210 likes | 402 Views
กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. 2552. (หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว10 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2552). โดย คุณอัญชลี สงวนพงศ์ ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล
E N D
กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. 2552 (หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว10 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2552) โดย คุณอัญชลี สงวนพงศ์ ที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรา 107ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการเมื่อ • ตาย • พ้นจากราชการตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ • ลาออกจากราชการและได้รับอนุญาตให้ลาออกหรือลาออกมีผลตามมาตรา 109 • ถูกสั่งให้ออกตามมาตรา 59 มาตรา 67 มาตรา 101 มาตรา 110 หรือมาตรา 111 หรือ • ถูกสั่งให้ลงโทษ ปลดออก หรือไล่ออก
ที่มา..... 1. พระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 มาตรา 110(5) ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ 2. หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการ พลเรือนสามัญตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว20 ลงวันที่ 3 กันยายน 2552 “ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการ” สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
หลักการ • ทรัพยากรบุคคลถือเป็นทุนสำคัญ ซึ่งต้องได้รับการบริหารจัดการเพื่อผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า • ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติราชการของผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อใช้ประกอบการแต่งตั้ง การเลื่อนเงินเดือน และส่วนราชการมีหน้าที่เพิ่มพูนประสิทธิภาพในการบริการประชาชนของทางราชการโดยการพัฒนาข้าราชการให้มีคุณภาพในการปฏิบัติราชการเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
หลักการ • ข้าราชการที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการกรณีนี้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฏหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญของข้าราชการ • ข้าราชการที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการกรณีนี้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) ตามมาตรา 114 แห่งพระราชบัญญัติข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
วัตถุประสงค์..... เพื่อให้ส่วนราชการมีโอกาสปรับปรุงประสิทธิภาพของกำลังคน และสามารถหมุนเวียนกำลังคนที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่ามาทำหน้าที่แทน โดยการสั่งให้ข้าราชการที่ไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลออกจากราชการ สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการ ให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล พ.ศ. 2552 ก สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
สาระสำคัญของกฎ ก.พ. 1. ให้ กฎ.ก.พ. นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (18 มี.ค.52) 2. ให้ยกเลิก กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. 2547 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
สาระสำคัญของกฎ ก.พ. 3. การสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดออกจากราชการ กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่น่าพอใจของทางราชการนั้น.... ให้พิจารณาจาก ผลการปฏิบัติราชการเป็นหลัก และให้ส่วนราชการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.พ. นี้ สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
สาระสำคัญของกฎ ก.พ. 4. เมื่อผู้บังคับบัญชาประเมินผลการปฏิบัติราชการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดตามมาตรา 76 แห่ง พรบ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 Note: - กำหนดเป้าหมายการพัฒนาปรับปรุงตนเองในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการให้ชัดเจน เพื่อใช้ในการประเมินผลครั้งถัดไป - การประเมินผลการปฏิบัติราชการและการพัฒนาปรับปรุงตนเองให้มีระยะเวลาไม่เกินสามรอบการประเมิน - ถ้าเห็นว่าไม่เป็นธรรมอาจทำคำคัดค้านยื่นต่อผู้บังคับบัญชารวมไว้กับผลการประเมินเพื่อเป็นหลักฐานได้ ผลการปฏิบัติราชการ อยู่ในระดับที่ต้องให้ได้รับ การพัฒนาปรับปรุงตนเอง แจ้งให้ข้าราชการผู้นั้นทราบ กำหนดให้ข้าราชการผู้นั้น เข้ารับการพัฒนา • ลงรายมือชื่อรับทราบ • จัดทำคำมั่นในการพัฒนาปรับปรุงตนเอง สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
สาระสำคัญของกฎ ก.พ. 5.เมื่อผู้บังคับบัญชาประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำมั่นในการพัฒนา ปรับปรุงตนเอง แล้วว่า ไม่ผ่านการประเมินให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมี อำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 กรณีที่ 1 และ 3 ให้รายงาน อ.ก.พ. กระทรวง หาก อ.ก.พ.กระทรวง เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่เหมาะสมและ มีมติประการใด ให้เป็นไปตามที่ อ.ก.พ.กระทรวงมีมติ 1. ถ้าข้าราชการผู้เข้ารับการประเมินประสงค์จะออกจากราชการ ก็ให้สั่งให้ออกจากราชการ ผู้บังคับบัญชาซึ่งมี อำนาจสั่งบรรจุ ตามมาตรา 57 2. สั่งให้ข้าราชการผู้นั้นเข้ารับการประเมินเข้ารับการพัฒนาปรับปรุงตนเองอีกครั้งโดยทำคำมั่นในการพัฒนาปรับปรุงตนเองเป็นครั้งที่ 2 3. สั่งให้ออกจากราชการ สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
สาระสำคัญของกฎ ก.พ. 6.เมื่อ อ.ก.พ. กระทรวงมีมติเป็นประการใดแล้ว และผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มีคำสั่งหรือปฏิบัติตามที่ อ.ก.พ. กระทรวงมีมติแล้ว ให้แจ้งคำสั่งหรือ การปฏิบัติดังกล่าวให้ข้าราชการพลเรือนผู้นั้นรับทราบ 7. ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการตาม กฎ ก.พ. นี้ มีสิทธิอุทธรณ์ ต่อ ก.พ.ค. ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบ หรือวันที่ถือว่าทราบคำสั่งให้ออกจากราชการ 8. การดำเนินการก่อนวันที่ กฎ ก.พ. นี้ใช้บังคับ ให้การพิจารณาสั่งให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามกฎ ก.พ. ฉบับเดิมต่อไป (ฉบับปี 2547) สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน
สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน คำถาม -คำตอบ
คำถาม-คำตอบ 1 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน คำถาม คำมั่นในการพัฒนาปรับปรุงตนเอง ควรจะประกอบด้วยข้อความใดบ้าง คำตอบ คำมั่นในการพัฒนาปรับปรุงตนเอง เป็นข้อตกลงในการปรับปรุงตนเอง ในการปฏิบัติราชการหรือสัญญาที่จะปฏิบัติราชการให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมายและมีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล รวมทั้งการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น ดังนั้น คำมั่นในการพัฒนาปรับปรุงตนเอง ควรประกอบด้วย 1. งานที่มอบหมายให้ผู้ทำคำมั่นในการพัฒนาปรับปรุงตนเองทำให้สำเร็จในรอบการประเมิน (6 เดือน) ถัดไป 2. ความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นในการปฏิบัติงานที่ผู้ทำคำมั่น ในการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นภายในระยะเวลา 6 เดือน (รอบการประเมิน)
คำถาม-คำตอบ 2 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน คำถาม กรณีข้าราชการ ไม่ผ่านการประเมินใน 2 รอบแรก ในรอบที่ 3 ผ่าน แต่ในรอบที่ 4 ไม่ผ่านอีก ส่วนราชการสามารถให้ออกจากราชการตามกฎ ก.พ. ดังกล่าวได้หรือไม่ หรือนับใหม่ คำตอบ กรณีนี้ผลการประเมิน 2 รอบแรก ปรากฏว่าได้คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 60 แต่ รอบที่ 3 ผลการประเมินได้คะแนนสูงกว่าร้อยละ 60 ถือว่าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องสั่งให้ออกจากราชการตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณี ไม่สามารถปฏิบัติปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. 2552 เนื่องจากระยะเวลาในการประเมินผลการปฏิบัติราชการในช่วงแรกกำหนดไว้ไม่เกิน 3 รอบการประเมิน ในกรณีที่การประเมินผลการปฏิบติราชการรอบที่ 4 ปรากฏว่า ผลการประเมินได้คะแนนต่ำกว่าร้อยละ 60 อีก ก็ต้องนับเป็นการพิจารณาตามกฎ ก.พ. ฉบับดังกล่าว ในรอบที่ 1 โดยเริ่มนับใหม่
คำถาม-คำตอบ 3 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน คำถาม หนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1012/ว 10 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2552 เรื่องกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. 2552 (ว 10/2552) สามารถนำไปใช้บังคับสำหรับลูกจ้างประจำได้หรือไม่ คำตอบ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำ พ.ศ.2539 ข้อ 60(5) กำหนดว่าเมื่อลูกจ้างประจำผู้ใดไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในระดับอันเป็นที่พอใจของทางราชการได้ ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุตามข้อ 13 สั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์วิธีการที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการ พลเรือนโดยอนุโลม ดังนั้น ส่วนราชการจึงต้องนำกฎ ก.พ.ฉบับดังกล่าวฉบับนี้ไปใช้บังคับกับลูกจ้างประจำโดยอนุโลมตามที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงการคลัง ดังกล่าว
คำถาม-คำตอบ 4 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน คำถาม กรณีข้าราชการป่วย ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจบรรจุตามมาตรา 57 สามารถสั่งให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการตาม กฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ.2552 ได้หรือไม่ คำตอบ กรณีข้าราชการป่วยและได้รับอนุญาตให้ลาป่วยบ่อยครั้ง หรือลาป่วยติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้อย่างสม่ำเสมอ ควรพิจารณา สั่งให้ออกตามหลักเกณฑ์ และวิธีการใน กฎ ก.พ. ที่จะออกตามมาตรา 110 (1) ที่บัญญัติให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งให้ข้าราชการออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญ เหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการได้ในกรณีข้าราชการพลเรือนสามัญผู้นั้นเจ็บป่วยจนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ราชการของตนได้โดยสม่ำเสมอ จะตรงกับกรณีมากกว่า
คำถาม-คำตอบ 5 สำนักบริหารทรัพยากรบุคคล กรมชลประทาน คำถาม การสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 110 (5) ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการอายุราชการ 10 ปี ขึ้นไป จะได้รับบำนาญหรือไม่ คำตอบ ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2494 มาตรา 15 บัญญัติว่าข้าราชการผู้รับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนซึ่งมีเวลาสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญไม่ถึง 10 ปี บริบูรณ์มีสิทธิได้รับบำเหน็จ ข้าราชการผู้ซึ่งมีเวลาสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญตั้งแต่ 10 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป มีสิทธิได้บำนาญ ดังนั้น ผู้ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการตามมาตรา 110 (5) ที่มีอายุราชการ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิได้บำนาญ