1 / 33

หน่วยที่ 1 ฟังก์ชัน ลิมิต ความต่อเนื่อง และจำนวนเชิงซ้อน

หน่วยที่ 1 ฟังก์ชัน ลิมิต ความต่อเนื่อง และจำนวนเชิงซ้อน. ผู้เขียน อ. ปิยพร นุรารักษ์. ตอนที่ 1.1. ฟังก์ชัน. นิยาม. ความสัมพันธ์ f เป็นฟังก์ชันก็ต่อเมื่อ. ถ้า (x, y ) และ ( x,z) เป็นสมาชิกของ f แล้ว จะได้ว่า y = z. ให้ f เป็นฟังก์ชันใดๆ และ (x,y) เป็นสมาชิกของ f

yeshaya
Download Presentation

หน่วยที่ 1 ฟังก์ชัน ลิมิต ความต่อเนื่อง และจำนวนเชิงซ้อน

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. หน่วยที่ 1ฟังก์ชัน ลิมิต ความต่อเนื่อง และจำนวนเชิงซ้อน ผู้เขียน อ.ปิยพร นุรารักษ์

  2. ตอนที่ 1.1 ฟังก์ชัน

  3. นิยาม ความสัมพันธ์ f เป็นฟังก์ชันก็ต่อเมื่อ ถ้า (x, y ) และ (x,z) เป็นสมาชิกของ f แล้ว จะได้ว่า y = z ให้ f เป็นฟังก์ชันใดๆ และ (x,y) เป็นสมาชิกของ f จะเรียก y ว่าเป็นค่าของฟังก์ชัน f ที่ x และเขียน โดยที่ x คือ ตัวแปรอิสระ (independent variable) y คือ ตัวแปรตาม (dependent variable)

  4. การพิจารณาว่าความสัมพันธ์ใดเป็นฟังก์ชันหรือไม่ สามารถพิจารณาได้โดย วิธีที่ 1การพิจารณาโดยอาศัยบทนิยาม วิธีที่ 2การพิจารณาจากกราฟ

  5. วิธีที่ 1การพิจารณาโดยอาศัยบทนิยาม • ความสัมพันธ์ r จะเป็นฟังก์ชันก็ต่อเมื่อ • สมาชิกตัวหน้าแต่ละตัวของคู่อันดับใน r ไม่ซ้ำกัน หรือ • ความสัมพันธ์ r จะไม่เป็นฟังก์ชันก็ต่อเมื่อ • สมาชิกตัวหน้าแต่ละตัวของคู่อันดับใน r ซ้ำกัน ขณะที่สมาชิกตัวหลังต่างกัน

  6. วิธีที่ 2การพิจารณาจากกราฟ • ถ้ามีเส้นตรงที่ขนานกับแกน y(แนวตั้ง) • ตัดกราฟของความสัมพันธ์ มากกว่า 1 จุด แล้ว • ความสัมพันธ์นี้ ไม่เป็นฟังก์ชัน หรือ • ถ้าไม่มีเส้นตรงที่ขนานกับแกน y • ตัดกราฟของความสัมพันธ์มากกว่า 1 จุด แล้ว • ความสัมพันธ์นี้ เป็นฟังก์ชัน

  7. ตัวอย่าง กำหนดให้ความสัมพันธ์ r1 = {(3,4),(5,6),(7,8)} และ r2 = {(3,4),(3,5),(7,8)} จงพิจารณาว่า r1, r2เป็นฟังก์ชันหรือไม่ โดย 1)พิจารณาโดยอาศัยบทนิยาม 2)พิจารณาจากกราฟ

  8. 1)พิจารณาโดยอาศัยบทนิยาม1)พิจารณาโดยอาศัยบทนิยาม วิธีทำ r1 = {(3,4),(5,6),(7,8)} เป็นฟังก์ชันเพราะทุกๆ คู่อันดับไม่มีสมาชิกตัวหน้าซ้ำกัน r2 = {(3,4),(3,6),(7,8)} ไม่เป็นฟังก์ชันเพราะตัวหน้าของคู่อันดับใน r2ซ้ำกัน ขณะที่ตัวหลังต่างกัน

  9. 2)พิจารณาจากกราฟ r1 = {(3,4),(5,6),(7,8)} เป็นฟังก์ชันเพราะทุกๆ คู่อันดับไม่มีสมาชิกตัวหน้าซ้ำกัน

  10. r2 = {(3,4),(3,6),(7,8)} ไม่เป็นฟังก์ชันเพราะตัวหน้าของคู่อันดับใน r2ซ้ำกัน ขณะที่ตัวหลังต่างกัน

  11. โดเมนและเรนจ์ของฟังก์ชันโดเมนและเรนจ์ของฟังก์ชัน ถ้า ความสัมพันธ์ f เป็นฟังก์ชันแล้ว โดเมนของ f คือ เรนจ์ของ fคือ บทนิยามf จะเป็นฟังก์ชันจากเซต X ไปเซต Y ก็ต่อเมื่อโดเมนของ f เท่ากับ X และ เรนจ์ของ f เป็นสับเซตของ Y เราจะเขียน แทนฟังก์ชัน f จากเซต X ไปยังเซต Y

  12. Y X f f(x1) f(x2) f(x3) x1 x2 x3 ฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง บทนิยามf เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่ง (one to one function) ก็ต่อเมื่อถ้า x1, x2 X และ f(x1)= f(x2) แล้วจะได้ x1 = x2

  13. ฟังก์ชันผกผัน เนื่องจากฟังก์ชันเป็นความสัมพันธ์ ดังนั้นเราสามารถหาความสัมพันธ์ผกผันของฟังก์ชันใดๆ ที่กำหนดให้ได้เสมอ โดยที่ความสัมพันธ์ของฟังก์ชันอาจมีคุณสมบัติเป็นฟังก์ชันหรือไม่เป็นฟังก์ชันก็ได้ ข้อสังเกต เราพบว่าฟังก์ชัน f จะมีฟังก์ชันผกผัน เมื่อ f เป็นฟังก์ชันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง และจะได้ว่าฟังก์ชัน f-1 เป็นฟังก์ชันหนึ่งต่อหนึ่งด้วย

  14. ฟังก์ชันพีชคณิต เป็นฟังก์ชันที่ค่าของฟังก์ชันเขียนในรูปสัญลักษณ์ทางพีชคณิตที่ประกอบด้วยค่าคงตัว ตัวแปร และเครื่องหมาย บวก ลบ คูณ หาร กรณฑ์ หรือยกกำลัง เช่น

  15. ฟังก์ชันพีชคณิตที่นำมาใช้ในวิชาแคลคูลัสได้แก่ฟังก์ชันพีชคณิตที่นำมาใช้ในวิชาแคลคูลัสได้แก่ 1.ฟังก์ชันพหุนาม (polynomial functions) 2.ฟังก์ชันตรรกยะ (rational functions)

  16. ฟังก์ชันพีชคณิตที่นำมาใช้ในวิชาแคลคูลัสได้แก่ฟังก์ชันพีชคณิตที่นำมาใช้ในวิชาแคลคูลัสได้แก่ 1.ฟังก์ชันพหุนาม (polynomial functions) โดยที่ เป็นจำนวนจริง และ ซึ่งเรียกว่า สัมประสิทธิ์ของพหุนาม และ n เป็นจำนวนเต็มบวกหรือศูนย์ เราจะเรียก f ว่าเป็นฟังก์ชันพหุนามดีกรี n

  17. 2.ฟังก์ชันตรรกยะ (rational functions) คือ ฟังก์ชันที่เขียนอยู่ในรูปผลหารของฟังก์ชันพหุนาม ถ้า f(x) เป็นฟังก์ชันตรรกยะ จะได้ว่า โดยที่ P(x) และ Q(x) เป็นฟังก์ชันพหุนาม และ Q(x) ≠ 0

  18. ฟังก์ชันอดิศัย (transcendental functions) คือฟังก์ชันที่ไม่ใช่ฟังก์ชันพีชคณิต เช่น 1. ฟังก์ชันเอ็กซ์โปเนนเชียล 2. ฟังก์ชันลอการิทึม 3. ฟังก์ชันตรีโกณมิติ ฟังก์ชัน sin, cos, tan, sec, cosec หรือ cot

  19. ตอนที่ 1.2 ลิมิตและความต่อเนื่องของฟังก์ชัน

  20. ทฤษฎีบท ฟังก์ชัน f(x)มีลิมิตที่ x=a เท่ากับ L ก็ต่อเมื่อลิมิตซ้ายและลิมิตขวาของ f ที่ a หาค่าและมีค่าเท่ากับ Lนั่นคือ ก็ต่อเมื่อ

  21. ตัวอย่าง จงพิจารณาลิมิตที่ x= 0, 1, 2, 3, 4

  22. ความต่อเนื่องของฟังก์ชันความต่อเนื่องของฟังก์ชัน บทนิยาม ฟังก์ชัน f ต่อเนื่องที่ x = a ก็ต่อเมื่อ เงื่อนไขต่อไปนี้เป็นจริงทุกข้อ 1.f(a)หาค่าได้เป็นจำนวนจริง 2. 3. หาค่าได้เป็นจำนวนจริง

  23. ตัวอย่าง จงทดสอบความต่อเนื่องที่ x= 1, 2, 3 f ไม่ต่อเนื่องที่ x = 1 เพราะว่า f(1) = 1 หาค่าได้ แต่ f ไม่ต่อเนื่องที่ x = 2 เพราะว่า f(2) = 2 หาค่าได้ แต่ f ต่อเนื่องที่ x = 3 เพราะว่า f(3) = 2 หาค่าได้ และ

  24. ตอนที่ 1.3 จำนวนเชิงซ้อนเบื้องต้น

  25. ในระบบจำนวนจริง ถ้า แล้ว เสมอ ดังนั้นสมการ เช่นหรือ จึงไม่สามารถหาคำตอบได้ในระบบจำนวนจริงจึงต้องสร้างจำนวนที่ไม่ใช่จำนวนจริงขึ้นมา ซึ่งเราเรียกว่า จำนวนจินตภาพ (imaginary number) โดยกำหนดให้และ และเรียกจำนวนที่อยู่ในรูป a+bi เมื่อ ว่า จำนวนเชิงซ้อน

  26. จำนวนเชิงซ้อน (complex number) เขียนแทนด้วย z และในบางครั้งสามารถเขียนแทนด้วยคู่ลำดับ (a,b) โดยจะได้ว่า z = a + bi เรียก a ว่า เป็นส่วนจริงของจำนวนเชิงซ้อน z b ว่า เป็นส่วนจินตภาพของจำนวนเชิงซ้อน z

  27. การดำเนินการของจำนวนเชิงซ้อนการดำเนินการของจำนวนเชิงซ้อน 1. การเท่ากันของจำนวนเชิงซ้อน ให้ z1 = a + bi และ z2 = c + di z1 = z2ก็ต่อเมื่อ a = c และ b = d 2. การบวกจำนวนเชิงซ้อน ให้ z1 = a + bi และ z2 = c + di z1 + z2 = (a+c) + (b+d)i 3. การคูณจำนวนเชิงซ้อนด้วยจำนวนจริง ให้ z = a + bi และ k เป็นจำนวนจริงใดๆ kz = ka + kbi

  28. 4. การคูณจำนวนเชิงซ้อนด้วยจำนวนเชิงซ้อน ให้ z1 = a + bi และ z2 = c + di z1 z2 = (a + bi)( c + di) = (ac-bd)+(ad+bc)i 5. การหารจำนวนเชิงซ้อนด้วยจำนวนเชิงซ้อน ให้ z1 = a + bi และ z2 = c + di และ

  29. 6. ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อน a + bi ให้ z = a + bi ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเชิงซ้อนของ z คือ 7. คอนจูเกต (conjugate) ของจำนวนเชิงซ้อน z คือ ถ้า จะได้

  30. กำหนดให้ ตัวอย่าง จงหา

More Related