1 / 28

Chapter 5

Chapter 5. ERP กับ Balanced Scorecard. หัวข้อการเรียนรู้. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ ERP หลักการทำงานของระบบ SCM ERP Software การประเมินผลองค์กรระดับต่าง ๆ. ปัจจัยสู่ความสำเร็จของโครงการ ERP.

ronli
Download Presentation

Chapter 5

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Chapter 5 ERP กับ Balanced Scorecard

  2. หัวข้อการเรียนรู้ • บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ ERP • หลักการทำงานของระบบ SCM • ERP Software • การประเมินผลองค์กรระดับต่าง ๆ

  3. ปัจจัยสู่ความสำเร็จของโครงการ ERP Stratman และ Roth แยกปัจจัยความสำเร็จของโครงการออกเป็นสองประเภท ซึ่งล้วนแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนทั้งสิ้น ดังนี้ 1. ปัจจัยทางเทคนิค และการจัดการ 2. ปัจจัยองค์กร

  4. ปัจจัยทางเทคนิค และการจัดการ • การวางแผนเชิงกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Strategic IT Planning) ซึ่งหมายถึงการที่ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ในการนำระบบ IT ที่เหมาะสม • ความยึดมั่นของผู้บริหาร (Executive Commitment) หมายถึงว่าจะต้องมีผู้บริหารระดับสูงในองค์กรที่มีความเชื่อ และยินดีสนับสนุนการนำระบบ ERP มาใช้ในองค์กร และยินดีที่จะจัดสรรทรัพยากรมา เพื่อทำให้โครงการประสบความสำเร็จ • การจัดการโครงการ (Project Management) หมายถึงการที่มีบุคลากรที่มีความรู้และทักษะในการประสานงาน และทำการติดตามงานที่เกี่ยวข้องกับการนำระบบ ERP มาใช้ และทำให้ทันตามกำหนดการของโครงการ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ • ทักษะทางไอที (IT Skills) หมายถึงการมีความสามารถในการใช้และบำรุงรักษาระบบสารสนเทศที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจ

  5. ปัจจัยทางองค์กร • ทักษะด้านกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Skills) หมายถึงความเข้าใจว่าธุรกิจดำเนินการกันอย่างไร และสามารถประเมินผลกระทบของการตัดสินใจหรือการกระทำอันใดอันหนึ่งที่จะมีต่อองค์กร • การฝึกอบรม (Training) หมายถึงกระบวนการในการสอนคนกลุ่มต่าง ๆ ในองค์กรให้มีความสามารถในการใช้ระบบได้อย่างคล่องแคล่ว และมีประสิทธิภาพ • ความสามารถในการเรียนรู้ (Learning Competency) หมายถึงกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้เราสามารถชี้ชัดลงไปว่าคนของเราเข้าใจและสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ ในระบบ ERP ได้อย่างถ่องแท้

  6. ปัจจัยทางองค์กร • ความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง (Change Readiness) หมายถึง กลยุทธ์ การจัดการของผู้บริหารในการเอาชนะแรงต้านการเปลี่ยนแปลงของพนักงานอันเนื่องมาจากต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานจากแบบเก่า ๆ มาใช้ระบบ ERP แทน

  7. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการ Implement ERP • ผู้บริหารระดับสูงไม่ให้ความสำคัญกับโครงการ ERP เพราะถ้าผู้บริหารไม่กำหนด พนักงานก็จะเลือกทำงานเดิมก่อนเพราะเห็นว่าสำคัญกว่า และจะเห็นงาน ERP เป็นงานรองเสมอ • ผู้จัดการโครงการไม่มีอำนาจในการสั่งงาน (Authority) ผู้จัดการโครงการควรได้รับอำนาจในการสั่งการเต็มาที่จากผู้บริหารระดับสูง และตัวผู้จัดการโครงการเองก็ต้องมีเวลามากพอ • การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้เหมือนระบบงานเดิม ระบบ ERP จะเข้าไปมีบทบาทกับการทำงานของหลายหน่วยงานในองค์กรของท่าน ผู้ซื้อควรให้เวลากับระบบใหม่ ศึกษาให้มากพอ หากต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเอาแค่เฉพาะในส่วนที่จำเป็นจริง ๆ จึงจะเหมาะสม

  8. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการ Implement ERP • การกำหนดว่างาน ERP เป็นงานของแผนกใดแผนกหนึ่งเท่านั้น ผู้จัดการแต่ละแผนกนอกจาจะมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการเรียนรู้ข้อมูลกระบวนการทำงาน ยังมีความจำเป็นต้องพูดคุยกับฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับตนเอง • การสร้างระบบ Hardware และ Software ที่ไม่สอดคล้องกัน ผู้ขาย ERP ได้รับผิดชอบทดสอบมาเป็นอย่างดี ท่านไม่ควรไปเปลี่ยนแปลงมัน มิฉะนั้นท่านอาจจะประสบปัญหายุ่งยากภายหลัง • การจัดการโครงการโดยปราศจากเอกสารควบคุม ERP จำเป็นต้องมีเอกสารบันทึกข้อตกลงต่าง ๆ เหล่านั้นเพื่อทบทวนความเข้าใจกันภายหลัง

  9. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในการ Implement ERP • การขาดการฝึกอบรม ขั้นตอนเริ่มต้นของโครงการควรมีการจัดอบรมสำหรับผู้เชี่ยวชาญของระบบ ERP คือผู้ขายให้เข้าใจระบบงานขององค์กร และผู้เชี่ยวชาญระบบงานภายในองค์กร • การขาดการประสานงานกับผู้ขาย ERP บางบริษัท ผู้จัดการโครงการของผู้ซื้อมีแนวโน้มที่อยากจะขึ้นระบบเอง โดยไม่พึ่งพอที่ปรึกษาจากผู้ขาย ERP เพราะ เนื่องจากต้องการประหยัดงบประมาณในการ ดำเนินงาน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งคือ Implement ไปผิดทางเป็นผลให้ระบบไม่สำเร็จเพราะไม่รู้จริง

  10. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ ERP • กลุ่มผู้ใช้ (End User) หมายถึงบุคลากรที่ปฏิบัติงานประจำในหน้าที่ต่าง ๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการดูแลระบบสารสนเทศขององค์กรโดยตรง บุคลากรเหล่านี้เป็นเพียงผู้ที่รู้หน้าที่งานทางธุรกิจของตน และเรียนรู้วิธีการใช้ระบบ ERP ที่จะช่วยให้การทำงานของตนมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล อย่างไรก็ตามปัญหาที่เป็นเรื่องใหญ่ของตนกลุ่มนี้คือ การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management)

  11. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับระบบ ERP • กลุ่มบุคลากรด้านไอที เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องดูแลออกแบบติดตั้งระบบโดยตรง และเป็นกลุ่มที่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับที่ปรึกษาของบริษัทออกแบบและติดตั้งระบบ ซึ่งมีหน้าที่หลักในงานด้านให้การศึกษาและฝึกอบรมบุคลากรอื่นๆ ในองค์กร ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถใช้งานระบบ ERP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงงานด้านการแก้ไขปรับปรุงระบบ (Minor Modification) • บุคลากรเหล่านี้ เป็นบุคลากรที่ได้รับการโอนถ่ายความรู้จากที่ปรึกษาและมีผลโดยตรงต่อความสำเร็จของระบบ และเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มของการออกจากงานสูงเมื่อมีทักษะโปรแกรม ERP แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความรู้ความเข้าใจกระบวนการทางธุรกิจด้วย

  12. คิดใหม่ ทำใหม่ในการรักษาคน • เป็นความคิดเดิมที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงนัก เนื่องจากบุคลากรที่เก่งในทักษะด้านนี้กำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง ผู้บริหารต้องสามารถที่จะคาดการณ์วางแผนไว้ล่วงหน้าของอัตราการเข้าออกของพนักงานและทักษะใด โดยเครื่องมือวิธีการที่จะใช้ในการบริหารรักษาบุคลากรที่มีค่านั้นสามารถทำได้โดย • การใช้ค่าตอบแทน ค่าตอบแทนเพิ่มเมื่อบุคลากรมีความรู้ทักษะ ERP เพิ่ม ค่าตอบแทนที่สูงขึ้นยังคงเป็นสิ่งดึงดูดใจบุคลากรส่วนใหญ่ให้อยู่กับองค์กรต่อไป องค์กรอื่นอาจสามารถไขกุญแจทองออกได้โดยใช้ลูกกุญแจทองโดยการเสนอค่าตอบแทนต่าง ๆ ให้สูงขึ้นไปกว่าที่บุคลากรได้รับจากองค์กรเดิม

  13. คิดใหม่ ทำใหม่ในการรักษาคน • ลักษณะงานและความก้าวหน้าในอาชีพ ผลการสำรวจ พบว่าสิ่งที่พนักงานให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองคือ วัฒนธรรมขององค์กรที่มีการส่งเสริมการเติบโตในอาชีพรวมถึงงานที่ท้าทาย และโอกาสในการฝึกอบรมและพัฒนาตนเอง พนักงานเห็นโอกาสในการก้าวหน้า ในอาชีพของตน ให้ข้อมูลแก่บุคลากรในการที่จะสามารถก้าวขึ้นตำแหน่งหรืองานที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นต่อไป

  14. คิดใหม่ ทำใหม่ในการรักษาคน • สภาพแวดล้อมในการทำงาน สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีซึ่งรวมถึง การมีหัวหน้าที่ดีที่ทำงานด้วยอย่างมีความสุข รวมถึงกฎระเบียบนโยบายที่ไม่ทำให้พนักงานอึดอัดในการทำงาน อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ในการทำงานที่ช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวกสบาย และที่สำคัญคือเพื่อร่วมงานที่เข้ากันได้และพนักงานรู้สึกมีความผูกพัน

  15. คิดใหม่ ทำใหม่ในการรักษาคน ดังนั้นองค์กรควรมีการเตรียมความพร้อมโดยมีระบบการจัดการความรู้ (Knowledge Management) ที่จะส่งเสริมให้บุคลากรที่มีทักษะนั้นให้เก็บ Explicit Knowledge เพื่อป้องกันการสื่อภาพลักษณ์ที่ไม่ดีออกไปสู่บุคคลภายนอก และในอนาคตยังอาจมีความเป็นไปได้ที่จะให้พนักงานที่ออกนั้นมาช่วยงาน Part Time หรือ Freelance ถ้าหากต้องการความรู้ทักษะของพนักงานคนนั้นจริง ๆ และยังหาบุคลากรใหม่มาทดแทนไม่ได้

  16. คิดใหม่ ทำใหม่ในการรักษาคน โดยสรุปคือ การถ่ายโอนความรู้ที่จำเป็นสำหรับงาน ERP ระหว่างบุคลากร เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างราบรื่นภายใต้การเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามแนวคิดเดิมในด้านการจูงใจ บุคลากรที่มีความสามารถก็เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ องค์กรควรมีรางวัลและผลตอบแทนที่สูงในระดับหนึ่งเพื่อการจูงใจบุคลากร รวมถึงการให้มีโอกาสได้พัฒนาความรู้ทักษะ และเห็นความก้าวหน้าในอาชีพของตนเอง การ สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน และองค์กร ควรมีระบบที่จะเก็บความรู้ของพนักงานไว้กับ องค์กร เพื่อช่วยในการโอนถ่ายความรู้อันจะ นำมาสู่ผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินงานในที่สุด

  17. การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management: SCM) เปรียบเทียบกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศแนวใหม่ เพื่อให้เข้ากับการแข่งขันทางธุรกิจในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยมีการนำระบบ e-Business ซึ่งเป็นการร่วมทำธุรกิจระหว่างกันโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ แทนรูปแบบเก่าที่มีการใช้กระดาษเป็นหลัก และทำธุรกิจต่อเนื่องกันในธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นลักษณะสายโซ่หรือห่วงโซ่ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ และจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการหรือที่เรียกว่า “การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management: SCM)”

  18. การจัดการโซ่อุปทาน (Supply Chain Management: SCM) การนำ SCM มาใช้นั้นสืบเนื่องมาจากความต้องการขององค์กรที่เล็งเห็นความสำคัญ ในการติดต่อเชื่อมโยงข้อมูลกับภายนอกร่วมกับการบริหารงานภายใน ที่อาจจะมีการพัฒนาระบบวางแผนทรัพยากรองค์กรมาช่วยในการบริหาร ทำให้ธุรกิจมีการมองเห็นถึงความสำคัญของ การจัดการโซ่อุปทานและนำมาประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ช่วยให้การบริหารโซ่อุปทานมีประสิทธิภาพที่ ดีขึ้น และต่อเนื่องไปถึงการลดต้นทุนรวมของ ผู้ประกอบการ (Total Cost of Ownership)

  19. หลักการทำงานของระบบ SCM) ระบบ SCM นี้เป็นระบบที่รองรับการทำงานที่ต้องเชื่อมโยงแบบลูกโซ่ที่เชื่อมโยงระบบการทำงานตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ การเชื่อมโยงข้อมูลในหลายส่วนเข้าด้วยกันจำเป็นต้องนำซอฟต์แวร์ ERP เข้ามาช่วยให้เกิดการไหลลื่นของข้อมูลทั้งภายในและระหว่างองค์กรมีความสะดวกรวดเร็ว โดยบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ERP ทั้งหลายก็พยายามที่สนับสนุนให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่ที่ใช้ซอฟต์แวร์ของตน และก็จะนำประโยชน์ที่ได้จากการไหลลื่นของข้อมูลมาเป็นจุดขาย

  20. หลักการทำงานของระบบ SCM) รูปที่แสดงรูปแบบการจัดการ SCM ที่เปลี่ยนแปลง

  21. ERP ซอฟต์แวร์ ก่อนที่จะจัดการโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพได้จำเป็นต้องมีข้อมูลพร้อมก่อน และข้อมูลที่ได้ก็จะมาจากข้อมูลภายในหรืออาจจะมาจากระบบ ERP หากมีการนำ ERP มาใช้จะทำให้การจัดทำข้อมูลเพื่อใช้ในโซ่อุปทาน และการเชื่อมต่อทั้งผู้ขายและลูกค้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ขายซอฟต์แวร์ ERP ก็ถือโอกาสนี้ไปนำเสนอซอฟต์แวร์ให้กับผู้ขายวัตถุดิบรายอื่น ๆ โดยใช้เหตุผลเดียวกัน ที่เน้นถึงประสิทธิภาพในการที่จะใช้ทั้งการบริหารภายในและการติดต่อเชื่อมโยงกับคู่ค่า รวมถึงการลดต้นทุน นอกจากนั้นยังย้ำเน้นถึงความได้เปรียบต่อคู่แข่งหากมีการใช้ ERP และยังสามารถขยายผลการขายต่อไปยังห่วงโซ่อื่น ๆ ต่อไป

  22. ERP ซอฟต์แวร์ รูปแสดงคำถามที่ผู้บริหารจะต้องตัดสินใจ

  23. ERP ซอฟต์แวร์ การพิจารณาซอฟต์แวร์ของผู้บริหารจะเน้นไปที่การรองรับการทำงานขององค์กรเนื่องจากแต่ละองค์กรอาจจะมีการบริหารงานที่แตกต่างกันตามอุตสาหกรรม นอกจากนั้นผู้บริหารยังให้ความสำคัญต่อการบูรณาการระบบ เพื่อเชื่อมโยงกับส่วนต่าง ๆ ซึ่งในจุดนี้จะเป็นสิ่งที่วัดถึงความสามารถของซอฟต์แวร์ เพราะซอฟต์แวร์ที่มีความสามารถสูงจะสามารถบูรณาการในรูปแบบที่หลากหลาย ทำให้การเชื่อมโยงในส่วนต่าง ๆ ทำได้ง่ายขึ้น ประเด็นสุดท้ายที่ผู้บริหารให้ความสำคัญคือเวลาที่ใช้ในการดำเนินการติดตั้งระบบ เนื่องจากการได้ใช้ระบบที่เร็วขึ้นก็จะทำให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น ผู้ขายปัจจุบัน ไม่เน้นในการอธิบายถึงฟังก์ชั่นในการทำงาน แต่จะเน้นถึงคุณค่าหรือประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับเมื่อเทียบกับเงินลงทุนที่จะต้องเสียไป ดังนั้นเทคโนโลยีเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้นในการจัดการ SCM แต่ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในสภาพการแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรงในปัจจุบัน

  24. การประเมินผลองค์กร (Performance Appraisals) ในอดีตการวัดผลการดำเนินงานมักจะเน้นการวัดผลด้านการเงินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการวัดผลการดำเนินงานด้านการเงินเป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานในอดีต ไม่สามารถประเมินให้เห็น ความสามารถในการแข่งขันในปัจจุบันและอนาคตได้ดี ปัจจุบันตัวแบบการวัดผลจะมีการวัดหลายมิติ (Multi-Dimensional) เพราะการบริหาร องค์กรปัจจุบัน จะเกี่ยวข้องกับการจัดการข้าม ฝ่าย (Cross Functional Management) เสมอ และมีหลายองค์กรที่ได้มีการออกแบบการ ประเมินองค์กรโดยกำหนดดัชนีที่ใช้วัดผลการ ดำเนินงาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านการ แข่งขัน

  25. BSC หรือ Balanced Scorecard BSC เป็นเครื่องมือทางการบริหารที่เชื่อมโยงการวัดผลกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ขององค์กร ซึ่งจะมีการวัดและประเมินองค์กร 4 ด้าน ได้แก่ ผลการดำเนินงานด้านการเงิน ด้านลูกค้า ด้านกระบวนการบริหารภายในและการเรียนรู้และการเติบโต BSC จะเริ่มจากองค์กรมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ จากนั้นการวัดผลการดำเนินงานจะประกอบด้วย 4 มุมมอง ดังนี้ ด้านการเงิน (Finance) ด้านกระบวนการบริหารงานภายใน (Internal Business Process) ด้านลูกค้า (Customer Perspective) ด้านการเรียนรู้และเติบโต (Learning and Growth) ซึ่งการกำหนดตัวชี้วัดในแต่ละมิติต้องสมดุลกัน

  26. การประเมินผลองค์กรระดับต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อประมวลผลความสำเร็จขององค์กร สามารถปรับปรุงซอฟต์แวร์สำเร็จรูปให้เหมาะสมกับการนำไปใช้งานในระดับต่าง ๆ และแต่ละหน่วยงานในองค์กรได้ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบสามารถรู้สถานะ และความสำเร็จในการทำงานในสิ่งที่ตนรับผิดชอบ

  27. การประเมินผลองค์กรระดับต่าง ๆ รูปแสดง Balanced Scorecard ใน 4 มุมมอง

  28. The End

More Related