1 / 49

Matrix

Matrix. ง 30301 คณิตศาสตร์ดิสครีต. ความหมายของเมทริกซ์. บทนิยาม 6.1 การนำจำนวนจริงมาเขียนเรียงกันให้อยู่ในรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากเป็น 2 มิติ โดยอยู่ในแนวนอนที่เรียกว่า แถว และในแนวตั้งที่เรียกว่า หลัก

marion
Download Presentation

Matrix

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. Matrix ง 30301 คณิตศาสตร์ดิสครีต

  2. ความหมายของเมทริกซ์ • บทนิยาม 6.1 การนำจำนวนจริงมาเขียนเรียงกันให้อยู่ในรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากเป็น 2 มิติ โดยอยู่ในแนวนอนที่เรียกว่า แถว และในแนวตั้งที่เรียกว่า หลัก ถ้า Aเป็นเมทริกซ์ เราจะเขียนแทนด้วย A ด้วย [aij] เมื่อ aij เป็นจำนวนจริงใดๆ ในแถวที่ iและหลักที่ jของ A จะกล่าวว่า Aเป็นเมทริกซ์ขนาด m x n ถ้า Aเป็นเมทริกซ์ที่มี mแถวและ nหลัก เขียนแทนขนาดของ Aด้วย m x n

  3. ตัวอย่าง • A เป็นเมทริกซ์ขนาด 3x2 • a12 = 2 • a32 = 5 • B เป็นเมทริกซ์ขนาด ? • b12 = ? • b23 = ?

  4. กรณีทั่วไป ถ้า A เป็นเมทริกซ์ขนาด m x n เขียนแทน A ด้วย [aij]mxn เมื่อaij เป็นจำนวนจริง โดยที่ และ นั่นคือ

  5. บทนิยาม 6.2 เรียกเมทริกซ์ที่มีแถวเดียวว่า เมทริกซ์แถว หรือ เวกเตอร์แถว และ เรียกเมทริกซ์ที่มีหลักเดียวว่า เมทริกซ์หลัก หรือ เวกเตอร์หลัก

  6. บทนิยาม 6.3 เมทริกซ์ที่มีจำนวนแถวเท่ากับจำนวนหลัก เรียกว่า เมทริกซ์จัตุรัส และ เรียกเมทริกซ์ที่ทุกจำนวนมีค่าเป็น 0 ว่า เมทริกซ์ศูนย์ เขียนแทนด้วย [0] หรือ 0 ตัวอย่าง

  7. บทนิยาม 6.4 ให้ A = [aij] และ B = [bij] จะกล่าวว่า Aและ Bเป็นเมทริกซ์ที่เท่ากัน เขียนแทนด้วย A = B ก็ต่อเมื่อ เมทริกซ์ทั้งสองมีขนาดเท่ากันและจำนวนในตำแหน่งที่ตรงกันเท่ากัน นั่นคือ aij = bijทุกค่า iและ j เมทริกซ์ใดที่เท่ากันบ้าง? A = C

  8. การดำเนินการบนเมทริกซ์การดำเนินการบนเมทริกซ์ • บทนิยาม 6.5 ให้ A = [aij] และ B = [bij] เป็นเมทริกซ์ขนาด m x n ผลบวกของ Aและ Bเขียนแทนด้วย A + B มีค่าเท่ากับ [aij + bij] และ A + B มีขนาดเป็น m x n • บทนิยาม 6.6 กำหนด A = [aij] เป็นเมทริกซ์ขนาด m x n ผลคูณของสเกลาร์ kของ Aเขียนแทนด้วย kA หรือ Akมีค่าเท่ากับ [kaij] และมีขนาดเป็น m x n

  9. ตัวอย่าง กำหนด และ จงหา A + B วิธีทำ เนื่องจาก A และ B เป็นเมทริกซ์ที่มีขนาด 3 x 3 จะได้ว่า A + B เป็นเมทริกซ์ที่มีขนาด 3 x 3 A + B = = =

  10. ตัวอย่าง กำหนด และ k1 = -1, k2 = 0 จะได้ว่า

  11. ทฤษฎีบท 6.1 • ให้ A, B และ C เป็นเมทริกซ์ขนาด m x n และ k1และ k2เป็นสเกลาร์ จะได้ว่า • (A + B) + C = A + (B + C) • A + B = B + A • A + 0 = A = 0 + A • A + (-A) = 0 = (-A) + A • k1(A + B) = k1A + k1B • (k1 + k2)A = k1A + k2A • (k1k2)A = k1 (k2A) • 1A = A

  12. บทนิยาม 6.7 ให้ A = [aij] เป็นเมทริกซ์ขนาด m x k และ B = [bij] เป็นเมทริกซ์ขนาด k x n ผลคูณของ Aและ Bเขียนแทนด้วย ABมีค่าเท่ากับ [cij] ซึ่งเป็นเมทริกซ์ขนด m x n โดยที่ มีค่าเท่ากับผลบวกของผลคูณของจำนวนในแถวที่ iของ A และหลักที่ jของ B โดยที่ cij = ai1b1j + ai2b2j + … + aikbkj เมื่อ และ

  13. ศึกษาเพิ่มเติม • http://demonstrations.wolfram.com/MatrixMultiplication/(recommended) • http://www.mathwarehouse.com/algebra/matrix/multiply-matrix.php • http://en.wikipedia.org/wiki/Matrix_(mathematics) • Matrix chain multiplication

  14. จงพิจารณาว่า เราสามารถหาผลคูณของเมทริกซ์ที่กำหนดให้ ได้หรือไม่    AB = ? BA = ? AC = ? CA = ? BC = ? CB = ?   

  15. ทฤษฎีบท 6.2 • กำหนด A, B และ C เป็นเมทริกซ์ซึ่งสามารถหาผลบวกและผลคูณได้ และ k เป็นสเกลาร์ จะได้ • A(BC) = (AB)C • A(B + C) = AB + AC • (A + B)C = AC + BC • k(AB) = (kA)B = A(kB)

  16. โจทย์ Programming • จงเขียนโปรแกรมหาผลคูณของเมทริกซ์ A และ B ซึ่งเป็นเมทริกซ์ขนาด 2 x 2 • จงเขียนโปรแกรมหาผลคูณของเมทริกซ์ A และ B ซึ่งเป็นเมทริกซ์ขนาด M x N โดยที่ M และ N เป็นจำนวนเต็มที่มีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 4 หากไม่สามารถหาผลคูณได้ให้แสดงข้อความ “ERROR”ออกทางจอภาพด้วย

  17. เมทริกซ์สลับเปลี่ยน (Transposes of Matrices) • บทนิยาม 6.8 ให้ A = [aij] เป็นเมทริกซ์ขนาด m x n เมทริกซ์สลับเปลี่ยนของ Aเขียนแทนด้วย ATคือเมทริกซ์ [aji] ขนาด n x m ที่ได้จากการสลับแถวและหลักของ A นั่นคือ ถ้า A = [aij] และ AT= [bij] แล้ว [bij] = [aji] เมื่อ และ

  18. ตัวอย่าง กำหนด จงหา AT • เนื่องจาก A เป็นเมทริกซ์ที่มีขนาด 3 x 2 ดังนั้น AT มีขนาด 2 x 3 และ

  19. กำหนด จงหา AT , BT และ CT

  20. ทฤษฎีบท 6.3 • กำหนด A, B และ C เป็นเมทริกซ์ซึ่งสามารถหาผลบวกและผลคูณได้ และ k เป็นสเกลาร์ จะได้ • (A + B)T = AT + BT • (AB)T = BTAT • (kA)T = kAT • (AT)T = A

  21. บทนิยาม 6.9 เมทริกซ์จัตุรัส A เป็นเมทริกซ์สมมาตร ก็ต่อเมื่อ A = AT จงพิจารณาว่า เมทริกซ์ใดเป็นเมทริกซ์สมมาตร ?   

  22. เมทริกซ์เอกลักษณ์ (Identity matrix of order n) • บทนิยาม 6.10 เมทริกซ์เอกลักษณ์อันดับ n เขียนแทนด้วย คือเมทริกซ์ขนาด n x n ที่มี นั่นคือ

  23. เมทริกซ์ใดไม่ใช่เมทริกซ์เอกลักษณ์?

  24. กำหนด จงหา AI2 และI3A

  25. ทฤษฎีบท 6.4 • ถ้า Aเป็นเมทริกซ์ขนาด m x nแล้ว AIn = ImA = A

  26. เมทริกซ์ผกผัน • บทนิยาม 6.10 ถ้า A และ B เป็นเมทริกซ์ขนาด n x n ซึ่ง AB = BA = In จะเรียก B ว่า เมทริกซ์ผกผันของ A เขียนแทนด้วย A-1 และเรียก A ว่าเมทริกซ์ไม่เอกฐาน (Nonsingular Matrix) พิจารณาตัวอย่าง 6.12 หน้า 134

  27. ดีเทอร์มิแนนต์ • บทนิยาม 6.12 ถ้า A เป็นเมทริกซ์ขนาด n x n ดีเทอร์มิแนนต์ของ A เขียนแทนด้วย det(A) หรือ |A| นิยามโดย 1) ถ้า A = [a11] แล้ว det(A) = | a11 | = a11 2) ถ้าแล้ว det(A) = =

  28. ดีเทอร์มิแนนต์ • บทนิยาม 6.12(ต่อ) 3) ถ้าแล้ว

  29. ดีเทอร์มิแนนต์

  30. ทฤษฎีบท 6.5 • ถ้า Aและ B เป็นเมทริกซ์ขนาด n x nแล้ว det(AB) = det(A)det(B)

  31. ทฤษฎีบท 6.6 • เมทริกซ์ Aขนาด 2 x 2 จะมีเมทริกซ์ผกผันก็ต่อเมื่อ det(A) ≠0 และ ถ้า แล้ว

  32. ตัวอย่าง กำหนด จงหาเมทริกซ์ผกผันของ A • เพราะว่า แสดงว่าหา A-1ได้ และ

  33. ทำแบบฝึกหัดบทที่ 6 ข้อ 1 - 10

  34. ศึกษาเพิ่มเติม • http://demonstrations.wolfram.com/33DeterminantsByExpansion/ • http://www.quickmath.com/webMathematica3/quickmath/matrices/determinant/basic.jsp • http://www.purplemath.com/modules/determs.htm • http://en.wikipedia.org/wiki/Determinant

  35. เมทริกซ์กับความสัมพันธ์เมทริกซ์กับความสัมพันธ์ • การแทนความสัมพันธ์ที่กำหนดในรูปเมทริกซ์ 0 – 1 สมมติให้ A = {a1, a2, … , am} และ B = {b1, b2, … , bn} เมทริกซ์ 0 – 1 ของความสัมพันธ์ r เขียนแทนด้วย Mr = [mij]mxn

  36. ตัวอย่าง • ให้ A = {1, 2, 3} และ B={1, 2} และ r เป็นความสัมพันธ์จาก A ไป B สมมติให้ จงเขียนแทน r ด้วยเมทริกซ์ 0 – 1 Mr วิธีทำ เนื่องจาก r = {(1, 1), (1, 2), (2, 2)} จะได้เมทริกซ์ 0 – 1 Mrคือ

  37. ตัวอย่าง • ให้ A = {2, 4, 6} และ B={1, 2} และ r เป็นความสัมพันธ์จาก A ไป B สมมติให้ จงเขียนแทน r ด้วยเมทริกซ์ 0 – 1 Mr วิธีทำ เนื่องจาก r = {(2, 1), (4, 1), (4, 2), (6, 1), (6, 2)} จะได้เมทริกซ์ 0 – 1 Mrคือ

  38. ตัวอย่าง • ให้ A = {a1, a2, a3} และ B={b1, b2, b3, b4, b5} จงหาความสัมพันธ์ r เมื่อ

  39. การนำเมทริกซ์จัตุรัส 0 – 1 ที่ใช้แทนความสัมพันธ์ ช่วยพิจารณาสมบัติสะท้อน และสมบัติสมมาตร • r มีสมบัติสะท้อน ก็ต่อเมื่อทุก i = 1,2,3,.., n นั่นคือ ถ้าพิจารณาจากสมาชิกของเมทริกซ์ 0 – 1 Mrจะได้ว่า r มีสมบัติสะท้อน ก็ต่อเมื่อ mii = 1 ทุก i = 1,2,3,…,n

  40. การนำเมทริกซ์จัตุรัส 0 – 1 ที่ใช้แทนความสัมพันธ์ ช่วยพิจารณาสมบัติสะท้อน และสมบัติสมมาตร • r มีสมบัติสะท้อน ก็ต่อเมื่อ สมาชิกในแนวเส้นทแยงมุมหลักของเมทริกซ์ 0 – 1 Mrเป็น 1 • r มีสมบัติสมมาตรก็ต่อเมื่อ เมทริกซ์ 0 – 1 Mrเป็นเมทริกซ์สมมาตร

  41. ตัวอย่าง • ให้ความสัมพันธ์ r แทนด้วยเมทริกซ์ พิจารณาว่า r มีสมบัติสะท้อนและสมบัติสมมาตรหรือไม่

  42. การดำเนินการบูลีน  และ  อื่นๆ อื่นๆ

  43. ตัวอย่าง กำหนด และ จงหา A B และ A B • A B = = • A B = =

  44. ตัวอย่าง กำหนด และ จงหา A B และ A B

  45. การหาผลคูณบูลีนของเมทริกซ์ 0 – 1(AB) • การหาผลคูณบูลีนของเมทริกซ์ 0 – 1 ของ A กับ B หรือ AB จะเหมือนกับการหาผลคูณของเมทริกซ์ธรรมดา • แทนเครื่องหมายบวก ด้วย  • แทนเครื่องหมายคูณ ด้วย 

  46. ตัวอย่าง กำหนด และ จงหา A B

  47. การนำการดำเนินการบูลีนมาใช้หายูเนียนและอินเตอร์เซกชันของความสัมพันธ์ 2 ความสัมพันธ์ • บทนิยาม 6.17 ให้ r และ s เป็นความสัมพันธ์จากเซต A ไปเซต B นิยาม และ • บทนิยาม 6.18 ให้ r เป็นความสัมพันธ์จากเซต A ไปเซต B และ s เป็นความสัมพันธ์จากเซต B ไปเซต C นิยาม

  48. ตัวอย่าง ให้ r และ s เป็นความสัมพันธ์บนเซต A ซึ่งแทนด้วยเมทริกซ์ 0 – 1 คือ และ จงหาเมทริกซ์ 0 – 1 ที่แทนความสัมพันธ์ rsและ rs วิธีทำ จากบทนิยาม 6.17 จะได้ ทำต่อ

  49. ทำแบบฝึกหัดบทที่ 6 ข้อ 16 - 19

More Related