E N D
สารบัญตอนที่ 1 แนวความคิดเบื้องต้นบทที่ 1 : ที่มาแห่งความรู้บทที่ 2 : ทฤษฎีสังคมศาสตร์และทฤษฎีสื่อสารมวลชนบทที่ 3 : ประวัติและคุณลักษณะของสื่อแต่ละประเภทตอนที่ 2 ยุคแรกของทฤษฎีสื่อสารมวลชนอันทรงพลังบทที่ 4 : สังคมมวลชนและสื่อสารมวลชนบทที่ 5 : ทฤษฎีกระสุนปืน (Magic Bullet Theory)บทที่ 6 : ทฤษฎีบรรทัดฐานของสื่อมวลชนบทที่ 7 : ทฤษฎีเทคโนโลยีสื่อสารเป็นตัวกำหนดบทที่ 8 : ทฤษฎีวิพากษ์แห่งสื่อสารมวลชนตอนที่ 3 ยุคที่สองแห่งการทดสอบพลังของสื่อมวลชนบทที่ 9: กระบวนทัศน์เรื่องผลกระทบอันจำกัดของสื่อบทที่ 10 : ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมบทที่ 11 : ทฤษฎีหน้าที่นิยม
ตอนที่ 4 ยุคที่ 3 สองกระแสใหญ่ของทฤษฎีสื่อมวลชนบทที่ 12 ทฤษฎีผลกระทบของสื่อในระดับปานกลางบทที่ 13 การสร้างความหมายทางสังคมบทที่ 14 ทฤษฎีการปลูกฝังความเป็นจริงตอนที่ 5 การศึกษาสื่อตามองค์ประกอบการสื่อสารบทที่ 15 : การวิเคราะห์ผู้รับสารบทที่ 16 : การวิเคราะห์เนื้อหา
บทที่ 1 : ที่มาแห่งความรู้ทฤษฎี คือ ชุดของคำอธิบายที่จัดระเบียบเอาไว้อย่างดี คำอธิบายนั้นจะว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์ในโลกธรรมชาติ สังคมโลก- ทฤษฎีไม่ใช่ “สัจธรรมสูงสุด” เพราะคำตอบดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และสามารถพิสูจน์ว่าผิดพลาดได้ และกระบวนการพิสูจน์ คือ การวิจัยประโยชน์1. ตีกรอบความคิดของผู้วิจัย 2. กำหนดขอบเขตสิ่งที่ศึกษาให้เล็กลง 3. ลดอคติในการออกแบบงานวิจัย 4. การตีความข้อมูล 5. ให้เห็นช่องว่างของความรู้ที่ยังมีอยู่6. ใช้เป็นคู่มือ เช่น ทฤษฎี Bullet Theory เชื่อในอำนาจสื่อมวลชน เหมาะกับงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสื่อ Agenda setting เชื่อในอำนาจของสื่อปานกลางบทที่ 2 : ทฤษฎีสังคมศาสตร์และทฤษฎีสื่อสารมวลชนสาขาวิชาทั้งหมด สาขามนุษย์ศาสตร์ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับตนเอง เช่น วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา จิตวิทยาสาขาสังคมศาสตร์ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์คนอื่น เช่น สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เช่น เคมี ฟิสิกส์
สาขา สังคมศาสตร์1. ทฤษฎี Evolutionism เป็นวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจากชั้นต่ำมาระดับสูง ถูกนำมาใช้อธิบายบทบาทของสื่อ(ซึ่งระดับสูงกว่า) กับสื่อพื้นบ้าน หรือสื่อตามประเพณี (ที่มีระดับต่ำกว่า)2. ทฤษฎี Functionalismไม่เชื่อว่าสังคมใดสิ่งมีชีวิตใดหรือสถาบันใดจะวิวัฒน์มาแล้วจะดีเด่นกว่าระดับแรก ทฤษฎีนี้ถูกนำมาใช้เรื่องพันธกิจของสื่อมวลชน3.ทฤษฎี Conflict เชื่อว่า ภาวะเบื้องแรกของสังคมก่อตัวขึ้นบนความขัดแย้งและดำเนินพัฒนาไปบนความขัดแย้ง ทฤษฎีนี้ถูกนำมาใช้อธิบายกับเรื่องสื่อมวลชนบทที่ 3 : ประวัติและคุณลักษณะของสื่อแต่ละประเภท - 35,000 ปี ก่อนคริสตศักราช ยุคมนุษย์ยุโรปก่อนประวัติศาสตร์คาดว่าเกิดภาษา- 22,000 ปี ก่อนคริสตศักราชเกิดภาพเขียนในถ้ำก่อนยุคประวัติศาสตร์ - ค.ศ. 1982 ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการทำโทรศัพท์ดิจิตอล
คุณลักษณะของสื่อแต่ละประเภท1. หนังสือพิมพ์ – มีเสรีภาพระดับหนึ่ง – ตีพิมพ์สม่ำเสมอ – มีรูปแบบเป็นสินค้า – เนื้อหาเป็นข่าวสาร – ผู้อ่านเป็นคนเมืองที่สนใจเรื่องทางโลก 2. ภาพยนตร์ –เป็นเทคโนโลยีด้านภาพและเสียง – กระบานการผลิตและการรับชมเป็นแบบสาธารณะ –ใช้วิธีการเล่าเรื่องเป็นหลัก – มีลักษณะค่อนข้างเป็นสากล – มีค่านิยม อุดมการณ์แฝงอยู่ในเนื้อหา – มีกฎหมายเซ็นเซอร์3. สื่อกระจายเสียงและภาพ - มีปริมณฑลการเข้าถึงอย่างกว้างขวาง – มีเนื้อหาที่เป็นทั้งภาพ และเสียง – มีรูปแบบ และเนื้อหาหลากหลาย – มีขอบเขตระดับชาติ และนานาชาติ – มีการควบคุมอย่างเข้มงวด4. สื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ (New electronic media) หรือ Telematic mediaผสมระหว่าง ระบบโทรคมนาคม กับระบบสารสนเทศ เกิดขึ้นราวๆ ปี 1970 - ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นฐาน – สื่อสารได้สองทาง – มีหน้าที่ทั้งส่วนรวม และส่วนตัว - ถูกควบคุมน้อยมาก – มีลักษณะเชื่อมต่อกันทั้งหมด
บทที่ 4 : สังคมมวลชนและสื่อสารมวลชนสังคมมวลชน มีลักษณะ เศรษฐกิจ เป็นระบบการผลิต การกระจายการบริโภคแบบอุตสาหกรรม และการผลิตแบบมวลชน ด้านการเมือง ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ “ประชาธิปไตย” ด้านวัฒนธรรม เป็นการนำเอาวัฒนธรรมชั้นสูง กับวัฒนธรรมพื้นบ้านมาผสมผสานกันโดยใช้สื่อมวลชนBaran S.J และ Davis D.K. ได้แบ่งยุคสมัยของสื่อมวลชน 3 ยุค คือยุคแรก ยุคที่เชื่อในพลังของสื่อ ยุคที่สอง ยุคที่เชื่อว่ามีผลกระทบอย่างจำกัด ยุคที่สาม ยุครื้อฟื้นความเชื่อเรื่องผลกระทบของสื่อในทัศนะใหม่
บทที่ 5 : ทฤษฎีกระสุนปืน (Magic Bullet Theory)- เชื่อในพลังอำนาจอันมหาศาลของสื่อเกิดผลลัพธ์อย่างฉับพลัน กำเนิดมาจาก “การโฆษณาชวนเชื่อ” ซึ่งเป็นการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจขนาดใหญ่บทที่ 6 : ทฤษฎีบรรทัดฐานของสื่อมวลชน(Normative Theories of Media Performance)- มีความผูกพันโยงใยกับสภาพสังคมที่มีอยู่- เกี่ยวข้องเรื่องการควบคุม (control) การป้องกัน (protection) หรือการกำกับดูแล (regulation) กระบวนการทำงานของสื่อมวลชนบทที่ 7 : ทฤษฎีเทคโนโลยีสื่อสารเป็นตัวกำหนด- เป็นปีกหนึ่งของกลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมืองที่สนใจวิเคราะห์พลังการผลิตในส่วนเสี้ยวที่เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในแวดวงสื่อสารมวลชนก็จะหมายถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารทั้งหลาย D. McQuail ได้ประมวลคุณลักษณะแนวคิดของทฤษฎีนี้ว่า เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นพื้นฐานของทุกสังคมและเหมาะสมแต่ละสังคม อีกทั้งขั้นตอนการผลิต การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นตัวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
บทที่ 8 : ทฤษฎีวิพากษ์แห่งสื่อสารมวลชน (Critical Theories of Media)เป็นของ K.Marx นักปรัชญาสังคม นักหนังสือพิมพ์ในศตวรรษที่ 19 รู้จักกันในนาม “ลัทธิมาร์กซ์” หรือวิธีการแบบ Marxist มี 2 กลุ่ม คือกลุ่ม Political Economy of Media ให้น้ำหนักในการวิเคราะห์มิติเศรษฐกิจการเมืองเป็นหลักกลุ่ม Neo Marxist เน้นวิเคราะห์มิติด้านวัฒนธรรม ความคิด อุดมการณ์เป็นหลัก บทที่ 9: กระบวนทัศน์เรื่องผลกระทบอันจำกัดของสื่อ(limited Effect Paradigm)เน้นผู้รับสารเพราะสื่อจะทำงานภายใต้หลัก 4 ข้อ คือ 1.หลักการเลือกให้ความสนใจ 2. หลักการเลือกการรับรู้ 3. หลักการเลือกจดจำ 4. หลักการเลือกมีปฏิกิริยา
บทที่ 10 : ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory)กลุ่มทฤษฎีที่พยายามลดกระแสความเชื่อเรื่องอิทธิพลอันทรงพลังของสื่อ สื่อมวลชนอยู่ในรูปแบบใด บทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนคืออะไรกันแน่ การแสวงหาคำอธิบายใหม่ในเรื่องผลของสื่อ และการวิจารณ์กระบวนทัศน์ใหม่ของสื่อ โดยสื่อมวลชนจะได้รับบทบาทหลักคือ “ผู้อบรมบ่มเพาะ” บทที่ 11 : ทฤษฎีหน้าที่นิยม (Functionalism)นิยมเปรียบเทียบสังคมกับร่างการมนุษย์โดยถือว่าร่างกายเป็นระบบใหญ่ ระบบใหญ่ประกอบด้วยระบบย่อย เช่น อวัยวะทั้ง 32 ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันLasswellแบ่งหน้าที่สื่อมวลชนคือ 1. สอดส่องดูแล 2. สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 3. หน้าที่สืบทอดวัฒนธรรมทางสังคม
บทที่ 12 ทฤษฎีผลกระทบของสื่อในระดับปานกลางได้แก่ ทฤษฎีการพึ่งพาสื่อมวลชน โดยสนใจเรื่อง เสถียรภาพของสังคม เน้นความขัดแย้งอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เน้นการปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปสู่การเปลี่ยนแปลง เน้นให้ความสนใจเกี่ยวกับหน่วยวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจ ทัศนคติบทที่ 13 การสร้างความหมายทางสังคมได้แก่ ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ “คนเราเรียนรู้และใช้วัฒนธรรมได้อย่างไร บทที่ 14 ทฤษฎีการปลูกฝังความเป็นจริง“อิทธิพลและบทบาทโทรทัศน์ที่ได้ทำหน้าที่ “ปลูกฝัง” หรือ “สร้างโลก” ที่แม้ว่าจะไม่ตรงกับ “โลกแห่งความเป็นจริง” ให้กลายเป็นความเป็นจริงของบุคลของบุคคล อย่างไร
บทที่ 15 : การวิเคราะห์ผู้รับสารMcQuail มี 4 แนวคิดด้านผู้รับสาร 1. ผู้รับสารเป็นผู้ดูผู้ชม เช่นดูลิเก หมอลำ ลำตัด โนราห์ ผู้ชมในห้องส่ง 2. ผู้รับสารเป็นกลุ่มสาธารณะ เกิดขึ้นในยุคสื่อสิ่งพิมพ์ เมื่อรับข่าวสารแล้วจะเกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มพลังแบบต่างๆและเข้าไปแสดงบทบาทในมิติสาธารณะ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ 3. ผู้รับสารเป็นมวลชน ยุคของวิทยุ โทรทัศน์ เป็นกลุ่มขนาดใหญ่กระจัดกระจาย ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน หลากหลาย ชั่วครั้งชั่วคราวเกิดเป็นมวลชนเมื่อรับสื่อเท่านั้น 4. ตลาดหรือผู้บริโภคทิศ ทางการผลิตสื่อต้องนึกถึงตลาดผู้ชมเป็นสำคัญบทที่ 16 : การวิเคราะห์เนื้อหา สื่อมวลชนทำงานได้อย่างไร ต้องดูที่เนื้อหา และความหมาย 1. ตัวบท 2.การใส่รหัสอย่างหลากหลาย 3. วิธีการอ่านอย่างหลากหลาย 4. การเชื่อมโยงระหว่างตัวบท