้น คอจะพับไปด้านใดด้านหนึ่ง แขนและขาจะตกอยู่ข้างลำตัว ตามแรงโน้มถ่วงของโลก ถ้ามือถือของอยู่ ของก็จะตกลงสู่เบื้องล่าง นั่นคือ ทุกส่วนของร่างกายจะตกลงสู่ตำแหน่งที่ต่ำสุดที่จะเป็นไปได้ขณะนั้น

  13. คาดาเวอริค สปาซึม • จะเกิดทันทีขณะตาย ซึ่งมักจะเป็นการตายที่เกิดขึ้นทันทีทันใดด้วย • เป็นการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อขณะตาย ที่ไม่ผ่านขบวนการอ่อนตัวของกล้ามเนื้อแบบปฐมภูมิมาก่อน • เป็นปรากฎการณ์ที่พบได้น้อยมาก

  14. การเปลี่ยนแปลงของร่างกายระยะแรกภายหลังตายการเปลี่ยนแปลงของร่างกายระยะแรกภายหลังตาย (Early Postmortem change)

  15. 1. การเปลี่ยนแปลงของตา (Eye change) • 2. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง (Skin mortis) • 3. การเย็นตัวลงของศพ (Algor mortis) • 4. การเกิดจ้ำเลือดภายหลังตาย (Livor mortis) • 5. การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ (Rigor mortis) • 6. การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในของเหลวของร่างกาย (Chemical change in body fluids)

  16. การเปลี่ยนแปลงของตา (Eye change) • 1. หลอดเลือดที่มาเลี้ยงจอรับภาพ มีลักษณะเป็นท่อน ๆ มองดูคล้ายขบวนตู้โดยสารรถไฟ เรียกลักษณะนี้ว่า “Trucking” • 2. เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดดังกล่าว ตกนอนก้นอยู่เบื้องล่างตามแนวโน้มถ่วงของโลก เรียกลักษณะนี้ว่า “Rouleaux” หรือ “Boxcar”

  17. 3. การอ่อนนุ่มของลูกตา (Softness of eye ball) เนื่องจากไม่มีความดันในลูกตา และในที่สุดลูกตาจะจมลงไปในเบ้าตา • 4. กระจกตาขุ่น (Opacity of cornea) • 5. เยื่อบุตาขาวแห้งและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เรียกลักษณะนี้ว่า “Tacke noire”

  18. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง (Skin change) 1. การสูญเสียความใสของผิวหนัง (Loss of transparency) 2. การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนัง (Loss of elasticity) 3. การเปลี่ยนสีของผิวหนัง (Discoloration)

  19. การเย็นตัวลงของศพ(Algor mortis) 1. อุณหภูมิปกติของร่างกาย 98.4 ˚ฟ (วัดทางปาก) หรือ 99˚ ฟ (วัดทางทวารหนัก) 2. ในศพจะวัดอุณหภูมิที่อวัยวะภายใน เป็นต้น หรือที่ทวารหนัก (visceral or rectal temperature) 3. อาจวัดที่ส่วนลึกของโพรงจมูก และโพรงหู

  20. กฎการเย็นตัวของนิวตัน(Newton’s Law of Cooling) -อัตราการเย็นตัวเป็นสัดส่วนโดยตรงกับความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของศพ กับอุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม

  21. ลักษณะกราฟการเย็นตัวของศพเป็นรูป S (Sigmoid or Double Exponential Shape)

  22. อัตราการเย็นตัวของศพภายใต้สภาพแวดล้อมโดยเฉลี่ยทั่วไปอัตราการเย็นตัวของศพภายใต้สภาพแวดล้อมโดยเฉลี่ยทั่วไป • ภายใน 2 – 3 ชั่วโมงแรก 2.0 – 2.5 ˚ฟ/ชม. • ภายใน 12 ชั่วโมงแรก 1.5 – 2.0 ˚ฟ/ชม. • ภายใน 12 – 18 ชั่วโมงถัดไป 1.0˚ ฟ/ชม. โดยคร่าว ๆ หลังจากที่ยอดกราฟผ่านไปแล้ว (< 4 ชั่วโมง) ~ 1˚ซ/ชม. (0.8 ˚ซ/ชม.)

  23. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเย็นตัวของศพปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราการเย็นตัวของศพ 1.อุณหภูมิของร่างกายขณะตาย 2. อุณหภูมิของสภาพแวดล้อม 3. เสื้อผ้าหรือสิ่งที่ปกคลุมร่างกาย 4. อัตราส่วนของพื้นที่ผิวต่อน้ำหนักร่างกาย 5. ท่าทางของศพ 6. การเคลื่อนไหวของอากาศและความชื้น 7. สิ่งแวดล้อมที่ศพสัมผัส 8. การเสียเลือดของร่างกาย

  24. การเกิดจ้ำเลือดภายหลังตายการเกิดจ้ำเลือดภายหลังตาย • เริ่มเกิดเมื่อการไหลเวียนโลหิตหยุดทำงาน • เม็ดเลือดแดงในหลอดเลือดที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะตกลงสู่เบื้องต่ำ อันเนื่องมาจากแรงโน้มถ่วง • เริ่มปรากฏให้เห็นที่ผิวหนังเป็นสีม่วงแดง • โดยจะมีลักษณะเป็นจ้ำ ๆ ขนาดแตกต่างกัน ต่อมาจะมีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วในที่สุดจะรวมตัวกันเป็นปื้น • ลักษณะตำแหน่งที่เกิดจะขึ้นกับท่าทางของศพขณะตาย

  25. ระยะเวลาในการปรากฏของจ้ำเลือดระยะเวลาในการปรากฏของจ้ำเลือด • เริ่มปรากฏ ½ - 2 ชม. ภายหลังตาย • ปรากฏชัดเจน6 – 10 ชม. ภายหลังตาย • ปรากฏถาวร > 8 – 12 ชม. ภายหลังตาย

  26. อาจพบลักษณะจุดเลือดออกอาจพบลักษณะจุดเลือดออก (petechiae haemorrhage) ที่มีชื่อเฉพาะว่า“Tardieu Spots”

  27. สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้ สีชมพู(cherry pink) คาร์บอกซีฮีโมโกลบิน คาร์บอนมอนนอกไซด์

  28. สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้ สีแดง(cherry red) การยับยั้งเอนไซม์ไซโตโครมออกซิเดส ไซยาไนต์

  29. สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้ สีแดงน้ำตาล (brownishred) เมธฮีโมโกลบิน อะนีลีน, คลอเรด

  30. สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้สีของจ้ำเลือดช่วยบอกสาเหตุการตายได้ สีน้ำเงินเขียว(greenish blue) ซัลฟ์ฮีโมโกลบิน โฮโดรเจนซัลไฟด์

  31. การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ • จะเกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายในอัตราที่เท่ากัน • แต่จะเกิดขึ้นสมบูรณ์ในกล้ามเนื้อมัดเล็กก่อนกล้ามเนื้อมัดใหญ่ และข้อเล็กก่อนข้อใหญ่ • จะหมดไปก่อนหลังเรียงตามลำดับที่เกิด

  32. ระยะเวลาที่ปรากฏกล้ามเนื้อแข็งเกร็งระยะเวลาที่ปรากฏกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เริ่มปรากฏ 2 – 4 ชั่วโมงภายหลังตาย ปรากฏเต็มที่ 6 – 12 ชั่วโมงภายหลังตาย คงอยู่ 12 – 24 ชั่วโมง หมดไป 36 ชั่วโมง

  33. สาเหตุของการเกิดการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อสาเหตุของการเกิดการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ 1. การลดลงของปริมาณเอทีพี(ATP) 2. การเพิ่มขึ้นของปริมาณกรดแลคติค(Lactic Acid)

  34. ระบบเมตาโบลิซึมของร่างกายที่ผลิตเอทีพีระบบเมตาโบลิซึมของร่างกายที่ผลิตเอทีพี 1. ระบบฟอสฟาเจน(Phospagen system) 2. ระบบไกลโคเจน – กรดแลกติค (Glycogen – lactic acid system) 3. ระบบใช้ออกซิเจน(Aerobic system)

  35. แอคติน + ไมโอซิน แอคโตมัยซิน การหดตัวของกล้ามเนื้อ

  36. ฟอสเฟต (2) ฟอสฟาเจน เอดีพี ไกลโคเจน กรดแลคติค เอทีพี ครีอะตีน ฟอสเฟต (1)

  37. แอคติน + ไมโอซิน แอคโตมัยซิน การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ (ไรกอร์ มอร์ติส) เอทีพี กรดแลคติค

  38. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ • 1. อุณหภูมิของสิ่งแวดล้อม สูง - เร็ว • 2. กิจกรรมทางร่างกายก่อนตาย ออกกำลังกาย • 3. การชัก - เร็ว • 4. การถูกไฟฟ้าดูด - เร็ว • 5. ภาวะอุณหภูมิร่างกายสูง - เร็ว • 6. ภาวะกรดและยูรีเมีย • 7. มวลของกล้ามเนื้อทั้งหมด - เนื้อมาก หรืออ้วน จะแข็งตัวเร็ว

  39. การประมาณระยะเวลาตายจากอุณหภูมิร่วมกับ การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ (ไรกอร์ มอร์ติส)

  40. การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ • น้ำอสุจิที่ปลายหรือรอบศิวะลึงค์ • ม่านตาขยายไม่เท่ากัน • การแข็งเกร็งของหัวใจ ที่เรียกว่า “Stone heart” • การเกิดลักษณะขนลุกที่ผิวหนัง มีชื่อเรียกว่า“cutis anserina” หรือ “goose skin flesh”

  41. ลักษณะที่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อแบบ “ไรกอร์ มอร์ติส” • คาดาเวอริค สปาซึม(Cadaveric spasm) • การแข็งของกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากความร้อน (Heat Stiffening) • การแข็งของกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากความเย็น (Cold Stiffening)

  42. คาดาเวอริค สปาซึม (Cadaveric spasm) • เป็นปรากฏการณ์ที่พบได้น้อยมาก • เกิดทันทีขณะตาย โดยไม่ผ่านการอ่อนตัวของกล้ามเนื้อก่อนและจะไม่ผ่านขบวนการเกิดไรกอร์ มอร์ติส ด้วย • เกิดเมื่อมีความเครียดทางร่างกายหรือจิตใจอย่างสุดขีด เช่น พบในคนที่ตกน้ำตายและไขว่คว้าสิ่งใกล้ตัว • ถูกกระตุ้นโดยการทำงานของเส้นประสาทมอเตอร์ • ปกติจะเกิดที่กล้ามเนื้อมัดที่กำลังทำงานในขณะตาย

  43. การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากความร้อน (Heat Stiffening) • เป็นผลเนื่องมาจากการเสื่อมสภาพและการแข็งตัวของโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อ • ระดับของการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับปริมาณความร้อน และระยะเวลาที่กล้ามเนื้อสัมผัสกับความร้อน • ทำให้เกิดการหดสั้นของกล้ามเนื้ออย่างมาก ศพจะมีลักษณะข้อมือ ข้อศอก ข้อเข่าโค้งในท่าป้องกันตนเองของนักมวย ที่เรียกว่า “pugilistic attitude”

  44. การแข็งของกล้ามเนื้ออันเนื่องมาจากความเย็น (Cold Stiffening) • จะเกิดที่อุณหภูมิต่ำกว่า –5 °ซ • เป็นผลจากของเหลวและไขมันในส่วนต่าง ๆ ของ ร่างกายกลายสภาพเป็นของแข็ง • หมดไปเมื่ออยู่ในที่มีอุณหภูมิสูงขึ้น • เมื่อหมดสภาพของความแข็งแล้วจะเกิดไรกอร์ มอร์ติส ภายหลังได้

  45. การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในของเหลวของร่างกาย (Chemical changes to body fluids) • ของเหลวของร่างกาย ได้แก่ เลือด น้ำลูกตา น้ำไขสันหลัง น้ำดี เป็นต้น • เป็นหัวข้อที่มีการวิจัยและทำการศึกษากันอย่างกว้างขวาง ในช่วงระยะเวลา 30 ปี ที่ผ่านมา • ระดับการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบในของเหลวต่าง ๆ ของร่างกายมีความแตกต่างมาก • ไม่เหมาะสมในการใช้ตรวจเป็นงานประจำ กำลังวิจัยยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ในปัจจุบัน

  46. การเปลี่ยนแปลงของศพระยะท้ายการเปลี่ยนแปลงของศพระยะท้าย (Late Postmortem Changes)

  47. 1. การเน่าของศพ(Decomposition) • 2. การกัดกินศพของตัวอ่อนแมลงและสัตว์กินเนื้อ (Larva infestation and arthropology) • 3. การเหลือแต่ซากกระดูก(Skeletonization) • 4. การกลายสภาพเป็นมัมมี่(Mummification) • 5. การแข็งตัวของไขมัน(Adipocere formation)

  48. กระบวนการเน่า(Decomposition processes) 1. การย่อยสลายตัวเอง(Autolysis) เป็นการย่อยสลายตัวเองของเซลล์และเนื้อเยื่อ โดยกระบวนการทางเคมี และน้ำย่อยที่ปล่อยออกมาจากเซลล์ที่ตาย 2. การเน่า(Putrefaction) เป็นการย่อยสลายเซลล์และเนื้อเยื่อ โดยแบคทีเรีย จากทั้งภายในร่างกายและภายนอกร่างกาย

  49. ลำดับการเปลี่ยนแปลงของการเน่าลำดับการเปลี่ยนแปลงของการเน่า • การเปลี่ยนเป็นสีเขียวของผิวหนังหน้าท้องส่วนล่าง • ก๊าซที่เกิดที่จากการเน่า • การปรากฏสีเขียวหรือแดงคล้ำตามแขนงของเส้นเลือดที่ผิวหนัง • การเกิดตุ่มพองที่มีของเหลวปนเลือดอยู่ภายใน • การหลุดลอกของผิวหนังชั้นนอก • ลิ้นจุกปากและอวัยวะภายในออกมากองอยู่ภายนอก • ศพพองตัวอย่างมากและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดงค่อนไปทางดำ

More Related