00:00

Basic Accounting Principles and Practices for Sole Proprietor Service Businesses

This course aims to provide a foundational understanding of accounting principles, methods, and procedures for preparing accounts for sole proprietor service businesses. Students will develop practical accounting skills and professionalism, including attention to detail, accuracy, discipline, and ethical attitudes towards the accounting profession. Topics include basic accounting knowledge, relevant laws, financial reporting, business types, fundamental business activities, and the interpretation of financial results.

dimanuel
Download Presentation

Basic Accounting Principles and Practices for Sole Proprietor Service Businesses

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การบัญชีเบื้องต้น ( (Basic Accoun Basic Accoun ting) ting) รหัสวิชา 2020 20200 0- -1 1 002 002

  2. จุดประสงค์รายวิชา เพื่อให้ 1. 1. มีความเข้าใจหลักการ วิธีการ และขั้นตอนการ จัดท าบัญชีส าหรับกิจการเจ้าของคนเดียวประเภท ธุรกิจบริการ 2. 2. มีทักษะปฏิบัติงานบัญชีตามหลักการบัญชีที่รับรอง ทั่วไปส าหรับกิจการเจ้าของคนเดียวประเภทธุรกิจ บริการ 3. 3. มีกิจนิสัย มีระเบียบ ละเอียด รอบคอบ ซื่อสัตย์ มี วินัย ตรงต่อเวลา และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพบัญชี

  3. สมรรถนะรายวิชา แสดงความรู้เกี่ยวกับหลักการ วิธีการ และ ขั้นตอนการจัด ท าบัญชีส าหรับกิจการเจ้าของคน เดียวประเภท ธุรกิจบริการ ปฏิบัติงานบัญชีส าหรับกิจการเจ้าของคนเดียว ประเภทธุรกิจบริการตามหลักการบัญชีที่รับรอง ทั่วไป 1. 1. 2. 2.

  4. หน่วยที่ 1 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ การบัญชี

  5. กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การรายงานทาง การเงิน รูปแบบของธุรกิจ กิจกรรมพื้นฐานทาง ธุรกิจ การเขียนตัวเลขตาม หลักบัญชี

  6. ความหมายของการบัญชี สมาคมนักบัญชีแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา American Institute of Certified Public Accountants หรือ AICPA “การบัญชีเป็นศิลปะของการจดบันทึกรายการหรือ เหตุการณ์และรายการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการเงินไว้ ในรูปของเงินตรา การจัดหมวดหมู่รายการเหล่านั้น การ สรุปผล รวมทั้งการตีความหมาย ของผลนั้น”

  7. กระบวนการทางการบัญชี (The Accounting Process) มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การรวบรวมข้อมูล (Data ga thering) ขั้นตอนที่ 2 การบันทึกรายการ (Recordi ng) ขั้นตอนที่ 3 การสรปุผล (Summarizing) ขั้นตอนที่ 4 การสื่อข้อมูลเพื่อการ

  8. การรวบรวม ข้อมูล Data gatheri ng เป็นการรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงใน รูปแบบของเอกสารและจัดเก็บเข้าแฟ้ม โดย เรียงล าดับวันที่ข้อมูลหรือรายการใดไม่มีเอกสาร เช่น ค่าใช้จ่ายที่ผู้รับเงินไม่สามารถออก หลักฐาน การรับเงินได เช่น ค่ารถรับจ้าง ค่าจ้าง คนส่งเอกสาร ให้จัดท า ใบรับรองแทนใบส าคัญ รับเงิน

  9. การบันทึกรายการที่เกิดขึ้นประจ าวัน ( (Recording) Recording) เป็นการจดบันทึกรายการค้าเฉพาะที่สามารถ ตีค่าเป็นตัวเงินได้ โดยเรียงล าดับวันที่ ที่เกิด รายการในสมุดบันทึกรายการขั้นต้นและ ผ่านรายการไปสมุดบันทึกรายการขั้นปลาย

  10. การสรุปผลของข้อมูล ( (Summarizing) Summarizing) เป็นการตีความหมายของรายการในสมุดบันทึกรายการขั้นปลาย และน ามาสรุปในรูปของ รายงานทางการเงิน

  11. การสื่อสารข้อมูลเพื่อการการสื่อสารข้อมูลเพื่อการ ตัดสินใจ (Communicating) เป็นการน าเสนอรายงานทางการเงินเพื่อการ ตัดสินใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้บริหาร สถาบัน การเงินผู้ถือหุ้น

  12. วัตถุประสงค์และประโยชน์ของการวัตถุประสงค์และประโยชน์ของการ บัญชี 1. เพื่อจดบันทึกรายการค้าที่เกิดขึ้น ตามล าดับก่อนหลัง และจ าแนกประเภท รายการค้า ออกเป็นหมวดหมู่ 2. เพื่อเป็นหลักฐานในการอ้างอิง 3. เพื่อให้เจ้าของกิจการ ควบคุมดูแล รักษา สินทรัพย์ของกิจการได้ เช่น เงินสด สินค้า คงเหลือที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 4. เพื่อให้เจ้าของกิจการทราบผลการ ด าเนินงานของกิจการในรอบระยะเวลา

  13. 5. เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ และ วางแผนการด าเนินงาน เช่น การขยาย กิจการ การกู้ยืม การเลิกกิจการ และควบคุม กิ จ ก า ร ใ ห้ ป ร ะ ส บ ค ว า ม ส า เ ร็ จ ต า ม วัตถุประสงค์ 6. เพื่อควบคุมภายในกิจการและการ ตรวจสอบ 7. เพื่อให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติว่าด้วย การท าบัญชี เช่น พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 และพระราชบัญญัติวิชาชีพ บัญชีพ.ศ. 2547 เพื่อให้ถูกต้องตามข้อก าหนดหรือ

  14. ประวัติความเป็นมาของบัญชีประวัติความเป็นมาของบัญชี การบัญชีเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศอิตาลี โดยลูกา ปาซิโอลิ (Luca Pacioli) ชาวอิตาเลียน เป็นคนแรกที่วางรากฐานทางการบัญชี จนได้รับ ฉายาว่าเป็นบิดาแห่งงบดุล (The Father of the B alance Sheet) ชาวอิตาเลียน นิยมเก็บข้อมูลทางธุรกิจโดย แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ เดบิตและเครดิต และข้อมูลนั้น จะถูกแยกออกเป็นหมวดหมู่ แนวคิดของปาซิโอลิ เกี่ยวกับระบบบัญชีคู่เป็นที่ยอมรับและ ถือปฏิบัติมา จนทุกวันนี้ ดังนั้น ปาซิโอลิ จึงได้รับการยกย่องว่า เป็น บิดาแห่งการบัญชี ปาซิโอลิ เป็นคนที่ช่างสังเกต เขาสังเกตว่าพ่อค้า

  15. ข้อสมมติทางบัญชี ข้อสมมติทางบัญชีตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ไม่มีส่วนได้เสีย สาธารณะ สภาวิชาชีพบัญชีในพระบรมราชปูถัมภ์มีรายละเอียดดังนี้ 10 ข้อสมมติที่ใช้ในการน าเสนองบการเงินตามมาตรฐานการ รายงานทางการเงินส าหรับกิจการที่ ไม่มีส่วนได้เสียสาธารณะ ได้แก่ เกณฑ์คงค้าง และการด าเนินงานต่อเนื่อง 11 เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) รายการนั้นซึ่งอาจเป็นรอบระยะเวลา บัญชีเดียวกันหรือต่างกันกับ รอบระยะเวลาบัญชีที่กิจการได้รับหรือจ่ายช าระเงินสด 12 การด าเนินงานต่อเนื่อง (Going Concern) คือ ข้อสมมติว่า กิจการจะยังคงด าเนินงานอยู่ต่อไป ในอนาคตหากมีข้อสงสัย เกี่ยวกับการด าเนินงานต่อเนื่อง กิจการต้องวัดมูลค่ารายการที่รับรู้ ก าหนดให้กิจการต้องรับรู้

  16. ความแตกต่างระหว่างนักบัญชีและผู้ท าบัญชี นักบัญชี Accountants ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบัญชี ผู้ท ำบัญชี Bookkeepers บันทึก และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ การเงินประจ าวัน เก็บรวบรวมข้อมูล ออกแบบเอกสารทางธุรกิจ หรือวาง ระบบบัญชี จัดท างบประมาณ ออกแบบรายงานทางบัญชี จดบันทึกข้อมูลประจ าวัน จัดท ารายงานทางการเงิน

  17. รายงานทางการบัญชี รายงานทางการบริหาร Managerial Reports รายงานเฉพาะหรือรายงานพิเศษ Special Reports รายงานทางการเงิน Financial Reports

  18. ผู้ใช้ ข้อมูล ภายใน ผู้ใช้ ข้อมูล ทาง บัญชี ผู้ใช้ ข้อมูล ภายนอ ก

  19. อาชีพทางการบัญชี การบัญชีรัฐบาลหรือส่วนราชการ การบัญชีสาธารณะ การบัญชีส่วนบุคคล Private Accounting Government Accounting Public Accounting

  20. จรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีจรรยาบรรณผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี ความเที่ยงธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นอิสระ ความรู้ ความสามารถ ความเอาใจใส่ การรักษาความลับ และการรักษามาตรฐานการปฏิบัติงาน พฤติกรรมทาง วิชาชีพ ความโปร่งใส

  21. พระราชบัญญัติการบัญชี พ. .ศ. . 25 และพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ. .ศ. . 2547 พระราชบัญญัติการบัญชี พ. .ศ. . 2543 โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่า ด้วยการบัญชี พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติ บางประการเกี่ยวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพ ของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระท าได้โดย อาศัยอ านาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ในที่นี้ จะกล่าวถึงเฉพาะบางมาตราเท่านั้น 2543 43 2547 2543

  22. มาตรา 4 4 ในพระราชบัญญัตินี้ “งบการเงิน” หมายความว่า รายงานผลการ ด าเนินงาน ฐานะการเงินหรือการเปลี่ยนแปลงฐานะ การเงินของกิจการ ไม่ว่าจะรายงานโดยงบดุล (งบ แสดงฐานะการเงิน) งบก าไรขาดทุน งบก าไรสะสม สะสม งบกระแสเงินสด งบแสดงการเปลี่ยนแปลง ส่วนของผู้ถือหุ้น งบประกอบหรือ หมายเหตุ ประกอบงบการเงิน หรือค าอธิบายอื่นซึ่งระบุไว้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของงบการเงิน “มาตรฐานการบัญชี” หมายความว่า หลักการ หลักการบัญชีและวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรอง

  23. “ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชี” หมายความว่า ผู้มีหน้าที่ จัดให้มีการท าบัญชี ตามพระราชบัญญัตินี้ “ผู้ท าบัญชี” หมายความว่า ผู้รับผิดชอบในการท า บัญชีของผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีไม่ว่าจะได้กระท าในฐานะ เป็นลูกจ้างของผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีหรือไม่ก็ตาม “สารวัตรใหญ่บัญชี” หมายความว่า อธิบดี และให้ หมายความถึงผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายด้วย “สารวัตรบัญชี” หมายความว่า ผู้ซึ่งอธิบดีแต่งตั้ง ให้เป็นสารวัตรบัญชีประจ าส านักงานบัญชีประจ าท้องที่ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมทะเบียนการค้า “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการ

  24. ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชี มาตรา 8 8 ให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจ ากัด บริษัท มหาชนจ ากัด ที่จัดตั้งขึ้น ตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้น ตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย กิจการ ร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร เป็นผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชี และต้อง จัดให้มีการท าบัญชีส าหรับ การประกอบธุรกิจของตนโดยมี รายละเอียด หลักเกณฑ์และวิธีการตามที่บัญญัติไว้ใน พระราชบัญญัตินี้ มาตรา 10 10 ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีต้องปิดบัญชีครั้งแรกภายใน สิบสองเดือนนับแต่วันเริ่มท าบัญชีที่ก าหนดตามมาตรา 8 วรรค หกหรือวันเริ่มท าบัญชีตามมาตรา 9 แล้วแต่กรณี และปิดบัญชี ทุกรอบสิบสองเดือนนับแต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน เว้นแต่

  25. 11 ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจด ทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย นิติบุคคลที่ตั้งขึ้น ตามกฎหมายต่างประเทศ และกิจการร่วมค้าตามประมวล รัษฎากร ต้องจัดท างบการเงิน และยื่นงบการเงินดังกล่าว ต่อส านักงานกลางบัญชี หรือส านักงานบัญชีประจ าท้องที่ ภายในห้าเดือนนับแต่วันปิดบัญชีตามมาตรา 10 ส าหรับ กรณีของบริษัทจ ากัดหรือบริษัทมหาชนจ ากัดที่จัดตั้งตาม กฎหมายไทย ให้ยื่นภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่งบ การเงินนั้นได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่ ทั้งนี้ เว้นแต่มี เหตุจาเป็นท าให้ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีไม่สามารถจะปฏิบัติ ตามก าหนดเวลาดังกล่าวได้ อธิบดีอาจพิจารณาสั่งให้ มาตรา 11

  26. มาตรา 12 ในการจัดท าบัญชีผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีต้องส่ง มอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีให้แก่ผู้ท าบัญชีให้ ถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้บัญชีที่จัดท าขึ้นสามารถแสดงผลการ ด าเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินที่ เป็นอยู่ตามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี มาตรา 13 ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีต้องเก็บรักษาบัญชีและ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบ การลงบัญชีไว้ ณ สถานที่ท าการ หรือสถานที่ที่ใช้เป็นที่ท าการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจ าหรือ สถานที่ที่ใช้เป็นที่ท างานเป็นประจ า เว้นแต่ผู้มีหน้าที่จัดท า บัญชีจะได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชี หรือสารวัตรบัญชี ให้เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้ ณ สถานที่อื่นได้ การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เป็นไป

  27. ในกรณีที่จัดท าบัญชีด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ เครื่องมืออื่นใด ในสถานที่อื่นใด ในราชอาณาจักร ที่มิใช่ สถานที่ตามวรรคหนึ่ง แต่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือนั้น มายังสถานที่ตามวรรคหนึ่ง กรณีดังกล่าวนี้ ให้ถือว่าได้มีการเก็บรักษาบัญชีไว้ ณ สถานที่ตามวรรคหนึ่ง แล้ว มาตรา 14 ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีต้องเก็บรักษาบัญชีและ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ห้าปี นับแต่วันปิดบัญชีหรือจนกว่าจะมีการส่งมอบบัญชีและ เอกสารตามมาตรา 17 เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบบัญชีของกิจการประเภท ใดประเภทหนึ่ง ให้อธิบดีโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีมี

  28. มาตรา 17 เมื่อผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีเลิกประกอบธุรกิจ ด้วยเหตุใดๆ โดยมิได้มีการช าระบัญชี ให้ส่งมอบบัญชีและ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีแก่สารวัตรใหญ่ บัญชี หรือสารวัตรบัญชีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันเลิก ประกอบธุรกิจ และให้สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชี เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี ดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าห้าปี มาตรา 19 ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีต้องจัดให้มีผู้ท าบัญชี ซึ่งเป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีก าหนด ตามมาตรา 7(6) เพื่อจัดท าบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ และมีหน้าที่ ควบคุมดูแลผู้ทาบัญชีให้จัดท าบัญชีตรงต่อความเป็นจริง

  29. มาตรา 17 เมื่อผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีเลิกประกอบธุรกิจ ด้วยเหตุใดๆ โดยมิได้มีการช าระบัญชี ให้ส่งมอบบัญชีและ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีแก่สารวัตรใหญ่บัญชี หรือสารวัตรบัญชีภายในเก้าสิบวันนับแต่วันเลิกประกอบ ธุรกิจ และให้สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชี เก็บ รักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี ดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าห้าปี มาตรา 19 ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีต้องจัดให้มีผู้ท าบัญชีซึ่ง เป็นผู้มีคุณสมบัติตามที่อธิบดีก าหนด ตามมาตรา 7(6) เพื่อจัดท าบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ และมีหน้าที่ ควบคุมดูแลผู้ทาบัญชีให้จัดท าบัญชีตรงต่อความเป็นจริง

  30. ผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาจะเป็นผู้ท า บัญชีส าหรับกิจการของตนเองก็ได้ มาตรา 20 ผู้ทาบัญชีต้องจัดท าบัญชีเพื่อให้มีการ แสดงผลการด าเนินงาน ฐานะการเงินหรือการเปลี่ยนแปลง ฐานะการเงินของผู้มีหน้าที่จัดท าบัญชีที่เป็นอยู่ตามความ เป็นจริงและตามมาตรฐานการบัญชี โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ ประกอบการลงบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน มาตรา 21 ในการลงรายการในบัญชี ผู้ท าบัญชีต้อง ปฏิบัติดังต่อไปนี้ 1. ลงรายการเป็นภาษาไทย หากลงรายการเป็น ภาษาต่างประเทศให้มีภาษาไทยก ากับ หรือลงรายการเป็น รหัสบัญชีให้มีคู่มือค าแปลรหัสที่เป็นภาษาไทยไว้

  31. พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ. .ศ. . 2547 เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ ฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันนี้การประกอบ วิชาชีพบัญชีได้ขยายครอบคลุมออกไปหลายด้าน ไม่ว่าการท าบัญชี การสอบบัญชี การบัญชีบริหาร การวางระบบบัญชี การบัญชีภาษีอากร การศึกษา และเทคโนโลยีการบัญชี หรือบริการด้านอื่น ซึ่งมี ความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับกิจกรรมในทางธุรกิจ ต่างๆ อย่างกว้างขวาง สมควรส่งเสริมให้ ผู้ ประกอบวิชาชีพบัญชีอยู่ภายใต้การดูแลของสภา วิชาชีพเดียวกัน เพื่อเป็นศูนย์รวมและส่งเสริมความ เป็นปึกแผ่น รวมทั้งให้ความรู้และพัฒนาส่งเสริม มาตรฐานการประกอบวิชาชีพ เพื่อให้ ผู้ประกอบ 2547

  32. สภาวิชาชีพบัญชี มาตรา 6 6 ให้มีสภาวิชาชีพบัญชี มีฐานะเป็นนิติ บุคคล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนา วิชาชีพบัญชี มาตรา 7 7 สภาวิชาชีพบัญชีมีอ านาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (1) ส่งเสริมการศึกษา การอบรม และการวิจัย เกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี (2) ส่งเสริมความสามัคคีและผดุงเกียรติของ สมาชิก จัดสวัสดิการและการสงเคราะห์ระหว่าง สมาชิก (3) ก าหนดมาตรฐานการบัญชี มาตรฐานการ การสอบบัญชี และมาตรฐานอื่นที่เกี่ยวกับวิชาชีพ บัญชี

  33. (6) รับรองปริญญาหรือประกาศนียบัตรในวิชาการ บัญชีของสถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการรับสมัคร เป็นสมาชิก (7) รับรองความรู้ความช านาญในการประกอบวิชาชีพ บัญชี (8) รับรองหลักสูตรการฝึกอบรมเป็นผู้ช านาญการและ การศึกษาต่อเนื่องในด้านต่างๆ ของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี (9) ควบคุมความประพฤติและการด าเนินงานของ สมาชิกและผู้ขึ้นทะเบียนอันเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพบัญชี ให้ถูกต้องตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพบัญชี (10) ช่วยเหลือ แนะน า เผยแพร่ และให้บริการวิชาการ แก่ประชาชนเกี่ยวกับวิชาชีพบัญชี (11) ออกข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชี (12) เป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชี

  34. มาตรา 9 9 ภายใต้บังคับบทบัญญัติหมวด 5 การ ควบคุมการประกอบวิชาชีพบัญชี ด้านการสอบบัญชีและ หมวด 6 การควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการท าบัญชี บัญชี ในกรณีที่การประกอบ วิชาชีพบัญชีด้านใดมี ผลกระทบต่อประโยชน์ได้เสียของประชาชน หรือเพื่อ ประโยชน์ที่จะให้มีการคุ้มครองประชาชนและพัฒนาหรือ จัดระเบียบการประกอบวิชาชีพบัญชีด้านใด จะตรา พระ ราชกฤษฎีกาก าหนดให้การประกอบวิชาชีพบัญชีด้านนั้น ต้องได้รับใบอนุญาตหรือต้องขึ้นทะเบียนไว้กับสภา วิชาชีพบัญชีก็ได้

  35. 10 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 9 ใช้บังคับส าหรับวิชาชีพด้านใด ห้ามมิให้ผู้ใด ประกอบวิชาชีพบัญชีด้านนั้นเว้นแต่ได้รับ ใบอนุญาตหรือขึ้นทะเบียนกับสภาวิชาชีพบัญชีการ ขอรับใบอนุญาตการอนุญาตการออกใบอนุญาต และการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพตามวรรค หนึ่งให้เป็นไปตามแบบหลักเกณฑ์วิธีการและ เงื่อนไขที่ก าหนดในข้อบังคับสภาวิชาชีพบัญชีใน การขึ้นทะเบียนประกอบวิชาชีพบัญชี สภาวิชาชีพ บัญชีจะก าหนดให้ผู้ขึ้นทะเบียนซึ่งมิได้เป็น สมาชิก ต้องเสียค่าธรรมเนียมเป็นรายปีก็ได้ แต่จะก าหนด ค่าธรรมเนียมดังกล่าวให้สูงกว่า ค่าบ ารุงสมาชิก มาตรา 10

  36. การควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการสอบบัญชีการควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการสอบบัญชี มาตรา 38 38 ผู้ใดจะเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาตต้องได้รับ ใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี การขอรับใบอนุญาต การ อนุญาต และการออกใบอนุญาตเป็นผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ให้เป็นไปตามแบบและหลักเกณฑ์ที่ก าหนดในข้อบังคับสภา วิชาชีพบัญชี การควบคุมการประกอบวิชาชีพด้านการท าบัญชี มาตรา 44 44 ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพเป็นผู้ท าบัญชี เว้นแต่เป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชี หรือขึ้นทะเบียนไว้กับ สภาวิชาชีพบัญชี หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการขึ้น ทะเบียนตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามข้อบังคับสภาวิชาชีพ บัญชี บทก าหนดโทษ มาตรา 65 65 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 10 ต้องระวังโทษจาคุกไม่ เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ

  37. กรอบแนวคิดส าหรับการรายงานทาง การเงิน สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ปรับปรุง แม่บทการบัญชี (ปรับปรุง 2552) เพื่อให้สอดคล้องกับ สภาพแวดล้อมธุรกิจในประเทศไทยและเพื่อให้เป็นไป ตามเกณฑ์ที่ก าหนดขึ้นโดยมาตรฐานการบัญชีระหว่าง ประเทศ เรื่อง กรอบแนวคิดส าหรับการรายงานทาง การเงิน ถึงแม้ว่ากรอบแนวคิดส าหรับการรายงานทาง การเงิน จะกล่าวถึงแนวคิดหลักเกี่ยวกับ การจัดท าและ การน าเสนองบการเงินแก่ผู้ใช้งบการเงิน แต่ไม่ถือเป็น มาตรฐานการรายงาน ทางการเงิน เนื่องจากไม่ได้

  38. วัตถุประสงค์และสถานะ กรอบแนวคิดฉบับนี้ก าหนดแนวคิดที่ใช้เป็นเกณฑ์ใน การจัดท าและการน าเสนองบการเงินส าหรับผู้ใช้ภายนอก วัตถุประสงค์ของกรอบแนวคิด คือ 1. เพื่อช่วยคณะกรรมการฯ พัฒนามาตรฐานการ รายงานทางการเงินในอนาคตและทบทวนมาตรฐานการ รายงานทางการเงินที่มีอยู่ 2. เพื่อช่วยคณะกรรมการฯ ส่งเสริมการท าให้กฎระเบียบ กฎระเบียบ มาตรฐานการบัญชีและกระบวนการเกี่ยวกับการ น าเสนองบการเงินสอดคล้องกันโดยให้เกณฑ์เพื่อลดวิธีปฏิบัติ ทางบัญชี ที่เป็นทางเลือกตามที่มาตรฐานการรายงานทาง การเงินอนุญาต 3. เพื่อช่วยหน่วยงานก าหนดมาตรฐานการรายงานทาง การเงินของประเทศพัฒนามาตรฐานการรายงานทางการเงิน

  39. วัตถุประสงค์และสถานะ 5. เพื่อช่วยผู้สอบบัญชีในการแสดงความเห็นว่า งบ การเงินเป็นไปตามมาตรฐาน การรายงานทางการเงินหรือไม่ 6. เพื่อช่วยผู้ใช้งบการเงินตีความข้อมูลที่แสดงในงบ การเงินซึ่งได้จัดท าขึ้นตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน และ 7. เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้สนใจงานของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับแนวทางการก าหนดมาตรฐานการรายงานทาง การเงิน กรอบแนวคิดนี้ไม่ใช่มาตรฐานการรายงานทาง การเงิน ดังนั้นจึงไม่ได้ก าหนดมาตรฐานต่างๆ ส าหรับประเด็น การวัดมูลค่าหรือการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง กรอบ แนวคิดนี้ไม่มีเรื่องใดที่อยู่เหนือกว่ามาตรฐานการรายงานทาง

  40. วัตถุประสงค์ของการรายงานทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไปวัตถุประสงค์ของการรายงานทางการเงินเพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไป วัตถุประสงค์ของการรายงานทางการเงิน เพื่อวัตถุประสงค์ทั่วไป คือ การให้ข้อมูลทาง การเงินเกี่ยวกับกิจการที่เสนอรายงานที่มี ประโยชน์ต่อผู้ลงทุน ผู้ให้กู้ยืม หรือเจ้าหนี้อื่นทั้ง ในปัจจุบันและในอนาคตเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับ การให้ทรัพยากรแก่กิจการ การตัดสินใจเหล่านี้ เกี่ยวกับการซื้อขาย หรือถือตราสารทุนและตรา สารหนี้ และการให้หรือช าระเงินกู้และสินเชื่อใน รูปแบบอื่น ผู้ใช้กลุ่มอื่น เช่น หน่วยงานก ากับดูแลและ สาธารณชนนอกจากผู้ลงทุน ผู้ให้กู้และเจ้าหนี้ อื่น อาจพบว่ารายงานทางการเงินเพื่อ

  41. ลักษณะเชิงคุณภาพของข้อมูลทางการเงินที่มีประโยชน์ลักษณะเชิงคุณภาพของข้อมูลทางการเงินที่มีประโยชน์ หากต้องการให้ข้อมูลทางการเงินมีประโยชน์ ข้อมูลนั้นต้องเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและเป็น ตัวแทนอันเที่ยงธรรมของสิ่งที่ต้องการน าเสนอ ประโยชน์ของข้อมูลทางการเงินจะเพิ่มขึ้น ถ้า ข้อมูลนั้นเปรียบเทียบได้ พิสูจน์ยืนยันได้ ทันเวลา และเข้าใจได้ 1. ลักษณะเชิงคุณภาพพื้นฐาน คือ ความ เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและความเป็นตัวแทนอัน เที่ยงธรรม 2 . ลั ก ษ ณ ะ เ ชิ ง คุ ณ ภ า พ เ ส ริ ม คื อ

  42. กรอบแนวคิด ข้อความส่วนที่เหลือจากแม่บทการบัญชี ( ( ปรับปรุง 2552 2552) ) ข้อสมมติ การด าเนินงานต่อเนื่อง โดยทั่วไป งบการเงินจัดท าขึ้นตามข้อ สมมติที่ว่ากิจการจะด าเนินงานอย่างต่อเนื่อง (Going Concern) และด ารงอยู่ต่อไปใน อนาคตที่คาดการณ์ได้ ดังนั้น จึงสมมติว่า กิจการไม่มีเจตนาหรือมีความจ าเป็นที่จะเลิก กิจการ หรือลดขนาดของการด าเนินงาน อย่างมีสาระส าคัญ หากกิจการมีเจตนาหรือ ความจ าเป็นดังกล่าว งบการเงินอาจต้อง จัดท าโดยใช้เกณฑ์อื่น และต้องเปิดเผย เกณฑ์นั้นในงบการเงิน

  43. องค์ประกอบของงบการเงินองค์ประกอบของงบการเงิน งบการเงินแสดงถึงผลกระทบทางการเงินของ รายการและเหตุการณ์อื่นโดยการจัดประเภท รายการและเหตุการณ์อื่นตามลักษณะเชิงเศรษฐกิจ ประเภทของรายการดังกล่าวเรียกว่าองค์ประกอบ ของงบการเงิน องค์ประกอบซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรง กับการวัดฐานะการเงินในงบดุล (งบแสดงฐานะ การเงิน) ได้แก่ สินทรัพย์ หนี้สิน และส่วนของ เจ้าของ องค์ประกอบซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการ วัดผลการด าเนินงานในงบก าไรขาดทุน ได้แก่ รายได้และค่าใช้จ่าย โดยทั่วไป งบแสดงการ เปลี่ยนแปลงฐานะการเงินสะท้อนถึงองค์ประกอบ ในงบก าไรขาดทุนและการเปลี่ยนแปลง

  44. รูปแบบของธุรกิจ ในการด าเนินธุรกิจนั้น เจ้าของกิจการ หรือผู้ลงทุนจะจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบใดขึ้นอยู่ กับสิ่งต่อไปนี้ 1. เงินทุน 2. ลักษณะของการด าเนินธุรกิจ 3. จ านวนผู้ลงทุน 4. นโยบายของเจ้าของกิจการหรือผู้ลงทุน

  45. รูปแบบของธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ 1. กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole กิจการที่มีบุคคลคนเดียวเป็นเจ้าของ เงินทุนจะมาจาก บุคคลคนเดียว ผลก าไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจะเป็นของเจ้าของ กิจการ แต่เพียงผู้เดียว รวมทั้งหนี้สินและภาระผูกพันใดๆ ผู้เป็นเจ้าของจะต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว 2. ห้างหุ้นส่วน (Partnerships) ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปมาลงทุนร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ใน การแบ่งก าไรขาดทุนกัน ส่วนความรับผิดชอบในหนี้สิน และภาระผูกพันใดๆ ขึ้นอยู่กับประเภทของผู้เป็นหุ้นส่วน และประเภทของห้างหุ้นส่วน ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ห้างหุ้นส่วนจ ากัด (Limited Partnerships) เป็น proprietorship) เป็นกิจการที่มีบุคคล

  46. 3 3. . บริษัทจ ากัด ( (Company Limited or Corporation) Company Limited or Corporation) คือ บริษัทประเภทซึ่งตั้งขึ้นด้วยการ แบ่งทุนออกเป็นหุ้น แต่ละหุ้น มีมูลค่าเท่ากัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจ ากัดไม่เกินจ านวนเงิน ที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบ บริษัทจ ากัด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. บริษัทเอกชนจ ากัด (Private Company Limited) 2. บริษัทมหาชนจ ากัด (Public Company Limited) ลักษณะของการด าเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะจัดตั้งในรูปแบบใดแบ่ง ออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ธุรกิจให้บริการ (Service Business) 2. ธุรกิจเกี่ยวกับสินค้า เป็นธุรกิจที่ด าเนินกิจการ จ าหน่ายสินค้าแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ - ธุรกิจซื้อขายสินค้าหรือซื้อมาขายไป (Merchan ndising Business)

  47. กิจกรรมพื้นฐานทางธุรกิจกิจกรรมพื้นฐานทางธุรกิจ ในการด าเนินธุรกิจไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดหรือจัดตั้งใน รูปแบบใด จะมีกิจกรรมพื้นฐานเกิดขึ้น 3 กิจกรรม คือ 1 1. . กิจกรรมในการจัดหาเงิน ( (Financing Activities) Financing Activities) หมายถึง กิจกรรมในการจัดหาเงินทุนเพื่อเริ่มต้นด าเนินธุรกิจและรวมถึง การจัดหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการในอนาคต 2 2. . กิจกรรมในการลงทุน ( (Investing Investing กิจกรรมเพื่อให้ได้มาซึ่งสินทรัพย์ เพื่อน ามาใช้ในการ ด าเนินงาน 3 3. . กิจกรรมในการด าเนินงาน ( (Operating Activities) Operating Activities) หมายถึง กิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้และค่าใช้จ่าย ถ้ากิจกรรมที่ ก่อให้เกิดรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายธุรกิจจะมีก าไร ถ้ากิจกรรม Activities) Activities) หมายถึง

  48. การเขียนตัวเลขตามหลักบัญชีการเขียนตัวเลขตามหลักบัญชี 1. เขียนด้วยลายมือบรรจงและเขียนให้ชัดเจนโดยให้มีขนาด พอเหมาะไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป 2. ใส่เครื่องหมายจุลภาค ( , ) คั่นตัวเลข ถ้าจ านวนเงินเป็น ตัวเลข 3 หลักขึ้นไป เช่น 11,525 1,500,500 เป็นต้น 3. เขียนให้ชิดเส้นทางด้านขวา ถ้าเขียนลงในช่องจ านวนเงิน แต่ถ้าไม่ได้เขียนลงในช่องจ านวนเงิน ให้ใส่จุด ( . ) และ เครื่องหมายขีด ( - ) แสดงว่าสิ้นสุดแล้ว เช่น 3,000.- 4. เขียนจ านวนเงินเป็นตัวอักษรก ากับทุกครั้งเพื่อป้องกันความ ผิดพลาดและการทุจริต 5. เขียนจ านวนเงินให้ตรงหลัก กรณีที่มีหลายบรรทัด 6. การเขียน วัน เดือน ปี ให้ใช้หลักเกณฑ์ดังนี้ ถ้าข้อมูลอยู่ใน หน้าเดียวกัน ให้เขียนปี พ.ศ. เพียงครั้งเดียว การเขียนเดือน ให้ใช้ อักษรย่อ 7. การแก้ไขตัวเลขที่เป็นจ านวนเงิน ห้ามใช้ยางลบ น้ายาลบ

More Related