1 / 80

Software For Enterprise

ICT in KM. Knowledge Management Program. CAMT. CMU. 07:. Software For Enterprise. Achara Khamaksorn : July 2011 Knowledge Management Program, College of Arts, Media and Technology, Chiangmai University. Knowledge Management Activities. The main activities of knowledge management:

otis
Download Presentation

Software For Enterprise

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ICT in KM Knowledge Management Program CAMT.CMU 07: Software For Enterprise Achara Khamaksorn : July 2011 Knowledge Management Program, College of Arts, Media and Technology, Chiangmai University

  2. Knowledge Management Activities The main activities of knowledge management: • Knowledge Creation • Knowledge Representation • Knowledge Storage and Retrieval • Knowledge Transfer PREVIOUS

  3. Internet, Intranet and Extranet อินเทอร์เนต (Internet) คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายขนาดเล็กมากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวทั้งโลก หรือเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย เป็นระบบเครือข่าย (Network) ที่เชื่อมโยงเครือข่ายมากมายหลากหลายเครือข่ายเข้าด้วยกัน เครือข่าย หมายรวมถึง การมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไป เชื่อมต่อ เข้าด้วยกันทางสายเคเบิล หรือสายโทรศัพท์ นอกจากนี้ยังต้องมีผู้ใช้คอมพิวเตอร์และมีการถ่ายเทข้อมูลระหว่างกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทางอีเมล์ สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้ แต่ละเครือข่ายจะต้องมีเครื่องแม่ข่าย(Server) หรือ โฮสต์ (Host) คือคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการข้อมูลข่าวสารกับผู้ใช้บริการ PREVIOUS

  4. Internet, Intranet and Extranet อินทราเนต (Intranet) คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบภายในองค์กร ใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในการใช้งานอินทราเน็ต จะต้องใช้โปรโตคอล IP เหมือนกับอินเทอร์เน็ต สามารถมีเว็บไซต์และใช้ Web Browser ได้เช่นกัน รวมถึงอีเมล์ ถ้าเราเชื่อมต่ออินทราเน็ตของเรากับอินเทอร์เน็ต เราก็สามารถใช้ได้ทั้ง อินเทอร์เน็ต และ อินทราเน็ต ไปพร้อม ๆ กัน แต่ในการใช้งานนั้นจะแตกต่างกันด้านความเร็ว ในการโหลดไฟล์ใหญ่ ๆ จากเว็บไซต์ในอินทราเน็ต จะรวดเร็วกว่าการโหลดจากอินเทอร์เน็ตมาก ดังนั้นประโยชน์ที่จะได้รับจากอินทราเน็ต สำหรับองค์กรหนึ่ง คือ สามารถใช้ความสามารถต่าง ๆ ที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ PREVIOUS

  5. Internet, Intranet and Extranet เอ็กซ์ทราเนต (Extranet) คือ ระบบเครือข่ายซึ่งเชื่อมเครือข่ายภายในองค์กร หรือ อินทราเน็ต (Intranet) เข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ภายนอกองค์กร เช่น ระบบคอมพิวเตอร์ของสาขาของผู้จัดจำหน่ายหรือของลูกค้า เป็นต้น โดยการเชื่อมต่อเครือข่ายอาจเป็นได้ทั้งการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่าง 2 จุด หรือการเชื่อมต่อแบบเครือข่ายเสมือน (Virtual Network) ระหว่างระบบอินทราเน็ต หลาย ๆ เครือข่ายผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้ ระบบเครือข่ายแบบเอ็กซ์ทราเน็ต โดยปกติแล้วจะอนุญาตให้ใช้งานเฉพาะสมาชิกขององค์กร หรือผู้ที่ได้รับสิทธิในการใช้งานเท่านั้น โดยผู้ใช้จากภายนอกที่เชื่อมต่อเข้ามาผ่านเครือข่ายเอ็กซ์ทราเน็ต อาจถูกแบ่งเป็นประเภท ๆ เช่น ผู้ดูแลระบบ สมาชิก คู่ค้า หรือผู้สนใจทั่วๆ ไป เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้แต่ละกลุ่มจะได้รับสิทธิในการเข้าใช้งานเครือข่ายที่แตกต่างกันไป PREVIOUS

  6. CoP: CommunityofPractice: CoP

  7. ? What is Communication Tools PREVIOUS

  8. ? What is Collaboration Tools PREVIOUS

  9. ? What is Groupware? PREVIOUS

  10. ? What is Social Network PREVIOUS

  11. ? What is Storage Tools PREVIOUS

  12. ? What is Search Engine PREVIOUS

  13. ความสำคัญของสำนักงาน PREVIOUS

  14. ลักษณะของสำนักงานอัตโนมัติลักษณะของสำนักงานอัตโนมัติ PREVIOUS

  15. แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ระบบสารสนเทศของระบบสำนักงานอัตโนมัติ PREVIOUS

  16. การจัดทำต้นฉบับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์การจัดทำต้นฉบับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ PREVIOUS

  17. E.Document “ คือ ระบบจัดเก็บและจัดการเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรองรับเอกสารปริมาณมาก โดยช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงานระบบถูกออกแบบมา ให้ใกล้เคียงกับการจัดการเอกสารแบบเดิม ผู้ใช้งานจึงเรียนรู้ และคุ้นเคยได้ง่ายการจัดเก็บในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (เอกสารที่เกิดจากการ scan และไฟล์ข้อมูลทุกประเภท) ทำให้สามารถจัดเก็บอย่างเป็นระบบ และจัดเรียกใช้ หรือค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ได้อย่างฉับไว และช่วยป้องกันความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับเอกสารในระหว่างการใช้งาน และยังช่วยให้การค้นหาข้อมูล สะดวก รวดเร็ว แม้ขณะที่อยู่กลุ่มสารสนเทศให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งานได้ รวมถึงความสามารถด้านการอนุญาตสิทธิ์การใช้เอกสารเป็นครั้งคราว และกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด ของการอนุญาต สำหรับการใช้เอกสารร่วมกันในโครงการหนึ่งๆได้ ความสามารถด้านความปลอดภัยในการจัดเก็บและเรียกใช้ข้อมูลสามารถจัดกลุ่ม ของผู้ใช้งาน เพื่อกำหนดสิทธิ์ในการใช้งานได้อย่างละเอียด เช่น สิทธิ์ในการเรียกดูแก้ไข ดึงข้อมูล ลบ ส่งข้อมูลไปยังระบบอื่นๆ เป็นต้น ทำให้เอกสารมีความปลอดภัยสูง สามารถกำหนดค่าความสำคัญ ของเอกสาร เพื่อเปรียบเทียบกับค่าระดับของผู้เรียกดูเอกสาร เป็นการรักษาความปลอดภัยของเอกสารอีกขั้นหนึ่ง มีรายงานประวัติการใช้งาน ทำให้สามารถตรวจสอบได้ว่ามีผู้ใช้งานใดเข้าไปกระทำการใดกับเอกสารที่มีอยู่ในระบบ มีระบบจัดการ กำหนดรุ่น (Versioning) ของเอกสาร เพื่อใช้ตรวจสอบประวัติการแก้ไขเอกสารย้อนหลังได้ การจัดทำต้นฉบับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ” PREVIOUS

  18. E-Learning VS KM PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  19. E-Learning E-Learning • หมายถึง กระบวนการและการใช้ประโยชน์จากการเรียน • การสอนผ่านเว็บ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ห้องเรียนเสมือน และการเรียนด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งระบบ Internet, Intranet, Network , Audio, Visual, Video , Television, Satellite, CD ROM ฯลฯ E-Learning • หมายถึง การเรียนรู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือการใช้ • ความสามารถของระบบ อินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ E-Learning • หมายถึง การบูรณาการทางการศึกษาที่ไม่ยึดติดกับเวลา • และความก้าวหน้าในการเรียนรู้ PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  20. E-Learning องค์ประกอบของ PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  21. E-Learning คุณลักษณะของ E-Learning • Distance Education • Anytime Anywhere Anyplace • Collaborative Learning • NonLinearity • Dynamic updating • Easy Accessibility E-Learning E-Learning PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  22. E-Learning ประโยชน์ของ E-Learning • สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา • สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง • กำหนดความต้องการในการเรียนรู้ได้ • ติดต่อสื่อสารระหว่างผู้เรียน/ผู้สอนได้ • ประหยัดงบประมาณ ราคาถูกและใช้งานได้ง่าย • ใช้เป็นสื่อหลัก/สื่อเสริมก็ได้ E-Learning E-Learning PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  23. ความแตกต่างระหว่าง Lmsvscms PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  24. ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาขั้นตอนการสร้างและพัฒนา E-Learning PREVIOUS 06:ระบบการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning)

  25. http://moodle.org/ Moodle PREVIOUS

  26. http://www.claroline.net/ Claroline PREVIOUS

  27. ATutor http://www.atutor.ca/ PREVIOUS

  28. 07: Software For Enterprise ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร Achara Khamaksorn : July 2011 Knowledge Management Program, College of Arts, Media and Technology, Chiangmai University

  29. ประเภทของซอฟท์แวร์สำหรับองค์กรประเภทของซอฟท์แวร์สำหรับองค์กร • Content Management System • เป็นซอฟท์แวร์สำหรับใช้ในการสร้าง จัดการ และนำเสนอเนื้อหาหรือข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ (ผ่านเว็บไซต์) ระบบสามารถจัดเก็บ ควบคุม และนำเสนอข้อมูลต่างๆ เช่น ข่าว คู่มือปฏิบัติงาน ไปจนถึงแผ่นพับทางการตลาด ซึ่งข้อมูลอาจอยู่ในรูปไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ รูปภาพ ไฟล์เสียง ไฟล์วีดีโอ ฯลฯ การปรับเนื้อหาเหล่านี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม • Document Management System • เป็นซอฟท์แวร์สำหรับติดตามและจัดเก็บเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกที่จัดเก็บ ค้นหาและดึงเอกสารที่ต้องการ เลือกว่าเอกสารนั้นควรจะถูกเก็บไว้นานเท่าใด กระจายเอกสารสู่กลุ่มผู้ใช้ ออกแบบการส่งต่อเอกสารระหว่างแผนก ไปจนถึงการจัดการเวอร์ชั่นของเอกสาร 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  30. ประเภทของซอฟท์แวร์สำหรับองค์กรประเภทของซอฟท์แวร์สำหรับองค์กร • Workflow Software • เป็นซอฟท์แวร์สำหรับใช้อธิบายขั้นตอนการประมวลข้อมูลหรือเอกสารที่ซับซ้อน โดยมีรูปแบบการนำเสนอเป็นแบบกราฟฟิก • Workflow จะแสดงขั้นตอนการปฏิบัติงานโดยระบุถึงการไหลของข้อมูลและบทบาทของผู้เกี่ยวข้องในงานแต่ละขั้นตอน • Communication/Coordination Software • เป็นซอฟท์แวร์สำหรับใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานทั้งในหน่วยงานเดียวกันและต่างหน่วยงาน ประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายรวมถึง ปฏิทิน e-mail Text Chat และ Video Conference 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  31. ประเภทของซอฟท์แวร์สำหรับองค์กรประเภทของซอฟท์แวร์สำหรับองค์กร • Project Management Software • เป็นซอฟท์แวร์สำหรับการวางแผนการดำเนินงานรวมถึงตารางเวลา แผนการใช้งบประมาณ การจัดการทรัพยากรประเภทต่างๆในการบริหารโครงการ ซึ่งจำเป็นสำหรับการดำเนินงานในโครงการขนาดใหญ่ • Office Solution • เป็นซอฟท์แวร์สำหรับใช้ปฏิบัติงานทั่วไป รวมถึงโปรแกรมสำหรับสร้างเอกสาร สร้าง Spread Sheet หรือสร้างไฟล์ Presentation เป็นต้น 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  32. ? What is C M S Content Management System?

  33. Content Management System (CMS) CMS • ความหมายของ Content Management System (CMS) แปลเป็นไทยว่า ระบบจัดการเนื้อหา เป็นระบบจัดการบริหารข้อมูลเว็บไซต์ คือเครื่องมือที่ใช้ในการบริหารข้อมูลภายในเว็บไซต์ซึ่งสามารถสนับสนุนการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่างๆภายในเว็บไซต์ โดยทำการควบคุมเนื้อหา รูปแบบ และกระบวนการนำเสนอเนื้อหา • เริ่มต้นจาก อินเทอร์เน็ตได้ถือกำเนิดขึ้นมา โลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการติดต่อสื่อสารที่ทำได้ด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น และการพัฒนาของภาษาหรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตก็เติบโตขึ้นมามากเช่นกัน • ถ้าจะกล่าวถึงเมื่ออดีต ภาษา HTML คงเป็นภาษาที่ยอดนิยมในการที่จะทำการสร้างเว็บเพจหรือเว็บไซต์ขึ้นมา แต่ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาภาษาในการทำเว็บไซต์ขึ้นมาอีกมากมาย และภาษาที่นิยมมากตัวหนึ่งจนมาถึงปัจจุบันก็คือภาษา PHP เนื่องจากสามารถโหลดมาใช้งานได้ง่ายและมีตัวอย่างให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งสิ่งนี้เองก็เป็นต้นกำเนิดของการทำเว็บไซต์แนวใหม่ที่เรียกว่า CMS 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  34. Content Management System (CMS) CMS • CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ โดยที่ตัว CMS เองมีโปรแกรมประยุกต์ พร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมายอาทิ ระบบจัดการบทความและข่าวสาร (News and Article) , ระบบจัดการบทวิจารณ์ (Review) , ระบบจัดการสมาชิก(Member) ระบบสืบค้นข้อมูล (Search) , ระบบจัดการไฟล์ดาวน์โหลด(Download) , ระบบจัดการป้ายโฆษณา(Banner) , ระบบการวิเคราะห์และตรวจสอบสถิติความนิยมในเว็บไซต์ (Analysis, Tracking and Statistics) เป็นต้น และผู้ใช้งานสามารถเพิ่มเติมโปรแกรมอิสระ(Module) อาทิ Forum, Chatroom, Form mail เข้าไปได้ในภายหลังจากการติดตั้ง 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  35. Content Management System (CMS) CMS • ปัจจุบันซอฟต์แวร์ที่ใช้สร้าง CMS มีหลายตัวด้วยกันอาทิเช่น PostNuke, PHP-Nuke, MyPHPNuke, Mambo, eNvolution, MD-Pro, XOOPs, OpenCMS, Plone, JBoss, Drupal, Joomlaเป็นต้น • ระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์(Content Management System : CMS) คือ ระบบที่พัฒนา คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และบริหาร(Management)เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และงบประมาณ ที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลเว็บไซต์ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP, Python หรือภาษาอื่นๆ(แล้วแต่ความถนัดของผู้พัฒนา) ซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์(เช่น Apache) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(เช่น MySQL) 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  36. Content Management System (CMS) CMS • ลักษณะเด่นของ CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration panel (เมนูผู้ควบคุมระบบ) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเน้นที่การจัดการระบบผ่านเว็บ (Web interface) ในลักษณะรูปแบบของ ระบบเว็บท่า (Portal Systems) โดยตัวอย่างของฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ การนำเสนอบทความ(Articles), เว็บไดเรคทอรี(Web directory), เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ(News), หัวข้อข่าว(Headline), รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ(Weather), ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ(Information), ถาม/ตอบปัญหา(FAQs), ห้องสนทนา(Chat), กระดานข่าว(Forums), การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด(Downloads), แบบสอบถาม(Polls), ข้อมูลสถิติต่างๆ(Statistics) และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  37. Content Management System (CMS) CMS ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ • ระบบ CMS สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่างๆ หลากหลาย ตัวอย่างการนำซอฟต์แวร์ CMS มาประยุกต์ใช้งาน อาทิเช่น • การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา ธุรกิจบันเทิง หนังสือพิมพ์ การเงิน การธนาคาร หุ้นและการลงทุน อสังหาริมทรัพย์ งานบุคคล งานประมูล สถานที่ท่องเที่ยว งานให้บริการลูกค้า • การนำ CMS มาใช้ในหน่วยงานของรัฐ อาทิเช่น งานข่าว งานประชาสัมพันธ์ การนำเสนองานต่างๆ ขององค์กร • การใช้ CMS สร้างไซต์ ส่วนตัว ชมรม สมาคม สมาพันธ์ โดยวิธีการแบ่งงานกันทำ เป็นส่วนๆ ทำให้เกิดความสามัคคีทำให้มีการทำงานเป็นทีมเวิร์คมากยิ่งขึ้น 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  38. Content Management System (CMS) CMS ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ • การนำ CMS มาใช้ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ SME โดยเฉพาะสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP กำลังได้รับความนิยมสูง • การนำ CMS มาใช้แทนโปรแกรมลิขสิทธิ์ อื่นๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และง่ายต่อการพัฒนา • การใช้ CMS ทำเป็น Intranet Web Site สร้างเว็บไซต์ใช้ภายในองค์กร 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  39. Content Management System (CMS) CMS ทำงานอย่างไร • ลักษณะการทำงานของ Content Management System (CMS) เป็นระบบจัดการที่แบ่งแยกการทำงานระหว่างเนื้อหา (Content) ออกจาก การออกแบบ (Design) โดยการออกแบบเว็บเพจ จะถูกจัดเก็บไว้ใน Templates หรือ Themes ในขณะที่เนื้อหาจะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลหรือไฟล์ เมื่อใดที่มีการใช้งานก็จะมีการทำงานร่วมกันระหว่าง 2 ส่วน เพื่อสร้างเว็บเพจขึ้นมา โดยเนื้อหาอาจจะประกอบไปด้วยหลายๆส่วนประกอบ เช่น Sidebar หรือ Blocks, Navigation bar หรือ Main menu, Title bar หรือ Top menu bar เป็นต้น 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  40. Content Management System (CMS) CMS ส่วนประกอบของ • 1) Templates หรือ Theme เป็นส่วนที่เปรียบเสมือนหน้าตา หรือเสื้อผ้า ที่ถือเป็นสีสรรของเว็บไซต์(Look & feel) ที่มีรูปแบบที่กลมกลืนกันตลอดทั้งไซต์ • 2) ภาษาสคริปต์ หรือ ภาษา HTML ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานทั้งหมดของระบบ • 3) ฐานข้อมูล เพื่อไว้เก็บข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของเว็บไซต์ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  41. Content Management System (CMS) CMS ทำไมถึงต้องใช้ • ข้อดีของ CMS มีทั้งต่อผู้ดูแลเว็บไซต์(Webmasters) และผู้ใช้งานเว็บไซต์(Users) • 1) ความสามารถในการใช้ Template และส่วนประกอบของการออกแบบ ที่ครอบคลุมการออกแบบตลอดทั้งไซต์ • 2) ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถใช้งาน Template โดยนำมาประกอบกับเอกสารหรือเนื้อหา ทำให้ช่วยลดภาระเรื่องการเขียนโค้ดให้น้อยลง • 3) ผู้ใช้งานเว็บไซต์ให้ความสนใจเฉพาะเนื้อหามากกว่าการออกแบบ และในการที่จะเปลี่ยนหน้าตาของเว็บไซต์ ผู้ดูแลเว็บไซต์ก็แค่ไปแก้ไขที่ template ไม่ใช่ที่แต่ละหน้าของเว็บเพจ • 4) CMS จะช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ในการสร้างและบำรุงรักษาเว็บไซต์ นอกจากนั้นยังช่วยจัดระดับการใช้งานสำหรับแต่ละส่วนงานของเว็บไซต์ โดยไม่ต้องเข้ามาเซ็ตการใช้งานของระบบที่เซิร์ฟเวอร์โดยตรง เพราะสามารถทำได้โดยผ่านเว็บบราวเซอร์ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  42. Content Management System (CMS) CMS ทำไมถึงต้องใช้ • นอกจากนั้น ถ้ามี Search engine, Calendar, Web mail และส่วนอื่นๆ ที่สามารถเพิ่มเติมสู่ CMS หรือแม้กระทั่งไปหา Plug-in หรือ Add-ons เข้ามาเสริมการทำงานได้ ส่วนนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาได้ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  43. Content Management System (CMS) CMS การพิจารณาเลือกใช้ • 1) ความยากง่ายในการใช้งาน • 2) ความยืดหยุ่นในการพัฒนา • 3) ความสามารถในการทำงาน • 4) อื่นๆ ได้แก่ เทคโนโลยี ระบบปฏิบัติการ และราคา • เนื่องจาก CMS นี้เป็นระบบ ดังนั้นจึงถูกสร้างขึ้นมาโดยภาษาใดๆ ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น PHP, ASP, Java, Python ฯลฯ การสร้าง CMS นั้นก็มีจุดประสงค์ ทั้งที่สร้างขึ้นมาใช้งานเอง และสร้างขึ้นมาแล้วทำการเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ใช้งานด้วย ฉะนั้น CMS แบบหลังนี้จะมีลักษณะเป็น Open Source และกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และจะเป็นภาษา PHP เนื่องจากเป็นภาษาที่ฟรีนั่นเอง 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  44. Content Management System (CMS) CMS ประเภทของ Web log E-Commerce E-Learning Forum Groupware Image Galleries Wiki 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  45. Content Management System (CMS) CMS เริ่มที่ตัวไหนและจะเลือกอะไรดี Web log E-Commerce E-Learning Forum Groupware Image Galleries Wiki 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  46. Content Management System (CMS) CMS เริ่มที่ตัวไหนและจะเลือกอะไรดี • จากที่ทราบแล้วว่า CMS (Content Management System) คือระบบจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ถูกเขียนขึ้นด้วยภาษาต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว และทำงานได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อช่วยประหยัดทรัพยากรในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คน ระยะเวลา และค่าใช้จ่ายที่ โดย CMS ส่วนมากแล้วจะกระทำในลักษณะของ Web Base คือทำงานผ่านเว็บออนไลน์ ผู้ที่ทำหน้าที่ควบคุมก็จะกระทำการจัดการต่างๆ ผ่านทางเมนูที่ทาง CMS มีมาให้ก็ทำให้สามารถทำงานได้ทุกๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  47. Content Management System (CMS) CMS เริ่มที่ตัวไหนและจะเลือกอะไรดี • จากข้อมูลก็จะทำให้เห็นว่า CMS นั้นมีอยู่หลายตัว หลายประเภทมาก แล้วจะใช้งานตัวไหนดี บอกได้เลยว่าไม่มี CMS ตัวไหนตรงตามความต้องการ 100% มักจะขาดโน่นนิด นี่หน่อย แต่ก็ใช้การปรับแต่งและประยุกต์เอามากกว่า ซึ่งสิ่งที่ไม่พอใจกันมากที่สุดของ CMS ก็คือ เรื่องของธีม (Theme) หรือหน้าตาของเว็บไซต์นั่นเอง ส่วนฟังก์ชันหรือโมดูลอื่นๆ ก็พอรับกันได้ • สิ่งแรกที่ต้องการใช้งานสำหรับ CMS ก็คือ ต้องทดสอบโดยการทำเว็บ Server ไว้ที่เครื่องตนเองแล้วลองเล่นดูอย่างน้อยสักตัวหรือสองตัวก็พอ โดยหาข้อมูลว่าตัวไหนที่มีความน่าสนใจ ซึ่งในบ้านเราแล้วตัวที่น่าสนใจก็มี PHP-Nuke, Mambo, PHP-Fusion และน้องใหม่ Joomlaที่มาแรง ดังนั้นในองค์กรต่างๆ หรือกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการมีเว็บไซต์หรือสื่อข้อมูลออนไลน์ CMS ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำสามารถตอบสนองความต้องการได้ ไม่ต้องการผู้ดูแลมาก • ตัว CMS ที่ชื่อว่า Memboและ Joomlaที่เป็นที่นิยมใช้งานกันอยู่ในปัจจุบัน 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  48. Content Management System (CMS) CMS ลำดับการดำเนินงาน • เมื่อเราเลือกตัว CMS ได้แล้วก็ต้องมาดูว่าระบบการจัดการเนื้อหาเป็นอย่างไร? ซึ่งระบบการจัดการเนื้อหามักมีระบบการจัดการลำดับการดำเนินงานของเนื้อหาที่เรียกว่า Workflow ซึ่งลำดับการดำเนินงานนั้นโดยมากจะประกอบไปด้วย • ขั้นตอนการนำเนื้อหาเข้าระบบ (Ingestion หรือ Creation) เป็นการตระเตรียมสร้างเนื้อหาซึ่งจะต้องมีการวางแผนก่อนว่าเว็บที่เราจะทำนั้นจะเป็นเว็บไซต์หรือเนื้อหาเป็นอย่างไร เกี่ยวกับอะไร เน้นไปทางด้านไหน กลุ่มคนแบบไหนที่ต้องเข้ามาใช้งานเว็บ ซึ่งเมื่อได้เนื้อหาหรือเป้าหมายของเว็บแล้วก็ทำการรวบรวมเนื้อหาจัดทำเข้าระบบ • ขั้นตอนการตรวจสอบเนื้อหา (Staging หรือ Approval) เป็นส่วนของการตรวจสอบเนื้อหาว่าถูกต้องหรือไม่ ตรงตามความต้องการหรือไม่ จัดหมวดหมู่เป็นอย่างไร คำผิดมีหรือไม่ รวมไปถึงการทดสอบการใช้งานระบบด้วยว่าพร้อมมากน้อยเพียงใด ซึ่งก็จะต้องจำลองพฤติกรรมของผู้ใช้งานด้วยว่าจะออกมาในแนวทางไหนเพื่อที่จะได้เตรียมรับมือการใช้งานได้ถูก 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  49. Content Management System (CMS) CMS ลำดับการดำเนินงาน • ขั้นตอนการนำเนื้อหาไปเผยแพร่ (Delivery หรือ Publishing) เป็นขั้นตอนสุดท้ายและยากลำบากมากที่สุดในการทำเว็บ เนื่องจากต้องทำให้คนรู้จักเว็บเรา แต่ถึงกระนั้นก็ตามจะต้องมีการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์หรือ Domain ก่อนพร้อมทั้งหาพื้นที่ใช้งานหรือโฮส (Hosting) โดยส่วนมากแล้วบริษัทที่รับทำจะทำควบคู่กันไปเลย ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้ใช้งานก็ต้องศึกษารายละเอียดให้รอบครอบว่ารายละเอียดของการใช้งานเป็นอย่างไร มีข้อกำหนดอะไรบ้าง เพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลในการจัดทำ เนื่องจากถ้าไม่ใช้ Host ของตนเองก็ต้องไปเช่าพื้นที่ที่มีบริการอย่างมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

  50. Content Management System (CMS) CMS วงจรชีวิตของเนื้อหา • วงจรชีวิตของเนื้อหาภายในระบบการจัดการเนื้อหา ประกอบด้วย • การจัดโครงสร้างหรือการจัดหมวดหมู่ (Organization) เป็นการจัดประเภทให้แก่เนื้อหาสาระว่าเป็นประเภทใด ควรมีโครงสร้างแบบใด เป็นการกำหนด Scheme ให้แก่เนื้อหาว่าต้องมีองค์ประกอบเช่นใดบ้าง • ลำดับขั้นดำเนินงาน (Workflow) เป็นกฎเกณฑ์หรือนโยบาย การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบต่อเนื้อหาสาระ ของเจ้าของหรือผู้เขียน ของผู้เผยแพร่และของผู้ร่วมมือ เป็นลำดับขั้นตอนของการผ่านร่างของเนื้อหา ก่อนที่จะออกเผยแพร่สู่สาธารณะ • การสร้างสรรค์ (Creation) เป็นการนำเข้าข้อมูล การเขียน จับภาพ อัดเสียง รวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข เนื้อหาสาระที่อยู่ภายในระบบให้ตรงตามความต้องการ • การจัดเก็บ (Repository) หมายถึง การจัดเก็บข้อมูลเป็นไฟล์ การจัดเก็บลงฐานข้อมูล การบันทึกลงสื่อ เพื่อให้คงอยู่ไว้ซึ่งข้อมูลภายในระบบ 07:ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร(Software for Enterprise)

More Related