1 / 40

การเลิกรับบุตรบุญธรรม

การเลิกรับบุตรบุญธรรม. ฝ่ายติดตามผลการรับบุตรบุญธรรม. ข้อ กฎหมายตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม. ตาม มาตรา ๓๑/๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็น บุตร บุญ ธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการรับเด็ก เป็น บุตร บุญธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓

Download Presentation

การเลิกรับบุตรบุญธรรม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเลิกรับบุตรบุญธรรมการเลิกรับบุตรบุญธรรม ฝ่ายติดตามผลการรับบุตรบุญธรรม

  2. ข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม • ตามมาตรา ๓๑/๑ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตร บุญธรรม พ.ศ. ๒๕๒๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็น บุตรบุญธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๓ • “มาตรา ๓๑/๑ ในกรณีที่ผู้รับบุตรบุญธรรมประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรม หากบุตรบุญธรรมนั้นยังเป็นเด็ก ก่อนที่จะมีการขอจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรมหรือก่อนที่จะยื่นคำร้องต่อศาลตามาตรา ๑๕๙๘/๓๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้รับบุตรบุญธรรมจะต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์ในเบื้องต้น และจะต้องเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาก่อน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

  3. ข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม(ต่อ)ข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม(ต่อ) (ต่อ) ในกรณีที่มีการเลิกรับบุตรบุญธรรม หากบุตรบุญธรรมนั้นยังเป็นเด็ก และเด็กนั้นเคยอยู่ในความปกครองของสถานสงเคราะห์ในขณะที่มีการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมหรือไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองที่จะดูแลเด็กนั้นต่อไป ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการเพื่อจัดให้เด็กได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก โดยผู้รับบุตรบุญธรรมที่เลิกรับบุตรบุญธรรมนั้นยังคงมีหน้าที่ในการเสียค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาตามสมควรและตามความสามารถของตนจนกว่าเด็กคนนั้นจะบรรลุนิติภาวะและจำต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูต่อไปหากเด็กนั้นเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองไม่ได้แม้ว่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว เว้นแต่ในกรณีที่บุตรบุญธรรมกระทำการต้องด้วยมาตรา ๑๕๙๘/๓๓ (๑) (๒) (๓) หรือ (๖) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือมีผู้รับบุตรบุญธรรมผู้อื่นรับอุปการะเลี้ยงดู บุตรบุญธรรมผู้นั้นไม่มีสิทธิได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูตามความในมาตรานี้ ทั้งนี้ ในการเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการและพนักงานอัยการจะฟ้องคดีแทนก็ได้”

  4. ข้อกฎหมายตามกฎกระทรวง • ตามกฎกระทรวง กระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก พ.ศ. ๒๕๕๔ • ข้อ ๑ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้รับบุตรบุญธรรมว่าประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สอบถามผู้รับบุตรบุญธรรมถึงปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรมและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์ในเบื้องต้น หากผู้รับบุตรบุญธรรมยังคงประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมอยู่ ให้มีการเข้าสู่กระบวนการให้คำปรึกษาเยียวยาตาม ข้อ ๒ และ ๓

  5. ข้อกฎหมายตามกฎกระทรวง (ต่อ) • ข้อ ๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม ดังต่อไปนี้ เพื่อดำเนินการให้คำปรึกษาเยียวยาให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากผู้รับบุตรบุญธรรมว่ายังคงประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมตามข้อ ๑ ๑. สาเหตุของการเลิกรับบุตรบุญธรรม ๒. สภาพจิตใจและสภาพสังคมของบุตรบุญธรรม ๓. ประเมินสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรุบุญธรรม ในกรณีจำเป็น ผอ.ศูนย์ฯ บุตร/พมจ. แล้วแต่กรณี อาจขยายระยะเวลาตามวรรคหนึ่งได้ไม่เกิน ๒ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน ๑๕ วัน)

  6. ข้อกฎหมายตามกฎกระทรวง (ต่อ) • ข้อ ๓ ในการดำเนินการตามข้อ ๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หารือร่วมกันในวางแผนและดำเนินการให้คำปรึกษาเยียวยา โดยอาจเชิญผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้มาร่วมประชุมหารือได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น -๑. บุคคลผู้ได้ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม -๒. ผู้รับบุตรบุญธรรม -๓. บุตรบุญธรรม -๔. ผู้เกี่ยวข้องด้านเด็ก เช่น นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ แพทย์ หรือจิตแพทย์

  7. ข้อกฎหมายตามกฎกระทรวง (ต่อ) • ข้อ ๔ เมื่อดำเนินการตามข้อ ๒ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หากผู้รับบุตรบุญธรรมยังคงยืนยันที่จะเลิกรับบุตรบุญธรรม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สรุปผลการให้คำปรึกษาเยียวยาเสนอต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อใช้ในการพิจารณาออกหนังสือรับรองสำหรับประกอบการขอจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม หรือสำหรับประกอบการยื่นคำร้องขอต่อศาลตามมาตรา ๑๕๙๘/๓๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ • หนังสือรับรองตามวรรคหนึ่งให้มีอายุหกเดือนนับแต่วันที่ออกหนังสือ

  8. ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ • มาตรา ๑๕๙๘/๓๑ การเลิกรับบุตรบุญธรรม ถ้าบุตรบุญธรรมบรรลุนิติภาวะแล้วจะเลิกโดยความตกลงกันในระหว่างผู้รับบุตรบุญธรรมกับบุตรบุญธรรมเมื่อใดก็ได้ ถ้าบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ การเลิกรับบุตรบุญธรรมจะทำได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของบิดาและมารดา และให้นำมาตรา ๑๕๙๘/๒๐ และมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม (๑๕๙๘/๒๐ การรับบุตรบุญธรรม ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕ ปี ผู้นั้นต้องให้ความยินยอมด้วย ๑๕๙๘/๒๑ การรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรม - บิดามารดาให้ความยินยอมทั้ง 2 คน - เสียชีวิต + มีชีวิตอยู่ >> ฝ่ายมีชีวิตอยู่เป็นผู้ให้ความยินยอม - ทอดทิ้งทั้ง 2 คน >> ร้องศาล - เสียชีวิตทั้ง 2 คน >> ร้องศาล - ทอดทิ้ง + มีชีวิตอยู่ >> ร้องศาลให้ความยินยอมแทนฝ่ายที่ทอดทิ้ง + ฝ่ายมีชีวิตอยู่ให้ความยินยอม )

  9. ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ต่อ) • มาตรา ๑๕๙๘/๓๑ (ต่อ) ในกรณีที่ได้รับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมตามมาตรา ๑๕๙๘/๒๑ วรรคสอง มาตรา ๑๕๙๘/๒๒ มาตรา ๑๕๙๘/๒๓ มาตรา ๑๕๙๘/๒๔ หรือ มาตรา ๑๕๙๘/๒๖ วรรคสอง ถ้าบุตรบุญธรรมยังไม่บรรลุนิติภาวะ การเลิกรับบุตรบุญธรรมให้กระทำได้ต่อเมื่อมีคำสั่งศาลโดยคำร้องขอของผู้มีส่วนได้เสียหรืออัยการ การเลิกรับบุตรบุญธรรมจะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้จดทะเบียนตามกฎหมาย

  10. ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ต่อ) • มาตรา ๑๕๙๘/๓๒ การรับบุตรบุญธรรมย่อมเป็นอันยกเลิกเมื่อมีการสมรสฝ่าฝืนตามมาตรา ๑๔๕๑ (มาตรา ๑๔๕๑ ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้)

  11. ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ต่อ) • มาตรา ๑๕๙๘/๓๓ คดีฟ้องเลิกการรับบุตรบุญธรรมนั้นเมื่อ • ฝ่ายหนึ่งทำการชั่วร้ายไม่ว่าจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่เป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือถูกเกลียดชัง หรือได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ • ฝ่ายหนึ่งหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอันเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ ถ้าบุตรบุญธรรมกระทำการดังกล่าวต่อคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมให้ผู้รับบุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้

  12. ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ต่อ) • มาตรา ๑๕๙๘/๓๓ คดีฟ้องการเลิกรับบุตรบุญธรรมนั้นเมื่อ (ต่อ) (๓) ฝ่ายหนึ่งกระทำการประทุษร้ายอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีหรือคู่สมรสของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจอย่างร้ายแรง และการกระทำนั้นเป็นความผิดที่มีโทษอาญา อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องเลิกได้ (๔) ฝ่ายหนึ่งไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้ (๕) ฝ่ายหนึ่งจงใจละทิ้งอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้ (๖) ฝ่ายหนึ่งต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินสามปี เว้นแต่ความผิดที่กระทำโดยประมาท อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องเลิกได้

  13. ข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ต่อ) • มาตรา ๑๕๙๘/๓๓ คดีฟ้องการเลิกรับบุตรบุญธรรมนั้นเมื่อ (ต่อ) (๗) ผู้รับบุตรบุญธรรมทำผิดหน้าที่บิดามารดา และการกระทำนั้นเป็นการละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๑๕๖๔ มาตรา ๑๕๗๑ มาตรา ๑๕๗๓ มาตรา ๑๕๗๔ หรือ มาตรา ๑๕๗๕ เป็นเหตุให้เกิดหรืออาจเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อบุตรบุญธรรม บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้ (๘) ผู้รับบุตรบุญธรรมผู้ใดถูกถอนอำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดและเหตุที่ถูกถอนอำนาจปกครองนั้นมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าผู้นั้นไม่สมควรเป็นผู้รับบุตรบุญธรรมต่อไป บุตรบุญธรรมฟ้องเลิกได้

  14. โดยสรุป การเลิกรับบุตรบุญธรรม • กรณีบุตรบุญธรรมอายุ 20 ปีบริบูรณ์  สามารถไปจดเลิกรับบุตรบุญธรรมได้ที่สำนักงานเขต / อำเภอได้ด้วยตนเอง • กรณีบุตรบุญธรรมอายุยังไม่ถึง 20 ปี บริบูรณ์ • ต้องติดต่อเลิกรับบุตรบุญธรรมที่ศูนย์อำนวยการรับเด็ก- เป็นบุตรบุญธรรม หรือ พมจ. เพื่อเข้าสู่กระบวนการเยียวยา การเลิกรับบุตรบุญธรรมตามกฎหมายก่อน

  15. พนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องจากผู้รับบุตรบุญธรรมประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็กพนักงานเจ้าหน้าที่ได้รับคำร้องจากผู้รับบุตรบุญธรรมประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก พนักงานเจ้าหน้าที่สอบข้อเท็จจริง ถึงปัญหาสาเหตุการเลิกรับบุตรบุญธรรมและข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง วางแผนแก้ไขปัญหา และพัฒนาความสัมพันธ์เบื้องต้น (เป็นการสอบถามปัญหาเบื้องต้นพร้อมทั้งให้คำปรึกษาเยียวยา เพื่อให้ผู้ขอและเด็กสามารถอยู่ร่วมกันได้) ยังคงประสงค์จะเลิกรับ (ทำหนังสือยืนยัน) ไม่ประสงค์จะเลิกรับ (ทำหนังสือยืนยัน) พนักงานเจ้าหน้าที่สืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม ดังต่อไปนี้ ๑. สาเหตุของการเลิกรับบุตรบุญธรรม ๒. สภาพจิตใจและสภาพสังคมของบุตรบุญธรรม ๓. ประเมินสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรุบุญธรรม ในการดำเนินการข้างต้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หารือร่วมกันวางแผนให้คำปรึกษาเยียวยาโดยอาจเชิญผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้มาร่วมประชุมหารือได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น - บุคคลผู้ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม - ผู้รับบุตรบุญธรรม - บุตรบุญธรรม - ผู้เกี่ยวข้องด้านเด็ก เช่น แพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ ( ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖๐ วัน นับแต่วันได้รับแจ้งจากผู้รับฯ ว่ายังคงประสงค์เลิกรับ บุตรบุญธรรม กรณีจำเป็น ผอ.ศูนย์ฯ บุตร /พมจ. อาจขยายระยะเวลาได้ ๒ ครั้ง ครั้งละไม่เกิน ๑๕ วัน) ติดตามผลเป็นระยะ กระบวนการเลิกรับบุตรบุญธรรม ข้อ ๑ ข้อ ๒ ข้อ ๓

  16. ไม่สำเร็จ (ยืนยันจะเลิกรับบุตรบุญธรรม) สำเร็จ (ไม่ประสงค์จะเลิกรับ) สรุปผลการดำเนินงานเสนออธิบดี/ผู้ว่าฯ เพื่อออกหนังสือเพื่อรับรองแก่ผู้รับบุตรบุญธรรมเพื่อดำเนินการยกเลิกรับบุตรบุญธรรมต่อไป (มีอายุ ๖ เดือนนับแต่วันออกหนังสือ) สรุปผลดำเนินงานรายงานผู้บังคับบัญชา ติดตามผลเป็นระยะ ข้อ ๔

  17. * กรณีที่เด็กนั้นเคยอยู่ในความปกครองของสถานสงเคราะห์หรือไม่มีบิดามารดาหรือผู้ปกครองที่จะดูแลเด็กนั้นต่อไป (หรือมีแต่ไม่ประสงค์จะรับเด็กกลับไปดูแลอีก) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการ :- • ๑. จัดให้เด็กได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก (สามารถดำเนินการได้ตามความจำเป็นเร่งด่วนก่อน) • ๒. ผู้รับบุตรบุญธรรมที่เลิกรับบุตรบุญธรรมยังคงมีหน้าที่เสียค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาตามสมควร และตามความสามารถจนกว่าเด็กจะบรรลุนิติภาวะ และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูต่อไปหากเด็กนั้นเป็นคนพิการหรือทุพพลภาพและหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้แม้ว่าจะบรรลุนิติภาวะแล้ว • เว้นแต่ในกรณีที่บุตรบุญธรรมกระทำการต้องด้วยมาตรา ๑๕๙๘/๓๓ (๑) (๒) (๓) หรือ (๖) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือมีผู้รับบุตรบุญธรรมผู้อื่น รับอุปการะเลี้ยงดูบุตรบุญธรรมนั้นไม่มีสิทธิได้ค่าอุปการะเลี้ยงดูตามความในมาตรานี้ ทั้งนี้ ในการเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดูและการศึกษาดังกล่าว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการ และพนักงานอัยการจะฟ้องคดีแทนก็ได้

  18. กล่าวคือ :- • ๑. เว้นแต่กรณีศาลมีคำสั่งให้มีการเลิกรับบุตรบุญธรรมจากเหตุที่บุตรบุญธรรมกระทำการดังต่อไปนี้ - กระทำการชั่วร้ายต่อผู้รับบุตรบุญธรรม ไม่ว่าจะเป็นความผิดอาญา หรือไม่ - กระทำการหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอย่างร้ายแรงต่อผู้รับบุตรบุญธรรม - กระทำการประทุษร้ายต่อผู้รับบุตรบุญธรรม คู่สมรส หรือทุพการี เป็นเหตุ ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจอย่างร้ายแรง และการกระทำนั้นเป็น ความผิดที่มีโทษทางอาญาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินสามปี เว้นแต่ความผิดที่กระทำโดยประมาท • ๒. มีผู้รับบุตรบุญธรรมผู้อื่นรับอุปการะเลี้ยงดู

  19. แบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรมแบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรม 1 แบบขอรับคำปรึกษาการเลิกรับบุตรบุญธรรม

  20. แบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรมแบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรม 2. หนังสือยืนยันความประสงค์ เลิกรับบุตรบุญธรรม ก่อนการเยียวยา

  21. แบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรมแบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรม 3. แบบรายงานการให้คำปรึกษาเยียวยา

  22. แบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรมแบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรม แนบใบบันทึกข้อเท็จจริง

  23. แบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรมแบบฟอร์มการเลิกรับบุตรบุญธรรม 4. หนังสือยืนยันการเลิกรับบุตรบุญธรรม ภายหลังการได้รับคำปรึกษาเยียวยา ก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก

  24. กรณีขอเลิกรับบุตรบุญธรรมที่เป็นญาติสืบสายโลหิต ยกกันเอง หรือบุตรของคู่สมรส 1. ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มหมายเลข 1 “แบบขอรับคำปรึกษาการเลิกรับบุตรบุญธรรม” จากนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่สอบถามปัญหาในการเลิกรับบุตรบุญธรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้คำแนะนำปรึกษา ซึ่งจะต้องบันทึกข้อมูลดังกล่าวในด้านล่างของแบบฟอร์มหมายเลข 1 เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารประกอบการยื่นคำขอ

  25. 2. ภายหลังที่ผู้รับบุตรบุญธรรมได้รับคำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์เบื้องต้นของครอบครัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมกรอกในแบบฟอร์ม “หนังสือยืนยันความประสงค์เลิกรับบุตรบุญธรรมก่อนการเยียวยา” แบบฟอร์มหมายเลข 2 • ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมไม่ประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่ยุติการดำเนินงาน • แต่ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมตามเดิม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

  26. 3. การให้คำปรึกษาเยียวยา ใช้แบบฟอร์มหมายเลข 3 “แบบรายงานการให้คำปรึกษาเยียวยา” พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำหน้าที่สืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพปัญหาการรับบุตรบุญธรรม ดังต่อไปนี้ • สาเหตุของการเลิกรับบุตรบุญธรรม • สภาพจิตใจและสภาพสังคมของบุตรบุญธรรม • ประเมินปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม ในการดำเนินการข้างต้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หารือร่วมกันวางแผนให้คำปรึกษาเยียวยา โดยอาจเชิญผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้มาร่วมประชุมปรึกษาหารือได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น • ผู้ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม • ผู้รับบุตรบุญธรรม • บุตรบุญธรรม • ผู้เกี่ยวข้องด้านเด็ก เช่น แพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์

  27. ในการให้คำปรึกษาเยียวยาให้คำนึงถึงสวัสดิภาพและประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ ว่าภายหลังการเลิกรับบุตรบุญธรรมใครจะเป็นผู้ดูแลเด็กต่อไป อย่างไร ซึ่งในบางกรณีอาจจะต้องส่งต่อหน่วยงานทางด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่น เพื่อให้จิตแพทย์บำบัดรักษาในเรื่องพฤติกรรมของเด็ก หรือเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว หมายเหตุ : - พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันได้รับยืนยันจากผู้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมว่ายังคงประสงค์เลิกรับบุตรบุญธรรม (นับจากวันที่ที่ลงในแบบฟอร์มหมายเลข 2 ) - กรณีจำเป็น ผอ. ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม / พมจ. อาจขยายระยะเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 วัน

  28. 4. ภายหลังที่ได้รับคำปรึกษาเยียวยาเสร็จสิ้นแล้ว ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มหมายเลข 4 “หนังสือยืนยันการเลิกรับบุตรบุญธรรม ภายหลังการได้รับคำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก” • ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมไม่ประสงค์เลิกรับบุตรบุญธรรม สรุปผลการดำเนินงานรายงานผู้บังคับบัญชา • ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมยืนยันเลิกรับบุตรบุญธรรม พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้จะต้องมีผู้ให้ความยินยอม ( มารดาและ/หรือบิดาผู้ให้กำเนิด ) ลงลายมือชื่อต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ด้วย

  29. 5. สรุปผลการดำเนินงานต่ออธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ/ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อออกหนังสือเพื่อรับรองแก่ผู้รับบุตรบุญธรรมเพื่อดำเนินการยกเลิกรับบุตรบุญธรรมต่อไป (หนังสือรับรองมีอายุ 6 เดือนนับแต่วันออกหนังสือ) 6. การจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม ผู้รับบุตรบุญธรรม สามารถนำหนังสือรับรองที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ หรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดออกให้ พร้อม ทั้งเอกสารอื่นๆ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรมได้ที่สำนักงานเขต /อำเภอแห่งใดก็ได้ • หมายเหตุ :- ผู้ให้ความยินยอม ( มารดาและ/หรือบิดาผู้ให้กำเนิด ) ต้องไปลงลายมือชื่อพร้อมกัน และกรณีบุตรบุญธรรมที่มีอายุเกินกว่า 15 ปี ต้องไปลงลายมือชื่อในการจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรมเช่นกัน

  30. กรณีขอเลิกรับบุตรบุญธรรมที่เป็นเด็กในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเด็กที่มีคำสั่งศาล 1. ผู้รับบุตรบุญธรรมกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มหมายเลข 1 “แบบขอรับคำปรึกษาการเลิกรับบุตรบุญธรรม” จากนั้นพนักงานเจ้าหน้าที่สอบถามปัญหาในการเลิกรับบุตรบุญธรรมและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้คำแนะนำปรึกษา ซึ่งต้องบันทึกข้อมูลดังกล่าวในส่วนล่างของแบบฟอร์มหมายเลข 1 เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารประกอบการยื่นคำขอ

  31. 2. ภายหลังที่ผู้รับบุตรบุญธรรมได้รับคำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาความสัมพันธ์เบื้องต้นของครอบครัวจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมกรอกแบบฟอร์มหมายเลข 2“หนังสือยืนยันความประสงค์เลิกรับบุตรบุญธรรมก่อนการเยียวยา” • ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรม ไม่ประสงค์เลิกรับบุตรบุญธรรมต่อ ให้ติดตามผลเป็นระยะ • แต่ถ้าผู้ขอฯ ประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมตามเดิม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนของการให้คำปรึกษาเยียวยาต่อไป

  32. 3. การให้คำปรึกษาเยียวยา ใช้แบบฟอร์มหมายเลข 3 “แบบรายงานการให้คำปรึกษาเยียวยา” พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำหน้าที่สืบเสาะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพปัญหาการรับบุตรบุญธรรม ดังต่อไปนี้ • สาเหตุของการเลิกรับบุตรบุญธรรม • สภาพจิตใจและสภาพสังคมของบุตรบุญธรรม • ประเมินปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม ในการดำเนินการข้างต้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่หารือร่วมกันวางแผนให้คำปรึกษาเยียวยา โดยอาจเชิญผู้เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้มาร่วมประชุมปรึกษาหารือได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น • ผู้ให้ความยินยอมในการรับบุตรบุญธรรม • ผู้รับบุตรบุญธรรม • บุตรบุญธรรม • ผู้เกี่ยวข้องด้านเด็ก เช่น แพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยา หรือนักสังคมสงเคราะห์

  33. ในการให้คำปรึกษาเยียวยาให้คำนึงถึงสวัสดิภาพเด็กและประโยชน์ของเด็กเป็นสำคัญ ซึ่งในบางกรณีอาจจะต้องส่งต่อหน่วยงานทางด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่น เพื่อให้จิตแพทย์บำบัดรักษาในเรื่องพฤติกรรมของเด็ก หรือเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว • หมายเหตุ : - พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันได้รับยืนยันจากผู้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมว่ายังคงประสงค์เลิกรับบุตรบุญธรรม (นับจากวันที่ที่ลงในแบบฟอร์มหมายเลข 2 ) - กรณีจำเป็น ผอ. ศูนย์อำนวยการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม/พมจ. อาจขยายระยะเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 15 วัน

  34. 4. ภายหลังจากที่ได้รับคำปรึกษาเยียวยาเสร็จสิ้นแล้ว ให้ผู้รับบุตรบุญธรรมกรอกรายละเอียดแบบฟอร์มหมายเลข 4 “หนังสือยืนยันการเลิกรับบุตรบุญธรรม ภายหลังการได้รับคำปรึกษาเยียวยาก่อนเลิกรับบุตรบุญธรรมซึ่งยังเป็นเด็ก” • ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรม ไม่ประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรม ให้สรุปผลดำเนินงานรายงานผู้บังคับบัญชา • ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมยังคงประสงค์จะดำเนินการเลิกรับบุตรบุญธรรม ให้ดำเนินงานขั้นตอนต่อไป * ทั้งนี้ไม่จำเป็นต้องมีผู้ให้ความยินยอมลงลายมือชื่อ

  35. 5. สรุปผลการดำเนินงาน ต่ออธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ/ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อออกหนังสือเพื่อรับรองแก่ผู้รับบุตรบุญธรรมเพื่อดำเนินการร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งยกเลิกรับบุตรบุญธรรมต่อไป (หนังสือรับรองมีอายุ 6 เดือนนับแต่วันออกหนังสือ) 6. ผู้รับบุตรบุญธรรมไปดำเนินการทางศาล (ตามมาตรา 31/1 วรรค 2) 7. การจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม ผู้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม สามารถนำคำสั่งศาล พร้อมทั้งเอกสารอื่นๆ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น ไปดำเนินการจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรมได้ที่สำนักงานเขต /อำเภอแห่งใดก็ได้ • *นอกจากนี้กรณีบุตรบุญธรรมที่มีอายุเกินกว่า 15 ปี ต้องไปลงลายมือชื่อในการจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรมเช่นกัน

  36. เอกสารที่ใช้ในการเลิกรับบุตรบุญธรรมเอกสารที่ใช้ในการเลิกรับบุตรบุญธรรม • ทะเบียนบุตรบุญธรรม บิดา/มารดาผู้ให้กำเนิด • สำเนาบัตรประชาชน • สำเนาทะเบียนบ้าน • ทะเบียนสมรส • ทะเบียนหย่า • คำสั่งศาล (ถ้ามี) • ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) บิดา/มารดาบุญธรรม • สำเนาบัตรประชาชน • สำเนาทะเบียนบ้าน • ทะเบียนสมรส • ทะเบียนหย่า • คำสั่งศาล (ถ้ามี) • ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี) บุตรบุญธรรม • สูติบัตร • สำเนาบัตรประชาชน • สำเนาทะเบียนบ้าน • ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)

  37. ตัวอย่าง case กรณีเลิกรับบุตรบุญธรรมที่เป็นญาติสืบสายโลหิต ยกกันเอง หรือบุตรของคู่สมรส  นาย ก. สมรสกับนาง ข. รับนายเอ ปัจจุบันอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นบุตรติดภรรยา เป็นบุตรบุญธรรม ต่อมา นาย ก. ประสงค์จะเลิกรับนายเอ เป็นบุตรบุญธรรม เนื่องจากหย่าร้างกับนาง ข. มารดาผู้ให้กำเนิดเด็ก และแยกทางกันอยู่แล้ว  • เข้าสู่กระบวนการเยียวยา สอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ • สาเหตุ >> หย่าร้างกับมารดาผู้ให้กำเนิดของบุตรบุญธรรม • สภาพจิตใจและสังคม >> บุตรบุญธรรมสภาพจิตใจและสังคมปกติดี รับทราบเกี่ยวกับการหย่าร้างของบิดาบุญธรรมและมารดา • ประเมินสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม >> เนื่องจากบิดาบุญธรรมหย่าร้างกับมารดาผู้ให้กำเนิด ซึ่งโดยปกติบุตรบุญธรรมอยู่กับมารดาผู้ให้กำเนิด และมารดาผู้ให้กำเนิดประกอบอาชีพมั่นคง สามารถเลี้ยงดูเด็กได้ ดังนั้นการเลิกรับบุตรบุญธรรมจึงไม่มีปัญหาใด หมายเหตุ ทะเบียนหย่าได้ระบุเกี่ยวกับการเลี้ยงดูอุปการะบุตรบุญธรรมหรือไม่ • บุคคลที่ต้องมาเข้าสู่กระบวนการเยียวยา • บิดาบุญธรรม • มารดาผู้ให้กำเนิดเด็ก >> ผู้ให้ความยินยอม • บุตรบุญธรรม (เนื่องจากอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี) >> ผู้ให้ความยินยอม สรุปผลการให้คำปรึกษาเยียวยาเสนอต่ออธิบดีหรือผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วแต่กรณี เพื่อใช้ในการพิจารณาออกหนังสือรับรองสำหรับประกอบการขอจดทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม ออกหนังสือเพื่อรับรองสำหรับประกอบการขอจดทะเบียนยกเลิกบุตรบุญธรรม ได้รับทะเบียนเลิกรับบุตรบุญธรรม

  38. ตัวอย่าง case กรณีเลิกรับบุตรบุญธรรมที่เป็นเด็กในความอุปการะของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเด็กที่มีคำสั่งศาล นาย A และนาง B คู่สามีภรรยารับ เด็กหญิง C เด็กจากสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ต่อมาเด็กหญิง C มีปัญหาพฤติกรรม เช่น ลักขโมย เกเร นาย A และนาง B จึงประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรม  เข้าสู่กระบวนการเยียวยา สอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ • สาเหตุ >> เด็กมีปัญหาพฤติกรรม เนื่องจากเพิ่งมาทราบจากเพื่อนบ้านว่าตนไม่ใช่ลูกแท้ แต่เป็นบุตรบุญธรรม จึงถูกล้อเลียน และมีปัญหาพฤตืกรรมเพื่อเรียกร้องความรัก และความสนใจจากพ่อแม่ อีกทั้งพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้บุตรบุญธรรมมากนักเนื่องจากทำงานหนัก ปัญหาเกิดจาก การไม่บอกความจริงกับเด็ก และพ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับเด็ก • สภาพจิตใจและสังคม >> บุตรบุญธรรมมีสภาพจิตใจที่เปราะบาง จึงแสดงออกด้วยการลักขโมยเงินพ่อแม่ไปแจกเพื่อน เพื่อต้องการความรักและการยอมรับ • ประเมินสภาพปัญหาการเลิกรับบุตรบุญธรรม >> เมื่อเลิกรับบุตรบุญธรรม เด็กจะถูกส่งคืนสู่สถานสงเคราะห์ ซึ่งเด็กมีสภาพจิตใจที่งเปราะบางมาก และอาจจะไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ในสถานสงเคราะห์ได้ การเยียวยา ครั้งที่ 1 เยี่ยมบ้านเด็กและครอบครัวประเมินสภาพปัญหา และส่งต่อเด็กและครอบครัวเข้ารับการบำบัดที่สถาบันจิตเวชเด็กและ วัยรุ่นราชนครินทร์ (ครอบครัวมาพบแพทย์ตามนัดจ่อเนื่อง) การเยียวยา ครั้งที่ 2 เยี่ยมบ้านเด็กและครอบครัว ประเมินสภาพหลังจากเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูที่สถาบันจิตเวชเด็กและ วัยรุ่นราชนครินทร์ การเยียวยา ครั้งที่ 3 พาเด็กและครอบครัวเยี่ยมชมสถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี • เมื่อผ่านกระบวนการเยียวยาแล้ว นาย A นาง B และเด็กหญิง C มีความเข้าใจกันมากขึ้น และความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้น เนื่องจาก รู้ถึงสาเหตุพฤติกรรมเด็ก และพยายามปรับตัวเข้าหากันภายในครอบครัว จึงไม่ประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมแล้ว จึงมาลงนามในแบบฟอร์มที่ 4 เพื่อยืนยันว่าไม่ประสงค์จะเลิกรับบุตรบุญธรรมแล้ว • การติดตามผล >> ฝ่ายติดตามผลฯ ได้เชิญครอบครัวเข้าร่วม โครงการสานสัมพันธ์สู่ความเข้าใจ ครั้งที่ 3 (2556) เป็นครั้งแรก เด็กและครอบครัวได้ทำความรู้จักกับครอบครัวบุญธรรมครอบครัวอื่น และเข้าร่วมโครงการสานสัมพันธ์สู่ความเข้าใจ ครั้งที่ 4 (2557) เด็กมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน  ครอบครัวเข้าสู่เครือข่ายครอบครัวบุญธรรม

  39. สถิติการเลิกรับบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2554- ปัจจุบัน

  40. การติดต่อ • www.adoption.dsdw.go.th ฝ่ายติดตามผลการรับบุตรบุญธรรม แบบฟอร์มเยียวยา • เครือข่ายครอบครัวบุญธรรม เข้าได้ที่ facebook โครงการ สานสัมพันธ์ ครั้งที่/

More Related