1 / 89

การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (Continuous Quality Improvement:CQI

การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (Continuous Quality Improvement:CQI. ดร. วัล ยา ภรณ์ ทังสุภูติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่. ความหมายการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง??.

chen
Download Presentation

การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (Continuous Quality Improvement:CQI

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง(Continuous Quality Improvement:CQI ดร.วัลยาภรณ์ ทังสุภูติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่

  2. ความหมายการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง??ความหมายการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง?? CQI คือ การใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และความคิดสร้างสรรค์ใน การปรับปรุงระบบรายงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับผลงานอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมุ่งสู่ความเป็นเลิศ

  3. บริบทของสังคม • กระแสสังคมฐานความรู้ (Knowledge-Based Society) • การสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) • ความมุ่งหวังความเป็นเลิศในการบริหารเชิงคุณภาพ (Total Quality Management) • การมุ่งสร้างคุณค่า (Value) ในกระบวนการทำงาน

  4. การกำหนดประเด็นที่จะพัฒนาการกำหนดประเด็นที่จะพัฒนา แผนพัฒนาคุณภาพ แผนยุทธศาสตร์โรงพยาบาล ความต้องการของผู้รับผลงาน ปัญหาภายในหน่วยงาน ความเสี่ยงในหน่วยงาน ผลการวิเคราะห์กระบวนงานหลัก ผลการประเมินความพึงพอใจ อุบัติการณ์ข้อร้องเรียน

  5. รูปแบบ CQI

  6. คุณภาพของอะไร? คุณภาพของใคร? คุณภาพเชิงสัมพัทธ์ (Relative meaning) : ดีที่สุด ยอดเยี่ยม คุณภาพเชิงสัมบูรณ์ (Absolute meaning) : การเปรียบเทียบกับมาตรฐาน

  7. Do Plan Act Check PDCA

  8. Systematic Approach OUTPUT INPUT PROCESS

  9. วิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ มาตรการ ตัวชี้วัด + เกณฑ์ คุณภาพบริหารจัดการ /บริการ INPUT PROCESS OUTPUT • BSC • การวางระบบงาน • การดำเนินงานตามแผน • การติดตาม กำกับ ทุก ... • การประเมินการดำเนินงาน ทุก ... (เทียบกับเป้าหมาย ตัวบ่งชี้) • Improvement Plan ฯลฯ 3(4) M บรรลุเป้าหมาย ของหน่วยงาน วิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ มาตรการ บรรลุเป้าหมาย ของหน่วยงาน ตัวชี้วัด + เกณฑ์ คุณภาพบริหารจัดการ /บริการ

  10. Input – Output Analysis Process Inputs Output

  11. กรณีศึกษา (Case study)

  12. ความหมาย กรณีศึกษา เครื่องมือที่ใช้ประกอบการศึกษา ที่ได้จำลองเอาเหตุการณ์ทั้งหมด ที่เกิดขึ้นจริง/บางส่วน ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ในช่วงเวลาหนึ่ง โดยมีการลำดับเหตุการณ์หรือสาระสำคัญให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด

  13. ไม่ใช้ ใช้ปานกลาง ใช้มาก ประวัติความเป็นมาของกรณีศึกษา (Case Study) • ก่อนปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) Harvard University ได้เอากรณีศึกษา มาใช้ในการศึกษาทางการแพทย์และกฎหมายเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี • พ.ศ. 2451(ค.ศ. 1908) Harvard Business School โดย Sean E.F.Gay จึงได้นำเอาวิธีนี้มาใช้ในการเรียนการสอนด้านบริหารธุรกิจและการจัดการ • หลังจากนั้นก็แพร่หลายไปยังมหาวิทยาลัยต่างๆอย่างกว้างขวาง รวมทั้งในประเทศไทย Wharton Yale Stanford Michigan Chicago MIT Berkeley Harvard

  14. กรณีศึกษามีกี่ประเภท?กรณีศึกษามีกี่ประเภท? • กรณีศึกษาที่เป็นจริง (Real Life Cases) 80% • เป็นกรณีศึกษาที่ผู้เขียนขึ้นจากเหตุการณ์จริง หรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในองค์กร โดยการออกไปดู หรือสัมภาษณ์จากเจ้าของธุรกิจจริง 2. กรณีศึกษาที่เขียนขึ้นเอง (Armchair Cases) 20% เป็นกรณีศึกษาที่เขียนขึ้นมาเอง โดยที่ผู้เขียนสมมุติเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมาเอง โดยมิได้ออกไปเก็บข้อมูลจากองค์กร หรือสัมภาษณ์จากเจ้าของธุรกิจจริง

  15. วัตถุประสงค์ของการเรียนโดยใช้กรณีศึกษาวัตถุประสงค์ของการเรียนโดยใช้กรณีศึกษา เพื่อให้ผู้ศึกษามีโอกาสรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในองค์กร เพื่อให้ผู้ศึกษาได้ฝึกฝนการวิเคราะห์ปัญหาองค์กร เพื่อให้ผู้ศึกษาเข้าใจถึงขั้นตอนการตัดสินใจแก้ปัญหาทางธุรกิจ เพื่อให้ผู้ศึกษาได้นำเอาความรู้ในวิชาการต่างๆที่เรียนมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหา เพื่อฝึกให้ผู้ศึกษาเป็นคนกล้าแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้อื่น

  16. ขั้นตอนการวิเคราะห์และเขียนรายงานขั้นตอนการวิเคราะห์และเขียนรายงาน 1. เขียนประวัติความเป็นมาและสถานการณ์ปัจจุบัน (Background and Situation) 2. การประเมินสถานการณ์และสิ่งแวดล้อมโดยใช้ SWOTหรือการพิจารณา จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค 3. การกำหนดวัตถุประสงค์ (SettingtheObjectives) 4. การวิเคราะห์ปัญหา หาสาเหตุของปัญหา รวมทั้งเสนอแนวทางใน การแก้ไข (Problem Analysis /CauseIdentification /Alternatives Decision and Implementation ) 5. เสนอแนะข้อคิดเห็นเพิ่มเติม (Comments /Supplement)

  17. ขั้นตอนที่ 1. ประวัติความเป็นมาและสถานการณ์ปัจจุบัน • เขียนความเป็นมาและสถานการณ์ เฉพาะที่สำคัญๆมาย่อๆ • ความยาวไม่ควรเกิน 1 หน้ากระดาษพิมพ์ A4 • เนื้อหาที่เขียนอาจประกอบไปด้วย • สถานที่ตั้ง • ชื่อผู้บริหาร • ชนิดของกิจการขององค์กร • งบประมาณ • ผลการดำเนินงาน • ปัญหาสำคัญๆที่เกิดขึ้น • (ไม่ควรสรุปสั้นจนเกินไป จนอ่านไม่ได้ใจความ)

  18. การพิจารณาจุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค การวิเคราะห์ SWOT เป็นการวิเคราะห์เพื่อพิจารณาถึงศักยภาพขององค์กร และอุปสรรคต่างๆที่อาจจะมีอิทธิพลต่อการดำเนินงานขององค์กรนั้นๆ จุดแข็ง Strengths จุดอ่อน Weaknesses โอกาส Opportunity อุปสรรค Threats

  19. การกำหนดวัตถุประสงค์ (SettingtheObjectives) คือการกำหนดสิ่งที่ต้องการ ที่เป็นเป้าหมายในอนาคตภายหลังจากที่ได้ตัดสินใจใช้กลยุทธ์แก้ไขสาเหตุและปัญหาให้หมดไปแล้ว ในการกำหนดวัตถุประสงค์ จะต้องให้สอดคล้องกับปัญหาแต่ละด้าน และมีจำนวนเท่ากับปัญหาพอดี *ห้ามมีปัญหามากกว่าหรือน้อยกว่าวัตถุประสงค์ 

  20. การวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุของปัญหา รวมทั้งเสนอแนวทางในการแก้ไข แบ่งออกเป็นขั้นตอน 3 ขั้น คือ 4.1 การกำหนดปัญหา (IdentifyingProblem) เป็นการนำเอาเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในองค์กร แต่ละด้านมาวิเคราะห์ว่าเหตุการณ์นั้นก่อให้เกิดผลลัพธ์เป็นอย่างไร การกำหนดปัญหา สามารถกำหนดได้ 5 ด้านๆละ 1 ปัญหาเท่านั้น • ด้านการผลิต/บริการ • ด้านการตลาด • ด้านการจัดการ /การบริหาร • ด้านการเงิน • ด้านทรัพยากรมนุษย์

  21. ตัวอย่าง ปัญหาทางด้านการบริหาร ปัญหา : องค์กรขาดการวางแผนและการควบคุมที่ดี ตัวอย่าง ปัญหาทางด้านทรัพยากรบุคคล ปัญหา : องค์กรมีอัตราการโยกย้ายของบุคลากรวิชาชีพพยาบาลสูง

  22. การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ปัญหาที่ผู้ศึกษาคิดว่าสำคัญและเร่งด่วนที่สุด ให้เอามาวิเคราะห์เป็นปัญหาที่ 1 ส่วนปัญหาที่ 2 3 4 และ 5 จะมีความสำคัญและเร่งด่วนรองลงมา ให้มาวิเคราะห์ต่อมาตามลำดับ tool: gap analysis

  23. 4.2 การระบุสาเหตุของปัญหา (CauseIdentification) คือการหาสาเหตุของปัญหา หรือการที่ก่อให้เกิดปัญหา ในขั้นตอนนี้ ผู้ศึกษาจะต้องหาให้ได้ว่า อะไรเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ก่อให้เกิดปัญหานั้นๆ

  24. ปัญหาทางด้านการจัดการปัญหาทางด้านการจัดการ ปัญหา : องค์กรขาดการวางแผนและการควบคุมที่ดี สาเหตุของปัญหา : 1. ผู้บริหารขาดประสบการณ์ ทำให้ไม่เห็นความสำคัญ ของการวางแผน 2. ไม่มีระบบในการควบคุมความเสี่ยง ทำให้การทำงาน ผิดพลาด 3. ฝ่ายบริหารกับฝ่ายพัฒนาระบบบริการทำงานไม่ ประสานกันทำให้เกิดความขัดแย้ง

  25. ปัญหาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลปัญหาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ปัญหา : อัตราการโยกย้ายของวิชาชีพพยาบาลสูง สาเหตุของปัญหา : 1. อัตราค่าตอบแทนต่ำกว่าเอกชน ทำให้พยาบาลลาออกไป อยู่กับเอกชน 2. สวัสดิการต่างๆมีน้อย ทำให้ขวัญและกำลังใจพยาบาลไม่ ดี 3. สภาพการทำงานมีความเสี่ยง ทำให้พยาบาลกลัวว่า จะได้รับการร้องเรียน อุบัติเหตุจากการพยาบาล

  26. 4.3 การกำหนดทางเลือก/แนวทางแก้ไขและตัดสินใจ (Alternatives Decision and Implementation ) หลังจากทราบปัญหาและสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ กำหนดทางเลือกที่จะแก้ไขปัญหา(อาจกำหนดไว้หลายๆทางเลือก) จากทางเลือกที่มีอยู่หลายๆทาง ให้นักศึกษาตัดสินใจเลือก พร้อมทั้งอธิบายเหตุผลที่เลือกทางเหล่านั้น (ทางเลือกใดไม่ได้เลือก ไม่ต้องอธิบาย)

  27. ขั้นตอนที่ 5. ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม (Comments / Supplement) เป็นส่วนสุดท้ายของการเขียนรายงาน ให้นักศึกษาชี้แนะหรือให้ข้อคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ในการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขในด้านต่างๆ อันจะทำให้การดำเนินงานดีขึ้น (ข้อเสนอแนะหรือความเห็นเพิ่มเติมนี้ จะต้องไม่ซ้ำกับแนวทางแก้ไข ที่ได้แก้ไปแล้ว)

  28. สรุปขั้นตอนการทำรายงานสรุปขั้นตอนการทำรายงาน

  29. 1. ความเป็นมาและสถานการณ์ปัจจุบัน ........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................

  30. 2. การวิเคราะห์โดย SWOT • จุดแข็ง(Strength) • 1........................................................................ • 2........................................................................ • 3........................................................................ • 4........................................................................ • จุดอ่อน(Weakness) • 1....................................................................... • 2....................................................................... • 3....................................................................... • 4........................................................................

  31. โอกาส(Opportunity) • 1.................................................................. • 2.................................................................. • 3.................................................................. • 4.................................................................. • อุปสรรค(Threat) • 1................................................................... • 2................................................................... • 3................................................................... • 4...................................................................

  32. 3. การกำหนดวัตถุประสงค์ 1. เพื่อ............................................................. 2. เพื่อ............................................................. 3. เพื่อ............................................................. 4. เพื่อ.............................................................. 5. เพื่อ..............................................................

  33. 4. การวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุ 4.1 ปัญหาด้านการจัดการ ปัญหา ..................................................................... สาเหตุ 1.................................................................. 2.................................................................. 3.................................................................. การกำหนดทางเลือกเป็นแนวทางแก้ไข 1............................................................. 2............................................................ 3............................................................. การตัดสินใจเลือกทางเลือกและดำเนินการแก้ไข 1........................................................... 2.......................................................... อธิบาย โดยละเอียด อธิบาย โดยละเอียด

  34. 4.2 ปัญหาด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ปัญหา..................................................................... สาเหตุ 1.................................................................. 2.................................................................. การกำหนดทางเลือกเป็นแนวทางแก้ไข 1............................................ 2.......................................... ตัดสินใจเลือกทางเลือกและดำเนินการแก้ไข 1.................................... 2....................................... โดยละเอียด โดยละเอียด

  35. 5. ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นเพิ่มเติม • .............................................................. • .............................................................. • ............................................................... • .............................................................. • ..............................................................

  36. Good/Best Practice(for Quality Improvement)

  37. ความหมายของ best practice Best Practice ไว้ว่า คือการปฏิบัติทั้งหลายที่สามารถก่อให้เกิดผลที่เป็นเลิศ หรือวิธีปฏิบัติที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ หรือสู่ความเป็นเลิศ (American Productivity and Quality Center ) Best Practice คือ วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้สำเร็จ ซึ่งเป็นผลมาจากการนำความรู้ไปปฏิบัติจริง แล้วสรุปความรู้และประสบการณ์นั้น เป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของตนเอง (บูรชัย ศิริมหาสาคร, 2548) Best Practiceเป็นบทสรุปของวิธีการปฏิบัติที่เป็น Tacit Knowledgeซึ่งเผยแพร่เป็น Explicit Knowledge เพื่อให้ผู้อื่นได้นำไปทดลองปฏิบัติ (วิจารณ์ พาณิช, 2548))

  38. Good Practice ความหมายค่อนข้างกว้าง ใช้ในความหมายเกี่ยวกับการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด หรือแสดงความถูกต้องอย่างชัดเจน จะต้องใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์มายืนยันผลงาน • มีผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Good Practice คือ • เป็นข้อเสนอแนะ คำแนะนำ แนวทาง • การปฏิบัติงานที่อยู่บนพื้นฐานของความสำเร็จของงาน • เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "Why" และ "What" • เป็นความคาดหวังของการปฏิบัติงานโดยทั่ว ๆ ไป • Innovative Practice หมายถึง จุดเน้นและแนวทางการทำงานที่น่าสนใจ แต่ขณะนี้ยังไม่มีตัวชี้วัดใดจะบอกความสำเร็จได้

  39. Good/Best Practices หมายถึง : การดำเนินงานที่เป็นระบบ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ : เป็นวิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด สามารถกำหนดเป็นมาตรฐาน : วิธีปฏิบัติ กลยุทธ์ กิจกรรมที่ส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จและมีผลงานที่ดีกว่าองค์กรทั่วไป

  40. ตรวจสอบการทำงานที่เป็นระบบด้วย DR.MP D – Definable มีการกำหนดเป็นกระบวนการ อธิบายกระบวนการต่างๆได้ R - Repeatable สามารถปฏิบัติซ้ำได้ ไม่ขึ้นกับตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง M - Measurable สามารถวัดผลการดำเนินการ/คุณค่าจากกิจกรรมต่างๆ ได้ P - Predictable สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ได้

  41. PMQA ตรวจสอบการทำงานที่เป็นระบบด้วย ADLI • A : Approach (แนวทาง) วิธีการเพื่อให้กระบวนการบรรลุผล (ความเหมาะสม ประสิทธิผล ทำซ้ำบน Fact based) • D : Deployment (การนำไปปฎิบัติ) การใช้แนวทางเพื่อตอบสนองข้อกำหนด Consistency ใช้ในทุกหน่วยที่ควรใช้ • L : Learning (การเรียนรู้) การปรับปรุงโดยใช้วงจรการประเมินและปรับปรุงการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด นวัตกรรม แบ่งปันความรู้ • I : Integration (บูรณาการ) สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร KPI + สารสนเทศ + ระบบการปรับปรุง

  42. ทำไมต้องค้นหา Good/Best Practices ?? • ต้องการตัวอย่างหรือต้นแบบที่ดีเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการปฏิบัติที่ดีในเรื่องนั้นๆ • ต้องการให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนางานให้เกิดประสิทธิภาพประสิทธิผลของงาน • ต้องการให้คนในองค์กรเกิดการเรียนรู้จากบทเรียนประสบการณ์ที่ดีที่ควรเรียนรู้ร่วมกัน • หาเบื้องหลังความสำเร็จ

  43. คุณลักษณะงานของ Best Practice 1. เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภารกิจโดยตรงของหน่วยงาน 2. สนองต่อนโยบายการแก้ปัญหา 3. การพัฒนาประสิทธิภาพของหน่วยงาน (ลดขั้นตอน ลดรอบระยะเวลาการทำงาน ลดการใช้ทรัพยากร ลดค่าใช้จ่าย) 5. การนำเทคโนโลยีมาใช้ประกอบการทำงาน 6. วิธีการริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ หรือประยุกต์ขึ้นใหม่ 7. สามารถทำแผนผังเชิงเปรียบวิธีการเก่าและใหม่ และสิ่งที่เป็นวิธีใหม่จะให้ประโยชน์อะไรที่ ดีกว่าวิธีเก่า 8. อำนวยความสะดวกในการใช้ 9. วางระบบในการให้บริการ และมีช่องทางที่หลากหลายในการให้บริการดังกล่าว 10. สามารถเทียบเคียงวิธีการทำงานลักษณะเดียวกันกับหน่วยงานอื่นได้ 11. ผลผลิต/ความสำเร็จเพิ่มขึ้น 12. ความพึงพอใจของผู้รับบริการ หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 13. สามารถนำไปใช้เป็นมาตรฐานการทำงานต่อไปได้ยั่งยืนพอสมควร 14. การพัฒนาปรับปรุงต่อไป

  44. วิธีปฏิบัติในการพัฒนาคุณภาพที่เป็น Best Practices 1. วิธีปฏิบัติที่ดำเนินการบรรลุผลได้สอดคล้องกับความคาดหวังของชุมชนหรือผู้ป่วยที่มีต่อรพ. หรือเป็นวิธีปฏิบัติที่สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคนในสถานศึกษาได้ 2. วิธีปฏิบัติที่ผ่านกระบวนการนำไปใช้อย่างเป็นวงจร จนเห็นผลอย่างชัดเจนว่า ทำให้เกิดคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือวิธีปฏิบัตินั้นมีกระบวนการ PDCAจนเห็นแนวโน้มของตัวชี้วัดความสำเร็จที่ดีขึ้น 3. โรงพยาบาลสามารถบอกเล่าถึงวิธีปฏิบัตินั้นได้ว่า “ทำอะไร” (what) “ทำอย่างไร” (how) และ “ทำไมจึงทำ หรือ ทำไมจึงไม่ทำ” (why) 4.ผลลัพธ์จากวิธีปฏิบัติที่เป็นไปตามองค์ประกอบข้อกำหนดของการพัฒนาคุณภาพเชิงระบบ 5.วิธีปฏิบัติที่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากปัจจัยสำคัญที่ชัดเจน และปัจจัยนั้นก่อให้เกิดการปฏิบัติที่ต่อเนื่องและยั่งยืน 6.วิธีปฏิบัตินั้นใช้กระบวนการจัดการความรู้(KM) เช่นการเล่าเรื่อง (Storytelling) ในการถอดบทเรียนจากการดำเนินการ

  45. ประโยชน์จากการค้นหา Good/Best Practices • มีตัวอย่าง ต้นแบบที่เป็นวิธีการหรือแนวปฏิบัติที่ดีต่อการพัฒนางาน • เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงาน • มีฐานข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเทียบเคียงผลงาน • สร้างการเรียนรู้ร่วมกันในองค์กร

  46. การค้นหา Good Practice 1. วิธีปฏิบัติ (Practices) ในการทำงานของเราเป็นอย่างไร2. ผลลัพธ์จากวิธีปฏิบัตินั้นเป็นอย่างไร3. ปัจจัยแห่งความสำเร็จ/ปัจจัยเอื้อคืออะไร

  47. นวัตกรรม (Innovation)(for Quality Improvement)

  48. ความหมายของนวัตกรรม นวัตกรรม (innovation) คือ การผลิต การเรียนรู้ การจัดการความรู้ และการใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ เพื่อให้เกิดผลดีทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการกำเนิดผลิตภัณฑ์ การบริการ กระบวนการผลิตใหม่ การปรับปรุงเทคโนโลยี การแพร่กระจายเทคโนโลยี และการใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์และเกิดผลพวงทางเศรษฐกิจและสังคม

  49. คุณลักษณะนวัตกรรมในองค์กรคุณลักษณะนวัตกรรมในองค์กร • นวัตกรรม จะเป็นผลิตภัณฑ์ กระบวนการ หรือขั้นตอน ที่ “จับต้องใช้ได้” ภายในองค์กร สำหรับ “ความคิดใหม่” อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของนวัตกรรม แต่ไม่อาจเรียกว่าเป็นนวัตกรรมได้ • นวัตกรรม จะต้องมีความใหม่ในระดับกลุ่ม ฝ่าย หรือองค์กร ในขณะที่บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องใหม่ในระดับบุคคลที่สร้างนวัตกรรมนั้นๆ • นวัตกรรม ต้องมาจาก “ความตั้งใจ” ที่ต้องการให้เกิดขึ้น มากกว่าจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ • นวัตกรรม จะต้องไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น การรับสมัครพนักงานใหม่ • นวัตกรรม จะต้องมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลกำไรให้แก่องค์กร หรือก่อเกิดประโยชน์ให้แก่สังคมในวงกว้าง ทั้งนี้นวัตกรรมจะไม่รวมถึงการทำลายล้าง วินาศกรรรม หรือการก่อการร้าย นวัตกรรม จะต้องส่งผลกระทบที่ดีต่อสาธารณะ การเปลี่ยนแปลงของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ไม่เกิดผลต่อบุคคลอื่น หรือไม่เกิดการประยุกต์ใช้ภายในองค์กร จะไม่ถือว่าเป็นนวัตกรรม

  50. Routine to Research:R2R ดร.วัลยาภรณ์ ทังสุภูติ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแพร่

More Related