140 likes | 270 Views
ASSIGNMENT. นั่งร้านส่วนประกอบสำคัญของอาคารข้างมอ. มารู้จักไม้ยูคาลิปตัส ยูคาลิปตัส ( อังกฤษ : Eucalyptus) เป็นพรรณไม้มีถิ่นกำเนิดใน ทวีปออสเตรเลีย เกาะแทสเมเนีย มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่หมู่เกาะมินดาเนา เซลีเบส ปาปัวนิวกินี ในพื้นที่ชุ่มที่มีน้ำขังในเขตร้อน มีมากกว่า 700 ชนิด
E N D
ASSIGNMENT นั่งร้านส่วนประกอบสำคัญของอาคารข้างมอ
มารู้จักไม้ยูคาลิปตัสมารู้จักไม้ยูคาลิปตัส ยูคาลิปตัส (อังกฤษ: Eucalyptus) เป็นพรรณไม้มีถิ่นกำเนิดในทวีปออสเตรเลียเกาะแทสเมเนีย มีการกระจายพันธุ์ตั้งแต่หมู่เกาะมินดาเนา เซลีเบส ปาปัวนิวกินี ในพื้นที่ชุ่มที่มีน้ำขังในเขตร้อน มีมากกว่า 700 ชนิด ในประเทศไทยเริ่มมีการนำเข้ามาปลูกครั้งแรกที่ พระที่นั่งวิมานเมฆ สมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปีพ.ศ. 2444 โครงสร้างของต้นยูคาลิปตัส โครงสร้างของต้นยูคาลิปตัสซึ่งประกอบด้วย เปลือกไม้ซึ่งอยู่ด้านนอกสุดและเนื้อไม้ที่ซ่อนอยู่ด้านใน โดยในส่วนของเนื้อไม้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือ “กระพี้” หรือเนื้อไม้ด้านนอกซึ่งอยู่ติดกับเปลือกไม้และเป็นที่อยู่ของท่อลำเลียงน้ำ (xylem) จำนวนมาก ส่วนที่สอง คือ “แก่น” หรือเนื้อไม้ด้านในสุดซึ่งถูกห่อหุ้มด้วยกระพี้ เมื่อต้นยูคาลิปตัสเติบโตเต็มที่พื้นที่ของกระพี้ก็จะเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสร้างท่อลำเลียงน้ำใหม่ ซึ่งท่อลำเลียงน้ำอันเก่าหลังจากใช้งานมานานก็จะมีการสะสมของสารต่างๆ ภายในเซลล์ จนเกิดการอุดตันจนกลายเป็นแก่นที่ไม่สามารถลำเลียงน้ำได้อีก ซึ่งยูคาลิปตัสนั้นจะมีแก่นก็ต่อเมื่ออายุเกิน 15 ปีขึ้นไป ยูคาลิปตัสเป็นไม้ที่มีพื้นที่ของกระพี้มากจึงหมายถึงการมีพื้นที่ลำเลียงน้ำขึ้นสู่เรือนยอดมากตามไปด้วย เนื่องจากแนวโน้มการดูดน้ำของต้นไม้แต่ละต้นมากน้อยนั้นขึ้นอยู่กับพื้นที่ของกระพี้ในลำต้นเป็นสำคัญ เนื่องจากยูคาลิปตัสจะมีระบบรากที่แผ่ขยายเร็วและสามารถหยั่งลงไปในดินได้ในระดับลึก จึงมีประสิทธิภาพในการเสาะแสวงหาแหล่งน้ำใต้ดินได้มากกว่าพืชชนิดอื่น[2]
แล้วทำไมต้องใช้ไม้ยูคาลิปตัสแล้วทำไมต้องใช้ไม้ยูคาลิปตัส เคยนึกสงสัยไหมว่า ทำไมไม่ใช้ไม้อื่นล่ะ ทำไมต้องต้นยูคา อะไรประมาณนี้ จะว่าไปไม้ยูคาไม่ใช้ไม้พื้นถิ่นในพิษณุโลกก็ว่าได้ มาจาเมืองนอกเมืองนา แต่ว่าพื้นที่พิษณุโลกก็ได้มีการปลูก และนำมาใช้กันแพร่หลาย และคิดว่าไม้ยูคาพวกนี้สงสัยมันจะโตเร็วกว่าพวกไม้ ทั่วไป และก็มีความตรงด้วย เป็นท่อนๆ อายุการใช้งาน น่าจะมีความนานใช้ได้และราคาถูกกว่าไม้ชนิดอย่างอื่น
ประโยชน์ของไม้ยูคาลิปตัสประโยชน์ของไม้ยูคาลิปตัส ประโยชน์ของไม้ยูคาลิปตัส ไม่ได้มีไว้ทำนั่งร้านอย่างเดียวนะครับ ยังสามารถทำได้อีกหลายอย่าง ยูคาลิปตัสสามารถนำมาปลูกเป็นสวนป่าเจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตสูงเมื่อเปรียบเทียบกับไม้โตเร็วชนิดอื่น ในช่วง 1 – 2 ปีแรกสามารถปลูกพืชควบในพื้นที่สวนป่าแบบไร่นาป่าผสม หรือวนเกษตรได้ เช่น ปลูกละหุ่ง เผือก ถั่วลิสง สัปปะรด ข้าวโพด ข้าว หญ้ากินี ฯลฯ ในระหว่างแถวของยูคาลิปตัสซึ่งจากการวิจัยของนักวิชาการพบว่า พืชควบที่ปลูกให้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดีและ ยูคาลิปตัสไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อพืชเกษตร ที่ปลูกแต่อย่างใด 1. ทำไม้ใช้สอย เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเรือน ทำรั้ว ทำคอกปศุสัตว์ ทำเสา ใช้ในการก่อสร้างต่างๆ ไม้ยูคาลิปตัสสามารถนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของอาคารบ้านเรือนได้ แต่ควรจะได้ทำการ อาบน้ำยารักษาเนื้อไม้ไว้ก่อน ก็จะยืดอายุ การใช้งานได้นาน 2. ทำฟืน เผาถ่าน ถ่านไม้ยูคาลิปตัสใช้เป็นเชื้อเพลิงติดไฟได้ดีและมีขี้เถ้าน้อย จากการทดลอง ไม้ฟืนยูคาลิปตัสให้พลังงานความร้อน 4,800 แคลอรี่ต่อกรัม ส่วนถ่านไม้ยูคาลิปตัส ให้พลังงานความร้อน 7,400 แคลอรี่ต่อกรัม ซึ่งให้ความร้อนใกล้เคียงกับถ่านไม้โกงกาง ซึ่งจัดว่าเป็นถ่านไม้ชั้นดีที่สุด 3. ทำชิ้นไม้สับ ไม้ยูคาลิปตัสเมื่อนำมาแปรรูปและสับทำชิ้นไม้สับ สามารถนำไปผลิตแผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด แผ่นปาลีติเกิล และแผ่นไม้อัดซีเมนต์ นอกจากนี้ได้มีโรงงานผลิตชิ้นไม้สับ เพื่อนำส่งไปจำหน่ายให้กับโรงงานเยื่อกระดาษทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งมีความต้องการสูงมาก ไม้ท่อนยูคาลิปตัส 2.2 ตัน นำมาผลิตเป็นชิ้นไม้สับได้ 1 ตัน ราคาชิ้นไม้สับ ประมาณตันละ 3,000 บาทเศษ
3. ทำชิ้นไม้สับ ไม้ยูคาลิปตัสเมื่อนำมาแปรรูปและสับทำชิ้นไม้สับ สามารถนำไปผลิตแผ่นชิ้นไม้อัด แผ่นใยไม้อัด แผ่นปาร์ติเกิล และแผ่นไม้อัดซีเมนต์ นอกจากนี้ได้มีโรงงานผลิตชิ้นไม้สับ เพื่อนำส่งไปจำหน่ายให้กับโรงงานเยื่อกระดาษทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประเทศเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งมีความต้องการสูงมาก ไม้ท่อนยูคาลิปตัส 2.2 ตัน นำมาผลิตเป็นชิ้นไม้สับได้ 1 ตัน ราคาชิ้นไม้สับ ประมาณตันละ 3,000 บาทเศษ 4. ทำเยื่อไม้ ไม้ยูคาลิปตัสสามารถแปรรูปทำเยื่อไม้ยูคาลิปตัส ซึ่งมูลค่าผลผลิตเยื่อไม้ราคาตัน 17,000 บาท โดยไม้ท่อนยูคาลิปตัส 4.5 ตัน ผลิตเยื่อไม้ได้ 1 ตัน เยื่อไม้ให้สารพวกเซลลูโลส ซึ่งนำไปใช้ทำเส้นใยเรยอนและทำผ้าแทนเส้นใยฝ้าย และปุยนุ่นได้อีกด้วย โดยมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นตันละ 60,000 บาท และเมื่อนำเส้นใยเรยอนมาปั่นเป็นเส้นด้าย และทอเป็นผ้าจะมีมูลค่าสูงถึง ตันละ 75,000 บาท และ 300,000 บาท ตามลำดับ 5. ทำกระดาษ จากการประเมินเยื่อไม้ยูคาลิปตัส 1 ตัน ผลิตเยื่อกระดาษได้ประมาณ 1 ตัน เยื่อไม้ยูคาลิปตัสมีคุณสมบัติเด่น คือ มีความฟูสูง และมีความทึบแสง ประกอบกับ ไฟเบอร์มีความแข็งแรงเหมาะต่อการใช้ทำกระดาษพิมพ์เขียวประเภทต่างๆ ได้
มาฟังความหมายของนั่งร้านกันมาฟังความหมายของนั่งร้านกัน ที่จริงผมก็อยากรู้น่ะทำไมต้องเรียกว่านั่งร้าน หาในnet มันก็ไม่ค่อยมี มีแต่ราคาแบบต่าง รากายคำนวณไรประมาณนี้ มีแต่เวปนี้ครับที่ดูจะให้ความหมาย จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี นั่งร้าน เป็นโครงสร้างชั่วคราวใช้ในงานก่อสร้างและซ่อมแซม ใช้สำหรับให้ช่างก่อสร้างปีนขึ้นไปที่สูงและยืนทำงาน รวมถึงใช้ในการวางสิ่งของที่จำเป็น วัสดุที่ใช้ทำนั่งร้านมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและงบประมาณ โดยนั่งร้านที่นิยมใช้จะสร้างจากเหล็กท่อ และมีแผ่นไม้วางพาดสำหรบวางยืน ในขณะที่บางท้องที่อาจมีการใช้ไม้ไผ่ได้ มาตรฐานบังคับกระทรวงมหาดไทย ประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ ได้กำหนดสาระในเรื่อง การออกแบบนั่งร้าน การสร้างนั่งร้าน การใช้นั่งร้าน นั่งร้านมาตรฐาน การคุ้มครอง ความปลอดภัย มาตรฐานเกี่ยวกับอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัย โดยมีสาระสำคัญดังนี้ การทำงานสูงเกิน 2 เมตรขึ้นไป ต้องสร้างนั่งร้าน กรณีไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดแบบ นั่งร้านมาตรฐาน ต้องจัดให้มีวิศวกรเป็น ผู้ออกแบบ และกำหนด รายละเอียดนั่งร้าน กรณีที่มีการใช้ลิฟท์ขนส่งวัสดุชั่วคราว ห้ามยึดโยงหอลิฟท์กับนั่งร้าน และต้องป้องกัน การกระแทกนั่งร้านระหว่างขนวัสดุขึ้น-ลง พื้นนั่งร้านต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 35 เซนติเมตร ต้องทำราวกันตกสูงจากพื้นนั่งร้าน 0.40-1.10 เมตร โดยรอบๆ นอกนั่งร้าน ต้องจัดทำบันไดเพื่อใช้ขึ้น-ลงในนั่งร้าน ต้องจัดผ้าใบหรือวัสดุอื่นปิดคลุมโดยรอบๆ นอกนั่งร้าน ต้องมีแผงไม้หรือผ้าใบปิดคลุมส่วนที่กำหนดเป็นช่องทางเดินใต้นั่งร้าน กรณีมีการทำงานหลายๆ ชั้นพร้อมกัน ต้องจัดสิ่งป้องกันอันตรายต่อผู้ที่ทำงาน ในขั้นถัดลงไป กรณีพื้นนั่งร้านลื่นหรือมีพายุฝน ห้ามลูกจ้างทำงานบนนั่งร้าน กรณีติดตั้งนั่งร้านใกล้สายไฟที่ไม่มีฉนวนหุ้ม หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ต้องให้ดำเนินการ จัดให้มีการหุ้มฉนวนที่เหมาะสม ต้องจัดอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคลให้ลูกจ้างสวมใส่ตามประเภท ของงานตลอดเวลาการทำงาน การแบ่งโหลดน้ำหนักคำนวณ 1.ต้องออกแบบคานและแปรเหล็กเพื่อรองรับไม้แบบและLive load ต่างๆสำหรับการเทคอนกรีตครับ 2.ถ่ายLoad ลงขานั่งร้าน ใช้หลักการเดียวกับดีไซด์เสาเหล็กครับ 3.ให้ใช้แคทตาล็อค จากทางซัพพรายเออร์ของนั่งร้านเป็นหลักเพื่อเช็คดูว่า นั่งร้านสามารถรับน้ำหนักได้เท่าไรต่อขา 4.ออกแบบ Cap Lock ระหว่างนั่งร้าน 5.อย่าลืมเผื่อ Live Load 6.อย่าลืมคำนวณความชะลูดของนั่งร้าน เช่นต่อนั่งร้านสูง 10 เมตรขึ้นไป 7.รวบรวมLoad ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้น เช่น น้ำหนักนั่งร้าน+น้ำหนักคอนกรีต+น้ำหนักคนงาน+น้ำหนักเครื่องจักร แล้วนำมาใช้ประกอบการออกแบบพื้นที่จะรองรับชุดนั่งร้าน เช่น จะเทพื้นยื่นที่ชั้น 3 แต่ต้องตั้งนั่งร้านจากชั้น1เพื่อขึ้นไปรองรับพื้นยื่น จึงต้องดีไซด์พื้นชั้น 1 เผื่อการก่อสร้างเพื่อให้สามารถรองรับการทำงานในส่วนนี้ได้
ขนาดของนั่งร้าน ที่ไปสัมภาษณ์ ช่างที่เค้าก่อสร้างมา พี่เค้าบอกว่าส่วนมากจะสั่งไม้ขนาด 3 นิ้ว ส่วนรองลงมาก็จะใช้1 นิ้วครึ่ง ที่ผมไปวัดมาสองมาที่ เค้าก็จะใช้สองขนาดนี้ ส่วนต้นที่เป็น 3 นิ้วเค้าจะใช้เป็นเสาครับ ส่วน 1 นิ้วครึ่งจะใช้เหมือนเป็นค้ำยัน
มาดูว่าช่างเอามาใช้ยังไงมาดูว่าช่างเอามาใช้ยังไง เท่าที่สังเกตน่ะครับ เขาจะวางเป็นแนวเดียวกับคานเพื่อที่จะรับกับไม้แบบ วางช่องล่ะประมาณ 50 เซนติเมตรจะพอได้ครับ แล้วเอาไม้แบบมาวางข้างบน เท่าที่ไปทดสอบรู้สึกมันแน่นมากครับทั้งๆที่มันยังไม่ได้เทปูนลงไปเลย อาจจะเป็นน้ำหนักของเหล็กที่กดลงไปเลยทำให้แน่น
มาดูสะพาน ข้างมอเลยครับก็ใช้ไม้ยูคาลิปตัสเหมือนกัน แต่ขนาดนี่ใหญ่กว่า ไม้ที่เอาไปทำอาคารเลยครับ ไม่แน่ใจว่ากี่นิ้ว เขาตั้งไม้ถี่มากครับ (ที่นี่ไม่กล้าเข้าไปถามครับ)
เปรียบเทียบ นั่งร้านเหล็ก แถว ม.น ส่วนมากแถวๆมอนี่ผมว่าจะใช้แต่นั่งร้านที่เป็น ไม้ยูคาลิปตัส มีน้อยรายที่จะใช้ เป็นเหล็ก เหล็กส่วนมากจะใช้อาคารขนาดใหญ่ (ที่สังเกตเห็นน่ะครับ หอหลายๆชั้น อาคารเรียน ตึกคณะ ) สามารถปรับระดับได้ถือเป็นขอดีเลยครับ เพราะว่าไม้นี่ทำไปแล้ว ปรับ อะไรไม่ได้อีกครับ ถ้าเอาไปใช้อีกก็ต้องใช้ระดับเดิมที่ทำไว้แล้ว ถ้าต้องการระดับพื้นชั้นสองสูงกว่าดับคงต้องซื้อใหม่เป็นแน่น
สัมภาษณ์ นายช่าง พี่ซื้อไม้พวกนี้มากจาไหนเหรอครับ นายช่าง : พวกแถวร้านใกล้ๆมอ ข้างๆมอนี่ก็มี แร้วซื้อมาเป็นยังไงครับ นายช่าง: ซื้อมาทีเดียวเลย ส่วนมากจะซื้อ 3 นิ้ว ต้นล่ะ7บาท แล้วใช่กับอาคารเดียวเลยป่าวครับหรือว่าเอาไปใช่ต่อได้อีก นายช่าง : บอกว่าเอาไปใช้ต่อสิ งั้นก็เจ๊งหมดสิ หมายเหตุ ที่จริงจะถามเยอะเหละแต่พี่เค้ามีงานทำตลอด ต้องสั่งลูกน้อง ต้องไปถามวันล่ะนิดวันล่ะหน่อยครับ
สรุป จากที่ได้ศึกษาถึงวัสดุที่นำมาใช้นั่งร้าน แถวมอนอส่วนมากใช้ไม้ยูคาลิปตัส เป็นที่นิยมมากโดยถ้าเกิดเป็นสมัยก่อน อาจจะใช้จำพวกไม้ไผ่ รวก มาเป็นนั่งร้านกันแต่สมัยนี้ผู้คนนำไม้ยูคามาปลูกอย่างแพร่หลาย โดยสามารถนำมาใช้ได้หลายอย่าง และเป็นไม้ที่โตเร็วมาก และยังแข็งแรงกว่าไม้ และสามารถปลูกได้หลายพื้นที่และสภาพอากาศ และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับนั่งร้านเหล็ก ข้อดีของมันก็คือ ราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้รับเหมารายหย่อยสามารถลดต้นทุนของการก่อสร้างได้ และยังสามารถนำไปใช้ต่อได้อีก
อ้างอิง http://th.wikipedia.org http://www.charcoal.snmcenter.com ผู้ให้ข้อมูล พี่ช่าง
นั่งร้านไม้ยูคา นาย พนมพร พรมแปง 51711028 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร