1 / 32

ศ. 401 เศรษฐศาสตร์การเมือง

ศ. 401 เศรษฐศาสตร์การเมือง. เศรษฐศาสตร์สวัสดิการ และความล้มเหลวของตลาด. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์. ผู้ผลิตไม่มีอิทธิพลต่อราคา (price-takers) เส้นอุปสงค์เป็นเส้นขนานกับแกนนอน ณ ราคาตลาด ผู้ผลิตแต่ละรายผลิตสินค้าเหมือนกัน (homogenous products) ไม่มีอุปสรรคในการเข้าและออกจากตลาด

zulema
Download Presentation

ศ. 401 เศรษฐศาสตร์การเมือง

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ศ.401 เศรษฐศาสตร์การเมือง เศรษฐศาสตร์สวัสดิการ และความล้มเหลวของตลาด

  2. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ • ผู้ผลิตไม่มีอิทธิพลต่อราคา (price-takers) • เส้นอุปสงค์เป็นเส้นขนานกับแกนนอน ณ ราคาตลาด • ผู้ผลิตแต่ละรายผลิตสินค้าเหมือนกัน (homogenous products) • ไม่มีอุปสรรคในการเข้าและออกจากตลาด • ผู้ซื้อและผู้ขายรู้ราคาสินค้า • ต้นทุนธุรกรรมต่ำ (ต้นทุนในการระบุคู่ค้า และตกลงธุรกรรม)

  3. ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ไม่สมจริง?ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ไม่สมจริง? • ตลาดจำนวนมากในโลกเป็นจริงมีลักษณะใกล้เคียงตลาดแข่งขันสมบูรณ์ • ตลาดสินค้าเกษตร ตลาดสินค้าแร่และทรัพยากร • ตลาดหลักทรัพย์ • การค้าส่งและการค้าปลีก • ใช้เป็นบรรทัดฐาน (benchmark) ในการวิเคราะห์ตลาดในโลกที่เป็นจริง --- ตลาดผูกขาด ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด ตลาดผู้ผลิตน้อยราย

  4. สวัสดิการผู้บริโภค • ประโยชน์ที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้านั้น หักด้วยค่าใช้จ่ายที่ผู้บริโภคจ่ายจริง • แต่ละจุดบนเส้นอุปสงค์คือความเต็มใจที่ผู้บริโภคนั้นจะจ่ายเพื่อบริโภคสินค้าหน่วยนั้น ๆ (marginal willingness to pay) • ราคาสูงสุดที่ผู้บริโภคยินดีที่จะจ่ายเพื่อบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหน่วย • คุณค่าหน่วยสุดท้ายที่ผู้บริโภคประเมินว่าจะได้รับจากการบริโภคสินค้าเพิ่มอีกหนึ่งหน่วย

  5. ส่วนเกินผู้บริโภค (consumer surplus) • ความแตกต่างทางตัวเงินระหว่างราคาที่ผู้บริโภค “ยินดี” ที่จะจ่าย กับราคาสินค้าที่จ่ายจริง ณ ระดับปริมาณสินค้านั้น ๆ p consumer surplus a expenditure e D q o q1

  6. ส่วนเกินผู้ผลิต (producer surplus) • ส่วนต่างระหว่างราคาที่สินค้าขายได้จริงกับราคาต่ำสุดที่จะทำให้ผู้ผลิต “เต็มใจ” ที่จะขาย p S p1 producer surplus q q1

  7. สวัสดิการสังคม p • สวัสดิการสังคม (W) คือผลรวมของส่วนเกินผู้บริโภค (CS) กับส่วนเกินผู้ผลิต (PS) • W = CS + PS • ตลาดแข่งขันทำให้บรรลุสวัสดิการสูงสุดของสังคม S CS e p1 PS D q1 q

  8. ปริมาณที่ต่ำกว่าดุลภาพณ q2 p • A = CS; B = CS transferred to producers. • D + B = PS. • C + E = DWL (deadweight loss). • At q2, p2 > MC S = MC A p2 e B C p1 E D D q q2 q1

  9. ปริมาณที่สูงกว่าดุลภาพณ q2 p • A+C+D+E = CS • C+D+ = PS transferred to consumers. • F-B-D-E = PS • -B = DWL • At q2, p2 < MC S MC A B p1 C D E p2 D F H G q q1 q2

  10. ประสิทธิภาพปาเรโต (Pareto Efficiency) • การจัดสรรทรัพยากรหนึ่ง ๆ มีประสิทธิภาพปาเรโตถ้าสถานะของคนหนึ่งไม่อาจปรับปรุงดีขึ้นได้โดยไม่ทำให้คนอื่นสูญเสีย • Two theorems of welfare economics: • Any competitive equilibrium is Pareto efficient. • Any Pareto-efficient equilibrium can be obtained by competition, given an appropriate endowment.

  11. Kaldor-Hicks compensation test • หลักเกณฑ์ปาเรโตกำหนดว่า ผู้ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายใด ๆ ต้องชดเชยให้กับผู้สูญเสียจากการเปลี่ยนแปลง • การเปลี่ยนแปลงทุกเรื่องต้องเป็นฉันทามติ • Potential Pareto improvement: ถ้าผู้ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายใด ๆ ได้มากกว่าความสูญเสียของผู้อื่น รัฐบาลอาจดำเนินนโยบายนั้นได้โดยจะมีการชดเชยแก่ผู้สูญเสียหรือไม่ก็ได้ • การจะชดเชยความเสียหายแก่ผู้สูญเสียหรือไม่ เป็นการตัดสินใจทางการเมือง

  12. ประสิทธิภาพกับนโยบาย • การเสนอว่า รัฐบาลควรดำเนินนโยบายที่บรรลุประสิทธิภาพปาเรโต เป็นข้อเสนอเชิงบรรทัดฐานนิยม (normative) • นโยบายการค้าเสรี และส่งเสริมการแข่งขัน • จุดเริ่มต้นทรัพยากร (endowments) ที่ต่างกันนำไปสู่ดุลภาพปาเรโตที่ต่างกัน • การเลือกดุลภาพปาเรโตเฉพาะหนึ่ง ๆ จากหลายดุลภาพปาเรโตก็เป็นการตัดสินใจเชิงบรรทัดฐานนิยมเช่นกัน • สังคมอาจมีจุดประสงค์อื่นที่ไม่ใช่ประสิทธิภาพ เช่น เน้นความเท่าเทียมในสังคม

  13. ความเท่าเทียม (Equity) • สังคมตัดสินใจว่า ประชากรกลุ่มใดมีความสำคัญเหนือกว่ากลุ่มอื่น ๆ • ลัทธิอรรถประโยชน์นิยม (Utilitarianism): ความพึงพอใจสูงสุดสำหรับจำนวนคนที่มากที่สุด • ในโลกความจริง กลไกการเมืองถูกใช้เพื่อตัดสินปัญหาดังกล่าว • กลุ่มต่าง ๆ ในสังคมมีอำนาจทางการเมืองไม่เท่ากัน • ระบบการเมืองที่ต่างกันให้ความสำคัญกลุ่มคนที่ต่างกัน • การกระจุกตัวของทรัพยากร (หรือการกระจายรายได้) มีแนวโน้มไปสู่กลุ่มที่มีอำนาจทางการเมืองสูงกว่าประชากรทั่วไป

  14. ประสิทธิภาพกับความเท่าเทียม (Equity) • ประสิทธิภาพกับความเท่าเทียมอาจขัดแย้งกันได้ • การเลือกเป็นการตัดสินใจเชิงบรรทัดฐานนิยมโดยสังคม • ประสิทธิภาพปาเรโตอาจก่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน • สังคมอาจเลือกความเท่าเทียมกัน โดยยอมรับการจัดสรรทรัพยากรที่ไม่มีประสิทธิภาพ • นโยบายภาษีเพื่อกระจายรายได้ (redistributive taxes) • แรงจูงใจในการทำงานและสร้างรายได้ขัดกับการกระจายรายได้

  15. ประสิทธิภาพมาก่อนความเท่าเทียมประสิทธิภาพมาก่อนความเท่าเทียม • สมมติการจัดสรร A มีการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน • สังคมเลือกการจัดสรร B ซึ่งมีความเท่าเทียม แต่ไม่มีประสิทธิภาพ • การที่ไม่มีประสิทธิภาพ แสดงว่า ยังสามารถยกระดับบางคนให้ดีขึ้นได้โดยไม่กระทบคนอื่น (Pareto improvement) • ถ้าอนุญาตให้แต่ละคนตัดสินใจแลกเปลี่ยนทรัพยากรกันได้ สังคมจะเคลื่อนจากการจัดสรร B ไปสู่การจัดสรร C ที่มีประสิทธิภาพ (บางคนดีขึ้น โดยไม่กระทบคนอื่น) แต่เท่าเทียมน้อยลง • สรุป: การจัดสรรที่มีประสิทธิภาพย่อมเป็นผลดีต่อสังคมโดยรวมมากกว่าการจัดสรรที่เน้นความเท่าเทียม แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า

  16. นักเศรษฐศาสตร์เน้นประสิทธิภาพนักเศรษฐศาสตร์เน้นประสิทธิภาพ • ประสิทธิภาพเป็นคำถามเชิงวิทยาศาสตร์ • สามารถวิเคราะห์ และทดสอบเพื่อหาคำตอบที่วัดได้ • ความเท่าเทียมเป็นคำถามเชิงบรรทัดฐานนิยม • มีแง่มุมเชิงสังคม ปรัชญา และการเมือง • เป็นอัตวิสัย ยากที่จะวิเคราะห์ ทดสอบ และวัด • ผู้คนมักเน้นความเท่าเทียม นักเศรษฐศาสตร์จึงถ่วงดุลด้วยการเน้นประสิทธิภาพ!

  17. การจำกัดการทำงานของตลาดการจำกัดการทำงานของตลาด • ตลาดถูกห้ามในกรณีทางสังคมและ “ศีลธรรม” • การค้าทาส ยาเสพติด การค้าประเวณี วัสดุลามก ฆาตกรรม ค้ามนุษย์ ค้าอวัยวะ • แบบแผนการบริโภคที่สังคมส่งเสริมหรือไม่ส่งเสริม • การควบคุมการค้าบุหรี่ สุรา การพนัน • เงินอุดหนุนในสินค้า “ความดี” (หนังสือ ภาพยนต์ อาหารกลางวันเด็ก ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ)

  18. ตลาดถูกกำกับดูแล เพื่อให้ผู้เข้าร่วมมี “โอกาสที่เท่าเทียมกัน” • การศึกษา สถานที่ทำงาน (สตรี ผู้ทุพพลภาพ ผู้ด้อยโอกาส ชนกลุ่มน้อยทางศาสนา-เชื้อชาติ) • การแบ่งสรรทรัพยากร “ให้เป็นธรรม” • การปฏิรูปที่ดิน ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน ภาษีทรัพย์สิน ภาษีเงินได้แบบก้าวหน้า

  19. ตลาดที่มีประสิทธิภาพ • สินค้าหรือบริการมีลักษณะ “ส่วนตัว” (private) • การบริโภคในลักษณะ “ปฏิปักษ์” (rivalry) • การกีดกันผู้ไม่จ่าย (excludability) • การผลิตและการบริโภคที่แบ่งส่วนได้ (divisibility) • คุณค่าหรืออรรถประโยชน์ทั้งหมดถูกสะท้อนโดยฟังก์ชั่นอุปสงค์ • ต้นทุนการผลิตทั้งหมดรวมอยู่ในฟังก์ชั่นอุปทาน • ตลาดมีลักษณะแข่งขัน ผู้ผลิตไม่มีอิทธิพลต่อราคา

  20. การล้มเหลวของตลาด • ตลาดให้ผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ • ข้อสมมติบางข้อของตลาดแข่งขันที่มีประสิทธิภาพไม่เป็นจริง • เป็นเหตุผลสนับสนุนให้รัฐบาลเข้าแทรกแซงเพื่อแก้ไขปัญหา • สมมติ “ภูมิปัญญารัฐบาล” (government wisdom) รู้วิธีการแก้ปัญหาเพื่อไปบรรลุผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ • สมมติหน่วยการเมืองที่ “ปรารถนาดี” ต่อสังคม (นักการเมือง ข้าราชการ)

  21. กรณีของการล้มเหลวของตลาดกรณีของการล้มเหลวของตลาด • ผลกระทบภายนอก (externalities) • สินค้าสาธารณะ (public goods) • การแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์ (imperfect competition) • สารสนเทศที่อสมมาตร (asymmetric information) • ต้นทุนธุรกรรมสูง (high transaction cost) • ความไร้เสถียรภาพทางมหภาค (macroeconomic instability) • การกระจายรายได้ที่ไม่เสมอภาค (income inequality)

  22. สินค้าสาธารณะ • การบริโภคสินค้าไม่มีลักษณะ “ปฏิปักษ์” • ไม่สามารถกีดกันผู้บริโภคที่ไม่จ่าย • การผลิตและการบริโภคที่ไม่สามารถแยกส่วนได้ • การป้องกันประเทศ อากาศบริสุทธิ์ ทิวทัศน์สวยงาม การฉีดยาฆ่าแมลง การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม บริการรักษาความปลอดภัย • สินค้าสาธารณะที่ไม่แท้ (impure) สามารถกีดกันผู้ที่ไม่จ่ายได้ แต่ยังมีการบริโภคที่ไม่เป็นปฏิปักษ์ • โรงคอนเสิร์ต ทางด่วนจ่ายเงิน สวนสาธารณะ

  23. สินค้าสาธารณะหนึ่งหน่วยสนองตอบผู้บริโภคทั้งหมดพร้อมกันสินค้าสาธารณะหนึ่งหน่วยสนองตอบผู้บริโภคทั้งหมดพร้อมกัน • แต่ละคนบริโภคสินค้าสาธารณะในจำนวนที่เท่ากัน • ประโยชน์สาธารณะหน่วยสุดท้าย (marginal social benefit) คือผลรวมของประโยชน์ส่วนตนหน่วยสุดท้าย (marginal private benefit) จากการบริโภคสินค้าจำนวนนั้น • เมื่อไม่สามารถกีดกันผู้ที่ไม่จ่ายเงินได้ จึงเกิดปัญหา free-rider • ผู้ประกอบการไม่มีแรงจูงใจที่จะผลิต

  24. ผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ • ตลาดแข่งขันให้ผลลัพธ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ • การผลิตต่ำกว่าระดับที่เหมาะสมสำหรับสังคม • ประโยชน์สังคมหน่วยสุดท้ายสูงกว่าต้นทุนสังคมหน่วยสุดท้าย • ปัญหา free-riders ทำให้มีการผลิตสินค้าสาธารณะน้อยเกินไป • รัฐบาลต้องเข้าแทรกแซงด้วยการผลิตและสนองสินค้าสาธารณะ • บังคับให้ผู้บริโภคทุกคนจ่ายด้วยการเก็บภาษี

  25. ผลกระทบภายนอก • กิจกรรมหนึ่งก่อให้เกิด “ผลได้” หรือ “ต้นทุน” ภายนอกต่อผู้อื่นโดยไม่สะท้อนอยู่ในต้นทุนหรือราคาส่วนบุคคล • ผลกระทบภายนอกทางบวก ได้แก่ ผลได้ภายนอกที่เกิดแก่ผู้อื่นโดยที่เจ้าของกิจกรรมไม่ได้รับการชดเชย • ประโยชน์สังคม = ประโยชน์ส่วนบุคคล + ประโยชน์ภายนอก • เจ้าของกิจกรรมไม่อาจได้รับประโยชน์ทั้งหมด • การกระจายวิทยุโทรทัศน์ การศึกษา ห้องสมุดสาธารณะ มัณฑนาการภายนอกอาคาร การค้นพบทางวิทยาศาสตร์

  26. ผลกระทบภายนอกทางลบ กิจกรรมที่เกิดต้นทุนภายนอกต่อผู้อื่นโดยไม่มีการชดเชย • ต้นทุนสังคม = ต้นทุนส่วนบุคคล + ต้นทุนภายนอก • ผู้ก่อกิจกรรมไม่ได้แบกรับต้นทุนทั้งหมด • มลภาวะ เสียงรบกวน • ผลกระทบภายนอกทางบวก การผลิตต่ำกว่าระดับที่เหมาะสม • รัฐบาลแทรกแซงโดยให้เงินอุดหนุน • ผลกระทบภายนอกทางลบ การผลิตสูงกว่าระดับที่เหมาะสม • รัฐบาลบังคับเก็บภาษี หรือเข้ากำกับดูแล

  27. การแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์การแข่งขันที่ไม่สมบูรณ์ • ผู้ผลิตหนึ่งรายหรือน้อยรายมีอิทธิพลต่อราคาหรือปริมาณในตลาด • อุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด • การประหยัดขนาดและการผูกขาดตามธรรมชาติ • ปริมาณผลิตต่ำกว่าระดับเหมาะสม ราคาสูงกว่าต้นทุนหน่วยสุดท้าย • Deadweight loss การสูญเสียส่วนเกินผู้บริโภคและส่วนเกินผู้ผลิต • รัฐบาลแทรกแซงด้วยการออกกฎหมายกำกับการแข่งขัน (antitrust law or competition law)

  28. สารสนเทศที่ไม่สมมาตร • ลักษณะบางประการของตลาดไม่เป็นที่รับรู้ของผู้เข้าร่วมบางส่วน • ปริมาณผลิตสูงหรือต่ำกว่าระดับเหมาะสม • สารสนเทศเกี่ยวกับราคา คุณภาพ ปริมาณที่มีอยู่ • ตลาดสินค้ามือสอง ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ สินค้าบริการซับซ้อน (ยารักษาโรค บ้าน รถยนต์ แพทย์ ทนาย ช่างทอง-เพชร ฯลฯ) • สารสนเทศมีต้นทุนค่าใช้จ่าย • รัฐบาลกำกับดูแลโดยการตั้งมาตรฐานและการรับรองคุณภาพ

  29. ต้นทุนธุรกรรมสูง (transaction costs) • ต้นทุนสูงในการทำธุรกรรม ตกลง และการทำสัญญา • แสวงหาและประเมินสารสนเทศที่ได้รับ • ตระเตรียมสถานะเพื่อการต่อรอง • ระบุแหล่งที่อยู่ของคู่ค้าเพื่อการต่อรอง • เจรจาสัญญาธุรกรรมทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ • ติดตามการปฏิบัติตามสัญญาธุรกรรม • ต้นทุนธุรกรรมต้องอยู่ในระดับต่ำเพียงพอที่ธุรกรรมของตลาดจะเกิดขึ้นได้จนสำเร็จ

  30. ระดับของต้นทุนธุรกรรมขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและสังคมระดับของต้นทุนธุรกรรมขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและสังคม • ถ้าต้นทุนธุรกรรมสูงเกินไป คู่ค้าจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่ให้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้โดยสมัครใจ • ความขัดแย้งในกรณีมลภาวะ การคุ้มครองผู้บริโภค กลุ่มผลประโยชน์ปะทะกับผู้บริโภค • การกำกับดูแลโดยรัฐบาลในเรื่องมาตรฐานและการรับรองคุณภาพ

  31. ความไม่มีเสถียรภาพทางมหภาคความไม่มีเสถียรภาพทางมหภาค • ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดมีลักษณะวัฏจักรและไม่มีเสถียรภาพเป็นช่วงๆ • ภาคธุรกิจเอกชนมีลักษณะไม่มีเสถียรภาพโดยตัวเอง • การปรับตัวของตลาดเป็นไปอย่างเชื่องช้าและเจ็บปวด • นโยบายการเงินและการคลังแบบเคนส์เสียน • รัฐบาลควรแทรกแซงเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจด้วยมาตรการต้านวัฏจักร (counter-cyclical measures)

  32. ความไม่เสมอภาคทางรายได้ความไม่เสมอภาคทางรายได้ • การจัดสรรทรัพยากรผ่านตลาดทำให้เกิดการกระจายรายได้และทรัพย์สินที่ไม่เท่าเทียมกัน • การกระจายทรัพย์สินดั้งเดิมไม่มีกฎเกณฑ์และไม่อาจถือได้ว่า “ยุติธรรม” • การกระจายรายได้ที่ตามมาจึงไม่อาจถือได้ว่า “ยุติธรรม” • นโยบายกระจายรายได้จากคนรวยไปสู่คนจนโดยรัฐบาล • ระบบเครือข่ายสังคมขั้นต่ำ (minimum social safety net) • การกระจายรายได้อย่างเป็นระบบเพื่อลดความไม่เสมอภาค

More Related