1 / 30

บุตรบุญธรรม

บุตรบุญธรรม. เงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรม. เงื่อนไขเรื่องอายุ ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อยสิบห้าปี (มาตรา 1598/19 )

zeal
Download Presentation

บุตรบุญธรรม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. บุตรบุญธรรม กฎหมายครอบครัว

  2. เงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรมเงื่อนไขการรับบุตรบุญธรรม • เงื่อนไขเรื่องอายุ • ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบห้าปี และต้องมีอายุแก่กว่าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมอย่างน้อยสิบห้าปี (มาตรา 1598/19) • ฎีกาที่ 1884/2497 จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเมื่อผู้รับบุตรบุญธรรมอายุไม่ถึง 30 ปีบริบูรณ์ และไม่ใข่กรณีที่จะให้สัตยาบันได้ แม้ต่อมาผู้รับบุตรบุญธรรมจะมีอายุครบ 30 ปีบริบูรณ์แล้ว ก็ไม่ทำให้การรับบุตรบุญธรรมสมบูรณ์ กฎหมายครอบครัว

  3. ฎีกาที่ 6993/2537 ตามทะเบียนรับบุตรบุญธรรมเอกสารหมาย จ.4 ปรากฏว่าขณะเจ้ามรดกจดทะเบียนรับจำเลยที่ 1 เป็นบุตรบุญธรรม เจ้ามรดกมีอายุ 25 ปีจึงขัดต่อป.พ.พ. บรรพ 5 เดิม มาตรา 1582 ซึ่งใช้บังคับขณะนั้นที่กำหนดว่าผู้รับเป็นบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 30 ปี ส่วนการรับจำเลยที่ 2 เป็นบุตรบุญธรรมตามเอกสารหมาย จ.3 เจ้ามรดกแจ้งว่าเป็นโสด แต่ความจริงเจ้ามรดกได้จดทะเบียนสมรสกับโจทก์ โจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอม จึงขัดต่อป.พ.พ. บรรพ 5 เดิม มาตรา 1584 ซึ่งใช้บังคับขณะนั้น การจดทะเบียนรับจำเลยทั้งสองเป็นบุตรบุญธรรมย่อมไม่สมบูรณ์ไม่มีผลตามกฎหมาย กฎหมายครอบครัว

  4. เงื่อนไขความยินยอม • การรับบุตรบุญธรรมจะต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลดังต่อไปนี้ • ผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม • กรณีที่ผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปี • มาตรา 1598/20 การรับบุตรบุญธรรม ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปี ผู้นั้นต้องให้ความยินยอมด้วย กฎหมายครอบครัว

  5. บิดาและมารดาของผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม ในกรณีที่บิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำนาจปกครองต้องได้รับความยินยอมของมารดาหรือบิดาซึ่งยังมีอำนาจปกครอง • บิดามารดา หมายถึง บิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมาย กฎหมายครอบครัว

  6. ในกรณีที่ผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมมีบิดามารดา หรือมีแต่ไม่ให้ความยินยอม มารดาหรือบิดาหรือผู้ประสงค์จะขอรับบุตรบุญธรรมหรืออัยการจะร้องขอต่อศาลให้ มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมก็ได้ • ในกรณีที่ไม่มีผู้ให้ความยินยอมหรือ • มีผู้ให้ความยินยอม แต่ • บิดามารดาทั้งสองคน หรือ • บิดา หรือมารดาตาย หรือถูกถอนอำนาจปกครอง และยังมีบิดาหรือมารดาผู้มีอำนาจปกครองยังมีชีวิตอยู่ • ไม่สามารถแสดงเจตนาให้ความยินยอมได้ หรือ • ไม่ให้ความยินยอมและการปฎิเสธไม่ให้ความยินยอมนั้นเป็นไปโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร และเป็นปฏิปักษ์ต่อสุขภาพ ความเจริญ หรือสวัสดิภาพของผู้เยาว์ • กรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครอง ต้องร้องขอต่อศาลให้สั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอม กฎหมายครอบครัว

  7. กรณีไม่สามารถแสดงเจตนาให้ความยินยอมได้ เช่น • ไม่แน่นอนว่ามารดาหรือบิดามีชีวิตอยู่หรือตาย • มารดาหรือบิดาถูกศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ • มารดาหรือบิดาต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะจิตฟั่นเฟือน กฎหมายครอบครัว

  8. การให้ความยินยอมไม่มีแบบ (เช่นเดียวกับการสมรส) • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 949/2537 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 เดิม ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ประกอบกับพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478มาตรา 22 บัญญัติแต่เพียงว่าการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสเท่านั้น ไม่ได้บังคับว่าจะต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเอง • คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2759/2530 การจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมที่ผู้เป็นบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องได้รับความยินยอมของบิดามารดาผู้เป็นบุตรบุญธรรมด้วยดังนั้น เมื่อมารดาของผู้เป็นบุตรบุญธรรมมิได้ให้ความยินยอมการจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจึงไม่สมบูรณ์ กฎหมายครอบครัว

  9. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3739/2548 แม้ตามสำเนาทะเบียนการสมรสจะปรากฏลายมือชื่อฝ่ายชายคือ จำเลยที่ 1 เป็นผู้ร้องขอจดทะเบียนแต่เพียงผู้เดียวก็ตาม แต่ในบันทึกด้านหลังของทะเบียนสมรสดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้บันทึกถ้อยคำที่จำเลยที่ 1 และผู้ตายให้ไว้ว่าคู่สมรสทั้งสองฝ่ายมีความสมัครใจและเต็มใจที่จะจดทะเบียนสมรสกัน โดยทั้งจำเลยที่ 1 และผู้ตายได้ลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน บันทึกดังกล่าวได้ทำในวันและเวลาต่อเนื่องกับรายการจดทะเบียนสมรสด้านหน้า จึงย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 1 และผู้ตายได้ให้ถ้อยคำและปฏิบัติตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายในเรื่องการจดทะเบียนสมรสด้วยความยินยอมของทั้งสองฝ่ายโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ความบกพร่องที่ผู้ตายไม่ได้ลงลายมือชื่อไว้ที่ด้านหน้าทะเบียนสมรสดังกล่าวยังไม่เป็นเหตุถึงทำให้การจดทะเบียนสมรสไม่มีผลสมบูรณ์เป็นโมฆะแต่อย่างไร กฎหมายครอบครัว

  10. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 618/2514 ผู้เยาว์อายุ 8 ขวบ บิดามารดามิได้จดทะเบียนสมรสกัน ป. รับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม ในคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมบิดาของผู้เยาว์เป็นผู้ลงชื่อแทนที่จะเป็นมารดา แต่เมื่อยื่นคำร้องนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ได้สอบถามและไต่สวนฝ่ายผู้ที่จะรับบุตรบุญธรรมและฝ่ายที่จะเป็นบุตรบุญธรรมถูกต้องตามเงื่อนไขของการจดทะเบียนแล้วทั้งมารดาของผู้เยาว์ก็ได้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ให้ความยินยอมที่ด้านหลังคำร้องนี้ด้วย ถือได้ว่าคำร้องขอจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมนี้ได้ทำตามแบบโดยชอบแล้ว และการที่ช่องลายมือชื่อผู้ร้องขอจดทะเบียนในทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมไม่มีลายมือชื่อบุตรบุญธรรม แต่ด้านหลังมีบันทึกปากคำของผู้รับบุตรบุญธรรมและผู้ให้ความยินยอม ซึ่งมารดาอันเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ได้ให้ความยินยอมโดยมีลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ความบกพร่องดังกล่าวไม่ทำให้การจดทะเบียนไม่สมบูรณ์ และแม้บันทึกด้านหลังทะเบียนนั้นจะไม่ได้ลงวันเดือนปีไว้ด้วย แต่เมื่อเห็นได้ชัดว่านายทะเบียนได้ทำในวันเวลาเดียวต่อเนื่องกับรายการจดทะเบียนด้านหน้า เหตุเพียงเท่านี้ก็ไม่ทำให้การจดทะเบียนไม่สมบูรณ์เช่นกัน กฎหมายครอบครัว

  11. สถานสงเคราะห์ ในกรณี • ผู้เยาว์เป็นผู้ถูกทอดทิ้ง และอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก • ผู้เยาว์มิได้เป็นผู้ถูกทอดทิ้ง และอยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์เด็กตามกฎหมายว่าด้วยการสงเคราะห์และคุ้มครองเด็ก แต่บิดาและมารดา หรือบิดาหรือมารดาในกรณีที่มารดาหรือบิดาคนใดคนหนึ่งตายหรือถูกถอนอำนาจปกครอง ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้สถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้มีอำนาจให้ความแทนตน • ถ้าสถานสงเคราะห์เด็กไม่ให้ความยินยอม มารดาหรือบิดาหรือผู้ประสงค์จะขอรับบุตรบุญธรรมหรืออัยการจะร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมก็ได้ กฎหมายครอบครัว

  12. คู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม และ ผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม มาตรา 1598/25 • ในกรณีที่ผู้จะรับบุตรบุญธรรมหรือผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม มีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน • ในกรณีที่ • คู่สมรสไม่อาจให้ความยินยอมได้ หรือ • ไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่ อยู่และหาตัวไม่พบเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี • ต้องร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมของคู่สมรสนั้น • ผู้เยาว์ที่เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลใดอยู่จะเป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่นอีกในขณะเดียวกันไม่ได้ เว้นแต่เป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม (มาตรา 1598/26) กฎหมายครอบครัว

  13. คู่สมรสซึ่งเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมอยู่แล้ว(มาตรา 1598/25) • ในกรณีที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งจะจดทะเบียนรับผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของคู่สมรสของตนอยู่แล้ว กฎหมายกำหนดให้ได้รับความยินยอมจากคู่สมรสซึ่งเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมอยู่แล้ว แทนการให้ความยินยอมของบิดามารดาของบุตรบุญธรรม • มาตรา 1598/25“ผู้จะรับบุตรบุญธรรมหรือผู้จะ เป็นบุตรบุญธรรม ถ้ามีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน ในกรณีที่คู่สมรสไม่อาจให้ความยินยอมได้หรือไปเสียจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่ อยู่และหาตัวไม่พบเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ต้องร้องขอต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตแทนการให้ความยินยอมของคู่สมรสนั้น” กฎหมายครอบครัว

  14. เงื่อนไขการอนุญาตจากศาลเงื่อนไขการอนุญาตจากศาล • กรณีที่ผู้ให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะห์ในการรับบุตรบุญธรรม จะรับผู้เยาว์ซึ่งอยู่ในความดูแล หรืออยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของสถานสงเคราะห์ เป็นบุตรบุญธรรม • มาตรา 1598/24ผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทน สถานสงเคราะห์เด็กในการรับบุตรบุญธรรมตามมาตรา 1598/22หรือมาตรา 1598/23จะรับผู้เยาว์ซึ่งอยู่ในความดูแลหรืออยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของสถาน สงเคราะห์เด็กนั้นเป็นบุตรบุญธรรมของตนเองได้ต่อเมื่อศาลได้มีคำสั่งอนุญาต ตามคำขอของผู้นั้นแทนการให้ความยินยอมของสถานสงเคราะห์เด็ก กฎหมายครอบครัว

  15. เงื่อนไขการจดทะเบียน • มาตรา 1598/27การรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย แต่ถ้าผู้จะเป็นบุตรบุญธรรมนั้นเป็นผู้เยาว์ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมก่อน กฎหมายครอบครัว

  16. ผลของการเป็นบุตรบุญธรรมผลของการเป็นบุตรบุญธรรม • บุตรบุญธรรมย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้น มาตรา 1598/28“บุตรบุญธรรมย่อมมีฐานะอย่างเดียวกับบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรมนั้น แต่ไม่สูญสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวที่ได้กำเนิดมา ในกรณีเช่นนี้ ให้บิดามารดาโดยกำเนิดหมดอำนาจปกครองนับแต่วันเวลาที่เด็กเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ให้นำบทบัญญัติในลักษณะ ๒ หมวด ๒ แห่งบรรพนี้มาใช้บังคับโดยอนุโลม” กฎหมายครอบครัว

  17. บุตรบุญธรรมมีสิทธิรับมรดกของผู้รับบุญธรรม • บุตรบุญธรรมีฐานะเป็นทายาทโดยธรรมประเภทญาติ ในฐานะผู้สืบสันดานของผู้รับบุตรบุญธรรมตามมาตรา 1629 ว.1(1),1627 เช่นเดียวกับบุตร มาตรา 1627 “บุตรนอกกฎหมายที่บิดาได้รับรองแล้วและบุตรบุญธรรมนั้นให้ถือว่าเป็นผู้สืบสันดาน เหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายนี้” มาตรา 1629 “ทายาทโดยธรรมมีหกลำดับเท่านั้น และภายใต้บังคับแห่งมาตรา 1630วรรค 2แต่ละลำดับมีสิทธิได้รับมรดกก่อนหลังดั่งต่อไปนี้ คือ (1) ผู้สืบสันดาน” • แต่บุตรบุญธรรมไม่มีฐานเป็นญาติ ของเครือญาติของผู้รับบุตรบุญธรรม ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิรับมรดกของญาติของผู้รับบุตรบุญธรรม กฎหมายครอบครัว

  18. ผู้รับบุตรบุญธรรมไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรม • มาตรา 1598/29 “การรับบุตรบุญธรรมไม่ก่อให้เกิดสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรมในฐานะทายาทโดยธรรมเพราะเหตุการณ์รับบุตรบุญธรรมนั้น” • แต่ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ตนได้ให้แก่บุตรบุญธรรม คืนจากกองมรดกของบุตรบุญธรรมได้ในกรณีที่ • บุตรบุญธรรมไม่มีคู่สมรส หรือผู้สืบสันดานในขณะที่ถึงแก่ความตาย และ • มีทรัพย์สินนั้นยังคงเหลืออยู่ภายหลังที่ชำระหนี้ของกองมรดกเสร็จสิ้น • การฟ้องเรียกคืนทรัพย์สิน ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องฟ้องเมื่อภายในกำหนดหนึ่งปีนับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึง ความตายของบุตรบุญธรรมหรือภายในสิบปีนับแต่วันที่บุตรบุญธรรมตาย กฎหมายครอบครัว

  19. กฎหมายครอบครัว

  20. มาตรา 1598/30“ถ้าบุตรบุญธรรมซึ่งไม่มีคู่สมรสหรือผู้สืบสันดานตายก่อนผู้รับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรมมีสิทธิเรียกร้องเอาทรัพย์สินที่ตนได้ให้แก่บุตรบุญธรรม คืนจากกองมรดกของบุตรบุญธรรมเพียงเท่าที่ทรัพย์สินนั้นยังคงเหลืออยู่ภาย หลังที่ชำระหนี้ของกองมรดกเสร็จสิ้นแล้ว ห้ามมิให้ฟ้องคดีเรียกร้องสิทธิ ตามวรรคหนึ่ง เมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมได้รู้หรือควรได้รู้ถึง ความตายของบุตรบุญธรรมหรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่วันที่บุตรบุญธรรมตาย” กฎหมายครอบครัว

  21. การเลิกรับบุตรบุญธรรมการเลิกรับบุตรบุญธรรม • การเลิกรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย (มาตรา 1598/31 ว.ท้าย) • เลิกโดยความตกลง • ถ้าบุตรบุญธรรมบรรลุนิติภาวะแล้วจะเลิกโดยความตกลงกันในระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมเมื่อใดก็ได้ มาตรา 1598/31 • ถ้าบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ การเลิกรับบุตรบุญธรรมจะทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของบิดาและมารดา กฎหมายครอบครัว

  22. ถ้าบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ และการรับบุตรบุญธรรมเป็นกรณีดังต่อไปนี้ การเลิกรับบุตรบุญธรรมให้กระทำได้ต่อเมื่อมีคำสั่งศาลโดยคำร้องขอของผู้มีส่วนได้เสียหรืออัยการ • ศาลอนุญาตแทนบิดามารดากรณีที่ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาไม่ให้ความยินยอม มาตรา1598/21 • ผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้ยินยอมมาตรา 1598/22, มาตรา 1598/23 • ผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนสถานสงเคราะห์เด็กเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมเองมาตรา 1598/24 • คู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม เป็นผู้ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรมของคู่สมรสตนเองมาตรา 1598/26 กฎหมายครอบครัว

  23. เลิกโดยผลของกฎหมาย • มาตรา 1598/32 “การรับบุตรบุญธรรมย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อมีการสมรสฝ่าฝืนมาตรา 1451” • เลิกโดยคำพิพากษาของศาล • โดยการคดีฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรมตาม มาตรา 1598/33 กฎหมายครอบครัว

  24. เหตุในการฟ้อง • (1)ฝ่ายหนึ่งทำการชั่วร้ายไม่ว่าจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ เป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ • (2) ฝ่ายหนึ่งหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอันเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ ถ้าบุตรบุญธรรมกระทำการดังกล่าวต่อคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรม ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้ กฎหมายครอบครัว

  25. (3)ฝ่ายหนึ่งกระทำการประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีหรือคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจอย่างร้ายแรงและการกระทำนั้นเป็นความผิดที่มีโทษอาญา อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ • (4) ฝ่ายหนึ่งไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้ • (5) ฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้ • (6) ฝ่ายหนึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินสามปี เว้นแต่ความผิดที่กระทำโดยประมาท อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ กฎหมายครอบครัว

  26. (7) ผู้รับบุตรบุญธรรมทำผิดหน้าที่บิดามารดา และการกระทำนั้นเป็นการละเมิด หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 1564มาตรา 1571มาตรา 1573มาตรา 1574หรือมาตรา 1575เป็นเหตุให้เกิดหรืออาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้ • ไม่อุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษาแก่บุตรบุญธรรม • จัดการทรัพย์สินของบุตรขาดความระมัดระวังเช่นวิญญูชนจะพึงกระทำ • ใช้เงินได้ของบุตรบุญธรรม • ทำนิติกรรมตามมาตรา 1574 โดยอมิได้รับอนุญาตจากศาล • ทำกิจการที่ประโยชน์ของบุตรบุญธรรม กับผู้รับบุตรบุญธรรมขัดกันโดยมิได้รับอนุญาตจากศาล กฎหมายครอบครัว

  27. (8) ผู้รับบุตรบุญธรรมผู้ใดถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดและเหตุที่ถูกถอนอำนาจปกครองนั้นมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นไม่สมควรเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมต่อไป บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้ กฎหมายครอบครัว

  28. ผู้มีสิทธิฟ้องเลิกรับบุตรบุญธรรมมาตรา 1598/35 • ผู้มีสิทธิฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรม ได้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ • บุตรบุญธรรมมีอายุไม่ครบสิบห้าปีบริบูรณ์ให้บิดามารดาโดยกำเนิดเป็นผู้มีอำนาจฟ้องแทน • บุตรบุญธรรมมีอายุสิบห้าปีบริบูรณ์แล้วบุตรบุญธรรมฟ้องได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใด • อัยการจะฟ้องคดีแทนบุตรบุญธรรมก็ได้ กฎหมายครอบครัว

  29. อายุความในการฟ้องเลิกรับบุตรบุญธรรมมาตรา 1598/34 • การฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรมห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันที่ผู้ขอเลิกการรับบุตรบุญธรรมรู้หรือควรได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็น เหตุให้เลิกการนั้นหรือเมื่อพ้นกำหนดสิบปีนับแต่เหตุนั้นเกิดขึ้น การสิ้นสุดการเป็นบุตรบุญธรรมโดยคำพิพากษาของศาลมาตรา 1598/36 • การเลิกรับบุตรบุญธรรมโดยคำพิพากษาของศาล มีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด แต่จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตไม่ได้ เว้นแต่ได้จดทะเบียนแล้ว กฎหมายครอบครัว

  30. อำนาจปกครองเมื่อการรับบุตรบุญธรรมสิ้นสุด มาตรา 1598/37 • เมื่อถ้าบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ • ผู้รับบุตรบุญธรรมตายให้บิดามารดาโดยกำเนิดกลับมีอำนาจปกครองนับแต่เวลาที่ผู้รับบุตรบุญธรรมตาย หรือ • เมื่อมีการเลิกรับบุตรบุญธรรม ให้บิดามารดาโดยกำเนิดกลับมีอำนาจปกครองนับนับแต่เวลาที่จดทะเบียนเลิกการรับบุตรบุญธรรมตามมาตรา 1598/31 หรือ • นับแต่เวลาที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้เลิกการรับบุตรบุญธรรม เว้นแต่ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นประการอื่น กฎหมายครอบครัว

More Related