240 likes | 459 Views
รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม Radiation therapy for breast cancer. พ.ญ. อรวรรณ คำเจริญคุณ. ช่วงเวลาของการรักษาด้วยรังสีรักษา. การผ่าตัด. เคมีบำบัด. รังสีรักษา. รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม. รังสีพลังงานสูงเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งหรือป้องกันเซลล์มะเร็งเติบโตมี 2วิธี
E N D
รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมRadiation therapy for breast cancer พ.ญ.อรวรรณ คำเจริญคุณ
ช่วงเวลาของการรักษาด้วยรังสีรักษาช่วงเวลาของการรักษาด้วยรังสีรักษา การผ่าตัด เคมีบำบัด รังสีรักษา
รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม • รังสีพลังงานสูงเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งหรือป้องกันเซลล์มะเร็งเติบโตมี 2วิธี • การฉายแสงภายนอก (Teletherapy) เป็นการใช้เครื่องฉายรังสีพลังงานสูงส่งรังสีไปยังบริเวณก้อนเนื้องอก ผนังหน้าอก หรือต่อมน้ำเหลือง • การฝังแร่ (Brachytherapy) เป็นการใช้สารกัมมันตรังสีติดกับอุปกรณ์บางชนิด เช่น เข็ม, ลวด จากนั้นนำไปวางไว้ในบริเวณที่เป็นเนื้องอกหรือบริเวณข้างเคียง
ข้อบ่งชี้ของการใช้รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมข้อบ่งชี้ของการใช้รังสีรักษาในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม • หลังการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม (breast conservative surgery) ทุกราย • หลังการผ่าตัด MRM ในรายต่อไปนี้ • ขนาดก้อนมะเร็ง >5ซม • ลุกลามเข้าผิวหนังหรือผนังหน้าอก (invade skin or chest wall) • ผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกไม่หมด (close or positive margin) • กระจายเข้าต่อมน้ำเหลือง≥4 ต่อม (LN involve≥4,adequate LN dissecsion ≥10 nodes) • กระจายออกนอกต่อมน้ำเหลือง (perinodal extension)
การฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม • เริ่มฉายหลังได้รับการผ่าตัดและตามหลังการให้เคมีบำบัดประมาณ3-4 สัปดาห์ • ฉายรังสีวันละ 1ครั้ง สัปดาห์ละ 5 วัน เป็นระยะเวลาประมาณ 5-6 สัปดาห์ • ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนราบ ศีรษะและไหล่อยู่บนกระดานสามเหลี่ยมรูปลิ่ม • ฉายครอบคลุมบริเวณเต้านมและต่อมน้ำเหลืองบริเวณลำคอในบางราย
ขอบเขตของการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมขอบเขตของการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
ขอบเขตของการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมขอบเขตของการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม
การฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมการฉายรังสีในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ภาพจาก Dr. PittayaDankulchai, Siriraj hospital, Mahidol University
การปฏิบัติตัวระหว่างฉายรังสีการปฏิบัติตัวระหว่างฉายรังสี • ควรสวมเสื้อผ้าหลวมๆ เนื้อผ้าอ่อนนุ่ม ควรเป็นเสื้อผ่าหน้า หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อชั้นในที่รัดหรือคับเกินไป เสื้อยกทรงควรงดโดยเด็ดขาด • ห้ามลบเส้นบริเวณที่ฉายรังสีที่แพทย์ขีดไว้ และห้ามขีดเส้นที่เลือนใหม่ด้วยตัวเอง • ผิวหนังอาจมีสีแดง แห้งตึง เกิดอาการคัน ดำคล้ำ และตกสะเก็ด หรือแตกเป็นแผล ห้ามถู แกะ เกา ควรตัดเล็บ ให้สั้นเพื่อป้องกันการแกะเกา • อาบน้ำได้ บริเวณที่ฉายรังสี ให้น้ำผ่านได้ ห้ามถูสบู่ และควรใช้ผ้าเช็ดตัวที่ อ่อนนุ่มซับให้แห้งทุกครั้ง หลีกเลี่ยงการขัดถู • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดจัด หรือการสัมผัสบริเวณที่ฉายรังสีโดยตรงกับความร้อนหรือความเย็น ห้ามใช้กระเป๋าน้ำร้อนหรือน้ำแข็งประคบ
การปฏิบัติตัวระหว่างฉายรังสีการปฏิบัติตัวระหว่างฉายรังสี • ห้ามทาแป้งฝุ่น เพราะแป้งฝุ่นอาจมีส่วนผสมของโลหะหนัก ทำให้ระคายเคือง ผิวดำคล้ำมากขึ้น • บริเวณรักแร้ควรหลีกเลี่ยงการเสียดสี เวลาเดินควรเดินกางแขนหรือเดินเท้าเอว • พยายามเปิดรักแร้ อย่าให้อับชื้น ควรเปิดให้ลมโกรกหรือใช้พัดลมเป่า • ห้ามทายา และครีมทุกชนิดในบริเวณที่ฉายรังสียกเว้นแพทย์สั่ง • ถ้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี หากมีแผลจะแห้งและหายเป็นปกติได้ภายใน 1 สัปดาห์
การปฏิบัติตัวทั่วไประหว่างการฉายรังสีการปฏิบัติตัวทั่วไประหว่างการฉายรังสี • ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ นม และไข่เพราะระหว่างการรักษาร่างกายต้องการโปรตีนสูง • ควรดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร (8-10แก้ว) • ควรงดดื่ม น้ำชา กาแฟ เหล้า เบียร์ • งดสูบบุหรี่ • ควรบริหารเพื่อป้องกันข้อไหล่ยึดติดและแขนบวม ต้องปฏิบัติสม่ำเสมอต่อเนื่องไปตลอดชีวิตแต่ห้ามหักโหมเพราะอาจทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาดได้
การผ่าตัดแบบสงวนเต้านมการผ่าตัดแบบสงวนเต้านม
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างฉายรังสีภาวะแทรกซ้อนระหว่างฉายรังสี • สีผิวเข้มขึ้น แห้งเป็นขุยหรืออาจเป็นแผล อาจมีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อน • อาจมีอาการเจ็บคอในผู้ป่วยที่ได้รับการฉายรังสีที่บริเวณต่อมน้ำเหลือง • อ่อนเพลีย
ภาวะแทรกซ้อนหลังการฉายรังสีภาวะแทรกซ้อนหลังการฉายรังสี • แขนบวม (arm lymphedema) • Skin telangiectasia • Subcutaneous fibrosis • Lung pneumonitis/fibrosis • Cardiac toxicity • Brachail plexus injury • Shoulder stiffness • Fracture rib • Secondary malignancy (<0.03%)