1 / 18

Sounds Multimedia Application

Sounds Multimedia Application. viii . ความรู้ทั่วไป. เสียงจากแหล่งกำเนิดจะเดินทางผ่านตัวกลางในรูปคลื่นเสียง คลื่นเสียงจะแปรผันไปตามขนาดความถี่ ความถี่ = จำนวนลูกคลื่นใน 1 หน่วยเวลา ( Hertz) ความดัง = ขนาดของคลื่นหรือความสูงของคลื่น (Amplitude). เสียงในคอมพิวเตอร์.

eydie
Download Presentation

Sounds Multimedia Application

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Sounds Multimedia Application viii

  2. ความรู้ทั่วไป • เสียงจากแหล่งกำเนิดจะเดินทางผ่านตัวกลางในรูปคลื่นเสียง • คลื่นเสียงจะแปรผันไปตามขนาดความถี่ • ความถี่ = จำนวนลูกคลื่นใน 1 หน่วยเวลา (Hertz) • ความดัง = ขนาดของคลื่นหรือความสูงของคลื่น(Amplitude)

  3. เสียงในคอมพิวเตอร์ • เสียงจากการสั่งเคราะห์ = MIDIอาศัยความสามารถทางฮาร์ดแวร์ช่วยสร้างเสียงขึ้นมาใหม่ • เสียงจากการบันทึก = Waveบันทึกเสียงจริงแล้วแปลงเป็นข้อมูลดิจิตอลเก็บในคอมพิวเตอร์

  4. เสียงแบบมิดี้ (MIDI) • ได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 สำหรับใช้กับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ • MIDI ไม่ได้เก็บสัญญาณเสียงแต่เก็บตัวโน้ตของเครื่องดนตรีแทน • การแสดงผลเสียงฮาร์ดแวร์จะต้องทำการสร้างเสียงตามตัวโน้ต และชนิดของเครื่องดนตรี • ฮาร์ดแวร์ที่สามารถสร้างเสียงขึ้นมาได้เหมือนจริงมีราคาสูงมาก

  5. มาตรฐานมิดี้ • มีเสียงออเคสตร้า 128 ชนิด สามารถสังเคราะห์เสียง ใส่เทคนิคพิเศษในเสียง เช่น เปียโน เบส กีตาร์ ทรัมเปต แซกโซโฟน ฯลฯ • ต้องเล่นเสียงแบบ Polyphony อย่างน้อย 24 ตัวโน๊ต และสามารถกำหนดเสียงได้ 16 ช่องเสียง • เสียงดนตรีชนิดต่างๆจะอยู่ที่ช่องเสียง 1-9 เสียงพิเศษจะอยู่ที่ 10 เป็นต้นไป • ลักษณะของเสียงจะแบ่งเป็นกลุ่มได้ 16 กลุ่ม

  6. การกำหนดช่องเสียงมิดี้การกำหนดช่องเสียงมิดี้

  7. เสียงแบบดิจิตอล • เกิดจากการแปลงสัญญาณเสียงแอนาล็อก แล้วแปลงเป็นดิจิตอลในรูปของบิตและไบต์ ด้วยการสุ่มจับ(Sampling • การสุ่มจับ • อัตราการสุ่มจับ(Sampling Rate) จำนวนครั้งในการสุ่มจับในหน่วยเวลา(วินาที) • ขนาดของการสุ่มจับ(Sampling Size) คือขนาดของข้อมูลที่ได้จากการสุ่มจับ • ขนาดขอมูลเสียงดิจิตอลมีขนาดใหญ่มากต้องการทรัพยากรในการประมวลผลสูง

  8. การประมวลผลไฟล์เสียง • คือ การป้อนเสียงเข้าสู่คอมพิวเตอร์ ทำการปรับขนาด ความถี่ ผสมผสาน เพิ่มเทคนิกพิเศษ ตามต้องการไปจนถึงการแสดงผลทางลำโพง

  9. การบันทึกข้อมูลเสียง • บันทึกเสียง คน เช่นการพากย์ เสียง ให้เสียงตัวละคร • บันทึกเสียงจากธรรมชาติ จากแหล่งต่างๆ เพื่อประกอบเทคนิกพิเศษ • บันทึกเสียงดนตรีเพื่อการพาณิชย์และการบันเทิง • บันทึกเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ในอนาคต • MIDI บันทึกเป็นตัวโน้ตดนตรี • Wave บันทึกเสียงจริงในรูปแบบดิจิตอล

  10. การนำเข้าข้อมูลเสียง • นำเข้าจากสื่อภายนอกอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว ผ่านทางช่องทาง • Aux-in • Line-in • Microphone • CD • อื่นๆ เช่น USB , Network • อาจต้องนำไปผ่านกระบวนการแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้

  11. การแก้ไขและการเพิ่มเทคนิคพิเศษการแก้ไขและการเพิ่มเทคนิคพิเศษ • กระบวนการปรับแต่งเสียงซึ่งอาจประกอบไปด้วย... • การเพิ่มหรือลดความดัง • การปรับเปลี่ยนความถี่ • การกรองเสียงรบกวน • การเพิ่มเทคนิกพิเศษต่างๆ เป็นต้น • ต้องใช้ซอฟต์แวร์ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพ

  12. การจัดเก็บข้อมูลเสียงการจัดเก็บข้อมูลเสียง • ขนาดแฟ้มข้อมูลกับคุณภาพของเสียง • ขนาดของการบันทึกจะอยู่ที่คุณภาพของเสียง(Audio Resolution) • ขนาดขึ้นอยู่กับระบบเสียง Mono หรือ Stereo • ขนาดขึ้นอยู่กับขนาดของการสุ่มจับ • การปรับระดับในการบันทึกเสียง • อาศัยดิจิตอลมิเตอร์(Digital meter) สำหรับวัดและปรับระดับความดังให้พอดีกับการใช้งาน • ระดับความดังต้องไม่ต่ำกว่าข้อจำกัดและไม่เกินขีดจำกัด • ระดับความดังที่เหมาะสมอยู่ที่ -10 ถึง -3

  13. การบีบอัดไฟล์เสียง • ไฟล์เสียงคุณภาพสูงมีขนาดใหญ่มาก • ไฟล์เสียง 1 เพลง 3 นาทีอาจมีขนาดความจุเท่ากับ 30 MB หรือมากกว่า • รูปแบบการบีบอัดมีหลายวิธีการได้แก่ ADPCM ย่อมาจาก Adaptive Differential Pulse Code Modulationแต่รูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ MPEG • การบีบอัดบางครั้งทำไม่ได้มาก จนอาจต้องยอมสูญเสียบางอย่างไป

  14. MPEG : Motion Picture Expert Group • มาตรฐานการบีบอัดภาพวีดิทัศน์และเสียง • มาตรฐานการบีบอัดเสียง • MPEG-1 : เป็นเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลเสียง รูปแบบที่นิยมนำมาใช้คือ Mp3(MPEG 1 Audio Layer 3) โดยจะมีอัตราในการบีบอัดข้อมูลประมาณ 10:1 • MACE : เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นคือ สามารถบีบอัดและขยายข้อมูลให้มีขนาดเท่าเดิม ซึ่งใช้ได้เฉพาะข้อมูลเสียง 8 บิต อัตราการบีบอัดประมาณ 3:1 และ 6:1 สำหรับเครื่อง MAC • μ-Law, A-Law : เป็นมาตรฐานที่กำหนดโดย CCITT สามารถบีบอัดข้อมูลเสียง 16 บิต ได้ในอัตราการบีบอัดประมาณ 2:1 เท่า

  15. รูปแบบของแฟ้มข้อมูลเสียงรูปแบบของแฟ้มข้อมูลเสียง • ไฟล์เสียงประเภท .WAV ถูกสร้างโดยบริษัท Microsoft และ IBM เป็นไฟล์ที่สนับสนุนการใช้งานบนเครื่องพีซีมากกว่าบนเครื่องแมคอินทอช • รูปแบบ CD-I (Compact Disc-Interactive) พัฒนาโดยบริษัทฟิลิปส์ ซึ่งใช้วิธีการแปลงสัญญาณแบบ “Adaptive Delta Pulse Code Modulation”(ADPCM)สามารถบันทึกเสียง 20 ชั่วโมงใน CD 1 แผ่น • รูปแบบ NIFF มีจุดประสงค์หลักสำหรับการทำเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่มีข้อมูลทางด้านดนตรีอย่างครอบคลุมและมีขนาดเล็ก

  16. รูปแบบแฟ้มข้อมูลเสียง(ต่อ)รูปแบบแฟ้มข้อมูลเสียง(ต่อ) • Linear Pulse Code Modulation (LPCM) เป็นวิธีการแปลงข้อมูลเสียงจากสัญญาณอนาลอกเป็นสัญญาณดิจิตอลแล้วซึ่งวิธีการนี้ใช้สำหรับบันทึก CD เพลงทั่วไป สามารถเล่นได้นาน 74 - 80 นาที • MPEG จากการบีบอัดภาพ แยกออกมาเป็นการบีบอัดข้อมูลทางเสียงโดยเฉพาะ โดยมีการบีบอัดข้อมูลสามระดับ

  17. มาตรฐานทางเสียง Red Book • ISO 10149 หรือที่เรียกว่ามาตรฐาน “Red Book” มาตรฐานนี้ ได้กำหนดSampling Rate ให้มีมาตรฐานที่ 44.1 kHz และ Sampling Size มีมาตรฐานที่ 16 บิต แบบเสตอรีโอ • การคำนวณขนาดของไฟล์เสียง

  18. End.

More Related