1 / 35

การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย และการทำงานระดับพื้นที่

การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย และการทำงานระดับพื้นที่. เสถียร ทันพรม. แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติ. แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน มีแนวคิดการมองแรงงานที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงาน หรือแรงงานข้ามชาติระดับล่างที่ทำงานในไทยแบ่งเป็น 3 แนวคิดใหญ่ๆ คือ.

Download Presentation

การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบาย และการทำงานระดับพื้นที่

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและการทำงานระดับพื้นที่การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายและการทำงานระดับพื้นที่ เสถียร ทันพรม

  2. แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติแนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติ

  3. แนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติในประเทศไทยแนวคิดต่อแรงงานข้ามชาติในประเทศไทย ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน มีแนวคิดการมองแรงงานที่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงาน หรือแรงงานข้ามชาติระดับล่างที่ทำงานในไทยแบ่งเป็น 3 แนวคิดใหญ่ๆ คือ...

  4. (1) แนวคิดความมั่นคงแห่งชาติ หรือชาตินิยม (National Security) มองว่าแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ต้องจับตัวส่งออกไปนอกประเทศ หรือนายจ้างต้องนำมาประกันตัว เพื่อผ่อนผันขอใบอนุญาตทำงานเป็นแนวคิดกระแสหลักที่ครอบงำชี้นำการกำหนดนโยบาย-มาตรการควบคุมจัดการคนต่างชาติเข้าเมืองผิดกฎหมายมาตลอด โดยขาดมิติการมองความเป็นแรงงานหรือมนุษยชนของคนทำงานอย่างชัดแจ้ง แนวคิดนี้ปรากฏชัดในกลไกรัฐฝ่ายความมั่นคงและการปกครองซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการควบคุม ป้องกันและสกัดกั้นคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

  5. (2) แนวคิดมนุษย์นิยม หรือสิทธิมนุษยชน (Human Rights, Labour Protection) มองว่าผู้ใช้แรงงานทั่วโลกคือพี่น้องกัน มีชะตากรรมที่ถูกเอาเปรียบจากระบบทุนนิยมร่วมกัน แรงงานทุกคนมีสิทธิ เสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน โดยไม่ถูกเลือกปฏิบัติ ไม่ถูกกดขี่แบ่งแยกกีดกันเพราะความแตกต่างของเชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว ศาสนาและเพศ เป็นต้น ซึ่งเป็นแนวคิดของกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชนส่วนใหญ่ และองค์กรแรงงานบางแห่ง

  6. (3) แนวคิดทุนนิยมเสรี (Capitalist) เป็นแนวคิดของนักธุรกิจโดยทั่วไป ที่มองว่ามีความจำเป็นต้องจ้างแรงงานข้ามชาติ เพื่อความเติบโตอยู่รอดของการพัฒนาเศรษฐกิจธุรกิจ เพราะเห็นว่ามีปัญหาขาดแคลนแรงงานบางอย่างที่คนงานไทยไม่ทำหรือหาคนงานไทยมาทำยาก ทำให้ต้องจ้างแรงงานต่างชาติมาทดแทนแรงงาน โดยเฉพาะงานประเภท 3 ส. หรือ 3 D คือ 1. งานเสี่ยงสูง (Danger) 2. งานแสนลำบาก (Difficult) และ 3. งานสกปรก (Dirty) เช่น งานก่อสร้าง, ประมงทะเล, เกษตรกรรมและงานรับใช้ในบ้าน ฯ

  7. หากนโยบายมุ่งที่จะจัดระบบควบคุม ผ่อนผัน อนุญาตแรงงานข้ามชาติเพียง 3 สัญชาติ คือ จากประเทศพม่า ลาว และกัมพูชา (ซึ่งความเป็นจริงมีอีกหลายชาติ) ที่เกิดจากการผลักดันของภาคธุรกิจเอกชนที่ต้องการแรงงานระดับล่างราคาถูกจำนวนมาก ประกอบกับความหวาดกลัว ความวิตกกังวลของภาครัฐที่มองว่าคนเข้าเมืองผิดกฎหมายจำนวนมาก จากประเทศชายแดนเหล่านี้ จะเข้ามาก่ออาชญากรรม หรือเป็นสาเหตุการเพิ่มอาชญากรรมในประเทศไทย รวมทั้งกลัวปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงบางอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ป้องกันควบคุมได้

  8. การเคลื่อนย้ายข้ามชาติจึงต้องเกี่ยวพันการเคลื่อนย้ายข้ามชาติจึงต้องเกี่ยวพัน กับกฎหมายกฎหมาย/นโยบายหลายฉบับ

  9. ปี 50 เริ่มมีการนำเข้าแรงงานข้ามชาติตาม MOU จากลาวและกัมพูชา • ปี 51 ผ่อนผันเป็นสองปี (จากเดิมปีต่อปี) โรงพยาบาลสามารถพิจารณารับประกันสุขภาพผู้ติดตามและสมาชิกในครอบครัวแรงงานข้ามชาติได้ • ปี 54 ดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งมีผู้ประสงค์จะจ้างงาน(3 สัญชาติ)รวมทั้งผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรอายุไม่เกิน 15 ปี และมีมาตรการนำเข้าแรงงานต่างด้าวรายใหม่อย่างถูกกฎหมายดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548 โดยเร่งรัดดำเนินการนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายจากประเทศพม่า ลาวและกัมพูชาให้สามารถตอบสนองความต้องการของนายจ้างผู้ประกอบการได้อย่างทันท่วงที • มีการอำนวยความสะดวกให้กับนายจ้าง ในการเปิดจุดบริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service)และจัดทำทะเบียนข้อมูลผ่านระบบไบโอดาต้า • การข้ามแดนที่ปลอดภัย / พ.ร.บ.คนเข้าเมือง 2522 • พ.ร.บ. การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551

  10. บทลงโทษ • หากพบยังมีแรงงานต่างด้าวเถื่อน นายจ้างจะมีโทษปรับ 1 หมื่นบาทถึง 1 แสนบาท ต่อการจ้างแรงงาน 1 คน ส่วนต่างด้าวจะมีโทษปรับ 2 พันบาท ถึง 1 แสนบาท โทษจำไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากตรวจพบจ้างทำงานผิดประเภท นายจ้างจะมีโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แรงงานต่างด้าว มีโทษปรับ 2 หมื่นบาท • ศูนย์ปราบปราม จับกุม และดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวลักลอบทำงานและกระบวนการค้ามนุษย์ • ค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนรวมทั้งการพิสูจน์สัญชาติไม่เป็นธรรม

  11. การเกิด • การศึกษา • แผนแม่บทการแก้ปัญหาและพัฒนางานสาธารณสุขชายแดน พ.ศ.๒๕๕๕ – ๒๕๕๙ / มาตรา ๑๔ พระราชบัญญัติการทำงานคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ว่าด้วยเรื่องการจ้างงานในพื้นที่ชายแดน

  12. ระบบประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติที่ผ่านมาระบบประกันสุขภาพแรงงานข้ามชาติที่ผ่านมา • ครอบคลุมถึงการรักษาพยาบาล การดูแลสุขภาพและการเฝ้าระวังป้องกันโรค • มียุทธศาสตร์สาธารณสุขแรงงานข้ามชาติและยุทธศาสตร์สาธารณสุขชายแดน • มีการพัฒนาพนักงานสาธารณสุขต่างชาติ (พสต.)

  13. ข้อจำกัดที่ผ่านมา • การรับรู้เรื่องสิทธิของแรงงาน • ความอิสระในการเลือกสถานพยาบาล • ระบบบริการที่มีข้อจำกัดด้านความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม • ระบบบริการสุขภาพผูกติดกับการจดทะเบียนแรงงาน • งบประมาณที่ไม่เอื้อต่อสถานพยาบาลที่มีความแตกต่างกัน • การบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆที่ไม่ตั้งรับในเชิงนโยบายและอิงกับนโยบายของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานด้านความมั่นคง • แรงงานเข้าประกันสังคมเพิ่มขึ้น งบ PP ลดลง • การจ้างงานชายแดน/ตามฤดูกาล ยังไม่มีระบบประกันสุขภาพที่สอดคล้อง

  14. การใช้สิทธิประกันสังคมกับแรงงานข้ามชาติใน 5%ของเงินเดือนที่เราสมทบในระบบประกันสังคมนั้น แบ่งเป็น ประโยชน์ทดแทน 1. ประสบอตร.หรือเจ็บป่วย (.88%) สมทบมาแล้ว 3 เดือน จึงใช้สิทธิได้ อัตราเงินสมทบ (ปัจจุบัน) 2. ทุพพลภาพ (.12%) 1+2+3+4 ลจ.+นจ.+รัฐ 3. ตาย (.06%) จ่ายฝ่ายละเท่ากัน 1.5% 4. คลอดบุตร (.44%) 5. สงเคราะห์บุตร (รัฐ 1%) 6. ชราภาพ (บำเหน็จ-บำนาญ) ลจ.+นจ.จ่ายฝ่ายละ 3%(รัฐไม่จ่าย) 7. ว่างงาน รัฐจ่าย 0.25% ลจ,+นจ.ฝ่ายละ 0.50% รวม 7 กรณี รัฐจ่าย 2.75%/นจ.ลจ.ฝ่ายละ 5%

  15. หลักการประกันสังคม สำหรับประเทศไทย หลักประกันสังคมที่รัฐจัดให้เป็นประเภท “การประกันสังคม” เป็นการสร้างหลักประกันตามหลักการเฉลี่ยทุกข์-เฉลี่ยสุข เฉลี่ยความเสี่ยงร่วมกันของสมาชิก โดยอาศัยประชาชนผู้มีรายได้ในสังคม มีส่วนในการจ่ายเงินสมทบ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างหลักประกันสังคม

  16. นายจ้างและลูกจ้างสมทบเข้าประกันสังคม 5% เท่าๆกันนั้น • (นายจ้างหัก 5%ในส่วนของลูกจ้าง +5% ในส่วนของนายจ้าง จากเงินเดือนลูกจ้าง) • ระบบการตรวจสอบเรื่องการหักเงินสมทบ-การนำส่งเงินสมทบอาจจะใช้ระบบการตรวจสอบแบบออนไลน์ หรือมีระบบรองรับการร้องเรียนที่ลูกจ้างข้ามชาติสามารถเข้าถึงได้ (ให้นายจ้างรับสภาพหนี้หากไม่นำส่งเงิน / เมื่อชราได้บำเหน็จส่วนตัวเองให้ลูกจ้างไล่เบี้ยในส่วนของหน้าจ้างเอาเอง) การส่งเงินสมทบเข้ากองทุน เฉพาะปี 56 นายจ้าง/ลูกจ้าง สมทบ 4%

  17. กรณีประสบอันตราย หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน(.88%) ประโยชน์ทดแทน ในกรณีการเจ็บป่วย เราไม่สามารถบอกได้ว่าการเจ็บป่วยจะเริ่มขึ้นเมื่อใด วันไหน เวลาใด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้ประกันตนสัญชาติใดก็ตามก็ควรที่จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยทันที โดยไม่ต้องมีเงื่อนเวลาในการกำกับไว้ว่าต้องส่งเงินสมทบมาแล้ว 3 เดือน เพราะสิทธิสุขภาพเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องเข้าถึงการรักษาพยาบาลโดยทันทีและมีคุณภาพมาตรฐาน ดังนั้นการกำหนดเงื่อนเวลาถือเป็นการกีดกัน จำกัด การเข้าถึงสิทธิของประชาชน

  18. กรณีคลอดบุตร(.44%) จะได้รับสิทธิต่อเมื่อได้ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนวันคลอด ประโยชน์ทดแทน สิทธิประโยชน์เรื่องคลอดบุตร สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ระบุไว้ว่า ผู้ประกันตนที่จะสามารถใช้สิทธินี้ได้ต้องมีเอกสารแสดงตนประเภทใดประเภทหนึ่งใน 3 ประเภทนี้ คือ ทะเบียนสมรสไทย หรือ หนังสือรับรองบุตร หรือใบคำสั่งศาล อย่างไรก็ตาม กลุ่มแรงงานข้ามชาติย่อมประสบปัญหาในการมีใบยืนยันดังกล่าวจากประเทศต้นทางอย่างแน่นอน

  19. สถานการณ์ปัญหา • ไม่ได้ค่าจ้างระหว่างคลอด • คลอดแล้วต้องออกจากงาน • ใช้การจ้างเป็นรายเดือน • ลูกจ้างไม่มีข้อมูลเรื่องประกันสังคม

  20. กรณีสงเคราะห์บุตร(รัฐ 1%) ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ประโยชน์ทดแทน (เงินสงเคราะห์จะได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี แต่แรงงานสามารถอยู่ในประเทศไทยได้แค่ 4 ปี ระยะเวลาที่เหลือ แรงงานจะเข้าถึงเงินสงเคราะห์บุตรได้อย่างไร ที่สำคัญเมื่อแรงงานทำงานครบ 4 ปีแล้ว แรงงานก็สิ้นสุดสภาพการเป็นลูกจ้างและสุดสิ้นการเป็นผู้ประกันตน แรงงานยังจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรอยู่หรือไม่ ในกรณีที่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทาง)

  21. ปัญหา/การแก้ไข • แรงงานไม่มีหลักฐานในการใช้สิทธิ • ไม่มีการสมรสตามกฎหมาย • การแก้ไข • ทำ MOU ให้มีแนวปฏิบัติเดียวกันทั่วประเทศ ในการรับรอง • รัฐจัดงบประมาณในการตรวจ DNA

  22. กรณีทุพพลภาพ(.12%) ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนทุพพลภาพ ประโยชน์ทดแทน 1. เงินทดแทนการขาดรายได้ร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต 2. ค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทางร่างกาย จิตใจและอาชีพ เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย กรณีแรงงานข้ามชาติจะเข้าถึงการรับเงินทดแทนการขาดรายได้ตลอดชีวิตอย่างไร หากโอนเข้าบัญชีธนาคารแล้วกลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงธนาคารหรือบริการเงินฝากจะมีวิธีการจัดการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง เพราะพื้นเพของแรงงานข้ามชาติแต่ละคนมีที่มาต่างกันบางคนอยู่ในท้องถิ่นห่างไกล บางคนอยู่บนพื้นที่สูง เป็นต้น )

  23. กรณีตายอันมิใช่เนื่องมาจากการทำงาน(.06%) ส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 เดือน ภายในระยะเวลา 6 เดือนก่อนถึงแก่ความตาย ประโยชน์ทดแทน 2. เงินสงเคราะห์ตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบก่อนถึงแก่ความตาย (ทายาทจะเข้าถึงเงินสงเคราะห์ตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบได้อย่างไร) คือ ส่งเงินสมทบมาแล้วตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปแต่ไม่ถึง 10 ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์หนึ่งเท่าครึ่งหนึ่งของเงินเดือน ,10 ปีขึ้นไป ได้รับ 5 เท่าของเงินเดือน

  24. กรณีชราภาพ(3%) ประโยชน์ทดแทน กรณีเงินบำนาญชราภาพต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 เดือน หรือ 15 ปี และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง

  25. กรณีชราภาพ ประโยชน์ทดแทน กรณีเงินบำเหน็จชราภาพต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 180 เดือน และมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์และความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง หรือเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย

  26. กรณีว่างงาน(รัฐ.25%)จะต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายหลังในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงาน ประโยชน์ทดแทน ลูกจ้างแรงงานข้ามชาติจะไม่มีโอกาสเข้าถึงสิทธิกรณีว่างงานเพราะหากเป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานตามข้อตกลงทวิภาคีหรือ MOU เมื่อสิ้นสุดการเป็นลูกจ้างจะต้องถูกส่งกลับประเทศต้นทาง และหากเป็นแรงงานที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้วเมื่อสิ้นสุดการเป็นลูกจ้างกับนายจ้างปัจจุบันจะต้องหานายจ้างใหม่ให้ได้ภายใน 7-15 วัน และจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขคือรับบริการจัดหางานและการฝึกอบรมฝีมือแรงงานด้วย แต่แรงงานต้องรีบหานายจ้างคนใหม่ แรงงานก็ไม่ใช่ผู้ว่างงานแล้ว แรงงานก็ไม่สามารถเข้าไม่ถึงสิทธิประกันการว่างงานได้

  27. ส่วนสำคัญของหนังสือ ทั้ง 2 ฉบับ กองทุนเงินทดแทน

  28. ด้านการคุ้มครองในระบบกองทุนเงินทดแทนด้านการคุ้มครองในระบบกองทุนเงินทดแทน • ทบทวนประกาศกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม ฉบับที่2 เมื่อ 27กุมภาพันธ์ 2545 เรื่องระบุประเภท ขนาดของกิจการและท้องที่ ที่ให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินทดแทน • ทบทวนหนังสือเวียนของสำนักงานประกาศสังคมเมื่อ 25 ตุลาคม 2544 แก้ไขเพิ่มเติม 31พฤษภาคม 2555 เรื่องการให้การคุ้มครองแรงงานข้ามชาติที่ประสบอันตรายจากการทำงาน ที่ต้องมีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแสดงตัวบุคคลและใบอนุญาตทำงาน หากไม่มีต้องให้นายจ้างเป็นคนจ่ายเงินทดแทน

  29. ด้านการรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติด้านการรวมกลุ่มของแรงงานข้ามชาติ • ส่งเสริมสนับสนุนให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงการรวมกลุ่ม เช่น การเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน • สนับสนุนการรับรองอนุสัญญา 87/98 • การให้การศึกษาเรื่องการรวมกลุ่ม • สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การรวมกลุ่ม

  30. สิทธิประกันสังคม 2 มาตรฐาน หรือไม่ • แยกหรือไม่แยก • การบริหารจัดการ • การมีส่วนร่วม • การตรวจสอบ • การประชาสัมพันธ์ • ฯลฯ

  31. สิทธิประกันสังคม 2 มาตรฐาน หรือไม่ • แยกหรือไม่แยก (มีกองทุนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกองทุน) • การบริหารจัดการ (จะจัดการโดย สนง.ประกันสังคม...?) • การมีส่วนร่วม (บอร์ดประกันสังคม) • การตรวจสอบ (ระดับอำนาจในการตรวจสอบ สั่งการ ต่อรอง) และป้องกันนายจ้างไม่แจ้งเข้าระบบ • การประชาสัมพันธ์ (แยกประชาสัมพันธ์ต่างหาก) • ฯลฯ

  32. ไม่มีการเลือกปฏิบัติ Zero Discrimination เข้าถึงการรักษา เข้าถึงการป้องกัน ลดการถ่ายทอดเชื้อฯ ไม่มีการตายเนื่องจากเอดส์ Zero death related AIDS ไม่มีการติดเชื้อฯรายใหม่ Zero New Infection การรักษามีงบพอสำหรับทุกคน

  33. สื่อ,พสต.,DIC ภาษา ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่(ป้องกัน) • การเข้าถึงข้อมูล(รอบด้าน)/เข้าใจ-HIV/STI • เข้าถึงอุปกรณ์ในการป้องกัน condom ชาย/หญิง,เข็มที่สะอาด • การมีส่วนร่วมของTG(ชุมคน)และชุมชน/สังคม(อบต.อปท.) • การรณรงค์สาธารณะ(พฤติกรรมเสี่ยง) ไม่มีการตาย(รักษา) • OI • VCCT • ARV • การบริการที่เป็นมิตร/เพียงพอ (ผู้ร่วมจัดบริการ,พสต.) • มาตรฐานเดียว ตรวจ ดูแลรักษาส่งต่อ ยาที่พอเพียง ได้/เข้าถึง/ครอบคลุม/เพียงพอ ให้คำปรึกษา/ส่งต่อ ไม่เลือกปฎิบัติ • การเข้าถึงบริการทุกคน (กลไกคุ้มครอง) • เข้าถึงข้อมูลเรื่องสิทธิ/รู้สิทธิ/ปกป้องสิทธิ • การพัฒนากฎหมาย(แก้ไข/ปรับปรุง/เปลี่ยนแปลง/สนับสนุน,ส่งเสริม) • กระบวนในการปรับทัศนคติ/สิทธิ (ผู้ให้บริการ/ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง/บุคคลแวดล้อม) • ฐานข้อมูล-Mapping/เครื่องมือในการชี้วัด

  34. บทเรียนและองค์ความรู้การจัดบริการสุขภาพบทเรียนและองค์ความรู้การจัดบริการสุขภาพ

More Related