350 likes | 449 Views
การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย และการทำงานระดับพื้นที่. เสถียร ทันพรม. แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติ. แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน มีแนวคิดการมองแรงงานที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงาน หรือแรงงานข้ามชาติระดับล่างที่ทำงานในไทยแบ่งเป็น 3 แนวคิดใหญ่ๆ คือ.
E N D
การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและการทำงานระดับพื้นที่การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและการทำงานระดับพื้นที่ เสถียร ทันพรม
แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติแนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติ
แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยแนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน มีแนวคิดการมองแรงงานที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงาน หรือแรงงานข้ามชาติระดับล่างที่ทำงานในไทยแบ่งเป็น 3 แนวคิดใหญ่ๆ คือ...
(1) แนวคิดความมั่นคงแห่งชาติ หรือชาตินิยม (National Security) มองว่าแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องจับตัวส่งออกไปนอกประเทศ หรือนายจ้างต้องนำมาประกันตัว เพื่อผ่อนผันขอใบอนุญาตทำงานเป็นแนวคิดกระแสหลักที่ครอบงำชี้นำการกำหนดนโยบาย-มาตรการควบคุมจัดการคนต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมายมาตลอด โดยขาดมิติการมองความเป็นแรงงานหรือมนุษยชนของคนทำงานอย่างชัดแจ้ง แนวคิดนี้ปรากฏชัดในกลไกรัฐฝ่ายความมั่นคงและการปกครองซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการควบคุม ป้องกันและสกัดกั้นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย
(2) แนวคิดมนุษย์นิยม หรือสิทธิมนุษยชน (Human Rights, Labour Protection) มองว่าผู้ใช้แรงงานทั่วโลกคือพี่น้องกัน มีชะตากรรมที่ถูกเอาเปรียบจากระบบทุนนิยมร่วมกัน แรงงานทุกคนมีสิทธิ เสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ถูกกดขี่แบ่งแยกกีดกันเพราะความแตกต่างของเชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว ศาสนาและเพศ เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวคิดของกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนส่วนใหญ่ และองค์กรแรงงานบางแห่ง
(3) แนวคิดทุนนิยมเสรี (Capitalist) เป็นแนวคิดของนักธุรกิจโดยทั่วไป ที่มองว่ามีความจำเป็นต้องจ้างแรงงานข้ามชาติ เพื่อความเติบโตอยู่รอดของการพัฒนาเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะเห็นว่ามีปัญหาขาดแคลนแรงงานบางอย่างที่คนงานไทยไม่ทำหรือหาคนงานไทยมาทำยาก ทำให้ต้องจ้างแรงงานต่างชาติมาทดแทนแรงงาน โดยเฉพาะงานประเภท 3 ส. หรือ 3 D คือ 1. งานเสี่ยงสูง (Danger) 2. งานแสนลำบาก (Difficult) และ 3. งานสกปรก (Dirty) เช่น งานก่อสร้าง, ประมงทะเล, เกษตรกรรมและงานรับใช้ในบ้าน ฯ
หากนโยบายมุ่งที่จะจัดระบบควบคุม ผ่อนผัน อนุญาตแรงงานข้ามชาติเพียง 3 สัญชาติ คือ จากประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา (ซึ่งความเป็นจริงมีอีกหลายชาติ) ที่เกิดจากการผลักดันของภาคธุรกิจเอกชนที่ต้องการแรงงานระดับล่างราคาถูกจำนวนมาก ประกอบกับความหวาดกลัว ความวิตกกังวลของภาครัฐที่มองว่าคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนมาก จากประเทศชายแดนเหล่านี้ จะเข้ามาก่ออาชญากรรม หรือเป็นสาเหตุการเพิ่มอาชญากรรมในประเทศไทย รวมทั้งกลัวปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงบางอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ป้องกันควบคุมได้
การเคลื่อนย้ายข้ามชาติจึงต้องเกี่ยวพันการเคลื่อนย้ายข้ามชาติจึงต้องเกี่ยวพัน กับกฎหมายกฎหมาย/นโยบายหลายฉบับ
ปี 50 เริ่มมีการนำเข้าแรงงานข้ามชาติตาม MOU จากลาวและกัมพูชา • ปี 51 ผ่อนผันเป็นสองปี (จากเดิมปีต่อปี) โรงพยาบาลสามารถพิจารณารับประกันสุขภาพผู้ติดตามและสมาชิกในครอบครัวแรงงานข้ามชาติได้ • ปี 54 ดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งมีผู้ประสงค์จะจ้างงาน(3 สัญชาติ)รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรอายุไม่เกิน 15 ปี และมีมาตรการนำเข้าแรงงานต่างด้าวรายใหม่อย่างถูกกฎหมายดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 โดยเร่งรัดดำเนินการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายจากประเทศพม่า ลาวและกัมพูชาให้สามารถตอบสนองความต้องการของนายจ้างผู้ประกอบการได้อย่างทันท่วงที • มีการอำนวยความสะดวกให้กับนายจ้าง ในการเปิดจุดบริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service)และจัดทำทะเบียนข้อมูลผ่านระบบไบโอดาต้า • การข้ามแดนที่ปลอดภัย / พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 • พ.ร.บ. การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551
บทลงโทษ • หากพบยังมีแรงงานต่างด้าวเถื่อน นายจ้างจะมีโทษปรับ 1 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท ต่อการจ้างแรงงาน 1 คน ส่วนต่างด้าวจะมีโทษปรับ 2 พันบาท ถึง 1 แสนบาท โทษจำไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากตรวจพบจ้างทำงานผิดประเภท นายจ้างจะมีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แรงงานต่างด้าว มีโทษปรับ 2 หมื่นบาท • ศูนย์ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานและกระบวนการค้ามนุษย์ • ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนรวมทั้งการพิสูจน์สัญชาติไม่เป็นธรรม
การเกิด • การศึกษา • แผนแม่บทการแก้ปัญหาและพัฒนางานสาธารณสุขชายแดน พ.ศ.๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ / มาตรา ๑๔ พระราชบัญญัติการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าด้วยเรื่องการจ้างงานในพื้นที่ชายแดน
ระบบประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติที่ผ่านมาระบบประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติที่ผ่านมา • ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพและการเฝ้าระวังป้องกันโรค • มียุทธศาสตร์สาธารณสุขแรงงานข้ามชาติและยุทธศาสตร์สาธารณสุขชายแดน • มีการพัฒนาพนักงานสาธารณสุขต่างชาติ (พสต.)
ข้อจำกัดที่ผ่านมา • การรับรู้เรื่องสิทธิของแรงงาน • ความอิสระในการเลือกสถานพยาบาล • ระบบบริการที่มีข้อจำกัดด้านความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม • ระบบบริการสุขภาพผูกติดกับการจดทะเบียนแรงงาน • งบประมาณที่ไม่เอื้อต่อสถานพยาบาลที่มีความแตกต่างกัน • การบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆที่ไม่ตั้งรับในเชิงนโยบายและอิงกับนโยบายของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานด้านความมั่นคง • แรงงานเข้าประกันสังคมเพิ่มขึ้น งบ PP ลดลง • การจ้างงานชายแดน/ตามฤดูกาล ยังไม่มีระบบประกันสุขภาพที่สอดคล้อง
การใช้สิทธิประกันสังคมกับแรงงานข้ามชาติใน 5%ของเงินเดือนที่เราสมทบในระบบประกันสังคมนั้น แบ่งเป็น ประโยชน์ทดแทน 1. ประสบอตร.หรือเจ็บป่วย (.88%) สมทบมาแล้ว 3 เดือน จึงใช้สิทธิได้ อัตราเงินสมทบ (ปัจจุบัน) 2. ทุพพลภาพ (.12%) 1+2+3+4 ลจ.+นจ.+รัฐ 3. ตาย (.06%) จ่ายฝ่ายละเท่ากัน 1.5% 4. คลอดบุตร (.44%) 5. สงเคราะห์บุตร (รัฐ 1%) 6. ชราภาพ (บำเหน็จ-บำนาญ) ลจ.+นจ.จ่ายฝ่ายละ 3%(รัฐไม่จ่าย) 7. ว่างงาน รัฐจ่าย 0.25% ลจ,+นจ.ฝ่ายละ 0.50% รวม 7 กรณี รัฐจ่าย 2.75%/นจ.ลจ.ฝ่ายละ 5%
หลักการประกันสังคม สำหรับประเทศไทย หลักประกันสังคมที่รัฐจัดให้เป็นประเภท “การประกันสังคม” เป็นการสร้างหลักประกันตามหลักการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข เฉลี่ยความเสี่ยงร่วมกันของสมาชิก โดยอาศัยประชาชนผู้มีรายได้ในสังคม มีส่วนในการจ่ายเงินสมทบ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างหลักประกันสังคม
นายจ้างและลูกจ้างสมทบเข้าประกันสังคม 5% เท่าๆกันนั้น • (นายจ้างหัก 5%ในส่วนของลูกจ้าง +5% ในส่วนของนายจ้าง จากเงินเดือนลูกจ้าง) • ระบบการตรวจสอบเรื่องการหักเงินสมทบ-การนำส่งเงินสมทบอาจจะใช้ระบบการตรวจสอบแบบออนไลน์ หรือมีระบบรองรับการร้องเรียนที่ลูกจ้างข้ามชาติสามารถเข้าถึงได้ (ให้นายจ้างรับสภาพหนี้หากไม่นำส่งเงิน / เมื่อชราได้บำเหน็จส่วนตัวเองให้ลูกจ้างไล่เบี้ยในส่วนของหน้าจ้างเอาเอง) การส่งเงินสมทบเข้ากองทุน เฉพาะปี 56 นายจ้าง/ลูกจ้าง สมทบ 4%
กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน(.88%) ประโยชน์ทดแทน ในกรณีการเจ็บป่วย เราไม่สามารถบอกได้ว่าการเจ็บป่วยจะเริ่มขึ้นเมื่อใด วันไหน เวลาใด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ประกันตนสัญชาติใดก็ตามก็ควรที่จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยทันที โดยไม่ต้องมีเงื่อนเวลาในการกำกับไว้ว่าต้องส่งเงินสมทบมาแล้ว 3 เดือน เพราะสิทธิสุขภาพเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยทันทีและมีคุณภาพมาตรฐาน ดังนั้นการกำหนดเงื่อนเวลาถือเป็นการกีดกัน จำกัด การเข้าถึงสิทธิของประชาชน
กรณีคลอดบุตร(.44%) จะได้รับสิทธิต่อเมื่อได้ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันคลอด ประโยชน์ทดแทน สิทธิประโยชน์เรื่องคลอดบุตร สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ระบุไว้ว่า ผู้ประกันตนที่จะสามารถใช้สิทธินี้ได้ต้องมีเอกสารแสดงตนประเภทใดประเภทหนึ่งใน 3 ประเภทนี้ คือ ทะเบียนสมรสไทย หรือ หนังสือรับรองบุตร หรือใบคำสั่งศาล อย่างไรก็ตาม กลุ่มแรงงานข้ามชาติย่อมประสบปัญหาในการมีใบยืนยันดังกล่าวจากประเทศต้นทางอย่างแน่นอน
สถานการณ์ปัญหา • ไม่ได้ค่าจ้างระหว่างคลอด • คลอดแล้วต้องออกจากงาน • ใช้การจ้างเป็นรายเดือน • ลูกจ้างไม่มีข้อมูลเรื่องประกันสังคม
กรณีสงเคราะห์บุตร(รัฐ 1%) ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ประโยชน์ทดแทน (เงินสงเคราะห์จะได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี แต่แรงงานสามารถอยู่ในประเทศไทยได้แค่ 4 ปี ระยะเวลาที่เหลือ แรงงานจะเข้าถึงเงินสงเคราะห์บุตรได้อย่างไร ที่สำคัญเมื่อแรงงานทำงานครบ 4 ปีแล้ว แรงงานก็สิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้างและสุดสิ้นการเป็นผู้ประกันตน แรงงานยังจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอยู่หรือไม่ ในกรณีที่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง)
ปัญหา/การแก้ไข • แรงงานไม่มีหลักฐานในการใช้สิทธิ • ไม่มีการสมรสตามกฎหมาย • การแก้ไข • ทำ MOU ให้มีแนวปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ ในการรับรอง • รัฐจัดงบประมาณในการตรวจ DNA
กรณีทุพพลภาพ(.12%) ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ประโยชน์ทดแทน 1. เงินทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต 2. ค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทางร่างกาย จิตใจและอาชีพ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย กรณีแรงงานข้ามชาติจะเข้าถึงการรับเงินทดแทนการขาดรายได้ตลอดชีวิตอย่างไร หากโอนเข้าบัญชีธนาคารแล้วกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงธนาคารหรือบริการเงินฝากจะมีวิธีการจัดการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง เพราะพื้นเพของแรงงานข้ามชาติแต่ละคนมีที่มาต่างกันบางคนอยู่ในท้องถิ่นห่างไกล บางคนอยู่บนพื้นที่สูง เป็นต้น )
กรณีตายอันมิใช่เนื่องมาจากการทำงาน(.06%) ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงแก่ความตาย ประโยชน์ทดแทน 2. เงินสงเคราะห์ตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบก่อนถึงแก่ความตาย (ทายาทจะเข้าถึงเงินสงเคราะห์ตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบได้อย่างไร) คือ ส่งเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์หนึ่งเท่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือน ,10 ปีขึ้นไป ได้รับ 5 เท่าของเงินเดือน
กรณีชราภาพ(3%) ประโยชน์ทดแทน กรณีเงินบำนาญชราภาพต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
กรณีชราภาพ ประโยชน์ทดแทน กรณีเงินบำเหน็จชราภาพต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 180 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง หรือเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย
กรณีว่างงาน(รัฐ.25%)จะต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายหลังในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน ประโยชน์ทดแทน ลูกจ้างแรงงานข้ามชาติจะไม่มีโอกาสเข้าถึงสิทธิกรณีว่างงานเพราะหากเป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงทวิภาคีหรือ MOU เมื่อสิ้นสุดการเป็นลูกจ้างจะต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง และหากเป็นแรงงานที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้วเมื่อสิ้นสุดการเป็นลูกจ้างกับนายจ้างปัจจุบันจะต้องหานายจ้างใหม่ให้ได้ภายใน 7-15 วัน และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคือรับบริการจัดหางานและการฝึกอบรมฝีมือแรงงานด้วย แต่แรงงานต้องรีบหานายจ้างคนใหม่ แรงงานก็ไม่ใช่ผู้ว่างงานแล้ว แรงงานก็ไม่สามารถเข้าไม่ถึงสิทธิประกันการว่างงานได้
ส่วนสำคัญของหนังสือ ทั้ง 2 ฉบับ กองทุนเงินทดแทน
ด้านการคุ้มครองในระบบกองทุนเงินทดแทนด้านการคุ้มครองในระบบกองทุนเงินทดแทน • ทบทวนประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ฉบับที่2 เมื่อ 27กุมภาพันธ์ 2545 เรื่องระบุประเภท ขนาดของกิจการและท้องที่ ที่ให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินทดแทน • ทบทวนหนังสือเวียนของสำนักงานประกาศสังคมเมื่อ 25 ตุลาคม 2544 แก้ไขเพิ่มเติม 31พฤษภาคม 2555 เรื่องการให้การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติที่ประสบอันตรายจากการทำงาน ที่ต้องมีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแสดงตัวบุคคลและใบอนุญาตทำงาน หากไม่มีต้องให้นายจ้างเป็นคนจ่ายเงินทดแทน
ด้านการรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติด้านการรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติ • ส่งเสริมสนับสนุนให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงการรวมกลุ่ม เช่น การเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน • สนับสนุนการรับรองอนุสัญญา 87/98 • การให้การศึกษาเรื่องการรวมกลุ่ม • สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรวมกลุ่ม
สิทธิประกันสังคม 2 มาตรฐาน หรือไม่ • แยกหรือไม่แยก • การบริหารจัดการ • การมีส่วนร่วม • การตรวจสอบ • การประชาสัมพันธ์ • ฯลฯ
สิทธิประกันสังคม 2 มาตรฐาน หรือไม่ • แยกหรือไม่แยก (มีกองทุนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกองทุน) • การบริหารจัดการ (จะจัดการโดย สนง.ประกันสังคม...?) • การมีส่วนร่วม (บอร์ดประกันสังคม) • การตรวจสอบ (ระดับอำนาจในการตรวจสอบ สั่งการ ต่อรอง) และป้องกันนายจ้างไม่แจ้งเข้าระบบ • การประชาสัมพันธ์ (แยกประชาสัมพันธ์ต่างหาก) • ฯลฯ
ไม่มีการเลือกปฏิบัติ Zero Discrimination เข้าถึงการรักษา เข้าถึงการป้องกัน ลดการถ่ายทอดเชื้อฯ ไม่มีการตายเนื่องจากเอดส์ Zero death related AIDS ไม่มีการติดเชื้อฯรายใหม่ Zero New Infection การรักษามีงบพอสำหรับทุกคน
สื่อ,พสต.,DIC ภาษา ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่(ป้องกัน) • การเข้าถึงข้อมูล(รอบด้าน)/เข้าใจ-HIV/STI • เข้าถึงอุปกรณ์ในการป้องกัน condom ชาย/หญิง,เข็มที่สะอาด • การมีส่วนร่วมของTG(ชุมคน)และชุมชน/สังคม(อบต.อปท.) • การรณรงค์สาธารณะ(พฤติกรรมเสี่ยง) ไม่มีการตาย(รักษา) • OI • VCCT • ARV • การบริการที่เป็นมิตร/เพียงพอ (ผู้ร่วมจัดบริการ,พสต.) • มาตรฐานเดียว ตรวจ ดูแลรักษาส่งต่อ ยาที่พอเพียง ได้/เข้าถึง/ครอบคลุม/เพียงพอ ให้คำปรึกษา/ส่งต่อ ไม่เลือกปฎิบัติ • การเข้าถึงบริการทุกคน (กลไกคุ้มครอง) • เข้าถึงข้อมูลเรื่องสิทธิ/รู้สิทธิ/ปกป้องสิทธิ • การพัฒนากฎหมาย(แก้ไข/ปรับปรุง/เปลี่ยนแปลง/สนับสนุน,ส่งเสริม) • กระบวนในการปรับทัศนคติ/สิทธิ (ผู้ให้บริการ/ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง/บุคคลแวดล้อม) • ฐานข้อมูล-Mapping/เครื่องมือในการชี้วัด
บทเรียนและองค์ความรู้การจัดบริการสุขภาพบทเรียนและองค์ความรู้การจัดบริการสุขภาพ