570 likes | 977 Views
Enthalpy of Formation. พลังงานของการเกิด หรือ เอนทาลปีของการเกิด. D H o f = การเปลี่ยนแปลงเอนทาลปีของปฏิกิริยา การเกิดสารจากธาตุหรือสารที่มีอยู่ใน สภาพธรรมชาติที่สภาวะมาตรฐาน. โดยที่ธาตุหรือสารที่มีอยู่ในสภาพธรรมชาติ ที่สภาวะมาตรฐาน มีค่า พลังงานของการเกิด
E N D
Enthalpy of Formation พลังงานของการเกิด หรือ เอนทาลปีของการเกิด DHof = การเปลี่ยนแปลงเอนทาลปีของปฏิกิริยา การเกิดสารจากธาตุหรือสารที่มีอยู่ใน สภาพธรรมชาติที่สภาวะมาตรฐาน
โดยที่ธาตุหรือสารที่มีอยู่ในสภาพธรรมชาติโดยที่ธาตุหรือสารที่มีอยู่ในสภาพธรรมชาติ ที่สภาวะมาตรฐาน มีค่า พลังงานของการเกิด เป็น ศูนย์ (DHfo = 0) เช่น C(s) Na(s) He(g) S(s) O2(g) Ca(s) N2(g) H2(g) Cl2(g) I2(g)
Thermochemical Data All data refer to 298.15 K and 1 bar pressure. Units of DHo and DGoare kJ mol-1; Units of Soand Cpare J K -1 mol-1.
CO (g)-110.5 -137.2 197.7 29.1 CO2 (g)-393.5 -394.4 213.7 37.1 CH4 (g)-74.8 -50.7 186.3 35.3 Compound DHoDGo SoCp C(graphite)0 0 5.7 8.5 C(diamond)1.9 2.9 2.4 6.1
H2O (l)-285.8 -237.1 69.9 75.3 H2O (g)-241.8 -228.6 188.3 33.6 H2O (s)?? ?? ?? ?? Compound DHoDGo SoCp Br2 (l)0 0 152.2 75.7 Br2 (g)30.9 3.1 245.5 36.0
C(s) + O2(g) CO2(g) DHfO CO2(g) = -393.5 kJ mol-1
C(s) + O2(g) CO2(g) C(s)+O2(g) ฎCO2(g) DHf= - 393.5 kJ mol-1 DHreac= DHCO2,g- DHC,s- DHO2,g = -393.5- 0-0
C(s) + 1/2 O2(g) CO(g)
C(s) + 1/2 O2(g) DH=DHCO,g-DHC,s-1(DHO2,g) = -110.5-0-1(0) 2 2 CO(g) C(s)+1/2O2(g) ฎCO(g) DHf= - 110.5 kJ mol-1
H2O (l)-285.8 -237.1 69.9 75.3 H2O (g)-241.8 -228.6 188.3 33.6 H2O (s)?? ?? ?? ?? Compound DHoDGo SoCp Br2 (l)0 0 152.2 75.7 Br2 (g)30.9 3.1 245.5 36.0
H2(g) + 1/2 O2(g) H2O(g) H2O(s) H2O(l)
H2(g) + 1/2 O2(g) DH= DHH2O,l- DHH2,g - 1(DHO2,g) = - 285.8 - (0) - (1/2)(0) = - 285.8 kJ mol-1 2 2 H2O(g) H2O(s) H2O(l)
3/2 O2(g) O3 (g) DHf= + 142.7 kJ mol-1
DH o = S(npHoP) - S(nRHoR) ทางทฤษฎี: สมการสำหรับคำนวณหาDHo ของปฏิกิริยาใดๆ จากDHof DH o = S(np(DHof)P) - S(nR(DHof)R) P R
หาได้จากค่า DHof การหาค่า DH DHof = Energy (enthalpy )of formation จากสมการ a A + b B ฎc C + d D DHo = c (DHof, C) + d (DHof, D) - a (DHof, A) - b (DHof, B)
Ex. จงคำนวณหาค่า DH oของปฏิกิริยา HCOOH (l) ฎ CO(g) + H2O (l) จาก DH o = S(np(DHof)P) - S(nR(DHof)R) DH o= DHof(CO,g)+ DHof(H2O,l)- DHof(HCOOH,l) = (-111) + (-285) - (-379) = -17 kJ
เอนทาลปีของการเปลี่ยนสถานะเอนทาลปีของการเปลี่ยนสถานะ ความร้อนแฝง (Latent Heat)
ความร้อนแฝงของการเปลี่ยนอัญรูป (Heat of Transformation) C (graphite) ฎ C (diamond) DHo = 1.9 kJ mol-1
100 OC p= l atm H2O(l) ฎ H2O(g) DHovap= 44 kJ mol-1 ความร้อนของการกลายเป็นไอ (Heat of Vaporization)
0 OC p= l atm H2O(s) ฎ H2O(l) DHofus= 6 kJ mol-1 ความร้อนของการหลอมเหลว (Heat of Fusion)
H2O(g) DHovap H2O(l) DHosub DHofus H2O(s) ความร้อนของการระเหิด (Heat of Sublimation) H2O(s) ฎ H2O(g) DHosub = DHovap+ DHofus
ความร้อนของการละลาย (Heat of Solution) ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการละลาย ของสารประกอบของแข็ง ในตัวทำละลาย หรือ การผสมกัน ของของเหลว
1. ความร้อนอินตริกรัลของสารละลาย (Integral Heat of Solution): DHint ความร้อนที่เกิดขึ้น เมื่อเติมตัวถูกละลาย (solute) 1 mol ลงในตัวทำละลาย (solvent) n mol
-H2O HCl(g) + 5 H2O ฎ HCl. 5 H2O DHint= - 64.06 kJ HCl(g) + 10 H2O ฎ HCl . 10 H2O = - 69.5 HCl(g) + 100 H2O ฎ HCl . 100 H2O = - 73.85 HCl(g) + aq.ฎ HCl(aq) = - 74.2 integral Heat of Solution at Infinite Dilution
ในการทำให้สารละลายเจือจางลง (DHdil) (1) : HCl(g) + 10 H2O ฎ HCl . 10 H2O (2) : HCl(g) + 100 H2O ฎ HCl . 100 H2O เช่น (2) - (1): HCl . 10H2O + 90 H2O ฎ HCl . 100 H2O DHdil= (-73.85) - (-69.5) = - 4.35 kJ
2. ความร้อนดิฟเฟอเรนเชียลของสารละลาย (Differential Heat of Solution) ความร้อนที่เกี่ยวข้องเมื่อเติมตัวถูกละลาย 1 mol ลงในสารละลายที่มีปริมาณมากพอ (การเติมสารลงไป ต้องไม่มีผลให้ความ เข้มข้นของสารละลายเปลี่ยนแปลง)
เมื่อ DH = ความร้อนเนื่องจากการผสม solute n2mol กับ solvent n1mol DH2 =ความร้อนเมื่อเติม solute ลงไปอีก n mol (lim Dn2ฎ O) โดยที่ n1 คงที่
A + B C + D T2: A + B C + D T1: สารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์ ความสัมพันธ์ระหว่าง DH กับอุณหภูมิ DH2 DH” DH’ DH1
เมื่อ DH’ คือความร้อนที่ใช้ในการทำให้ สารตั้งต้น มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงจาก T1 ฎ T2 DH” คือความร้อนที่ใช้ในการทำให้ สารผลิตภัณฑ์ มีอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงจาก T2 ฎ T1 และ DH1, DH2 เป็นการเปลี่ยนแปลงเอนทาลปี ของปฏิกิริยาที่อุณหภูมิ T1 และ T2 ตามลำดับ
A + B C + D T2: DH2 DH” DH’ A + B C + D T1: DH1 สารตั้งต้น ผลิตภัณฑ์ DH1 = DH’+ DH2 + DH”
DH1 = DH2 = DH1 + DH2 = DH1 +
DCP= c CP(C)+d CP(D)- a CP(A)-b CP(B) โดยที่ ค่า DCP สำหรับปฏิกิริยา a A + b B ฎc C + d D คือ
??? กฏข้อที่สองของเทอร์โมไดนามิกส์ (The Second Law of Thermodynamics) คศ. 1878 Bethelot และ Thomsen อธิบายว่า DH เป็น factor ที่บอกถึงการเกิดได้เอง (Spontancity) ของปฏิกิริยา โดยคิดว่าเมื่อ DH < O ปฏิกิริยาเกิดได้ เพราะว่าการเกิดปฏิกิริยา ทำให้พลังงาน ของระบบลดลงและทำให้ระบบเสถียรขึ้น
SiO2 848 K SiO2DH= 0.88 kJ mol-1 (low quartz) (high quartz) ในทางปฏิบัติ พบว่า ภายใต้สภาวะบางอย่าง เช่น ที่อุณหภูมิสูงมาก ๆ การเปลี่ยนอัญรูปของควอทซ์ ก็สามารถเกิดได้เองแม้ว่า DH > O
W การทดลองของจูล เมื่อจูลใช้น้ำหนักถ่วงให้ใบพัดหมุนในน้ำ การหมุนทำให้น้ำร้อนขึ้น แต่ถ้าให้ความร้อนกับน้ำ ไม่สามารถทำให้ใบพัดหมุนได้
กฎข้อที่ 1 อธิบาย “Irreversible” ไม่ได้
“Carnot Cycle” (วัฏจักรคาร์โนต์) เพื่อให้ประสิทธิภาพของการทำงานมีค่าสูงสุด Carnot เสนอว่า แต่ละขั้นตอนในวัฏจักรนั้น ควรเกิดขบวนการแบบย้อนกลับได้ ดังนี้
1. การขยายตัวแบบ Isothermal 2. การขยายตัวแบบ Adiabatic 3. การอัดตัวแบบ Isothermal 4. การอัดตัวแบบ Adiabatic
qh W4 W1 qc W3 W2 W W W Th Th >> Tc ideal gas TC Thermal reservior
A T P B isothermal A B isothermal Th adiabatic adiabatic adiabatic adiabatic D C TC C D isothermal isothermal V S V1 V4 V2 V3 1. การขยายตัวแบบ Isothermal (A ฎ B; V1ฎ V2) 2. “ Adiabatic (B ฎ C; V2ฎ V3) 3. การอัดตัวแบบ Isothermal (C ฎ D; V3ฎ V4) 4. “ Adiabatic (D ฎ A; V4ฎ V1)
Isothermal & Adiabatic processes Isothermal : T คงที่ PV = nRT P1V1 = P2V2 P P slope = nRT 1/V V
q = 0 = w Adiabatic : DU = q + w dU = nCvdT = - PdV nCvdT + PdV = O nCvdT + (nRT/V) dV = O
หารตลอดด้วย nT (Cv/T) dT + (R/V) dV = O อินติเกรดเทอมจะได้ ….???
จะได้ P1V1 = T1 P2V2 = T2 จาก PV = nRT
Isothermal:P1V1 = P2V2 Adiabatic: P1V1g = P2V2g P Isothermal Adiabatic V
0 1. Isothermal Expansion ที่อุณหภูมิคงที่ Th ; ระบบได้รับความร้อน qh ทำให้เกิดการขยายตัวจากปริมาตร V1ฎV2 DU = q + w
0 = w2 = 2. Adiabatic Expansion q = O ; แก๊สมีการขยายตัวจาก V2 ฎV3 อุณหภูมิของระบบลดลงจาก ThฎTc DU = q + w
0 3. Isothermal Compression ที่อุณหภูมิคงที่ Tc ; ระบบคายความร้อน qc ทำให้เกิดการอัดตัวจากปริมาตร V3ฎV4 DU = q + w