1 / 13

อะไรจะเกิด พร้อมเศรษฐกิจฟื้น ?

N. S. P. MD SAYS “ อวตาร ”. เกร็ดเล็กๆ กับการ Fumigate. ททท . ตั้งเป้าปี 53 ดูดเงินนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 6 แสนล้าน. อะไรจะเกิด พร้อมเศรษฐกิจฟื้น ?. ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนกฎเหล็กดันเงินไหลออก. ข้าวนึ่งพระเอกส่งออก ปี 2552/2553.

aisha
Download Presentation

อะไรจะเกิด พร้อมเศรษฐกิจฟื้น ?

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. N S P MD SAYS “ อวตาร ” เกร็ดเล็กๆ กับการ Fumigate ททท.ตั้งเป้าปี 53 ดูดเงินนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 6 แสนล้าน อะไรจะเกิด พร้อมเศรษฐกิจฟื้น ? ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนกฎเหล็กดันเงินไหลออก ข้าวนึ่งพระเอกส่งออก ปี 2552/2553 ยอดสั่งซื้อต่างชาติเพียบ ความเชื่อมั่นพุ่งสูงรอบ 4 ปี กลยุทธ์ส่งสินค้าไทยไปตะวันออกกลาง ข่าวสาร SNP ฉบับที่ 111 WWW.SNP.CO.TH

  2. S S “ อวตาร ” N N ในที่สุด ภาพยนตร์เรื่องอวตารก็ได้ลาโรงออกไป ซึ่งถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สื่อมวลชนและผู้ชมกล่าวขวัญกันมากเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงท้ายของภาพยนตร์ที่ถือว่าเป็นช่วงที่ตื่นเต้นมากที่สุด เป็นช่วงที่ตัวแทนของมนุษย์โลกตัดสินใจบุกเพื่อเข้ายึดครองพื้นที่ของชนเผ่านาวีที่อยู่บนดาวแพนโดรา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อครอบครองทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าบนดาวดวงนั้น ตอนที่มนุษย์โลกตัดสินใจจู่โจมในช่วงท้ายของภาพยนตร์ ผู้ชมต่างเอาใจช่วยชนเผ่านาวีกันอย่างออกหน้าเหมือนดั่งกับว่าผู้ชมเองก็เป็นชนเผ่านาวีไปด้วย ผู้ชมอาจลืมไปว่าตามเนื้อเรื่องของภาพยนตร์นั้น มนุษย์โลกได้ขุดเอาทรัพยากรธรรมชาติบนโลกของตนเองขึ้นมาใช้ ขึ้นมาผลิตเป็นสินค้าไฮเทคในรูปแบบต่าง ๆ มากมายเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์ในการดำรงชีวิตประจำวันให้สะดวกสบายขึ้นและให้ดีขึ้น การขุดและการใช้เป็นเหตุให้ทรัพยากรธรรมชาติของโลกมนุษย์ไม่เพียงพอ การบุกสำรวจดาวดวงใหม่เช่นดาวแพนโดราจึงเกิดขึ้น เกิดความต้องการที่จะยึดครอง จนในที่สุดนำไปสู่การโจมตีเพื่อที่จะยึดครองในตอนท้าย P P ต่อหน้า 2

  3. ผู้ชมภาพยนตร์คงลืมไปว่า ผู้ชมเองก็เป็นมนุษย์โลก ผู้เองชมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องการใช้สินค้าไฮเทคในชีวิตประจำวันที่มีจำนวนมากขึ้นและมากขึ้น เมื่อมนุษย์โลกมีความต้องการ (Demand) มากขึ้น ก็ต้องมีมนุษย์อีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้จัดหา (Supply) เพื่อสนองความต้องการเหล่านั้นตามหลักเศรษฐศาสตร์ เมื่อคนกลุ่มหนึ่งสามารถขุดทรัพยากรธรรมชาติขึ้นมาใช้ ขึ้นมาผลิตเป็นสินค้าได้ คนอีกหลายกลุ่มที่มีจำนวนมากก็ย่อมจะขุด ย่อมจะนำมาใช้ตาม แม้ทรัพยากรธรรมชาติบางประเภทจะมีกฎหมายคอยกำกับ คอยควบคุมการขุด การใช้ แต่ก็จะมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่สามารถหลบเลี่ยงและลักลอบเพื่อนำไปสนองความต้องการที่มีมากขึ้นจนได้ เมื่อคนกลุ่มหนึ่งทำได้ คนอีกหลายกลุ่มก็จะหลบเลี่ยงและลักลอบเพื่อทำตาม การทำลายล้างทรัพยากรบนพื้นโลกมนุษย์จึงเกิดขึ้นและเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนเกิดการขาดแคลน มนุษย์จะมีความต้องการ (Demand) มากขึ้นและมากขึ้นในสินค้าอุปโภค บริโภค และเครื่องอำนวยความสะดวกในแต่วันอย่างไม่รู้ตัว การจัดหาเพื่อตอบสนอง (Supply) ก็จะมีมากขึ้นและมากขึ้นเป็นเงาตามตัวตามหลักเศรษฐศาสตร์ จนนำไปสู่การทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน การควบคุมสินค้านำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศ ก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่รัฐบาลแต่ละประเทศนำขึ้นมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมต่าง ๆ ที่รวมไปถึงการควบคุมการขุด และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติไว้ด้วย แต่ในที่สุดเมื่อมีผู้บริโภคต้องการสินค้าเหล่านั้นมากขึ้น ผู้ประกอบการก็ต้องจัดหามากขึ้น ทั้งนี้เพราะเป้าหมายของผู้ประกอบการทางเศรษฐศาสตร์คือการผลิตหรือการจัดหาที่สามารถสนองต่อความต้องการได้และต้องเป็นการตอบสนองได้อย่างสูงสุด การหลบเลี่ยงและการลักลอบจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา S N P ต่อหน้า 3

  4. กฎหมายและบทลงโทษจำนวนมากที่ถูกหนดขึ้นเกี่ยวกับการควบคุมสินค้านำเข้าและส่งออกก็ล้วนมีสาเหตุมาจากมนุษย์มีความต้องการเพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น จนเกิดการจัดหาเพื่อสนองความต้องการ เกิดการหลบเลี่ยงและลักลอบ และสุดท้ายนำไปสู่มาตรการการควบคุมในที่สุด หากภาพยนตร์เรื่องอวตารจะกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในอนาคตหากผู้ชมภาพยนตร์เรื่องอวตารสามารถเข้าใจในประเด็นความต้องการของตนที่นำไปสู่การขุดใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั้งมือ จนเกิดการควบคุม เกิดการหลบเลี่ยง และเกิดการลักลอบ ผู้ชมภาพยนตร์ที่ส่งใจไปช่วยชาวนาวีบนดวงดาวแพนโดราในตอนท้ายของหนังก็จะเข้าใจได้เองว่าแท้จริงแล้วผู้ชมภาพยนตร์เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องการใช้ทรัพยากร ธรรมชาติเหล่านั้น จนเกิดคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปรุกรานเพื่อนำมาสนองให้แก่ผู้ชม ในทำนองเดียวกันการหลบเลี่ยงและการลักลอบเพื่อนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศก็ล้วนเกิดจากผู้บริโภคจำนวนมากมีความต้องการที่มากขึ้น และมากขึ้น จนเกิดการจัดหา เกิดผู้จัดหาเพื่อสนองความต้องการนั้น และเกิดความหายนะหากปราศจากการควบคุมอย่างจริงจังจากหน่วยงานของรัฐตามมาอันไม่ต่างจากเรื่องราวในภาพยนตร์อวตารทั้งสิ้น S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  5. เกร็ดเล็กๆ กับการ Fumigate S เป็นที่ทราบกันอยู่ว่า ปกติในการส่งออกสินค้าที่มีส่วนประกอบเป็นไม้หรือมีพาเลทเป็นไม้ ก็จะต้องมีการรมยาที่เนื้อไม้ เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและแมลงศัตรูพืช ส่วนใหญวิธีที่นิยมทำกันก็คือการรมด้วยสารเคมี ซึ่งเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า มีวิธีอื่นหรือไม่ ในการรักษาเนื้อไม้และสามารถป้องกันแมลงหรือศัตรูพืชอื่นๆได้ จากที่ได้ลองค้นหาข้อมูลในต่างประเทศก็ยังมีวิธีการอีกมากมายที่สามารถใช้ในการรักษาไม้ ตัวอย่างเช่น การใช้น้ำมันจากฟืน(Coal-Tar Creosote) เป็นการใช้น้ำมันดินสกัดที่ได้จากถ่านหิน ซึ่งเป็นวิธีโบราณที่ใช้ในการอบเสาโทรศัพท์หรือรางรถไฟ หรือการใช้น้ำมันจากฝ้าย(Linseed oil)ที่ประเทศนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย สำหรับประเทศไทยก็ยังมีวิธีการอื่น ที่ใช้ในการรักษาเนื้อไม้นอกเหนือจากการรมยาที่ทำกันโดยทั่วไป ก็จะมีวิธีการอบด้วยความร้อน (Heat-Treatment) ซึ่งเป็นการนำไม้มาผ่านวิธีการอบด้วยความร้อนจนแกนกลางของไม้ได้รับความร้อนไม่น้อยกว่า 56 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที หากนำไม้นั้นอบแห้งอัดน้ำยาด้วยแรงอัดหรือวิธีอื่นๆ ก็จะต้องให้แกนกลางไม้ได้รับความร้อนไม่น้อยกว่า 56 องศาเซลเซียส เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที จึงจะได้รับการพิจารณาว่าผ่านวิธีปฏิบัติด้วยการอบด้วยความร้อน ซึ่งข้อดีของมีรมไม้ด้วยวิธีนี้ มีข้อดีคือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถควบคุมได้ง่าย และจะเป็นการทำทรีทเมนท์อย่างถาวรของอายุบรรจุภัณฑ์ ซึ่งแตกต่างกับวิธีรมยาด้วยสารเคมีซึ่งจะมีอายุของยาตามชนิดของยาที่รม และข้อดีอย่างที่สุดของวิธีนี้คือ เหมาะกับสินค้าด้านเกษตรและที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เพราะวิธีนี้จะไม่มีสารพิษมาเกี่ยวข้องเลย แต่ข้อเสียของมันก็มีอยู่มากเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ต้นทุนและระยะเวลาที่จะต้องมากขึ้นเนื่องจากการอบด้วยความร้อน ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ประกอบการ สำหรับการวิเคราะห์ว่าสินค้าของท่านนั้น เหมาะสมกับวิธีการนี้หรือไม่ แต่อย่างน้อย ในสัปดาห์นี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเปิดแนวคิดใหม่ๆของการรมยาไม้ ให้กว้างมากขึ้น ไม่มากก็น้อย N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  6. ททท.ตั้งเป้าปี 53 ดูดเงินนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 6 แสนล้าน S “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สรุปสถานการณ์การท่องเที่ยวช่วงสิ้นปี 2552 และทิศทางในปี 2553 ว่า ช่วงเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ได้เห็นการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่าง ชัดเจน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในเดือน ธ.ค. 52 สูงกว่าในปีที่ผ่านมาถึง 74% และเมื่อเทียบกับเดือน ธ.ค. 50 ซึ่งเป็นปีที่มีสถานการณ์ปกติ เพิ่มขึ้น 6% จึงมั่นใจว่าตลอดทั้งปี 52 จะได้นักท่องเที่ยวถึง 14 ล้านคนแน่นอน” ในความเป็นจริงแล้ว ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนทั่วโลก เนื่องด้วยธรรมชาติ วัฒนธรรม อาหาร และอัธยาศัยของผู้คนที่เป็นที่น่าประทับใจ และโดดเด่นกว่าประเทศใดๆ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเสียตำแหน่งแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมให้กับประเทศอื่นไป อันดับก็ยังร่วงเอาๆ แบบกู่ไม่กลับ เหตุผลทั้งหลายทั้งปวง ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า เกิดจากสภาพความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ ทำให้ประเทศไทยขาดรายได้จากส่วนนี้ไปอีกบานตะไท ดังนั้น การที่ ททท. หรือหน่วยงานใดที่ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการตั้งเป้าของปี 53 ว่าจะโตเท่านั้น ขยายตัวเท่านี้ แต่ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่เราไม่สามารถลืมได้เลยนั้นก็คือ ความเชื่อมั่นในประเทศไทยของสายตาชาวโลกล่ะ? N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  7. อะไรจะเกิด พร้อมเศรษฐกิจฟื้น ? S รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจคนใหม่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี เปิดตัวการเข้ามารับหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจไทยพร้อมกับโมเดลการฟื้นของเศรษฐกิจไทยรูปแบบใหม่ “ไปป์ เชพ (Pipe Shape) หรือการฟื้นของเศรษฐกิจที่มีส่วนตกท้องช้างยาวนานกว่า วีเชพ (V-Shape) แต่ฟื้นขึ้นเร็วกว่ายู เชพ (U-Shape) ที่ตกท้องช้างยาวนาน เล่นเอาทีมเศรษฐกิจรัฐบาลเดิม ที่นำทัพโดย นายกรัฐมนตรี “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” และทีมงาน 2 ก.ไก่ ประกอบด้วย รมว.คลัง “กรณ์ จาติกวณิช” และอดีตรองนกยกฯ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” ที่เคยยืนยันว่า “เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเป็นรูปตัววี และปีนี้จะเป็นปีที่การฟื้นตัวเด้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน” ถึงกับออกอาการ “เคืองใส่” สำหรับคนไทย ปีนี้เศรษฐกิจจะฟื้นตัวแบบไหน ก็ให้ฟื้นตัวจริง ๆ ก็พอ เพราะเท่าที่ประมาณการในขณะนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่รุมล้อมเศรษฐกิจไทยยังมากมายน่าดู ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยความวุ่นวายทางการเมืองที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในเร็ว ๆ นี้ หรือการแก้ปัญหาโครงการมาบตาพุดที่ยังยืดเยื้อขณะเดียวกัน ความไม่สมดุลของนโยบายการเงิน การคลัง ของรัฐบาลทั่วโลก กำลังกดดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ทั้ง ๆ ที่การขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่งจะเริ่มต้นยังไม่แข็งแกร่งที่จะรองรับความผันผวนของกระแสเงินที่จะไหลออกอย่างต่อเนื่องไปยังตลาดต่าง ๆ เพื่อปั่นราคาสินทรัพย์ และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกได้ ในแง่ดี การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะทำให้สถานการณ์ด้านแรงงานดีขึ้น ทำให้เงินไหลเข้าประเทศไทยมากขึ้น ทำให้การผลิตเพื่อการส่งออกขยายตัวดีขึ้น และทำให้การค้าขายขยับดีขึ้น แต่พร้อมกันนั้น อีกด้านหนึ่งที่จะมาพร้อมกับเศรษฐกิจฟื้นตัว คือค่าครองชีพที่จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว N P ต่อหน้า 2

  8. เพราะเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว ความจำเป็นในการต่ออายุมาตรการการช่วยเหลือ 5 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาลก็จะน้อยลง ขณะเดียวกัน แนวโน้มราคาน้ำมันที่จะพุ่งสูงขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น ตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งเป็นสินค้าต้นทุนของสินค้าอุปโภคบริโภคที่เราต้องใช้ประจำวัน จะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวติจะต้องปรับขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ยังจะทำให้ราคาบ้านและที่ดินเริ่มขยับขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ยืนราคามายาวนานกว่า 2 ปี ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จึงอาจจะไม่ใช่ภาพสวยหรูเพียงอย่างเดียว แต่มาพร้อมกับปัญหา และภาระในอีกด้านหนึ่ง คนไทยและธุรกิจไทยคงต้องมองเหรียญให้ครบสองด้าน สินค้าขึ้นราคาดันเงินเฟ้อพุ่ง 4.1% ส่งสัญญาณเศรฐกิจฟื้น นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือน ม.ค.53 ว่า เท่ากับ 106.29 เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับดัชนีเดือน ม.ค.52 เป็นการเพิ่มขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน ส่วนเมื่อเทียบดัชนีเดือน ธ.ค.52 เพิ่มขึ้น 0.6% แสดงว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน กำลังซื้อประชนที่กลับมาเป็นบวกแล้ว สาเหตุที่เงินเฟ้อ ม.ค.53 สูงขึ้น 4.1% มาจากดัชนีหมวดอาหารและครื่องดื่มเพิ่ม 3.2% สินค้าสำคัญที่ราคาเพิ่มได้แก่ข้าว และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ สัตว์น้ำ ผักและผลไม้ ไข่ และผลิตภัณฑ์นม รวมถึงดัชนีหมวดอื่น ๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการสูงขึ้นของยานพาหนะ น้ำมันเชื้อเพลิง กระแสไฟฟ้า น้ำประปา ค่ายาเวชภัณฑ์ และค่ารักณาพยาบาล ผลิตภัณฑ์ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวตามคาดที่ 3-3.5% โดยไตรมาสแรกจะเฉลี่ย 3.7% แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงคือ การเมืองในประเทศ และความผันผวนของราคาน้ำมัน” สำหรับราคาสินค้านั้น สินค้าเกษตรมีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะผลผลิตลดลงจากเพลี้ยกระโดด และภัยแล้ง สินค้าวัสดุก่อสร้างสูงขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบโลก เล่น เหล็ก ยกเว้นปูนซีเมนต์ที่ราคาลดลง โดยปูนผสม ถุงละ (50 กก.) ลดจาก 135 เหลือ 132 บาท ปุ๋ย ถุงละ (50 กก.) ลดจาก 835 บาท เหลือ 823 บาท สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สบู่ ยาสีฟัน ยาสระผม ผงซักฟอก จะยังตรึงราคาต่อไปตลอดไตรมาสแรก S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  9. ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนกฎเหล็กดันเงินไหลออก S นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงข่าวการผ่อนคลายระเบียบการแลกเปลี่ยนเงินเพิ่มเติมให้กับบุคคล และนิติบุคคลไทยที่ต้องการไปลงทุนในต่างประเทศ รวมทั้งผ่อนคลายกฎเกณฑ์เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงจัดการเงินตราต่างประเทศของผู้ส่งออก และนำเข้าคล่องตัวมากขึ้น รวม 4 ประเด็นหลักดังนี้ 1.ขยายวงเงินการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งการลงทุนโดยตรง และการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ จากเดิม 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 50,000 ล้านเหรียญฯ 2.ผ่อนผันให้ผู้ส่งออก-นำเข้ายกเลิกการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยง จากเดิมให้ยกเลิกในสัญญาที่ไม่เกิน 20,000 เหรียญฯ 3.ผ่อนคลายคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ผู้ขอจัดตั้งศูนย์บริหารเงิน จากเดิมจะต้องมีบริษัทในเครือ 3 บริษัทในไทย หรือในประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย หรือเวียดนาม เป็นมีบริษัทในเครือ 2 บริษัทที่จดทะเบียนในไทย หรือต่างประเทศและผ่อนคลายให้โอนเงินไปบริษัทลูกเป็นเงินตราต่างประเทศจากเดิมให้โอนเฉพาะเงินบาท N P ต่อหน้า 2

  10. 4.การผ่อนคลายอื่น ๆ คือ 1.เพิ่มวงเงินการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ จากไม่เกิน 5 ล้าน เหรียญฯ ต่อปี เป็นไม่เกิน 10 ล้านเหรียญฯ 2. อนุญาตให้บริษัทในไทยให้กู้เงินกับบริษัทในต่างประเทศที่ไม่ใช่บริษัทในเครือได้ไม่เกิน 50 ล้านเหรียญฯ ต่อปี โดยไม่ต้องขออนุญาต ธปท. 3.เพิ่มยอดเงินฝากสูงสุดที่สามารถฝากเป็นเงินตราต่างประเทศในไทยได้ จากเดิมนิติบุคคลฝากได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 เหรียญฯ และบุคคลธรรมดาไม่เกิน 100,000 เหรียญฯ เป็นไม่เกิน 500,000 เหรียญทั้งสองกรณี ทั้งนี้ การผ่อนผันให้ผู้ส่งออก-นำเข้ายกเลิกการซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า และการขยายวงเงินลงทุนในหลักทรัพย์ ต่างประเทศดำเนินการได้ในวันนี้ (2 ก.พ.) เป็นต้นไป นอกนั้น ธปท.จะส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป “การผ่อนคลายเกณฑ์ดังกล่าว ส่วนหนึ่งจะช่วยให้เงินไหลเข้า-ออกสมดุลกันมากขึ้น ช่วยลดความผันผวนของค่าเงินบาท ซึ่งการผ่อนคลายจะช่วยให้การบริหารจัดการความเสี่ยงของผู้นำเข้าส่งออกดีขึ้น และทำให้ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสะท้อนความต้องการซื้อ และขายที่เป็นจริงมากขึ้น” S N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  11. ข้าวนึ่งพระเอกส่งออก ปี 2552/2553 S ในปี 2552/2553 ผลผลิตข้าวของอินเดียลดลงไปมากนั้น จากภาวะฝนแล้งทำรัฐอินเดียประกาศหยุดส่งออกข้าวที่ไม่ใช่ข้าวบัสมาติ(ข้าวขาวพันธุ์ของอินเดีย) ตั้งแต่ในช่วงต้นเดือน กันยายน 2552 ซึ่งไทยได้รับอานิสงส์ ทำให้การส่งออกข้าวนึ่งของไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 จากเดิมที่ส่งออกข้าวนึ่งอยู่ที่ร้อยละ 20 จากเหตุการณ์ที่อินเดียลดการส่งออกข้าวนั้นทำให้ ประเทศในแถบแอฟริกาหันกลับมาซื้อข้าวนึ่งจากไทยแทน ซึ่งเป็นโอกาสทองที่ไทยจะได้ขยายตลาดข้าวในแอฟริกา ส่งผลให้ข้าวนึ่งมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ซึ่งข้าวขาวนั้นยังต้องแข่งขันอยู่กลับเวียดนามอย่างรุนแรงอยู่ จากการคาดการณ์ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2552 จนถึง กลางปี 2553 นั้น การส่งออกข้าวนึ่งมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างมาก ทำให้บรรดาโรงสีข้าวหันมาปรับการขยายการผลิตข้าวนึ่งรองรับการขยายตัวส่งออก แต่ว่ามีความเสี่ยงที่จะขาดทุนหากว่าตลาดส่งออกนั้นผันผวน หากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวอาจทำให้เกิดการข้าว ล้นตลาดได้ เนื่องจากระยะคืนทุนของโรงสีข้าวนึ่งประมาณ 3 ปี นอกจากนี้ ประเด็นที่น่าสนใจของผลจากการขยายตัวของการส่งออกข้าวนึ่ง คือ น่าจะช่วยพยุงให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศไม่ตกต่ำมากนัก แม้ว่าจะเป็นช่วงต้นฤดูการผลิต เนื่องจากโรงสีที่ผลิตข้าวนึ่งต้องกว้านซื้อข้าวเปลือกเพื่อทำการผลิตข้าวนึ่งเพื่อรองรับการส่งออกที่ขยายตัว ส่งผลให้รัฐบาลอาจจะไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาอ้างอิงมากอย่างที่คาดกันไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณการส่งออกข้าวนึ่งว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องเพียงใด N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  12. ยอดสั่งซื้อต่างชาติเพียบ ความเชื่อมั่นพุ่งสูงรอบ 4 ปี S นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมไทยเดือน ธ.ค. ที่ได้จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,132 ตัวอย่าง ครอบคลุม 36 กลุ่มอุตสาหกรรมของ ส.อ.ท.ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 113.6 สูงสุดในรอบ 44 เดือน หรือเกือบ 4 ปี และปรับตัวสูงขึ้นจากเดือน พ.ย.2552 ที่ 104.7 ซึ่งค่าดัชนีปรับตัวเกิน 100 เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือน ต.ค.2552“ดัชนีอุตสาหกรรมที่สูงสะท้อนกับภาพการส่งออกเดือน ธ.ค.ที่มีการขยายตัว 26% สูงสุดในรอบปี ขณะที่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังมีเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นปีนี้คาดว่าการส่งออกจะมีโอกาสขยายตัวได้ในระดับ 14-15%” ปัจจัยที่เอกชนมีความกังวลที่เป็นปัจจัยภายนอกคือ อัตราแลกเปลี่ยนที่หลายประเทศเริ่มมีความไม่แน่นอน ว่าจะมีนโยบายลดค่าเงินบาทหรือไม่ หลังจากเริ่มมีการลดแล้วในบางประเทศ ขณะที่ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ราคาน้ำมันที่เริ่มขยับสูงที่อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตที่เพิ่มได้ ส่วนปัจจัยในประเทศ สิ่งที่กังวลมากคือ กรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจะชุมนุมกันอีกเร็ว ๆ นี้ ที่จะกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นที่รุนแรง และกรณีการแก้ไขปัญหามาบตาพุด ก็ต้องการให้มีความชัดเจนโดยเร็วที่สุด จากคำสั่งซื้อที่กลับเข้ามา ส่งผลให้ขณะนี้ภาคอุตสาหกรรมที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท.เกือบทั้งหมด ระบุว่าเริ่มประสบปัญหาภาวการณ์ขาดแคลนแรงงานในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอ จะขาดมากสุดราว 100,000-200,000 คน รองลงมาเป็นประเภทอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เกือบ 50,000 คน ซึ่งหากภาคการส่งออกมีการขยายตัวต่อเนื่อง ปัญหาการขาดแคลนแรงงานจะหนักขึ้นทั้งนี้ หากปัญหาแรงงานมีเพิ่มขึ้น อาจจะต้องมีการเสนอรัฐบาลในการเพิ่มการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวอีก จากปัจจุบันที่เปิดให้อยู่ระดับ 1 ล้านคน ขณะที่ความต้องการแรงงานต่างด้าวขณะนี้จะมีสูงถึง 2 ล้านคน และยังไม่รวมกับแรงงานต่างด้าวที่เป็นลักษณะใต้ดิน คือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ขณะนี้มีอยู่ในระบบอีกจำนวนหนึ่ง N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

  13. กลยุทธ์ส่งสินค้าไทยไปตะวันออกกลาง S โดยปกติ นักธุรกิจไทยมักไม่ค่อยนึกถึงการทำธุรกิจกับประเทศในแถบตะวันออกกลาง แต่กลับรุกตลาดในทวีปยุโรป อเมริกาแทน ซึ่งเป็นตลาดที่ประเทศอื่นๆ ครองไปหมดแล้ว ทว่า ในความเป็นจริง กลุ่มประเทศตะวันออกกลางได้นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยหลายชนิด เช่น ข้าว อัญมณี เครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศ อาหารทะเลกระป๋อง ดังนั้น ตะวันออกกลางจึงกลายเป็นตลาดที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ก่อนทำการค้ากับกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ผู้ประกอบการต้องศึกษาขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม สังคม วิถีชีวิต ตลอดจนข้อห้ามบางประการอย่างเคร่งครัด โดยส่วนใหญ่แล้ว ประชากรในแถบนี้นับถือศาสนาอิสลาม หากผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ก็ต้องทราบวิธีการผลิต "อาหารฮาลาล" หรือแม้แต่การถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของภรรยา หรือการฝากสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ไปให้แก่ภรรยาและบุตรสาวของชายชาวอาหรับ ก็นับว่าเป็นข้อห้าม เพราะการกระทำนี้ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดเมื่อผู้ประกอบการต้องติดต่อค้าขายกับชาวอาหรับ คือ การเข้าไปเรียนรู้สังคมตะวันออกกลางในเชิงกว้างและเชิงลึก เพื่อสืบเสาะหาข้อมูล พร้อมทั้งเริ่มสร้างกลุ่มการค้าควบคู่กันไปด้วยผู้ประกอบการไทยควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานแสดงสินค้าในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เมืองดูไบ ซึ่งถือว่าเป็นประตูไปสู่ตลาดตะวันออกกลาง โดยส่วนใหญ่ กลุ่มประเทศในตะวันออกกลางนิยมเจรจาการค้าเป็นการส่วนตัว และมักให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมากกว่าการติดต่อผ่านทางเอกสาร ผู้ประกอบการไทยจึงควรเดินทางไปพบลูกค้าเอง เพื่อสร้างความคุ้นเคย ข้อสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ผู้ประกอบการไทยต้องเตรียมพร้อมกับภาวการณ์แข่งขัน เนื่องจาก หากคู่ค้ารายใหม่เสนอสินค้าที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า ชาวอาหรับก็อาจหันไปบริโภคสินค้าของคู่ค้ารายใหม่แทน N P กลับเข้าสู่หน้าหลัก

More Related