1 / 43

บทที่ 1 ภาษาคอมพิวเตอร์

บทที่ 1 ภาษาคอมพิวเตอร์. อ.กรรณิการ์ แก้วเชื้อ โปรแกรมเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี. เนื้อหา. 1. 2. 3. 4. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์. การแปลภาษาคอมพิวเตอร์. แนวทางการเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์. สรุป. เกริ่นนำ.

Download Presentation

บทที่ 1 ภาษาคอมพิวเตอร์

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บทที่ 1 ภาษาคอมพิวเตอร์ อ.กรรณิการ์ แก้วเชื้อ โปรแกรมเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี

  2. เนื้อหา 1. 2. 3. 4. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์ การแปลภาษาคอมพิวเตอร์ แนวทางการเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ สรุป

  3. เกริ่นนำ • ภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Language) หมายถึง สัญลักษณ์ที่ผู้คิดพัฒนาภาษากำหนดขึ้นมาเพื่อใช้แทนคำสั่งสื่อสารสั่งงาน ระหว่างมนุษย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ

  4. พัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์พัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ X = 5 + 6PRINT X 10101010 00000001 00001001 เลขฐานสอง ข้อความภาษาอังกฤษ

  5. ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์ประเภทของภาษาคอมพิวเตอร์ ภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer Language) ประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับต่ำ ประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูง ประเภทของภาษาที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติ Windows • ภาษาเครื่อง • ภาษาแอสเซมบลี ภาษาฟอร์แทรน ภาษาเบสิก ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาล ภาษาซี ภาษาเอดา ภาษาพีแอลวัน • โปรแกรมภาษาเชิงวัตถุ

  6. ประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับต่ำประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับต่ำ • ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาที่เขียนเป็นรหัสเลขฐานสอง ซึ่งคอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ทันที กล่าวคือ จะใช้เฉพาะเลข 0 และ 1 เท่านั้น เขียนสลับกันไปมาเพื่อใช้เป็นรหัสสั่งงานให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ • ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) หรือภาษาสัญลักษณ์ (Symbolic language) จะอยู่ในรูปของสัญลักษณ์ โดยการนำตัวอักษรย่อหรือสัญลักษณ์ต่างๆมาใช้เขียนแทนตัวคำสั่ง ซึ่งจะทำให้สามารถจำและเขียนคำสั่งต่างๆได้ง่ายขึ้นกว่าภาษาเครื่อง

  7. ประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูงประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูง

  8. ประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูงประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูง

  9. ประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูงประเภทของภาษาที่จัดว่าเป็นภาษาระดับสูง

  10. ประเภทของภาษาที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติ Windows • เป็นภาษาในกลุ่มนี้เน้นการพัฒนาระบบงานในรูปแบบฐานข้อมูล ในส่วนการออกแบบรูปแบบการแสดงผล สามารถสร้างสรรค์ในเชิงงานกราฟิกได้อย่างสวยงาม สามารถใช้อุปกรณ์ประเภทเมาส์ในการป้อนข้อมูลเข้าระบบ และเลือกคำสั่งงานส่วนติดต่อกับผู้ใช้ได้

  11. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ • ตัวแปรภาษา (Translator Program)เป็นส่วนที่ใช้ในการแปลรหัสคำสั่งของภาษาคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อแปลงให้เป็นเลขฐานสอง (ภาษาเครื่อง)

  12. ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ • ลักษณะการทำงานของตัวแปรภาษา • การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาที่ใช้ภาษาเครื่อง จะถูกเรียกว่า โปรแกรมต้นฉบับ (Source Program) เมื่อบันทึกโปรแกรมลงสื่อบันทึกข้อมูล เครื่องจะกำหนดชนิดของโปรแกรม (Type) ตามข้อกำหนดของแต่ละภาษาที่สร้างโดยอัตโนมัติ เช่น ภาษาซีจะมีชนิดเป็น C หรือภาษา C++ ที่จะมีชนิดเป็น CPP มีหน้าที่แปลชุดคำสั่งที่ใช้ในรูปแบบคำสั่งที่ภาษานั้น ๆ กำหนดไว้ ให้เป็นโปรแกรมภาษาเครื่อง (Object Program) ซึ่งเป็นภาษาเดียวที่เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถปฏิบัติตามคำสั่งได้ หลังจากแปลโปรแกรมต้นฉบับแล้ว เครื่องคอมพิวเตอร์ก็จะทำการสร้างโปรแกรมเพิ่มขึ้นอีก 1 โปรแกรม ให้มีชนิดของโปรแกรมเป็นชนิด .EXE หรือ .OBJ เพื่อใช้ทำงานในลักษณะของภาษาต่อไป

  13. ในการพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์นั้น โปรแกรมเมอร์จะเขียนโปรแกรมในภาษาคอมพิวเตอร์แบบต่าง ๆ ตามแต่ความชำนาญของแต่ละคน โปรแกรมที่ได้จะเรียกว่า โปรแกรมต้นฉบับหรือซอร์สโปรแกรม (source program) ซึ่งมนุษย์จะอ่านโปรแกรมต้นฉบับนี้ได้แต่คอมพิวเตอร์จะไม่เข้าใจคำสั่งเหล่านั้น จึงต้องมีการใช้โปรแกรม ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์ (Translator) ในการแปลภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาต่าง ๆ ไปเป็นภาษาเครื่องโปรแกรมที่แปลจากโปรแกรมต้นฉบับแล้วเรียกว่า ออบเจคโปรแกรม (object program) ซึ่งจะประกอบด้วยรหัสคำสั่งที่คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจและนำไปปฏิบัติได้ต่อไป

  14. ประเภทของตัวแปรภาษาคอมพิวเตอร์ประเภทของตัวแปรภาษาคอมพิวเตอร์ Assembler ตัวแปรภาษา Compiler Interpreter

  15. โปรแกรมแปลภาษาแบบแอสเซมบลีโปรแกรมแปลภาษาแบบแอสเซมบลี • แอสเซมบลี (assembler) เป็นตัวแปลภาษาที่ออกแบบมาเพื่อใช้แปลคำสั่งเฉพาะภาษาแอสเซมบลีเท่านั้น ซึ่งจะทำหน้าที่แปลรหัสคำสั่งเป็นภาษาเครื่อง

  16. โปรแกรมแปลภาษาแบบคอมไพเลอร์โปรแกรมแปลภาษาแบบคอมไพเลอร์ • คอมไพเลอร์ (Compiler) ทำหน้าที่แปลโปรแกรมต้นฉบับที่เขียนด้วยภาษาระดับสูง เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาโคบอล และภาษาฟอร์แทรนให้เป็นภาษาเครื่อง • หลักการทำงานจะแปลโปรแกรมต้นฉบับ ทั้งโปรแกรมให้เป็นรหัสออบเจ็กต์ (Object Code) ในระหว่างการแปลข้อมูลรหัส หากพบข้อผิดพลาด จะแสดงข้อความแจ้งข้อผิดพลาดที่จอภาพ และหยุดการแปล เมื่อผู้เขียนโปรแกรมแก้ไขข้อผิดพลาดเรียบร้อยแล้วให้ทำการแปลใหม่ ถ้าไม่มีข้อผิดพลาดจะได้โปรแกรมใหม่ที่เรียกว่า โปรแกรมออบเจ็กต์ • หลังจากนั้นนำโปรแกรมออบเจ็กต์ที่ได้ไปลิงค์เข้ากับระบบหรือไลบราลี ได้ผลลัพธ์มาเป็นภาษาเครื่อง แล้วจึงนำภาษาเครื่องไปสั่งให้เครื่องทำงานตามคำสั่ง

  17. โปรแกรมแปลภาษาแบบคอมไพเลอร์ (Compiler) • ข้อดี • สามารถทำการแปลคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว • ข้อเสีย • ต้องเขียนโปรแกรมให้ครบทุกส่วนของโคงสร้างภาษาคอมพิวเตอร์ที่เลือกใช้งานก่อน

  18. โปรแกรมแปลภาษาแบบอินเตอร์พรีเตอร์ • อินเตอร์พรีเตอร์ (interpreter) เป็นโปรแกรมแปลภาษาที่ทำหน้าที่แปลโปรแกรมภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง เช่นเดียวกับคอมไพเลอร์ แต่จะแปลโปรแกรมพร้อมกับทำงานตามคำสั่งทีละคำสั่งตลอดไปทั้งโปรแกรม ทำให้การแก้ไขโปรแกรมกระทำได้ง่าย และรวดเร็ว การแปลโดยใช้อินเตอร์พรีเตอร์จะไม่สร้างโปรแกรมเรียกใช้งาน ดังนั้นจะต้องทำการประมวลผลคำสั่งใหม่ทุกครั้งที่มีการเรียกใช้งาน ตัวอย่างภาษาที่ใช้ตัวแปลอินเตอร์พรีเตอร์ เช่น ภาษาเบสิก (BASIC)

  19. โปรแกรมแปลภาษาแบบอินเตอร์พรีเตอร์โปรแกรมแปลภาษาแบบอินเตอร์พรีเตอร์ • ข้อดี คือสามารถสั่งแสดงผลการทำงานได้ทันที โดยไม่ต้องเขียนชุดคำสั่งให้จบทั้งโปรแกรม ส่วนใหญ่นิยมใช้กับภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบการเขียนโปรแกรมแบบไม่มีโครงสร้าง • ข้อเสีย คือจากการที่ไม่มีโปรแกรมที่แปลรหัสแล้วเก็บไว้ หากเขียนโปรแกรมยาวมาก ๆ ก็จะทำให้การประมวลผลทำได้ช้า หากโปรแกรมเพราะต้องเริ่มอ่านคำสั่งจากจุดเริ่มของโปรแกรมทุกครั้งที่มีการประมวลผล

  20. แนวทางการเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์แนวทางการเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ • การพัฒนาระบบงานเดิม เป็นการทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ต้องมีการพัฒนางานโปรแกรมขึ้นมาด้วยการใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันมีมากมายหลายภาษา แนวทางการเลือกใช้งานของแต่ละภาษาที่นิยมใช้งาน มีดังนี้ • 1. ภาษาแอสเซมบลี • 2. ภาษาฟอร์แทรน • 3. ภาษาเบสิก • 4. ภาษาโคบอล • 5. ภาษาปาสคาล • 6. ภาษาซี • 7. ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ

  21. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) • ภาษาแอสเซมบลีมีลักษณะของภาษาในรูปของการใช้รหัสช่วยจำ (mnemonic code) แทนตัวเลขฐานสองของภาษาเครื่องจักรทำให้เข้าใจง่ายขึ้นกว่าภาษาเครื่องหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นภาษาสัญลักษณ์ซึ่งมีโครงสร้างของภาษาใกล้เคียงกับภาษาเครื่องจักรมากภาษาแอสเซมบลีจะประกอบด้วย 2 ส่วนคือ op-code หรือรหัสตัวดำเนินการเช่น A แทนการบวก (Add) และ Openand หรือตัวที่ถูกดำเนินการซึ่งจะใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษแทนตำแหน่งที่อยู่ในหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลไว้ตัวอย่างเช่น

  22. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) คำสั่งของภาษาสัญลักษณ์ A X Y ความหมายของคำสั่งคือให้บวกค่าข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจำตำแหน่งที่X กับค่าข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจำตำแหน่งที่Y เข้าด้วยกัน A หมายถึงให้บวกค่าข้อมูล X หมายถึงตำแหน่งในหน่วยความจำของค่าข้อมูลตัวตั้ง Y หมายถึงตำแหน่งในหน่วยความจำของค่าข้อมูลตัวตั้งบวก

  23. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) ข้อดีของภาษาแอสเซมบลี เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในการเรียนการสอนเพื่อศึกษาการทำงานของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ในระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์และฝึกทักษะการเขียนชุดคำสั่งควบคุมการทำงานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ข้อจำกัดของภาษาแอสเซมบลี 1. เป็นภาษาที่ผู้เขียนต้องจำสัญลักษณ์ที่ใช้แทนคำสั่งต่างๆรวมทั้งต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์ปัจจุบันผู้ใช้ภาษาแอสเซมบลีจึงเป็นกลุ่มผู้ใช้งานเฉพาะด้านและมีจำนวนไม่มาก 2. เมื่อเปลี่ยนไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นก็จะต้องเปลี่ยนชุดคำสั่งตามชนิดของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานนั้นด้วย

  24. ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) เป็นภาษาระดับสูงที่ใช้เขียนคำสั่งงานเพื่อควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เช่นเครื่องเมนเฟรม (Mainframe Computer) เป็นภาษาที่ใช้แก้ปัญหาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ภาษา FORTRAN จึงเหมาะสำหรับเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับสูตรสมาการหรือฟังก์ชันทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ตัวอย่างของภาษา FORTRAN บางส่วนมีดังนี้

  25. ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) • READ X • IF((X.GT.0) .AND. (X.LT.100)) THEN • PRINT *, ‘VALUE OF X IS :’,X • ELSE • PRINT * , ‘X IS NOT BETWEEN 0 AND 100’ • ความหมายของคำสั่งงาน • READ X หมายถึงการอ่านค่าลงในตัวแปรชื่อ X • IF((X.GT.0) .AND. (X.LT.100)) THEN หมายถึงการตรวจสอบค่า X ที่อ่านค่า • เข้ามาว่าอยู่ระหว่า 0-100 หรือไม่ถ้าใช่ให้ทำคำสั่งหลัง THEN ถ้า • ไม่ใช่ให้ทำคำสั่งหลัง ELSE • PRINT *, ‘VALUE OF X IS :’,X หมายถึงให้พิมพ์ทั้งประโยคด้วยข้อความที่ • กำหนดแล้วตามด้วยค่าของตัวแปร X ที่อ่านเข้ามา • PRINT * , ‘X IS NOT BETWEEN 0 AND 100’ หมายถึงพิมพ์ทั้งประโยค • โดยแสดงค่าของ X ก่อนประโยคข้อความ

  26. ภาษาฟอร์แทรน (FORTRAN) ข้อดีของภาษาฟอร์แทรน เป็นภาษาที่มีคำสั่งงานเน้นประสิทธิภาพด้านการคำนวณวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์รวมทั้งคำสั่งควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เครื่องเมนเฟรม ข้อจำกัดของภาษาฟอร์แทรน เนื่องจากคำสั่งงานเหมาะสำหรับการควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เมื่อนำมาประยุกต์ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กจะต้องปรับใช้คำสั่งมากมายรวมทั้งเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องประมวลผลก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบคำสั่งทุกครั้ง

  27. ภาษาเบสิก (BASIC) เป็นภาษาระดับสูงที่พัฒนาขึ้นมาโดยมุ่งเน้นการควบคุมเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการเรียนการสอนเพื่อฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์รูปแบบคำสั่งงานประยุกต์มาจากข้อความภาษาอังกฤษที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวันที่ใช้งานกันอยู่แล้วทำให้การเขียนคำสั่งงานง่ายขึ้นตัวอย่างเช่น

  28. INPUT X IF X > 0 AND X < 100 THEN PRINT “VALUE OF X IS :” ; X ELSE PRINT “X IS NOT BETWEEN 0 AND 100” END IF ความหมายของคำสั่งงาน INPUT X หมายถึงการอ่านค่าลงในตัวแปรชื่อ X IF X > O AND X < 100 THEN หมายถึงการตรวจสอบค่า X ที่อ่านค่า เข้ามาว่าอยู่ระหว่า 0-100 หรือไม่ถ้าใช่ให้ทำคำสั่งหลัง THEN ถ้าไม่ใช่ให้ทำคำสั่งหลัง ELSE PRINT “VALUE OF X IS : “; X หมายถึงการตรวจสอบค่า X ที่อ่านค่า เข้ามาว่าอยู่ระหว่า 0-100 หรือไม่ถ้าใช่ให้ทำคำสั่งหลัง THEN ถ้าไม่ใช่ให้ทำคำสั่งหลัง ELSE PRINT “X IS NOT BETWEEN 0 AND 100” หมายถึงพิมพ์ทั้งประโยค โดยแสดงค่าของ X ก่อนประโยคข้อความ

  29. ภาษาเบสิก (BASIC) ข้อดีของภาษาเบสิก คือชุดคำสั่งงานมีรูปแบบการใช้งานง่ายและสั้นทำให้ผู้ใช้งานสะดวกในการนำไปใช้งานในด้านการพัฒนาระบบงานและงานอื่นๆทั่วไปทั้งด้านงานคำนวณในระบบงานทางธุรกิจและงานด้านวิทยาศาสตร์อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้เริ่มฝึกทักษะการเขียนโปรแกรมอีกด้วย ข้อจำกัดของภาษาเบสิก คือเป็นภาษาที่มีรูปแบบของภาษาแบบ“ไม่มีโครงสร้าง”ซึ่งไม่เหมาะกับระบบงานขนาดใหญ่ๆ

  30. ภาษาโคบอล (COBOL) เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงในยุคแรกที่มีการออกแบบการเขียนโปรแกรมแบบโครงสร้าง (Structured Program) เน้นการเขียนคำสั่งควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่เช่น“คอมพิวเตอร์รุ่นเมนเฟรมและมินิ”เหมาะสำหรับงานทางด้านธุรกิจและพาณิชยกรรมที่มีการประมวลผลข้อมูลจำนวนมากตัวอย่างลักษณะการเขียนคำสั่งมีดังนี้

  31. ภาษาโคบอล (COBOL) IDENTIFICATION DIVISION. PROGRAM-ID. SIMPLE_PROGRAM. ENVIRONMENT DIVISION. CONFIGURATION SECTION. INPUT-OUTPUT SECTION. FILE-CONTROL. SELECT data ASSIGN TO DISK. DATA DIVISION. FILE SECTION. PROCEDURE DIVISION. …

  32. ภาษาโคบอล (COBOL) ความหมายของคำสั่งงาน ภาษาโคบอลเป็นภาษาที่มีโครงสร้างทางภาษาที่ชัดเจนโดยมีการแบ่งส่วนของโปรแกรมเป็น 4 ส่วนหรือ 4 Divisions ซึ่งในแต่ละ Division ก็สามารถแบ่งเป็น section ได้อีกตามความจำเป็นที่ต้องใช้งานในโปรแกรม สำหรับการใช้ภาษาโคบอลเขียนโปรแกรมนั้นผู้เขียนโปรแกรม (Programmer) จะต้องเขียนโปรแกรมยาวมากทำให้เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นขณะทำการแปรชุดคำสั่งมักจะหาตำแหน่งที่ผิดพลาดของคำสั่งได้ยาก

  33. ภาษาโคบอล (COBOL) ข้อดีของภาษาโคบอล คือเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสำหรับการนำไปพัฒนาระบบงานทางด้านธุรกิจที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไม่ใช่ไมโครคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะระบบงานที่ต้องมีการพิมพ์รายงานเป็นประจำหรือใช้กับระบบงานที่มีการเชื่อมการทำงานไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ข้อจำกัดของภาษาโคบอล คือไม่เหมาะสำหรับการนำไปพัฒนาระบบงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กชุดคำสั่งต้องเขียนยาวมากและแก้ไขยากใช้เวลาในการพัฒนาโปรแกรมนานอีกทั้งยังทำให้การแก้ไขข้อผิดพลาดของโปรแกรมทำได้ยากอีกด้วย

  34. ภาษาปาสคาล (PASCAL) เป็นภาษาระดับสูงที่ได้รับการพัฒนาเพื่อให้สามารถนำมาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กได้และเป็นภาษาที่มีลักษณะโปรแกรมแบบโครงสร้างนิยมนำไปใช้ในการพัฒนาระบบงานทั่วไปอย่างกว้างขวางรวมทั้งงานทางด้านการเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับสูตรสมการและฟังก์ชันทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เพราะการเขียนคำสั่งงานง่ายใช้เวลาน้อยในการศึกษาวิธีการเขียนคำสั่งงานตัวอย่างของคำสั่งงานในภาษาปาสคาลมีดังนี้

  35. PROGRAM sample; USES CRT; VAR a , b , c : INTEGER; BEGIN readLn ( a ); readLn ( b ); C := a + b; writeln (c); END. ความหมายของคำสั่งงาน จากตัวอย่างโปรแกรมแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างของภาษาปาสคาลที่มีการกำหนดจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดทุกครั้งทำให้ภาษาปาสคาลถูกเรียกว่าเป็นภาษาแบบโครงสร้างที่มีความเป็นระเบียบอย่างมากโปรแกรมตัวอย่างนี้เป็นการอ่านข้อมูลผ่านทางคีย์บอร์ดเพื่อนำข้อมูลเข้ามาทำการประมวลผลแล้วจึงแสดงผลลัพธ์ออกทางจอภาพ

  36. ภาษาปาสคาล (PASCAL) ข้อดีของภาษาปาสคาล คือเป็นภาษาที่มีลักษณะเป็นโครงสร้างทำให้ง่ายต่อการศึกษาวิธีการใช้งานเหมาะสำหรับงานทั่วไปทั้งงานทางด้านธุรกิจและงานด้านการคำนวณทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และวิศวกรรมจึงนิยมนำไปใช้ในการเรียนการสอนสำหรับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรม ข้อจำกัดของภาษาปาสคาล เนื่องจากเป็นภาษาที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้ในการเรียนการสอนทำให้ภาษาปาสคาลขาดคุณสมบัติหลายๆอย่างในการนำไปใช้งานจริง

  37. ภาษาซี (C) เป็นภาษาระดับสูงที่มีลักษณะโปรแกรมแบบโครงสร้างอีกภาษาหนึ่งที่ได้รับความนิยมนำไปใช้ในงานพัฒนาระบบงานเนื่องจากมีคำสั่งในการเข้าถึงการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์โดยตรงตัวอย่างคำสั่งงานของภาษาซีมีดังนี้

  38. ภาษาซี (C) # include <stdio.h> void main() { printf(“Hello world”); getch(); } ความหมายของคำสั่งงาน หมายถึงการสั่งให้พิมพ์คำว่า“Hello world”ออกทางจอภาพจากนั้นให้รอรับการป้อนค่าใดๆ 1 ค่าจากคีย์บอร์ดจึงจะจบการทำงานของโปรแกรม

  39. ภาษาซี (C) ข้อดีของภาษาซี คือ เป็นภาษาระดับสูงที่เหมาะสำหรับการพัฒนาระบบงานเชิงคำนวณทั่วไปนอกจากนี้ภาษาซียังเป็นภาษาที่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยตรงและมีคำสั่งที่สามารถเชื่อมโยงการใช้งานกับโปรแกรมภาษาแอสเซมบลีได้ ทำให้ภาษาซีเป็นภาษาที่มีประสิทธิภาพการในการประมวลผลงานได้อย่างรวดเร็วทำให้ภาษาซีเหมาะสำหรับงานผลิตซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ข้อจำกัดของภาษาซี คือ มีบางคำสั่งที่คล้ายภาษาสัญลักษณ์จึงยากต่อการจำรวมทั้งมีรูปแบบคำสั่งกฎเกณฑ์การใช้งานมากจึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเขียนโปรแกรม

  40. ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Language) คือภาษาที่มีกลไกสนับสนุนการสร้างวัตถุหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าระบบเพื่อใช้ในการสร้างโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Programming) ที่ประกอบขึ้นจากระบบที่ทำงานเกี่ยวข้องกันจำนวนมากภาษา Smalltalk ที่พัฒนาโดยกลุ่มนักค้นคว้าของบริษัท Xerox นับว่าเป็นภาษาที่เน้นการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุอย่างแท้จริงเป็นภาษาแรกนอกจากนี้ภาษาซีก็ได้ถูกพัฒนาให้เป็นโปรแกรมเชิงวัตถุด้วยเช่นกันโดยใช้ชื่อว่าภาษา C++ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดย Bjarne Stroutrup จากบริษัท AT&T นอกจากนี้ภาษา FORTRAN90, Ada95, Modula-3 และ Prolog II ก็ถูกพัฒนาให้สนับสนุนโปรแกรมเชิงวัตถุด้วยเช่นกันแต่ภาษา Eiffel และภาษา Smalltalk ก็เป็นอีกภาษาหนึ่งที่ถูกออกแบบมาโดยเน้นการคิดแบบเชิงวัตถุเป็นหลักซึ่งทำให้ผู้ใช้ต้องคิดและเขียนโปรแกรมเป็นเชิงวัตถุทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

  41. ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object-Oriented Language) ข้อดีของภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ คือสามารถพัฒนาระบบงานขนาดใหญ่ที่มีลักษณะการเขียนโปรแกรมแบบแบ่งเป็นส่วนย่อยหรือเรียกว่า“โมดูล”ภาษาในกลุ่มนี้มีการออกแบบคำสั่งงานในรูปแบบของเครื่องมืออำนวยความสะดวกที่เรียกว่า“ทูล”เพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถคลิกเมาส์เพื่อเลือกคำสั่งงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็วโดยไม่ต้องจดจำคำสั่งทุกคำสั่งและมีคำสั่งงานที่เอื้อต่อการแสดงผลในลักษณะกราฟิกได้อย่างสวยงามและมีประสิทธิภาพ ข้อจำกัดของภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ คือคำสั่งงานจะมีลักษณะเชิงกราฟิกส่งผลให้รูปแบบการเขียนคำสั่งมีข้อความการสั่งงานที่มีความยาวมากรายละเอียดรูปแบบการนำคำสั่งงานไปใช้งานมีมากและหลายลักษณะรวมทั้งการวิเคราะห์ระบบงานพัฒนาโปรแกรมเปลี่ยนไปเป็นการมองเชิงวัตถุดังนั้นการใช้งานโปรแกรมกลุ่มนี้ให้มีประสิทธิภาพผู้ใช้งานควรมีพื้นฐานความรู้ในทักษะการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาระดับสูงมาก่อน

  42. Thank You ! www.themegallery.com

  43. แบบฝึกหัด • 1. ให้นักศึกษานิยามความหมายของคำว่า “ภาษาคอมพิวเตอร์” ตามความคิดของนักศึกษา • 2. การพิจารณาคัดเลือกใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ในการพัฒนาระบบงานนั้น ผู้ดำเนินการพัฒนาโปรแกรมต้องวิเคราะห์คัดเลือกโดยใช้องค์ประกอบใดบ้าง • 3. ในการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใช้งานนั้น เห็นได้ว่ามีการพัฒนาตัวแปลภาษาขึ้นมาใช้งานด้วย ให้นักศึกษาอธิบายถึงความสำคัญของตัวแปลภาษาที่มีต่อภาษาคอมพิวเตอร์ • 4. อธิบายลักษณะการทำงานของตัวแปลภาษาประเภทคอมไพเลอร์ • 5. อธิบายลักษณะการทำงานของตัวแปลภาษาประเภทอินเตอร์พรีเทอร์

More Related