1 / 22

3.6 วงจรจำกัดสัญญาณและวงจรตรึงสัญญาณ (limiting and clamping circuits)

3.6 วงจรจำกัดสัญญาณและวงจรตรึงสัญญาณ (limiting and clamping circuits). วงจรจำกัดสัญญาณ (limiting circuit หรือ limiter). –V IM < v I < +V IM : v O = Kv I v I > V IM : v O = V OM = KV IM v I < - V IM : v O = - V OM เราเรียก V IM ว่า threshold voltage.

Download Presentation

3.6 วงจรจำกัดสัญญาณและวงจรตรึงสัญญาณ (limiting and clamping circuits)

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. 3.6 วงจรจำกัดสัญญาณและวงจรตรึงสัญญาณ (limiting and clamping circuits) วงจรจำกัดสัญญาณ (limiting circuit หรือ limiter) • –VIM< vI < +VIM : vO = KvI • vI > VIM : vO =VOM = KVIM • vI < -VIM : vO = -VOM • เราเรียก VIMว่า threshold voltage Transfer Characteristic Curve ของ double limiter

  2. ในบางครั้งเราจะเรียกวงจร limiter ว่า clipper

  3. เมื่อ vIมีค่าน้อยกว่า ~ 0.5 V D1 off ทำให้ไม่มีกระแสไหลในวงจร vO = vI • vI > 0.5 V D1เริ่ม on และ vO = vD จะสูงขึ้นเล็กน้อย โดยจะมีค่าสูงสุดประมาณ 0.7 V (แรงดันที่เหลือจะตกคร่อม R)

  4. รอยต่อ pn ในย่านพังทลาย เมื่อรอยต่อ pn ถูกไบอัสย้อนกลับด้วยแรงดันที่มีค่าสูงพอ จะเกิด การพังทลายย้อนกลับขึ้น ภายในรอยต่อ และเกิดกระแสปริมาณมากไหลจากคาโธดย้อนกลับมาอาโนด เราสามารถอธิบายการพังทลายของรอยต่อ ได้ดังนี้ • เมื่อรอยต่อ pn ถูกไบอัสย้อนกลับด้วยแรงดันที่มีค่าสูงพอสมควร บริเวณปลอดพาหะทั้งทางฝั่ง p และฝั่ง n จะมีขนาดกว้างขึ้นทำให้แรงดันที่ตกคร่อมรอยต่อมีมีค่าสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดสนามไฟฟ้าซึ่งมีความแรงมากพอที่จะทำให้อะตอมซิลิกอนถูกอิออไนซ์และเกิดคู่อิเล็กตรอนอิสระและโฮลขึ้นอย่างมากมาย การเกิดพาหะขึ้นอย่างมากมายนี้ส่งผลให้ความต้านทานมีค่าต่ำมาก ดังนั้นกระแสที่ไหลผ่านรอยต่อจึงมีค่าได้สูงมาก

  5. รอยต่อ pn ในย่านพังทลาย • ถ้าแรงดันตกคร่อมรอยต่อมีค่ามากพอที่จะทำให้เกิดคู่อิเล็กตรอนอิสระและโฮลขึ้นมากมายแล้ว จะส่งผลให้สนามไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในบริเวณรอยต่อรุนแรงพอที่จะทำให้อิเล็กตรอนอิสระที่เกิดขึ้นในฝั่ง p ถูกดึงดูดไปฝั่ง n ด้วยความเร็วสูง อิเล็กตรอนอิสระความเร็วสูงเหล่านี้เมื่อไปปะทะกับอะตอมของซิลิกอนที่อยู่ในฝั่ง n จะไปทำลายพันธะโควาเลนต์ในอะตอมซิลิกอนเกิดอิเล็กตรอนอิสระเพิ่มขึ้นมา อิเล็กตรอนที่เกิดขึ้นมาใหม่เหล่านี้ก็จะมีพลังงานวิ่งไปชนอะตอมอื่น ๆ ทำให้เกิดการอิออไนซ์และเกิดอิเล็กตรอนอิสระเพิ่มขึ้นมาอีก ปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ (chain reaction) ในลักษณะเดียวกับเวลาที่เกิดหิมะถล่ม ทำให้กระแสที่ไหลผ่านรอยต่อจึงมีค่าสูงมาก

  6. 3.7 ซีเนอร์ไดโอด (Zener diode) • ไดโอดที่ถูกไบอัสย้อนกลับด้วยแรงดันที่สูงพอ จะเข้าสู่สภาวะ ‘การพังทะลายย้อนกลับ’(reverse breakdown) และเกิดกระแสปริมาณมากไหลจากคาโธดมาอาโนด

  7. ซีเนอร์ไดโอด (Zener Diode)คือไดโอดที่ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานในสภาวะไบอัสย้อนกลับ • cathode • anode • VZ= แรงดันย้อนกลับ • IZ = กระแสย้อนกลับ

  8. จากรูปจะเห็นว่าถ้ากระแสย้อนกลับที่ไหลผ่านซีเนอร์ไดโอดมีค่ามากกว่า IZKกราฟความสัมพันธ์ของแรงดัน-กระแสจะเกือบเป็นเส้นตรง • ผู้ผลิตมักจะให้ข้อมูลของซีเนอร์ไดโอดในรูปของ VZTซึ่งเป็นแรงดันย้อนกลับของไดโอดเมื่อกระแสย้อนกลับที่ไหลผ่านไดโอดเท่ากับกระแสทดสอบ IZT • ตัวอย่างเช่นซีเนอร์ไดโอดแบบ 6.8 V คือซีเนอร์ไดโอดที่มีแรงดันย้อนกลับ VZ = 6.8 V เมื่อกระแสย้อนกลับที่ไหลผ่านไดโอดมีค่าตามที่ระบุ (เช่น 10 mA) • จากรูปจะเห็นว่าเมื่อ VZ > VZK ความชันของกราฟจะมีค่าค่อนข้างสูงนั่นคือไดโอดที่ทำงานในย่านนี้จะสามารถรักษาแรงดันที่ตกคร่อมตัวมันได้อย่างค่อนข้างคงที่ แม้ว่ากระแสที่ไหลผ่านตัวมันจะมีค่าเปลี่ยนแปลงไปก็ตาม

  9. แบบจำลองของซีเนอร์ไดโอดแบบจำลองของซีเนอร์ไดโอด

  10. ถ้าค่า rZ มีค่าน้อย VZก็จะมีค่าค่อนข้างคงที่ ไม่แปรตามกระแส IZ เท่าไหร่ • ในอุดมคติ rZ = 0 ส่งผลให้ VZก็จะมีค่าคงที่เท่ากับ VZOไม่ขึ้นกับ IZ • แบบจำลองของซีเนอร์ไดโอดในย่านพังทลาย

  11. วงจรคงค่าแรงดัน (voltage regulator) ที่ใช้ซีเนอร์ไดโอด

  12. วงจรคงค่าแรงดันมีหน้าที่รักษาระดับแรงดันเอาต์พุตให้มีค่าคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตามกระแสที่จ่ายให้กับโหลดและแรงดันอินพุต • โดยทั่วไปเราจะใช้พารามิเตอร์ที่เรียกว่า line regulation และ load regulationในการพิจารณาความสามารถของวงจรคงค่าแรงดัน • พารามิเตอร์line regulationจะใช้ดูว่าแรงดันเอาต์พุตของวงจรจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อแรงดันอินพุตมีการเปลี่ยนแปลง • พารามิเตอร์ load regulationจะใช้ดูว่าแรงดันเอาต์พุตของวงจรจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อกระแสที่จ่ายให้โหลดมีการเปลี่ยนแปลง (อันเป็นผลเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของความต้านทานของโหลด) • โดยถ้า line regulation และ load regulationยิ่งมีค่าต่ำก็แสดงว่าวงจรมีการรักษาระดับแรงดันได้ดี ในอุดมคติทั้ง line regluation และ load regulationจะมีค่าเท่ากับศูนย์

  13. (1) (2) VO = VZ = VZ0 + IZrZ เมื่อแทน (2) ลงในสมการ (1) จะได้ (3) ถ้า IZmaxมากเกินไปอาจทำให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์ได้ ถ้า IZminน้อยเกินไปอาจทำให้ rZของไดโอดมีค่าสูง

  14. VO = VZ = VZ0 + IZrZ (2) (3) เมื่อแทน (3)ลงใน (2) จะได้

  15. ตัวอย่างที่ จากรูปถ้ากำหนดให้ • Zener มี VZ = 6.3 V @ IZT = 40 mA และ rZ = 2W • VS กระเพื่อมระหว่าง 12 V และ 18 V • โหลดมีการดึงกระแสระหว่าง 0 ถึง 50 mA • เมื่อกำหนดค่า R = 90W • จงคำนวณว่า vOจะมีการแกว่งอยู่ในช่วงใด • จากข้อมูลของตัวไดโอดเราพบว่า • ดังนั้นจะคำนวณได้ว่า • และ • นอกจากนี้เราจะคำนวณได้ว่า

  16. 3.8 ไดโอดชนิดพิเศษ • ชอตต์กีไดโอด (Schottky-Barrier diode) • ชอตต์กีไดโอดเป็นไดโอดที่เกิดจากรอยต่อของโลหะและสารกึ่งตัวนำชนิด n มีคุณสมบัติในการนำกระแสได้ทางเดียวเช่นเดียวกับไดโอดแบบรอยต่อ pn แต่มีข้อแตกต่างคือ • 1. ชอตต์กีไดโอดสามารถสวิทช์ on และ off ได้เร็วกว่าไดโอดแบบรอยต่อ pn มาก • 2. แรงดันตกคร่อมชอตต์กีไดโอดมีค่า ~ 0.3-0.5 V ซึ่งต่ำกว่าของไดโอดแบบรอยต่อ pn วาแรกเตอร์ (varactor) เป็นการใช้งานรอยต่อ pn ในการสร้างตัวเก็บประจุที่ปรับค่าได้ตามแรงดัน (voltage-variable capacitor)

  17. ไดโอดพลังแสง (photodiode) เป็นไดโอดที่จะให้กระแสที่เรียกว่า photocurrent ออกมาเมื่อได้รับพลังงานแสง โดยขนาดของกระแสนี้จะขึ้นอยู่กับความเข้มของแสงที่ตกกระทบรอยต่อ ใช้ในการแปลงสัญญาณแสงให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า การใช้ไดโอดพลังแสงเป็นตัวเซ็นเซอร์ ในระบบรักษาความปลอดภัย

  18. ไดโอดเปล่งแสง (Light-Emitting Diode: LED) • LED จะให้แสงออกมาเมื่อได้รับพลังงานไฟฟ้า • ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในงานด้านดิสเพลย์ต่าง ๆ • ในปัจจุบันเราสามารถสร้างไดโอดเปล่งแสงที่สามารถปล่อยแสงแบบ coherent (คือแสงที่มีมีความความถี่แน่นอนความถี่เดียว) ได้ เรียกว่า LASER diode แผงไดโอดเปล่งแสง สำหรับแสดงตัวเลข สัญญลักษณ์ทางวงจร ไดโอดเปล่งแสง

  19. Opto-Isolator • อุปกรณ์ที่รวม photodiode กับ LED เข้าด้วยกันเรียกว่าอุปกรณ์แยกโดดทางแสง (optoisolator) ใช้กันมากในระบบดิจิตอล และเครื่องมือแพทย์ (ช่วยลดความเสี่ยงของ electrical shock ไปยังผู้ป่วย) สัญญลักษณ์ของอุปกรณ์แยกโดดทางแสง

  20. photodiode กับ LED ยังถูกใช้งานร่วมกันในการเชื่อมต่อทางแสงระยะไกลเช่นในระบบส่งสัญญาณใยแก้วนำแสง (fiber-optic communication link) ระบบส่งสัญญาณผ่านใยแก้วนำแสง

More Related