1 / 23

แบบการวิจัย Research Design

แบบการวิจัย Research Design. Research Design. เป็นการเลือกวิธีการศึกษาค้นคว้า เพื่อให้ได้คำตอบของการวิจัยที่ถูกต้อง ตรงตามวัตถุประสงค์ และเชื่อถือได้มากที่สุด เพื่อควบคุมความแปรปรวนในการวิจัยหรือลดความคลาดเคลื่อนที่คิดว่าจะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด. หลักการออกแบบการวิจัย

Download Presentation

แบบการวิจัย Research Design

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. แบบการวิจัยResearch Design

  2. Research Design เป็นการเลือกวิธีการศึกษาค้นคว้า เพื่อให้ได้คำตอบของการวิจัยที่ถูกต้อง ตรงตามวัตถุประสงค์ และเชื่อถือได้มากที่สุด เพื่อควบคุมความแปรปรวนในการวิจัยหรือลดความคลาดเคลื่อนที่คิดว่าจะเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด

  3. หลักการออกแบบการวิจัยหลักการออกแบบการวิจัย เพิ่มความแปรปรวนให้แก่ตัวแปรอิสระ ให้มีค่ามากที่สุด Maximize ลดความแปรปรวนที่มาจากความคลาดเคลื่อน ให้มีค่าน้อยที่สุด Minimize ควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน Control Research Design

  4. ความเที่ยงตรงของแบบการวิจัยความเที่ยงตรงของแบบการวิจัย Internal Validity ตัวแปรต้นเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิด ความเปลี่ยนแปลงในตัวแปรตาม (จริงๆ) External Validity ผลการศึกษาวิจัยจากกลุ่มตัวอย่าง สามารถสรุป อ้างอิงไปยังประชากรได้อย่างถูกต้อง

  5. วิธีควบคุมตัวแปรแทรกซ้อนวิธีควบคุมตัวแปรแทรกซ้อน • ใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูล (ความแปรปรวนร่วม) • การกำจัดตัวแปรเกิน • ใช้กลุ่มตัวอย่างเดิมทดลองซ้ำหลาย ๆ ครั้ง • ใช้หลาย ๆ วิธีผสมผสานกัน

  6. แบบการวิจัย Research Design แบบไม่ทดลอง non experimental design แบบทดลอง experimental design

  7. การออกแบบการวิจัย การวิจัยแบบไม่ทดลอง (non experimental design) การวิจัยแบบทดลอง (experimental design) การวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive research) สิ่งที่ศึกษาเป็นคน สิ่งที่ศึกษาไม่ใช่คน (พืช สัตว์ สิ่งของ) Pre-Experiment X O / O1 X O2 • CRD • RCB • LS และอื่นๆ การวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ (correlational research) Quasi-Experiment กลุ่มทดลอง : O1 X O2 กลุ่มควบคุม :O1 O2 การวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ (causal-comparative research) True-Experiment กลุ่มทดลอง : RO1 X O2 กลุ่มควบคุม :RO1 O2

  8. การออกแบบการวิจัยแบบไม่ทดลองการออกแบบการวิจัยแบบไม่ทดลอง - เป็นการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพรรณนาลักษณะตัวอย่างของคนกลุ่มหนึ่งหรือปรากฏการณ์อันหนึ่ง - เป็นการศึกษาสภาพการณ์ตามที่ปรากฏ โดยไม่มีการจัดกระทำตัวแปรหรือสถานการณ์ใดๆ ตัวอย่าง 1. “ทัศนคติของสมาชิกต่อการดำเนินงานโครงการกองทุนหมู่บ้านหนึ่งล้านบาท” 2. “ขวัญในการปฏิบัติงานของครูในภาคใต้ของประเทศไทย” 3. “ความต้องการฝึกอบรมทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ของนักศึกษา” แบบการวิจัยเชิงพรรณนา (descriptive research design)

  9. แบบการวิจัยเชิงสหสัมพันธ์ (Correlational research design) เป็นแบบการวิจัยที่ใช้อธิบาย หรือ ทำนายความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 1. ศึกษาความสัมพันธ์เชิงบรรยาย (Explanatory approach) เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ทางสถิติระหว่างตัวแปร x กับ y โดยบรรยายความสัมพันธ์ใน 2 ประเด็นคือ ขนาดความสัมพันธ์ และทิศทางความสัมพันธ์ ตัวอย่าง “ ความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ในการทำงานกับลักษณะ บางประการของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ” 2. ศึกษาความสัมพันธ์เชิงทำนาย (Predictive approach) โดยใช้ตัวแปร x ทำนายตัวแปร y ตามสมการ y = a + bx ตัวอย่าง 1. “ทัศนคติต่ออาชีพครูกับความสำเร็จในการเข้ารับการฝึกอบรมของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเชียงใหม่ เขต 1 ” 2. “ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับเทคโนโลยีการเรียนการสอน ของครู ในจังหวัดเชียงใหม่ ”

  10. แบบการวิจัยเชิงเปรียบเทียบสาเหตุ(Causal-comparative research design) เป็นการวิจัยที่มุ่งค้นหาความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ บางครั้งเรียกว่า ex post facto research เพราะเป็นการศึกษาย้อนจากผลหรือความจริงที่ปรากฏแล้ว เพื่อค้นหาสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ จำแนกได้ 2 รูปแบบ 1. Criterion Group หรือ Causal-Comparative Model กลุ่มที่ 1 :(X) O กลุ่มที่ 2 : O ลักษณะเป็นการเปรียบเทียบกลุ่มตามตัวแปรหลัก (X) ที่คาดว่าเป็นสาเหตุให้เกิดผล O ซึ่งตัวแปร (X) เกิดขึ้นแต่ก่อนแล้วโดยผู้วิจัยไม่ได้จัดกระทำ ตัวอย่าง “เปรียบเทียบประสิทธิผลการปฏิบัติงานของครูพี่เลี้ยงที่จบการศึกษาทางปฐมวัย กับที่ไม่ได้จบการศึกษาทางปฐมวัย ในเขตพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย”

  11. การออกแบบการวิจัยแบบทดลองการออกแบบการวิจัยแบบทดลอง การออกแบบการวิจัยแบบทดลอง มีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างตัวแปรต่างๆ โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญคือ 1.มีการจัดกระทำตัวแปรอิสระที่ผู้วิจัยสนใจ (manipulation) 2.มีการควบคุมตัวแปรอิสระตัวอื่นๆ (control) 3.มีการสุ่มผู้ถูกศึกษาเข้ากลุ่มแบบสมบูรณ์ (randomization) 4.มีการเปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้น (observation) สิ่งที่ศึกษาเป็นคน

  12. สัญลักษณ์ X การให้ตัวแปรทดลอง การจัดกระทำ การทดลอง O การสังเกต การทดสอบ การวัด O1 การสังเกต การทดสอบ การวัดก่อนการทดลอง O2การสังเกต การทดสอบ การวัดหลังการทดลอง R การสุ่มตัวอย่าง Random C กลุ่มควบคุม Control Group E กลุ่มทดลอง Experimental Group

  13. แบบการวิจัยก่อนทำการทดลองแบบการวิจัยก่อนทำการทดลอง แบบหนึ่งกลุ่มวัดครั้งเดียว (The One - Shot Case Study) เป็นแบบการวิจัย 1 กลุ่มได้รับการจัดกระทำ หลังจากนั้นทำการทดสอบ Treatment Test X O ใช้วิธีสอนแบบใหม่ เพื่อจะดูผลการเรียนของเด็ก เมื่อสอนจบ แล้วจึงทำการทดสอบโดยเทียบกับเกณฑ์

  14. แบบการวิจัยก่อนทำการทดลองแบบการวิจัยก่อนทำการทดลอง แบบหนึ่งกลุ่ม วัดก่อน วัดหลัง (The One – Group Pretest-Posttest Design) เป็นแบบการวิจัย 1 กลุ่ม มีการวัดก่อน และหลังการจัดกระทำ Pretest Treatment Posttest O1 X O2 ก่อนการทดลองมีการวัดก่อน เมื่อทดลองแล้ว ทำการวัดอีกครั้ง แล้วนำผลการวัดก่อนและวัดหลังมาเปรียบเทียบดูความแตกต่าง

  15. แบบการวิจัยก่อนทำการทดลองแบบการวิจัยก่อนทำการทดลอง แบบเปรียบเทียบสองกลุ่ม ที่คงที่ (The Static – Group Comparision Design) เป็นแบบการวิจัย 2 กลุ่ม ไม่มีการสุ่ม Treatment Test E X O C O กลุ่มทดลองได้รับการจัดกระทำ กลุ่มควบคุมไม่ได้รับการจัดกระทำ เมื่อทดลองแล้ว ทำการวัดทั้งสองกลุ่มในเวลาเดียวกัน นำผลการวัดมาเปรียบเทียบความแตกต่าง

  16. แบบการวิจัยกึ่งทดลอง แบบสองกลุ่ม ไม่ได้สุ่ม มีการวัดก่อนและหลัง (The Nonrandomized Control Group Design) Pretest Treatment Posttest E O1 X O2 C O1 O2 สองกลุ่มไม่ได้รับการสุ่ม ทำการวัดก่อนทั้งสองกลุ่ม จัดกระทำกับกลุ่มทดลอง แล้วทำการวัดทั้งสองกลุ่มในเวลาเดียวกัน นำผลการวัดมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม และก่อน-หลัง

  17. แบบการวิจัยกึ่งทดลอง แบบหนึ่งกลุ่ม ศึกษาระยะยาว (The Time - Series Design) Pretest Treatment Posttest O1 O2 O3 O4 X O5 O6 O7 O8 ทำการวัดก่อนการทดลองหลายครั้ง เมื่อทำการทดลองแล้ว วัดอีกหลายครั้ง เปรียบเทียบผลที่เกิดขึ้นก่อนและหลังการทดลอง และศึกษาแนวโน้มการเปลี่ยนแปลง

  18. แบบการวิจัยกึ่งทดลอง แบบสองกลุ่ม ศึกษาระยะยาว (The Control Group Time - Series Design) Pretest Treatment Posttest E O1 O2 O3 O4 X O5 O6 O7 O8 C O1 O2 O3 O4 O5 O6 O7 O8 สองกลุ่มไม่ได้รับการสุ่ม เพิ่มกลุ่มควบคุม ทำการวัดก่อนทั้งสองกลุ่ม จัดกระทำกับกลุ่มทดลอง แล้วทำการวัดทั้งสองกลุ่มในเวลาเดียวกัน นำผลการวัดมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม และก่อน-หลัง

  19. แบบการวิจัยกึ่งทดลอง แบบหลายกลุ่มหมุนเวียน (The Counterbalanced Design / Rotation / Cross Over) Treatment Group 1 2 3 4 A X1 O X2 O X3 O X4 O B X2 O X3 O X4 O X1 O C X3 O X4 O X1 O X2 O D X4 O X1 O X2 O X3 O

  20. แบบการวิจัยกึ่งทดลอง แบบแฟคตอเรียล (Factorial Design ) มีตัวแปรต้น 2 ตัว หรือมากกว่า อย่างน้อย 1 ตัวแปรถูกจัดกระทำ แล้วศึกษาผลของตัวแปรตาม และศึกษาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

  21. แบบการวิจัยทดลองจริง แบบสองกลุ่ม วัดก่อนและวัดหลัง (The Pretest – Posttest Control Group Design) Pretest Treatment Posttest E R O1 X O2 C R O1 O2 ทำการสุ่มเข้ากลุ่มทดลอง หรือกลุ่มควบคุม ทำการวัดก่อนทั้งสองกลุ่ม จัดกระทำกับกลุ่มทดลอง แล้วทำการวัดทั้งสองกลุ่มในเวลาเดียวกัน นำผลการวัดมาเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างกลุ่ม และก่อน-หลัง

  22. แบบการวิจัยทดลองจริง แบบสองกลุ่ม วัดครั้งเดียว (The Posttest Only Control Group Design) Treatment Test E R X O2 C R O2 สองกลุ่มได้รับการสุ่มเข้ากลุ่มทดลอง หรือกลุ่มควบคุม ทำการทดลองกับกลุ่มทดลอง แล้ววัดผลทั้งสองกลุ่ม นำผลการวัดมาเปรียบเทียบความแตกต่าง

  23. แบบการวิจัยทดลองจริง แบบสี่กลุ่มของโซโลมอน (The Solomon Four – Group Design) Group Pretest Treatment Posttest 1 R O1 X O2 2 R O1 O2 3 R X O2 4 R O2 สองกลุ่มได้รับการสุ่มเข้ากลุ่มทดลอง หรือกลุ่มควบคุม ทำการทดลองกับกลุ่มทดลอง แล้ววัดผลทั้งสองกลุ่ม

More Related