1 / 13

mercury
Download Presentation

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. สารบัญตอนที่ 1 แนวความคิดเบื้องต้นบทที่ 1 : ที่มาแห่งความรู้บทที่ 2 : ทฤษฎีสังคมศาสตร์และทฤษฎีสื่อสารมวลชนบทที่ 3 : ประวัติและคุณลักษณะของสื่อแต่ละประเภทตอนที่ 2 ยุคแรกของทฤษฎีสื่อสารมวลชนอันทรงพลังบทที่ 4 : สังคมมวลชนและสื่อสารมวลชนบทที่ 5 : ทฤษฎีกระสุนปืน (Magic Bullet Theory)บทที่ 6 : ทฤษฎีบรรทัดฐานของสื่อมวลชนบทที่ 7 : ทฤษฎีเทคโนโลยีสื่อสารเป็นตัวกำหนดบทที่ 8 : ทฤษฎีวิพากษ์แห่งสื่อสารมวลชนตอนที่ 3 ยุคที่สองแห่งการทดสอบพลังของสื่อมวลชนบทที่ 9: กระบวนทัศน์เรื่องผลกระทบอันจำกัดของสื่อบทที่ 10 : ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคมบทที่ 11 : ทฤษฎีหน้าที่นิยม

  2. ตอนที่ 4 ยุคที่ 3 สองกระแสใหญ่ของทฤษฎีสื่อมวลชนบทที่ 12 ทฤษฎีผลกระทบของสื่อในระดับปานกลางบทที่ 13 การสร้างความหมายทางสังคมบทที่ 14 ทฤษฎีการปลูกฝังความเป็นจริงตอนที่ 5 การศึกษาสื่อตามองค์ประกอบการสื่อสารบทที่ 15 : การวิเคราะห์ผู้รับสารบทที่ 16 : การวิเคราะห์เนื้อหา

  3. บทที่ 1 : ที่มาแห่งความรู้ทฤษฎี คือ ชุดของคำอธิบายที่จัดระเบียบเอาไว้อย่างดี คำอธิบายนั้นจะว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งต่างๆ ที่เป็นปรากฏการณ์ในโลกธรรมชาติ สังคมโลก- ทฤษฎีไม่ใช่ “สัจธรรมสูงสุด” เพราะคำตอบดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และสามารถพิสูจน์ว่าผิดพลาดได้ และกระบวนการพิสูจน์ คือ การวิจัยประโยชน์1. ตีกรอบความคิดของผู้วิจัย 2. กำหนดขอบเขตสิ่งที่ศึกษาให้เล็กลง 3. ลดอคติในการออกแบบงานวิจัย 4. การตีความข้อมูล 5. ให้เห็นช่องว่างของความรู้ที่ยังมีอยู่6. ใช้เป็นคู่มือ เช่น ทฤษฎี Bullet Theory เชื่อในอำนาจสื่อมวลชน เหมาะกับงานวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพของสื่อ Agenda setting เชื่อในอำนาจของสื่อปานกลางบทที่ 2 : ทฤษฎีสังคมศาสตร์และทฤษฎีสื่อสารมวลชนสาขาวิชาทั้งหมด สาขามนุษย์ศาสตร์ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับตนเอง เช่น วรรณกรรม ประวัติศาสตร์ ศาสนา จิตวิทยาสาขาสังคมศาสตร์ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์คนอื่น เช่น สังคมวิทยา เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์สาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เน้นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม เช่น เคมี ฟิสิกส์

  4. สาขา สังคมศาสตร์1. ทฤษฎี Evolutionism เป็นวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตจากชั้นต่ำมาระดับสูง ถูกนำมาใช้อธิบายบทบาทของสื่อ(ซึ่งระดับสูงกว่า) กับสื่อพื้นบ้าน หรือสื่อตามประเพณี (ที่มีระดับต่ำกว่า)2. ทฤษฎี Functionalismไม่เชื่อว่าสังคมใดสิ่งมีชีวิตใดหรือสถาบันใดจะวิวัฒน์มาแล้วจะดีเด่นกว่าระดับแรก ทฤษฎีนี้ถูกนำมาใช้เรื่องพันธกิจของสื่อมวลชน3.ทฤษฎี Conflict เชื่อว่า ภาวะเบื้องแรกของสังคมก่อตัวขึ้นบนความขัดแย้งและดำเนินพัฒนาไปบนความขัดแย้ง ทฤษฎีนี้ถูกนำมาใช้อธิบายกับเรื่องสื่อมวลชนบทที่ 3 : ประวัติและคุณลักษณะของสื่อแต่ละประเภท - 35,000 ปี ก่อนคริสตศักราช ยุคมนุษย์ยุโรปก่อนประวัติศาสตร์คาดว่าเกิดภาษา- 22,000 ปี ก่อนคริสตศักราชเกิดภาพเขียนในถ้ำก่อนยุคประวัติศาสตร์ - ค.ศ. 1982 ความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการทำโทรศัพท์ดิจิตอล

  5. คุณลักษณะของสื่อแต่ละประเภท1. หนังสือพิมพ์ – มีเสรีภาพระดับหนึ่ง – ตีพิมพ์สม่ำเสมอ – มีรูปแบบเป็นสินค้า – เนื้อหาเป็นข่าวสาร – ผู้อ่านเป็นคนเมืองที่สนใจเรื่องทางโลก 2. ภาพยนตร์ –เป็นเทคโนโลยีด้านภาพและเสียง – กระบานการผลิตและการรับชมเป็นแบบสาธารณะ –ใช้วิธีการเล่าเรื่องเป็นหลัก – มีลักษณะค่อนข้างเป็นสากล – มีค่านิยม อุดมการณ์แฝงอยู่ในเนื้อหา – มีกฎหมายเซ็นเซอร์3. สื่อกระจายเสียงและภาพ - มีปริมณฑลการเข้าถึงอย่างกว้างขวาง – มีเนื้อหาที่เป็นทั้งภาพ และเสียง – มีรูปแบบ และเนื้อหาหลากหลาย – มีขอบเขตระดับชาติ และนานาชาติ – มีการควบคุมอย่างเข้มงวด4. สื่ออิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ (New electronic media) หรือ Telematic mediaผสมระหว่าง ระบบโทรคมนาคม กับระบบสารสนเทศ เกิดขึ้นราวๆ ปี 1970 - ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นฐาน – สื่อสารได้สองทาง – มีหน้าที่ทั้งส่วนรวม และส่วนตัว - ถูกควบคุมน้อยมาก – มีลักษณะเชื่อมต่อกันทั้งหมด

  6. บทที่ 4 : สังคมมวลชนและสื่อสารมวลชนสังคมมวลชน มีลักษณะ เศรษฐกิจ เป็นระบบการผลิต การกระจายการบริโภคแบบอุตสาหกรรม และการผลิตแบบมวลชน ด้านการเมือง ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ “ประชาธิปไตย” ด้านวัฒนธรรม เป็นการนำเอาวัฒนธรรมชั้นสูง กับวัฒนธรรมพื้นบ้านมาผสมผสานกันโดยใช้สื่อมวลชนBaran S.J และ Davis D.K. ได้แบ่งยุคสมัยของสื่อมวลชน 3 ยุค คือยุคแรก ยุคที่เชื่อในพลังของสื่อ ยุคที่สอง ยุคที่เชื่อว่ามีผลกระทบอย่างจำกัด ยุคที่สาม ยุครื้อฟื้นความเชื่อเรื่องผลกระทบของสื่อในทัศนะใหม่

  7. บทที่ 5 : ทฤษฎีกระสุนปืน (Magic Bullet Theory)- เชื่อในพลังอำนาจอันมหาศาลของสื่อเกิดผลลัพธ์อย่างฉับพลัน กำเนิดมาจาก “การโฆษณาชวนเชื่อ” ซึ่งเป็นการสื่อสารเพื่อการโน้มน้าวใจขนาดใหญ่บทที่ 6 : ทฤษฎีบรรทัดฐานของสื่อมวลชน(Normative Theories of Media Performance)- มีความผูกพันโยงใยกับสภาพสังคมที่มีอยู่- เกี่ยวข้องเรื่องการควบคุม (control) การป้องกัน (protection) หรือการกำกับดูแล (regulation) กระบวนการทำงานของสื่อมวลชนบทที่ 7 : ทฤษฎีเทคโนโลยีสื่อสารเป็นตัวกำหนด- เป็นปีกหนึ่งของกลุ่มเศรษฐศาสตร์การเมืองที่สนใจวิเคราะห์พลังการผลิตในส่วนเสี้ยวที่เป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในแวดวงสื่อสารมวลชนก็จะหมายถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารทั้งหลาย D. McQuail ได้ประมวลคุณลักษณะแนวคิดของทฤษฎีนี้ว่า เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นพื้นฐานของทุกสังคมและเหมาะสมแต่ละสังคม อีกทั้งขั้นตอนการผลิต การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นตัวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม

  8. บทที่ 8 : ทฤษฎีวิพากษ์แห่งสื่อสารมวลชน (Critical Theories of Media)เป็นของ K.Marx นักปรัชญาสังคม นักหนังสือพิมพ์ในศตวรรษที่ 19 รู้จักกันในนาม “ลัทธิมาร์กซ์” หรือวิธีการแบบ Marxist มี 2 กลุ่ม คือกลุ่ม Political Economy of Media ให้น้ำหนักในการวิเคราะห์มิติเศรษฐกิจการเมืองเป็นหลักกลุ่ม Neo Marxist เน้นวิเคราะห์มิติด้านวัฒนธรรม ความคิด อุดมการณ์เป็นหลัก บทที่ 9: กระบวนทัศน์เรื่องผลกระทบอันจำกัดของสื่อ(limited Effect Paradigm)เน้นผู้รับสารเพราะสื่อจะทำงานภายใต้หลัก 4 ข้อ คือ 1.หลักการเลือกให้ความสนใจ 2. หลักการเลือกการรับรู้ 3. หลักการเลือกจดจำ 4. หลักการเลือกมีปฏิกิริยา

  9. บทที่ 10 : ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning Theory)กลุ่มทฤษฎีที่พยายามลดกระแสความเชื่อเรื่องอิทธิพลอันทรงพลังของสื่อ สื่อมวลชนอยู่ในรูปแบบใด บทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชนคืออะไรกันแน่ การแสวงหาคำอธิบายใหม่ในเรื่องผลของสื่อ และการวิจารณ์กระบวนทัศน์ใหม่ของสื่อ โดยสื่อมวลชนจะได้รับบทบาทหลักคือ “ผู้อบรมบ่มเพาะ” บทที่ 11 : ทฤษฎีหน้าที่นิยม (Functionalism)นิยมเปรียบเทียบสังคมกับร่างการมนุษย์โดยถือว่าร่างกายเป็นระบบใหญ่ ระบบใหญ่ประกอบด้วยระบบย่อย เช่น อวัยวะทั้ง 32 ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกันLasswellแบ่งหน้าที่สื่อมวลชนคือ 1. สอดส่องดูแล 2. สร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน 3. หน้าที่สืบทอดวัฒนธรรมทางสังคม

  10. บทที่ 12 ทฤษฎีผลกระทบของสื่อในระดับปานกลางได้แก่ ทฤษฎีการพึ่งพาสื่อมวลชน โดยสนใจเรื่อง เสถียรภาพของสังคม เน้นความขัดแย้งอันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง เน้นการปรับตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปสู่การเปลี่ยนแปลง เน้นให้ความสนใจเกี่ยวกับหน่วยวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นแรงจูงใจ ทัศนคติบทที่ 13 การสร้างความหมายทางสังคมได้แก่ ทฤษฎีปฏิสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ “คนเราเรียนรู้และใช้วัฒนธรรมได้อย่างไร บทที่ 14 ทฤษฎีการปลูกฝังความเป็นจริง“อิทธิพลและบทบาทโทรทัศน์ที่ได้ทำหน้าที่ “ปลูกฝัง” หรือ “สร้างโลก” ที่แม้ว่าจะไม่ตรงกับ “โลกแห่งความเป็นจริง” ให้กลายเป็นความเป็นจริงของบุคลของบุคคล อย่างไร

  11. บทที่ 15 : การวิเคราะห์ผู้รับสารMcQuail มี 4 แนวคิดด้านผู้รับสาร 1. ผู้รับสารเป็นผู้ดูผู้ชม เช่นดูลิเก หมอลำ ลำตัด โนราห์ ผู้ชมในห้องส่ง 2. ผู้รับสารเป็นกลุ่มสาธารณะ เกิดขึ้นในยุคสื่อสิ่งพิมพ์ เมื่อรับข่าวสารแล้วจะเกิดการรวมตัวกันเป็นกลุ่มพลังแบบต่างๆและเข้าไปแสดงบทบาทในมิติสาธารณะ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ 3. ผู้รับสารเป็นมวลชน ยุคของวิทยุ โทรทัศน์ เป็นกลุ่มขนาดใหญ่กระจัดกระจาย ไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน หลากหลาย ชั่วครั้งชั่วคราวเกิดเป็นมวลชนเมื่อรับสื่อเท่านั้น 4. ตลาดหรือผู้บริโภคทิศ ทางการผลิตสื่อต้องนึกถึงตลาดผู้ชมเป็นสำคัญบทที่ 16 : การวิเคราะห์เนื้อหา สื่อมวลชนทำงานได้อย่างไร ต้องดูที่เนื้อหา และความหมาย 1. ตัวบท 2.การใส่รหัสอย่างหลากหลาย 3. วิธีการอ่านอย่างหลากหลาย 4. การเชื่อมโยงระหว่างตัวบท

More Related