E N D
Chapter 5 การบริหารงานบุคคล มนุษย์ คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์การ องค์การประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก คือบุคคลในองค์การ ถึงแม้จะมีเครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัยอย่างไรก็ตาม ถ้าบุคคลในองค์การขาดความรู้ความสามารถก็ไม่อาจใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่ทันสมัยนั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารงานบุคคล ซึ่งเป็นกระบวนการที่เริ่มตั้งแต่การวางแผนกำลังคน จนกระทั่งถึงการพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานขององค์การในที่สุด
ความหมายของการบริหารงานบุคคลความหมายของการบริหารงานบุคคล เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจัยพื้นฐานของการประกอบธุรกิจ 5M’s คือ คน วัตถุดิบ เครื่องจักร เงินทุน และการบริหาร จะเห็นได้ว่าคนเป็น องค์ประกอบประเภทหนึ่งที่ทุกองค์การต้องให้ความสำคัญ องค์การใดมีคนที่ดี คุณภาพย่อมจะนำพาให้องค์การนั้นไปสู่ความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีผู้ให้ความหมายของการบริหารงานบุคคลไว้หลายแนวทางพอ สรุปได้ดังนี้ การบริหารงานบุคคล หมายถึง การจัดหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ เหมาะสมเข้าทำงานในตำแหน่งต่าง ๆเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด แต่ทั้งนี้ต้อง คำนึงถึงความสุขและความพึงพอใจของบุคลากรในหน่วยงานด้วย(ระวัง เนตร โพธิ์แก้ว 2540:115)
ความสำคัญของการบริหารงานบุคคลความสำคัญของการบริหารงานบุคคล • บุคคลในองค์การ เปรียบเสมือนชิ้นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนองค์การเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทางที่กำหนดไว้ ดังนั้นจึงควรศึกษาความสำคัญของการบริหารงานบุคคลซึ่งแยกเป็นประเด็นสำคัญๆได้ดังนี้ • -ช่วยเสริมสร้างขวัญ และกำลังใจไม่ว่าจะเป็นด้านความสะดวกสบาย -ช่วยให้องค์การมีความมั่นคง และมั่งคั่งเมื่อพนักงานมีความมุ่งมั่นในการทำงานย่อมส่งผลให้องค์การมีความเจริญเติบโตและเข้มแข็ง ผลผลิตเป็นที่ยอมรับของตลาดและมีศักยภาพในการแข่งขันสูง -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่สังคม สังคมประกอบขึ้นจากกลุ่มบุคคลเล็กๆ มารวมกันถ้าแต่ละกลุ่มมีความมั่นคงย่อมส่งผลให้สังคมเกิดความมั่นคงเช่นกัน -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติ ถ้าบุคลากรของทุกองค์การเป็นผู้มีความสามารถ
หน้าที่การบริหารงานบุคคล Personal Functional • การบริหารงานบุคคล คือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรภายในองค์การเริ่มตั้งแต่การวางแผนกำลังคน การพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน โดยมีการสร้างแรงจูงใจด้านต่างๆ เพื่อให้องค์การบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ ซึ่งอาจพิจารณาขอบเขตของงานด้านบริหารงานบุคคลได้แก่ • การวางแผนกำลังคน PersonnelPlanning • การสรรหาและการคัดเลือก Finding and Selectiong • การจัดบุคคลเข้าทำงาน Recruitment • การปฐมนิเทศ Orientation • การพัฒนาและฝึกอบรม Training and Development • การเลื่อนชั้นและการโยกย้าย Transfer and Promotion • การสร้างแรงจูงใจ Motivation
การจัดการด้านสวัสดิการ Welfare • การพ้นจากงาน working Leave • แรงงานสัมพันธ์ Labor Relation การวางแผนกำลังคน การดำเนินธุรกิจย่อมจะมีบางช่วงเวลาที่ต้องใช้กำลังคนมาก บางช่วงใช้กำลังคนมากก็สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ถ้ากำลังคนน้อยก็ทำให้งานภายในองค์การเกิดความเสียหายได้เช่นกัน การวางแผนกำลังงานจะต้องมีการวิเคราะห์งาน เพื่อให้ทราบถึงการจัดหมวดหมู่ของงานและการประเมินผล การวิเคราะห์งาน Job Analysis
1. คำบรรยายลักษณะงาน JOB Descriptionเป็นข้อกำหนดหน้าที่ของงานในด้านต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงขอบเขตของงานด้านนั้น โดยจะมีรายละเอียดดังนี้ • หน้าที่รับผิดชอบ • กิจกรรมที่ต้องทำ • ขอบเขตความรับผิดชอบ • หน่วยงานที่ต้องติดต่อ 2. คุณสมบัติของพนักงาน Job Specification เป็นการกำหนดคุณสมบัติของพนักงานที่จะทำหน้าที่ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับงานที่จะต้องรับผิดชอบเช่น
คิดดีและมีเมตตาต่อกันนะคะคิดดีและมีเมตตาต่อกันนะคะ • อายุ • การศึกษา • สายตา • บุคลิกภาพ • ส่วนสูง • น้ำหนักตัว • สถานภาพ
3. การจัดหมวดหมู่ของงาน Job Classification คือ การจัดการเกี่ยวกับงานให้เป็นระบบ งานใดมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นๆ ในลักษณะที่มีความคล้ายคลึงกัน ก็สามารถจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน • 4. การประเมินผลงาน Job Evaluation ภายหลังจากการจัดการเกี่ยวกับงานในประเด็นต่าง ๆ แล้วจะต้องมีการประเมินผลของงาน เพื่อใช้เป็นการกำหนดค่าตอบแทนรวมถึงการจัดสวัสดิการด้านต่างๆ ให้เหมาะสม การสรรหาการคัดเลือก การสรรหาบุคลากร เพื่อเข้ามาร่วมงานกับองค์การ ผู้รับผิดชอบจะต้องมีการหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลที่ต้องการอ่าน จากนั้นจึงดำเนินการขั้นตอนต่อไปสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภทคือ
2.1 การสรรหาจากภายในองค์การ คือ เมื่อองค์การมีความต้องการพนักงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับต่างๆ ไม่จำเป็นต้องประกาศรับสมัครบุคคลภายนอกเสมอไปทั้งนี้เพราะบุคลากรภายในองค์การบางคนอาจมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอยู่แล้วก็ได้ ซึ่งการสรรหาบุคลากรภายในกิจการมีข้อดีในด้านขวัญและกำลังใจ • 2.2 การสรรหาจากภายนอกกิจการ ตำแหน่งงานบางประเภทมีความจำเป็นที่จะต้องหาจากแหล่งภายนอก เพราะมีบุคคลที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกว่าภายใน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ที่องค์การจะได้รับในด้านของความหลากหลายด้านความคิดสร้างสรรค์จากบุคคลภายนอก แหล่งกำลังคนภายนอกที่สำคัญได้แก่
2.2.1 สำนักจัดหางานของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐบาลจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีอากรให้บริการโดยไม่คิดบริการจากผู้สมัครและนายจ้าง ในกรณีที่นายจ้างต้องการจะใช้บริการของสำนักงานจัดหางานของรัฐบาลแล้วนายจ้างจะต้องแจ้งให้สำนักจัดหางานทราบถึงคุณสมบัติอย่างต่ำของผู้สมัครงานที่นายจ้างต้องการ 2.2.2 สำนักจัดหางานของเอกชน หน้าที่ของสำนักงานจัดหางานของเอกชนจะเหมือนกับสำนักจัดหางานของรัฐบาลแล้ว นายจ้างจะต้องแจ้งให้สำนักจัดหางานทราบถึงคุณสมบัติอย่างต่ำของผู้สมัครงานที่นายจ้างต้องการ
2.2.3 ผู้สมัครงานที่ไม่ได้ถูกเสาะหาโดยธุรกิจ บุคคลบางคนอาจจะสมัครงานกับธุรกิจ โดยที่ธุรกิจไม่ได้ ทำการเสาะหาดังนั้นถ้าหากว่าธุรกิจต้องการผู้สมัครงาน ประเภทนี้แล้ว บริษัทจะต้องพยามสร้างชื่อเสียงที่ดีภายใน สังคม นอกจากนี้บริษัทควรจะมีแผนกบุคคลที่หาได้ง่ายเมื่อ ผู้สมัครงานประเภทนี้เข้าไปภายในอาคารของบริษัท
2.2.4 การโฆษณา • ธุรกิจอาจจะใช้ทั้งหนังสือพิมพ์รายวันและวารสารต่างๆ ด้วยการซื้อเนื้อที่ของหนังสือเหล่านี้ในการโฆษณา • 2.2.5 สหภาพแรงงาน • ในกรณีที่นายจ้างต้องการพวกช่างต่างๆ อาจจะเป็นช่างไฟฟ้า ช่างทาสีและช่างไม้นั้น นายจ้างอาจจะทำการเสาะหาได้จากสหภาพแรงงานของอาชีพเหล่านี้ • 2.2.6 สถาบันการศึกษา ในแต่ละปีบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และโรงเรียนวิชาชีพ เพื่อทำการสัมภาษณ์นักเรียนหรือนักศึกษา
กำลังจะสำเร็จการศึกษาเพื่อรับเข้าทำงานที่บริษัท สถาบันการศึกษาอาจจะมีศูนย์กลางจัดหางานอยู่ภายในสถาบันแล้ว โดยเป็นตัวเชื่อมระหว่างธุรกิจและนักศึกษา • 2.2.7 การแนะนำโดยพนักงาน • บริษัทบางแห่งจะสนับสนุนให้พนักงานของบริษัทแนะนำบุคคล ที่พวกเขาเห็นว่าบริษัทควรจะรับเข้าทำงาน การปิดประกาศและ การประชุมที่จัดโดยผู้จัดการบุคคลมักจะใช้สำหรับความมุ่งหมาย ดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้น คือ พนักงานของบริษัทอาจจะแนะนำ บุคคลใดๆ ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่เป็นเพื่อนของพวกเขาเข้า ทำงานได้
การคัดเลือก เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องมาจากการสรรหาบุคลากร แบ่งออกเป็น 2ระบบ ใหญ่ๆ คือ การบริหารบุคคลระบบคุณธรรมMerit system และการบริหารบุคคลระบบอุปถัมภ์ Patronage System ระบบคุณธรรม มี4 ประการคือ หลักความสามารถ ความเสมอภาค หลักความเป็นกลาง ทางการเมือง หลักความมั่นคง
ทฤษฏีความต้องการของมนุษย์ 5ขั้นMaslow ความสมหวังในชีวิต Self-Realization Needs เกียรติยศชื่อเสียง Esteem Needs ด้านสังคม Social Needs ด้านความปลอดภัย Safety Needs ความต้องการด้านร่างกาย Physiological Needs
สรุป summary • องค์การจะเดินไปสู่ความล้มเหลวหรือความสำเร็จได้นั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สำคัญคือ การบริหารงานบุคคล องค์การใดมีการบริหารงานบุคคลที่ดีย่อมจะเกิด ประโยชน์สะท้อนกลับให้เกิดความมั่นคงและความสำเร็จ ซึ่งสรุปความสำคัญของการ บริหารงานบุคคลได้ดังนี้ -ช่วยส่งเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้พนักงาน -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่องค์การ -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่สังคม -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติ เป็นต้น