1 / 46

อาเซียน ความสัมพันธ์กับไทย

อาเซียน ความสัมพันธ์กับไทย. ความสัมพันธ์ภายนอก. ออสเตรเลียกับอาเซียน. ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ประเทศคู่เจรจากับอาเซียน ในปี พ.ศ. 2517 และดำเนินความสัมพันธ์กันอย่างราบรื่น ด้านการเมืองและความมั่นคง

Download Presentation

อาเซียน ความสัมพันธ์กับไทย

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. อาเซียน ความสัมพันธ์กับไทยอาเซียน ความสัมพันธ์กับไทย ความสัมพันธ์ภายนอก

  2. ออสเตรเลียกับอาเซียน • ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ประเทศคู่เจรจากับอาเซียนในปี พ.ศ. 2517 และดำเนินความสัมพันธ์กันอย่างราบรื่น • ด้านการเมืองและความมั่นคง - ร่วมกันลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากล เมื่อ พ.ศ. 2547 - ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อเดือนธันวาคม 2548 - ให้ความสำคัญสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงโดยเฉพาะ เรื่องการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และการค้ามนุษย์

  3. ออสเตรเลียกับอาเซียน (ต่อ) • ด้านเศรษฐกิจ - ได้ร่วมลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 (AANZFTA) • ด้านการพัฒนา - ภายใต้โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาอาเซียน-ออสเตรเลีย ระยะที่ 2 ออสเตรเลียจะให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนากับอาเซียนเป็นมูลค่าประมาณ 57 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยเน้นการเสริมสร้างขีดความสามารถ การวิจัย และคำแนะนำเชิงนโยบาย รวมทั้ง สนับสนุนกลไกระดับภูมิภาค

  4. ออสเตรเลียกับอาเซียน (ต่อ) • ไทยได้มีบทบาทในการสนับสนุนและผลักดันให้อาเซียนและออสเตรเลียร่วมลงนาม - แถลงการณ์รัฐมนตรีว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนอย่างรอบคอบด้านอาเซียน-ออสเตรเลีย - ความตกลงว่าด้วยการค้าเสรีอาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ - แผนปฏิบัติการอาเซียน – ออสเตรเลีย ระยะที่ 2 ไทยเสนอให้ออสเตรเลียเข้ามามีบทบาทสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงในภูมภาคโดยเน้นเรื่องเทคโนโลยีสะอาด การจัดการระบบคมนาคม และการอำนวยความสะดวกในการข้ามแดน

  5. นิวซีแลนด์กับอาเซียน • ความสัมพันธ์เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2518 โดยเป็นประเทศคู่เจรจาลำดับที่ 2 ของอาเซียนหลังจากออสเตรเลีย ปัจจุบันความสัมพันธ์ได้พัฒนาเป็นความสัมพันธ์อย่างรอบด้าน • ด้านการเมืองและความมั่นคง - ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และร่วมกันลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือ เพื่อต่อต้านการก่อการร้ายสากล เมื่อ พ.ศ. 2548

  6. นิวซีแลนด์กับอาเซียน (ต่อ) • ด้านเศรษฐกิจ - ได้ร่วมลงนามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 (AANZFTA) • ด้านการพัฒนา - ปฏิญญาว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้านระหว่างอาเซียน - แผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติตามปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้านระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์ ค.ศ.2010 - 2015

  7. นิวซีแลนด์กับอาเซียน (ต่อ) • ไทยได้เสนอให้นิวซีแลนด์เข้ามามีบทบาทในเรื่องการเชื่อมโยงในอาเซียนโดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมโยงทางทะเล ความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีสะอาดและการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน • ภายใต้กรอบความร่วมมือปัจจุบัน นิวซีแลนด์ได้เสนอโครงการ 4 โครงการได้แก่ 1. โครงการให้ทุนแก่นักศึกษาอาเซียน 2. โครงการแลกเปลี่ยนนักธุรกิจรุ่นใหม่ 3. โครงการจัดการภัยพิบัติ 4. โครงการแลกเปลี่ยนความรู้และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศด้านการเกษตร

  8. ญี่ปุ่นกับอาเซียน • พัฒนาความสัมพันธ์เป็นประเทศคู่เจรจาของอาเซียนใน พ.ศ.2520 และในปี พ.ศ. 2546 ได้มีการลงนามปฏิญญาโตเกียวว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนที่มีพลวัตรและยั่งยืนระว่างอาเซียน-ญี่ปุ่น • ด้านการเมืองการปกครอง - ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่เจรจาอันดับที่ 4 ที่ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - เป็นประเทศแรกที่จัดตั้งกรอบการประชุมความร่วมมือด้าน การต่อต้านการก่อการร้ายอย่างเป็นทางการกับอาเซียน

  9. ญี่ปุ่นกับอาเซียน (ต่อ) • ด้านเศรษฐกิจ - พ.ศ.2524 ได้จัดตั้งศูนย์อาเซียน-ญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับ 1 และผู้ลงทุน รายใหญ่อันดับที่ 2 ของอาเซียน • ด้านสังคมและวัฒนธรรม - ญี่ปุ่นได้จัดตั้งโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนระหว่างประเทศญี่ปุ่นและกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2550 - 2555

  10. บทบาทของไทยต่อประเทศญี่ปุ่นบทบาทของไทยต่อประเทศญี่ปุ่น • เป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญของญี่ปุ่น • ญี่ปุ่นยังสนใจร่วมมือกับไทยในการพัฒนาอนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะด้านการพัฒนาความเชื่อมโยงทั้งในด้านฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ • จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีและผู้นำในกรอบการประชุมแม่โขง-ญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น ไทย ลาว เมียนมา เวียดนาม และกัมพูชา)

  11. จีนกับอาเซียน • ความสัมพันธ์เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2534 และ พ.ศ. 2539 ได้ยกสถานะเป็นประเทศคู่เจรจาอย่างสมบูรณ์ • ในปี พ.ศ. 2554 จีนและอาเซียนได้จัดกิจกรรมเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีความสัมพันธ์ • ด้านการเมือง เป็นประเทศแรกที่ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใน พ.ศ. 2546 และเป็นประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ประเทศแรกที่แสดงความพร้อมที่จะลงนามในพิธีสารต่อท้ายสนธิสัญญา

  12. จีนกับอาเซียน • ด้านเศรษฐกิจ -พ.ศ. 2545 ลงนามในกรอบความตกลงความร่วมมือเศรษฐกิจอาเซียน-จีน - พ.ศ. 2547 ลงนามความตกลงด้านการค้าสินค้า พ.ศ. 2550 ด้านการค้าบริการ และ พ.ศ. 2552 ความตกลงด้านการลงทุน - ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน – จีน มีผลสมบูรณ์เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2553 ในปี 2553 จีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของอาเซียนและอาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของจีนรองจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา

  13. จีนกับอาเซียน • ด้านการพัฒนา - กำหนดความร่วมมือใน 11 สาขาหลัก ได้แก่ การเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การลงทุน การพัฒนาลุ่มน้ำโขง การคมนาคมขนส่ง พลังงาน วัฒนธรรม สาธารณสุข การท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม • ด้านความเชื่อมโยง - อาเซียนได้ผลักดันเรื่องความเชื่อมโยงในภูมิภาค และจีนได้จัดตั้งกองทุนอาเซียน – จีน เพื่อการลงทุน และโครงการสินเชื่อเชิงพาณิชย์

  14. เกาหลีกับอาเซียน • ได้รับสถานะเป็นคู่เจรจาอย่างสมบูรณ์ของอาเซียน ในปี พ.ศ. 2534 ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ • พ.ศ. 2547 ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือที่รอบด้าน • พ.ศ. 2548 ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน • พ.ศ. 2550 อาเซียนและเกาหลีได้ร่วมลงนามจัดตั้งศูนย์อาเซียน - เกาหลี ที่กรุงโซล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างกัน

  15. อินเดียกับอาเซียน • เริ่มต้นความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2535 ในฐานะประเทศ คู่เจรจาเฉพาะด้าน และยกระดับเป็นประเทศคู่เจรจาอย่างสมบูรณ์เมื่อ พ.ศ. 2538 • เป็นความสัมพันธ์อย่างรอบด้านในฐานะหุ้นส่วน เพื่อสันติภาพ ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเรือง • ปัจจุบันอยู่ภายใต้แผนการปฏิบัติการ พ.ศ. 2553 – 2558 ทั้งสองฝ่าย ได้จัดตั้งกองทุนอาเซียน - อินเดีย

  16. อินเดียกับอาเซียน (ต่อ) • ด้านการเมืองและความมั่นคง - เข้าร่วมการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและ ความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2539 - ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใน พ.ศ. 2546 • ด้านเศรษฐกิจ - ลงนามกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านในปี พ.ศ. 2546

  17. อินเดียกับอาเซียน (ต่อ) • ด้านสังคมและการพัฒนา - จัดตั้งศูนย์ภาษาอังกฤษและศูนย์ฝึกอบรมผู้ประกอบการในประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม - จัดตั้งกองทุนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาเซียน - อินเดีย - จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ - การตั้งกองทุนสีเขียวอาเซียน – อินเดีย อินเดียส่งเสริมความร่วมมือกับอาเซียนในสาขาที่อินเดียมีศักยภาพ เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การแพทย์และเภสัชกรรม

  18. แคนนาดากับอาเซียน • เริ่มต้นอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2520 แต่ได้ประสบภาวะชะงักงันนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 เมื่ออาเซียนรับเมียนมาเข้าเป็นสมาชิก เนื่องจากไม่ประสงค์ให้เมียนมาเข้าเป็นภาคีความตกลงว่าด้วย ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ • พ.ศ. 2547 ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้จัดการประชุมในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน - แคนนาดา เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการกลับมาดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันอีกครั้ง • พ.ศ. 2553 อาเซียนและแคนนาดาได้จัดการประชุมในระดับผู้แทนถาวรประจำอาเซียน ณ สำนักงานเลขาธิการอาเซียน

  19. สหรัฐอเมริกากับอาเซียนสหรัฐอเมริกากับอาเซียน • เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2520 โดยในระยะแรกเน้นความร่วมมือด้านการพัฒนา ต่อมาขยายถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ • พ.ศ. 2552 ที่ประเทศสิงคโปร์มีการประชุมสุดยอดครั้งแรกระหว่างอาเซียนและสหรัฐอเมริกา โดยที่ประชุมเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนในการเผชิญปัญหาและความท้าทายต่าง ๆ • พ.ศ. 2553 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม อาเซียนได้จัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและสหรัฐอเมริกา นางฮิลลารี คลินตันย้ำถึง การเป็นประเทศแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกาและยืนยันการให้ความสำคัญ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการสร้างประชาคมอาเซียน

  20. สหรัฐอเมริกากับอาเซียน (ต่อ) • การประชุมผู้นำอาเซียน – สหรัฐอเมริกา ที่นครนิวยอร์ก ใน พ.ศ. 2553นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกประเด็นต่าง ๆ ขึ้นเสนอต่อที่ประชุม ได้แก่ ความเชื่อมโยงในอาเซียน การสร้างประชาคมอาเซียน สถาปัตยกรรม ในภูมิภาค

  21. รัสเซียกับอาเซียน • เริ่มต้นจากการที่รัสเซียได้สถาปนาความสัมพันธ์ในฐานะคู่หารือกับอาเซียนในปี พ.ศ. 2534 และพัฒนาความสัมพันธ์จนได้รับสถานะประเทศคู่เจรจากับอาเซียนในปี พ.ศ. 2539 • ด้านการเมืองและความมั่นคง - ได้ลงนามในเอกสารสำคัญ ได้แก่ ปฏิญญาร่วมอาเซียน – รัสเซียว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพฯ พ.ศ. 2546 แถลงการณ์ร่วมอาเซียน – รัสเซียว่าด้วยความร่วมมือในการต่อการการก่อการร้าย พ.ศ. 2547 - ได้ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี พ.ศ. 2547

  22. รัสเซียกับอาเซียน (ต่อ) • ด้านการพัฒนา - ผู้นำอาเซียนและรัสเซียลงนามในปฏิญญาร่วมของประมุขแห่งรัฐฯ ว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้าน - ได้รับรองโครงการส่งเสริมความสัมพันธ์อย่างรอบด้านระหว่างอาเซียนกับรัสเซีย พ.ศ.2548 - 2558 • ด้านเศรษฐกิจ - ลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา พ.ศ. 2548 - ร่วมกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาของรัสเซียได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งศูนย์อาเซียนในกรุงมอสโก พ.ศ. 2552

  23. สหภาพยุโรปกับอาเซียน • มีความสัมพันธ์ในระดับกลุ่มกันมาเป็นเวลานาน ถือเป็นคู่เจรจาอย่าง ไม่เป็นทางการของอาเซียนตั้งแต่ พ.ศ. 2515 และได้พัฒนาเป็นคู่เจรจาอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2520 • ด้านการเมืองและความมั่นคง - ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน – สหภาพยุโรป พ.ศ.2550 ที่ประชุมได้รับรองปฏิญญานูเร็มเบิร์กว่าด้วยการเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างสหภาพยุโรปกับอาเซียน - ได้ลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายในปี พ.ศ. 2546

  24. สหภาพยุโรปกับอาเซียน (ต่อ) • ด้านเศรษฐกิจ - การเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - สหภาพยุโรปซึ่งเจรจามาแล้ว 7 ครั้ง ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้และจะเริ่มเจรจาอีกครั้งในปี 2558 • ด้านความร่วมมือและการพัฒนา - มีคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน – สหภาพยุโรป • ด้านความเชื่อมโยงระหว่างกันของอาเซียน - สหภาพยุโรปแสดงความพร้อมที่จะสนับสนุนอาเซียนในการสร้าง องค์ความรู้ด้านการจัดการข้ามพรมแดนและรูปแบบการระดมทุน

  25. สหภาพยุโรปกับอาเซียน (ต่อ) - กลไกส่งเสริมกรอบความร่วมมือด้านที่ไม่ใช่การค้าการลงทุน (READI) ได้แก่ การลักลอบค้ามนุษย์ เทคโนโลยีสารสนเทศ การขนส่งทางอากาศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  26. องค์การสหประชาชาติกับอาเซียนองค์การสหประชาชาติกับอาเซียน • เริ่มขึ้นบนพื้นฐานของความร่วมมือทางวิชาการระหว่างอาเซียนกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย (UNDP) ในช่วง พ.ศ. 2513ต่อมาได้รับสถานะเป็นประเทศคู่เจรจาของอาเซียน พ.ศ. 2520 • การประชุมสุดยอดอาเซียน – สหประชาชาติ พ.ศ. 2543 ว่าด้วยการค้า และการพัฒนา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และสร้างการเชื่อมโยงที่ต่อเนื่องระหว่างประเทศกลุ่มอาเซียนกับสหประชาชาติ • เพื่อสนับสนุนการทำงานของที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและพัฒนาสมัยที่ 10 ได้ปรึกษาหารือใน 3 หัวข้อหลัก คือ ประเด็นด้านการเมืองและความมั่นคง ประเด็นด้านการพัฒนา และความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับ สหประชาชาติในเรื่องการเมืองและความมั่นคง

  27. องค์การสหประชาชาติกับอาเซียน (ต่อ) • การประชุมสุดยอดอาเซียน – สหประชาชาติ ครั้งที่ 3 1. ความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติเพื่อช่วยให้ประเทศสมาชิกอาเซียนบรรลุเป้าหมายการพัฒนา 2. การให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาธารณสุข การศึกษา และสิทธิมนุษยชน 3. การเสริมสร้างความเชื่อมโยงในอาเซียน การป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบข้างเคียง เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ การก่อการร้าย ยาเสพติด 4. การรักษาสันติภาพและการบริหารจัดการภัยพิบัติ

  28. ภาษาอังกฤษน่ารู้เกี่ยวกับอาเซียนภาษาอังกฤษน่ารู้เกี่ยวกับอาเซียน • การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศ (ASEAN Post Ministerial Conference - PMC) • การประชุมระดับเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำอาเซียน (Joint Coordination Committee) • ภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation – TAC) • ศูนย์ประสานงานอาเซียนในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance – AHA Centre)

  29. ภาษาอังกฤษน่ารู้เกี่ยวกับอาเซียน (ต่อ) • “ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการดำเนินการร่วมกันในการต่อต้านการก่อ การร้าย” (ASEAN Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) • เขตการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN Free Trade Agreement : AFTA) • CLMV คือประเทศ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม เป็นประเทศในกลุ่ม ASEAN ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจโตต่อเนื่องและยังมีแร่ธาตุทรัพยากร อุดมสมบูรณ์ และยังมีค่าจ้างแรงงานไม่สูงนัก กลุ่มประเทศ CLMV จึงเป็นประเทศที่มีคนสนใจเข้าไปลงทุนการผลิตและการตลาด 

  30. ภาษาอังกฤษน่ารู้เกี่ยวกับอาเซียน (ต่อ) • กรอบความร่วมมือ : การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือ ด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum - ARF) • กรอบข้อริเริ่มเพื่อการรวมตัวกันของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration – IAI) • คณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights - AICHR)

  31. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ในอันดับ 2 ของอาเซียน และอันดับ 26 ของโลก• การเมืองค่อนข้างมั่นคง• เป็นผู้ส่งออกน้ำมัน และมีปริมาณสำรองน้ำมันอันดับ 4 ของอาเซียน จุดอ่อน• ตลาดขนาดเล็ก ประชากรประมาณ 4 แสนคน• ขาดแคลนแรงงาน ประเด็นที่น่าสนใจ• มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย• การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศพึ่งพาสิงคโปร์เป็นหลัก• ให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางอาหารค่อนข้างมาก

  32. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะน้ำ ป่าไม้ และแร่ชนิดต่างๆ• ค่าจ้างแรงงานต่ำสุดในอาเซียน (1.6 USD/day) จุดอ่อน• ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร• ต้นทุนสาธารณูปโภค (น้ำ ไฟฟ้า และการสื่อสาร) ค่อนข้างสูง• ขาดแคลนแรงงานมีทักษะ ประเด็นที่น่าสนใจ• ประเด็นขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาอาจบั่นทอนโอกาสการขยาย การค้า-การลงทุนระหว่างกันในอนาคตได้

  33. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• ขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้• ตลาดขนาดใหญ่ (ประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก และมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) • มีชาวมุสลิมมากที่สุดในโลก• มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและจำนวนมาก โดยเฉพาะถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ โลหะต่างๆ • ระบบธนาคารค่อนข้างแข็งแกร่ง จุดอ่อน • ที่ตั้งเป็นเกาะและกระจายตัว• สาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร โดยเฉพาะการคมนาคม และการเชื่อมโยงระหว่างประเทศ ประเด็นที่น่าสนใจ• การลงทุนส่วนใหญ่เน้นใช้ทรัพยากรในประเทศเป็นหลัก

  34. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะน้ำและแร่ชนิดต่างๆ• การเมืองมีเสถียรภาพ• ค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ (2.06 USD/day) จุดอ่อน• ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร• พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงและภูเขา การคมนาคมไม่สะดวก ไม่มีทางออกสู่ทะเล ประเด็นที่น่าสนใจ• การลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน พลังงานน้ำและเหมืองแร่

  35. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีอยู่ในอันดับ 3 ของอาเซียน• มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 และก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก• ระบบโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร • แรงงานมีทักษะ จุดอ่อน• จำนวนประชากรค่อนข้างน้อย ทำให้ขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะระดับล่าง ประเด็นที่น่าสนใจ• ตั้งเป้าหมายเป็น “ประเทศพัฒนาแล้ว” ในปี 2563• ฐานการผลิตและส่งออกสินค้าสำคัญที่คล้ายคลึงกับไทย• มีนโยบายพัฒนาการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างจริงจัง

  36. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• มีทรัพยากรธรรมชาติ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมาก• มีพรมแดนเชื่อมโยงจีนและอินเดีย• ค่าจ้างแรงงานค่อนข้างต่ำ (2.5 USD/day) จุดอ่อน• ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร• ความไม่แน่นอนทางการเมือง และนโยบาย ประเด็นที่น่าสนใจ• การพัฒนาโครงข่ายคมนาคมในประเทศเชิงรุก ทั้งทางถนน รถไฟความเร็วสูง และท่าเรือ

  37. ฟิลิปปินส์กับไทย จุดแข็ง• ประชากรจำนวนมากอันดับ 12 ของโลก (>100 ล้านคน)• แรงงานทั่วไปมีความรู้-สื่อสารภาษาอังกฤษได้ จุดอ่อน• ที่ตั้งห่างไกลจากประเทศสมาชิกอาเซียน• ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสวัสดิภาพทางสังคมยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ประเด็นที่น่าสนใจ• สหภาพแรงงานมีบทบาทค่อนข้างมากและมีการเรียกร้องเพิ่มค่าแรงอยู่เสมอ• การลงทุนส่วนใหญ่เป็นการรองรับความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก

  38. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• รายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีสูงสุดของอาเซียน และติดอันดับ 15 ของโลก• การเมืองมีเสถียรภาพ • เป็นศูนย์กลางทางการเงินระหว่างประเทศ• แรงงานมีทักษะสูง • ชำนาญด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล และธุรกิจ• มีที่ตั้งเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางเดินเรือ จุดอ่อน• พึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและขาดแคลนแรงงานระดับล่าง• ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจสูง ประเด็นที่น่าสนใจ• พยายามขยายโครงสร้างเศรษฐกิจมายังภาคบริการมากขึ้น เพื่อลด การพึ่งพาการส่งออกสินค้า

  39. จุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• ประชากรจำนวนมากอันดับ 14 ของโลก (~90 ล้านคน)• มีปริมาณสำรองน้ำมันมากเป็นอันดับ 2 ของเอเชียแปซิฟิก• มีแนวชายฝั่งทะเลยาวกว่า 3,200 กิโลเมตร• การเมืองมีเสถียรภาพ• ค่าจ้างแรงงานเกือบต่ำสุดในอาเซียนรองจากกัมพูชา จุดอ่อน• ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร• ต้นทุนที่ดินและค่าเช่าสำนักงานค่อนข้างสูง ประเด็นที่น่าสนใจ• มีรายได้และความต้องการสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่โตเร็ว

  40. ไทยกับจุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ จุดแข็ง• เป็นฐานการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรหลายรายการรายใหญ่ ของโลก• ที่ตั้งเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางโครงข่ายเชื่อมโยงคมนาคมด้านต่างๆ• สาธารณูปโภคพื้นฐานทั่วถึง• ระบบธนาคารค่อนข้างเข้มแข็ง• แรงงานจำนวนมาก จุดอ่อน• แรงงานส่วนใหญ่ยังขาดทักษะ• เทคโนโลยีการผลิตส่วนใหญ่ยังเป็นขั้นกลาง

  41. ไทยกับจุดแข็ง จุดอ่อน และประเด็นที่น่าสนใจ ประเด็นที่น่าสนใจ• ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางอาเซียนในหลายด้าน อาทิ ศูนย์กลางโลจิสติกส์ และศูนย์กลางการท่องเที่ยว• ดำเนินงานตามแผนปรับตัวสู่ AEC ปี 53-54 ได้ 64% สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของอาเซียนที่ 53% สะท้อนการเตรียมพร้อมอย่างจริงจัง

  42. ไทยกับ AEC • การลงทุนจะเสรีมากๆ คือ ใครจะลงทุนที่ไหนก็ได้ ประเทศที่การศึกษาระบบดีๆ ก็จะมาเปิดโรงเรียนในบ้านเรา อาจทำให้โรงเรียนแพงๆ แต่คุณภาพไม่ดีลำบาก • ไทยจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และการบินอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะว่าอยู่กลางAseanและไทยอาจจะเด่นในเรื่องการจัดการประชุมต่างๆ, การแสดงนิทรรศการ, ศูนย์กระจายสินค้า และยังเด่นเรื่องการคมนาคมอีกด้วยเนื่องจากอยู่ตรงกลางอาเซียน และการบริการด้านการแพทย์และสุขภาพ จะเติบโตอย่างมากเช่นกันเพราะจะผสมผสานส่งเสริมกันกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (ค่าบริการทางการแพทย์ต่างชาติจะมีราคาสูงมาก)

  43. ไทยกับ AEC • การค้าขายจะขยายตัวอย่างน้อย 25% ในส่วนของอุตสาหกรรมบางอย่าง เช่น รถยนต์, การท่องเที่ยว, การคมนาคม, แต่อุตสาหกรรมที่น่าห่วงของไทยคือ ที่ใช้แรงงานเป็นหลักเช่น ภาคการเกษตร, ก่อสร้าง, อุตสาหกรรมสิ่งทอจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากฐานการผลิตอาจย้ายไปประเทศที่ผลิตสินค้าทดแทนได้ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ • เรื่องภาษาอังกฤษจะเป็นอะไรที่สำคัญอย่างมากมาย เนื่องจากจะมีคนอาเซียนป้วนเปี้ยนในไทยมากมายไปหมด และเค้าจะพูดภาษาไทย ไม่ค่อยได้ แต่จะใช้ภาษาอังกฤษ โดยป้ายต่างๆ หนังสือพิมพ์, สื่อต่างๆ จะมีภาษาอังกฤษมากขึ้น (ให้ดูป้ายที่สนามบินสุวรรณภูมิ) และจะมีโรงเรียนสอนภาษามากมาย หลากหลายหลักสูตร

  44. ไทยกับ AEC • การค้าขายบริเวณชายแดนจะคึกคักอย่างมากมาย เนื่องจากด่านศุลกากร ชายแดนอาจมีบทบาทน้อยลงมาก แต่จะมีปัญหาเรื่องยาเสพติด และปัญหา สังคมตามมาด้วย • เมืองไทยจะไม่ขาดแรงงานที่ไร้สกิลอีกต่อไปเพราะแรงงานจะเคลื่อนย้ายเสรี จะมีชาวพม่า, ลาว, กัมพูชา เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น แต่ปัญหาสังคมจะ เพิ่มขึ้นแทน อันนี้รัฐบาลควรระวัง • คนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ บางส่วนจะสมองไหลไปทำงานเมืองนอก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมซอร์ฟแวร์ เพราะชาวไทยเก่ง แต่ปัจจุบันได้ค่าแรงถูกมาก อันนี้ สมองจะไหลไปสิงคโปร์เยอะมากๆ แต่พวกชาวต่างชาติก็จะมาทำงาน ในไทยมากขึ้นเช่นกัน อาจมีชาวพม่า, กัมพูชา เก่งๆ มาทำงานกับเรา ก็ได้ โดยจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง

  45. ไทยกับ AEC • อุตสาหกรรมโรงแรม, การท่องเที่ยว, ร้านอาหาร, รถเช่า บริเวณชายแดนจะคึกคักมากขึ้น • สาธารณูปโภคในไทย หากเตรียมพร้อมไม่ดีอาจขาดแคลนได้เช่น ชาวพม่า มาคลอดลูกในไทย ก็ต้องใช้โรงพยาบาลไทย เป็นต้น • กรุงเทพฯ จะแออัดอย่างหนัก เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นตรงกลางของอาเซียนและเป็นเมืองหลวงของไทย โดยเมืองหลวงอาจมีสำนักงานของต่างชาติมาตั้งมากขึ้น ก็เป็นได้ รถจะติดอย่างมาก สนามบินสุวรรณภูมิ จะแออัดมากขึ้น

  46. ไทยกับ AEC • ไทยจะเป็นศูนย์กลางอาหารโลกในการผลิตอาหาร เพราะ knowhow ในไทยมีเยอะประสบการณ์สูง และบริษัทอาหารในไทยก็แข็งแกร่ง ประกอบทำเลที่ตั้งเหมาะสมอย่างมาก • ปัญหาสังคมจะรุนแรงถ้าไม่ได้รับการวางแผนที่ดี เนื่องจาก จะมีขยะจำนวนมากขึ้น, ปัญหาการแบ่งชนชั้น ถ้าคนไทยทำงานกับคนต่างชาติ ที่ด้อยกว่าอาจมีการแบ่งชนชั้นกันได้, จะมีชุมชนสลัมเกิดขึ้น และอาจมี พม่าทาวน์, ลาวทาวน์, กัมพูชาทาวน์, ปัญหาอาชญากรรมจะรุนแรง สถิติการก่ออาชญากรรมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากชนนั้นที่มีปัญหา, คนจะทำผิดกฎหมายมากขึ้นเนื่องจากไม่รู้กฎหมาย

More Related