570 likes | 1.25k Views
รูปแบบการวิจัย Research Design. ผศ. ( พิเศษ ) น.พ.นภดล สุชาติ พ.บ. M.P.H. การวิจัย.
E N D
รูปแบบการวิจัยResearch Design ผศ.(พิเศษ)น.พ.นภดล สุชาติ พ.บ. M.P.H.
การวิจัย • เป็นการค้นคว้า อย่างเป็นระบบ มีเหตุมีผล เพื่อผลิตความรู้ใหม่ ซึ่งความรู้ใหม่ อาจเป็นความรู้ใหม่ เชิงทฤษฏี หรือการประยุกต์ปฏิบัติก็ได้ แต่ต้องอยู่บนรากฐาน ของความถูกต้อง โดยต้องพยายาม หลีกเลี่ยง ความแปรปรวน และอคติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น โดยใช้รูปแบบการวิจัย วิธีการวิจัย และสถิติที่เหมาะสม
ขั้นตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นตอนกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การกำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน รวบรวมข้อมูลและ พิสูจน์สมมติฐาน ข้อสรุปจากการศึกษา ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว่ สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว่ รับรองสมมติฐาน ได้สมมติฐานใหม่
โลกความจริง โลกสมมติ กำหนดปัญหา การตั้งสมมติฐาน พิสูจน์สมมติฐาน ผลที่ได้จากการวิจัย การวิเคราะห์ข้อมูล การแปลผล ข้อสรุป
เกณฑ์พิจารณาว่าเรื่องใดเป็นงานวิจัยเกณฑ์พิจารณาว่าเรื่องใดเป็นงานวิจัย • ความสมบูรณ์ของกระบวนการ • ความลึกซึ้งของการค้นคว้า • ได้ความรู้ใหม่ • ความถูกต้องและความเชื่อถือได้
การวิจัย 2 แบบ • การวิจัยเชิงคุณภาพ • การวิจัยเชิงปริมาณ
การวิจัยเชิงคุณภาพ • การวิจัยเชิงคุณภาพ (เชิงคุณลักษณะ) • เครื่องมือคือนักวิจัย ถามเฉพาะคนที่รู้เรื่องดี • การสังเกต(Observation) • Participant Observation • Non-Participant Observation • Focus Group, • in-depth Interview, • Life history collection
การวิจัยเชิงคุณภาพ • Observation- Structured Observation- Unstructured Observation • สัมภาษณ์ทางลึก (In-depth Interview) คำถามปลายเปิด (Open ended questions) • การสนทนากลุ่ม (Focus group) ผู้ให้ข้อมูลเป็นผู้มีความรู้ (Key Informants) มีนักวิจัย ผู้จดบันทึก ใช้เทปบันทึก ถอดเทปสรุปวิเคราะห์ข้อมูล • การศึกษาเฉพาะราย (Case study, Life history collection)
การวิจัยเชิงปริมาณ • ต้องมีกลุ่มตัวอย่างจำนวนที่กำหนด มีเครื่องมือ เช่น แบบสอบถามใช้หลักวิชาสถิติวิเคราะห์ จำแนกตามวิธีการวิจัย แบ่งเป็น Observational Study และ Experimental study
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ตัวแปรตาม (Dependent Variables) เป็นต้นเหตุ เป็นปัจจัยเสี่ยง เป็นตัวกำหนด มีอิทธิพล
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม • โดยที่ตัวแปรอิสระ เป็นตัวแปรที่อาจเป็นต้นเหตุ หรือปัจจัยเสี่ยง (Risk Factor) หรือเป็นตัวที่กำหนด (Determines) หรือเป็นตัวที่มีอิทธิพล (Influences) ต่อตัวแปรตาม (Andrew Fisher, John Laing, John Stoeckel, 1984)
ตัวแปรอิสระ ตัวแปรตาม • เช่น ถ้าตัวแปรอิสระ คือการสูบบุหรี่ ตัวแปรตาม คือโรคมะเร็งปอด • ถ้าตัวแปรอิสระ คือระดับการศึกษา ตัวแปรตาม คือระดับรายได้ หรือระดับตำแหน่งหน้าที่ • ถ้าตัวแปรอิสระ คือระดับรายได้ ตัวแปรตาม คือระดับการมีคุณภาพชีวิต และการมีสุขภาพอนามัยดี เป็นต้น
กลุ่มควบคุม • กลุ่มควบคุม (Control Group) หรือ กลุ่มเปรียบเทียบ (Comparison Group) • อายุ เพศ เชื้อชาติ อาชีพ คล้ายๆกัน • จำนวนกลุ่มควบคุมเท่าๆกัน หรืออาจเป็น 2 เท่าของกลุ่มทดลอง
รูปแบบการวิจัย • การวิจัยโดยการสังเกต (Observation Research) • การวิจัยโดยการทดลอง (Experimental Research) • Risk Factor เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือว่าผู้ทดลองเป็นผู้กำหนดให้ตัวอย่างได้รับ Risk Factor
จำแนกรูปแบบการวิจัย • จำแนกตามเป้าหมาย • จำแนกตามลักษณะสิ่งที่ศึกษา • จำแนกตามเวลา • จำแนกตามวิธีดำเนินงานวิจัย
จำแนกตามเป้าหมาย • การวิจัยพื้นฐาน (Basic Research) • การวิจัยประยุกต์ (Applied Research)
จำแนกตามลักษณะสิ่งที่ศึกษาจำแนกตามลักษณะสิ่งที่ศึกษา • วิจัยเอกสาร (Documentary Research) • วิจัยทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Research) • วิจัยในสัตว์ทดลอง (Animal Research) • วิจัยทางคลินิก (Clinical Research) • วิจัยชุมชน (Community Research) • วิจัยปฏิบัติการ (Operational Research) • วิจัยระบบบริการสาธารณสุข (Health Service Research)
จำแนกตามเวลา • การวิจัยย้อนหลัง (Retrospective) • การวิจัยไปข้างหน้า (Prospective)
จำแนกตามวิธีดำเนินงานวิจัยจำแนกตามวิธีดำเนินงานวิจัย • การวิจัยโดยการสังเกต (Observation Research) • วิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research) • วิจัยเชิงวิเคราะห์ (Analytical Research) • การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research)
Cross-sectional (Prevalence) การวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) Longitudinal (Incidence) ผู้วิจัยกำหนด Exposure การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Study) ณ จุดเวลาใดเวลาหนึ่ง (Cross-sectional) การวิจัยโดยการสังเกต (Observational Research) ไม่มีกลุ่มเปรียบเทียบ Exposure เกิดตามธรรมชาติ การวิจัยเชิงวิเคราะห์ (Analytic Study) ชนิดไปข้างหน้า (Cohort or Prospective) มีกลุ่มเปรียบเทียบ ชนิดย้อนหลัง (Case control or Retrospective)
Descriptive Study • Cross-sectional study ศึกษาความชุก (Prevalence) • Longitudinal study ศึกษาอุบัติการณ์ (Incidence)
Analytic Study • Cohort or prospective • Case Control or retrospective study • Cross-sectional พบเหตุและผลได้พร้อมๆกัน
เลือกรูปแบบการวิจัย • ประเมินขนาดของปัญหา ใช้การวิจัยเชิงพรรณนา • ศึกษาธรรมชาติของโรค ใช้การวิจัยเชิงพรรณนา • ค้นหาสาเหตุปัจจัยเสี่ยงของโรค เช่น พิสูจน์สมมติฐานความสัมพันธ์บุหรี่กับมะเร็งปอด การวิจัยเชิงวิเคราะห์หรือการวิจัยเชิงทดลอง • การวิจัยเชิงทดลองให้ผลวิจัยเชื่อถือได้มากที่สุด เพราะออกแบบให้หลีกเลี่ยง Bias ที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่มีปัญหาด้านจริยธรรมได้ • ประเมินผลระบบบริการ ใช้การวิจัยเชิงทดลอง
ข้อดี ไม่มีปัญหาจริยธรรรมเพราะเป็นการสังเกตตามธรรมชาติ มีอคติน้อยกว่าเพราะกำหนดกฎเกณฑ์การคัดเลือกเข้าได้ (Eligibility) หา Incidence ของโรคได้ ข้อเสีย ใช้ เงิน คน เวลา มากกว่า ถ้าโรคนั้นพบน้อยหรือต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิดโรคก็ต้องติดตามนานมาก ไม่สามารถควบคุมปัจจัยกวนให้กระจายเท่ากัน การวิจัยแบบไปข้างหน้าCohort หรือ Prospective study
ข้อดี เหมาะสำหรับศึกษาโรคที่มีอุบัติการณ์ต่ำ ประหยัด ง่ายและรวดเร็ว วัดปัจจัยเสี่ยงได้หลายอย่าง ไม่มีปัญหาด้านจริยธรรม ข้อเสีย เลือกกลุ่มควบคุมได้ยาก Recall Bias ซักย้อนหลังไปนานจึงจำไม่ได้ Exposure Suspicion Bias ผู้สัมผัสสี่งคุกคามจะถูกซักถามมากกว่า การวิจัยแบบไปข้างหลังCase-Control หรือ Retrospective study
Experimental Study • Researcher assign exposure status to population New Treatment Success Fail Population Random Control or Standard Treatment Success Fail
Phase 1 ประมาณ10 คน พิสูจน์ว่าปลอดภัย • Phase 2 ประมาณ 50 คน เรื่องขนาดยาและพิสูจน์ว่าได้ผล • Phase 3Standard RCT Safety & Efficacy • Phase 4 Post-marketing surveillance
Experimental study • Quasi Experimental study • No randomization