1 / 41

กิจกรรมการนำเสนองานกลุ่ม

กิจกรรมการนำเสนองานกลุ่ม. เรื่อง....บุคลิกต้องตา วาจาต้องใจ ภายในยอดเยี่ยม. โดย. บริหารการศึกษากลุ่มที่ 2. สาขา วิทย บริการจังหวัดนครราชสีมา. สมาชิก จำนวน 21 คน. ผู้บริหารกับการพัฒนาบุคลิกภาพ. บุคลิกต้อง ตา วาจาต้องใจ ภายในยอดเยี่ยม. 1. บุคลิกต้อง ตา. บุคลิกผู้บริหาร.

Download Presentation

กิจกรรมการนำเสนองานกลุ่ม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. กิจกรรมการนำเสนองานกลุ่มกิจกรรมการนำเสนองานกลุ่ม เรื่อง....บุคลิกต้องตา วาจาต้องใจ ภายในยอดเยี่ยม โดย บริหารการศึกษากลุ่มที่ 2 สาขาวิทยบริการจังหวัดนครราชสีมา

  2. สมาชิก จำนวน 21 คน

  3. ผู้บริหารกับการพัฒนาบุคลิกภาพผู้บริหารกับการพัฒนาบุคลิกภาพ บุคลิกต้องตา วาจาต้องใจ ภายในยอดเยี่ยม

  4. 1.บุคลิกต้องตา

  5. บุคลิกผู้บริหาร ผู้บริหารในที่นี้ หมายถึง ผู้นำองค์กร หรือผู้บังคับบัญชาคนในองค์การ บุคคลเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นบุคคลพิเศษที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งจากผู้ใต้บังคับบัญชาและจากบุคคล ภายนอกองค์การ ดังนั้นผู้บริหารจึงต้องเป็นผู้มี “มาด”

  6. คำว่า “ บุคลิก ” หมายถึง พฤติกรรม การแสดงออก บุคลิกท่าทางในอิริยาบถต่าง ๆที่ดีงาม และควรรวมเอาความคิดจิตใจผนวกเข้าไปด้วย ดังนั้นผู้บริหารที่มีมาด จึงเป็นผู้ที่คิดกว้าง มองไกล ใฝ่ดี ท่าทางต้องตา วาจาต้องใจ ภายในงดงาม บริหารอย่างมีหลักการ ได้คน ได้งาน หลักการไม่เสีย ถูกต้องถูกธรรม ถูกทาง เที่ยงตรง กล้าหาญ จริงใจไร้อคติ

  7. ทฤษฎีบุคลิกภาพ (Theories of Personalities) • เออร์เนสอาร์.ฮิลการ์ด (Hilgard1962:447)กล่าวว่าบุคลิกภาพเป็นลักษณะส่วนรวมของบุคคลและการแสดงออกของพฤติกรรมซึ่งชี้ให้เห็นความเป็นปัจเจกบุคคลในการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงลักษณะที่ส่งผลสู่การติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น

  8. ทฤษฎีบุคลิกภาพ (ต่อ)  ฟิลลิป จี .ซิมบาร์โดและฟลอยด์ แอล.รูช (Zimbardoand Ruch 1980:292) กล่าวว่า บุคลิกภาพเป็นผลรวมของลักษณะเชิงจิตวิทยาของบุคคล แต่ละคน มีผลต่อการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมหลากหลายของบุคคลนั้นทั้งส่วนที่เป็นลักษณะภายนอก ที่สังเกตได้ง่ายและพฤติกรรมภายในที่สังเกตได้ยาก

  9. ทฤษฎีบุคลิกภาพ (ต่อ) • ริชาร์ด ซี.บุทซินและคณะ(Bootzin and others 1991:502) เป็นลักษณะนิสัยและรูปแบบของความคิดความรู้สึกและการประพฤติปฏิบัติของบุคคลแต่ละคน • อัญชลี แจ่มเจริญ(253:163)บุคลิกภาพหมายถึงลักษณะส่วนรวมของบุคคลทั้งหมด ที่แสดงออกมาปรากฏให้คนอื่นได้รู้ได้เห็น ซึ่งแตกต่างกันเพราะภาวะสิ่งแวดล้อมที่สร้างตัวบุคคลนั้นแตกต่างกันประการหนึ่งและพันธุกรรมที่แต่ละบุคคลได้มาก็แตกต่างกัน

  10. ตัวอย่างทฤษฎีบุคลิกภาพในกลุ่มต่างๆที่ควรรู้ • ทฤษฎีบุคลิกภาพแบบจิตวิเคราะห์ (Psychoanalytic Theories) โดย ซิกมัน ฟรอยด์ (Sigmund Freud) • ทฤษฎีของกลุ่มฟรอยด์ใหม่ (The Neo-Freudian) • ทฤษฎีบุคลิกภาพของ จุง (Jung Personality Theory)คาร์ล จี จุง เป็นนักจิตวิทยาชาวสวิส • ทฤษฎีบุคลิคภาพแบบมนุษยนิยม (Humanist Personality Theory) นักจิตวิทยาได้แก่ อับราฮัม มาสโลว์, คาร์ล โรเจอร์ส

  11. บุคลิกภาพ หมายถึง ส่วนที่เป็นโครงสร้าง ซึ่งเป็นบุคลิกภาพของบุคคลคนใดคนหนึ่งส่วนนี้ เป็นส่วนที่วัดได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ความเฉลียวฉลาด ความถนัด นิสัยส่วนลึก

  12. ประเภทของบุคลิกภาพ 2 ประเภท 1. บุคลิกภาพภายนอก ได้แก่ รูปร่าง หน้าตา การแต่งกาย การวางตัว การพูด เป็นสิ่งที่ปรากฏเห็นชัดสร้างความประทับใจแก่ผู้พบเห็น 2. บุคลิกภาพภายในได้แก่ ความรู้สึกภายในตัวบุคคลสังเกตได้ยาก แต่ศึกษาได้โดยการสัมพันธ์กัน เช่น ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความยุติธรรม ความเป็นมิตร จริงใจ

  13. ความสำคัญของการพัฒนาบุคลิกภาพความสำคัญของการพัฒนาบุคลิกภาพ รับรู้สภาพความเป็นจริง แสดงออกอย่างเหมาะสม ทำประโยชน์ส่วนรวม รักและผูกพัน พัฒนาตนเอง

  14. สดชื่นร่าเริงอยู่เสมอสดชื่นร่าเริงอยู่เสมอ ชอบยกมือไหว้คนด้วยความนอบน้อม อ่อนน้อมถ่อมตนกับทุกคน เมื่อได้พบกับคนอื่นที่รู้จักกันแล้วหรือครั้งแรกก็ตามควรจะแสดงความกระตือรือร้นยินดีที่ได้พบ ที่ได้รู้จัก ไม่รู้สึกเสียเกียรติที่จะกล่าวคำขอโทษ บุคลิกต้องตา

  15. บุคลิกต้องตา • วางตัวเหมาะสม • แต่งกายถูกกาลเทศะ • ถ้าหากงานนั้นเป็นงานใหญ่ของเจ้าภาพที่มีเกียรติและตำแหน่งการงานสูงถ้าเราไม่สามารถแต่งกายให้สมเกียรติ ได้ก็อย่าไปเสียดีกว่า • หากได้รับเชิญให้ปรากฏกายต่อสาธารณชน ควรกลัดกระดุมให้เรียบร้อยทุกๆ เม็ดรวมทั้งสูทด้วย

  16. บุคลิกต้องตา (ต่อ) • เมื่อไปงานพิธีใหญ่ๆ แต่งกายให้รัดกุม ถูกต้องตามกาลเทศะ • ไม่ควรพกของตุงกระเป๋า เช่นโทรศัพท์มือถือ หรือสะพายกล้องดูรุงรัง • มาดต้องตา เป็นเรื่องของบุคลิกภาพ เช่นการไหว้ การแต่งกาย ที่จะต้องนำมาใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง กาลเทศะ วัย สถานที่ อาชีพ และเพศ • ใครเห็นต้องนิยมชมไม่ขาด ว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์ • ถึงรูปร่างทรามสงวนนวลอนงค์ ไม่รู้จักแต่งทรงก็เสียงาม • (จากสุภาษิตสอนหญิง กวีสุนทรภู่)

  17. ฝากไว้ให้….คิด บุคลิกภาพของมนุษย์สุดประเสริฐ เป็นบ่อเกิดศรัทธามหาศาล ใครพบพานอยากอยู่ชิดสนิทนาน อีกบันดาลให้พบสุขและสำเร็จเอย

  18. 2. วาจาต้องใจ

  19. วาจาต้องใจ หมายถึง ลักษณะการพูดจาด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวาน ผู้ใดฟังแล้วเกิดความประทับใจ เป็นคำพูดที่พูดชวนให้ติดตาม ผลการพูดที่ฟังแล้วเสนาะหู สามารถนำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติได้ นำไปเป็นมาตรฐานการพูดในสังคมได้ หรือ การพูดจามีหางเสียง เช่น ค่ะ ครับ ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ

  20. การพูด คือ กระบวนการสื่อสารความคิดจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่ง โดย ภาษา น้ำเสียง อากัปกิริยา

  21. วาจาต้องใจ  มี 10 ประการ ดังนี้ 1. คนมีเสน่ห์ เมื่อพูดกับใคร หรือมีใครพูดด้วยต้องให้ความสนใจ 100% ด้วยอาการใจจดใจจ่อ และฟังตั้งแต่ต้นจนจบ แม้เรื่องนั้นเราจะเคยฟังมาหลายครั้งแล้วก็ตาม 2. เราต้องพูดในสิ่งที่เขาอยากฟัง จะไม่พูดในสิ่งที่เราอยากพูด โดยพยายามถามตนเองทุกครั้ง ก่อนจะพูดว่าเราควรจะพูดออกไปไหม

  22. 3. ให้พยายามพูดในภาษาของคนฟัง ไม่ใช่พยายามพูดในภาษาของคนพูด เพราะเมื่อพูดแล้วคนฟังน่าจะเข้าใจได้ง่ายๆ 4. คนมีเสน่ห์ ควรแบ่งบทพระเอกให้คนอื่นเป็นบ้าง อย่าถือว่าเก่งคนเดียว เป็นเจ้านายคนเดียว เป็นหัวหน้าคนเดียว แบ่งให้คนอื่นบ้าง

  23. 5. ต้องไม่ยกตนข่มท่าน หลีกเลี่ยงในการวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นว่าไม่ดี เราดีอยู่คนเดียว รังแต่จะสร้างศัตรู เร่งแก้ไขความบกพร่องของตัวเองจะดีกว่า 6. คนมีเสน่ห์ไม่พูดถึงความยากของตนเอง หรือบ่นแต่ความทุกข์ของตนเอง ให้คนอื่นฟัง โดยเฉพาะปัญหาหนักอกหนักใจ นอกจากเขาช่วยเราไม่ได้แล้ว เขาอาจจะนึกดูถูกเราด้วยซ้ำไปในความโง่ของเรา

  24. 7. อย่าพูดถึงความร่ำรวย มีเงินทองของตนเองเพราะว่าถึงเราจะรวยแต่เราก็คงไม่ยอม ไปแจกเงินเขาหรือให้ใครยืม เขาจะหมั่นไส้เอาเปล่าๆ 8. คนมีเสน่ห์ ย่อมจะไม่พูดถึงความเลวร้าย ความไม่ดีของคนในครอบครัว ลูกเมียของเรา ยกเว้นจะถูกคะยั้นคะยอเท่านั้น

  25. 9. คนมีเสน่ห์จะเป็นคนมีอารมณ์ขัน มีศิลปะในการเล่าเรื่องตลกบ้างเป็นครั้งคราว มีอารมณ์ขันสร้างบรรยากาศ ให้ครื้นเครงตามแต่กาลเทศะ แต่ไม่พร่ำเพรื่อจนกลายเป็น ตัวตลกไป 10. ต้องไม่แสดงความรังเกียจ จนออกนอกหน้าเมื่อได้ยินเรื่องที่ไม่ถูก ไม่ว่าจะเรื่อง DIRTY JOXES ก็ตาม

  26. ฝากไว้ให้..คิด ฝากไว้ให้..คิด โบราณว่าการพูดดีเป็นศรีศักดิ์ ใครได้ฟังก็นึกรักไม่หักหาญ คนจะดีต้องคิดดีมีหลักการ คือพื้นฐานของมนุษย์ปุถุชน

  27. 3. ภายในต้องเยี่ยม

  28. ภายในยอดเยี่ยม หมายถึง เป็นคนมีจิตใจสมบูรณ์ เป็นคนมีคุณธรรม เป็นคนมีน้ำใจ ต่างกับเงินยิ่งใช้ยิ่งหมดไป แต่ในทางกับกันน้ำใจยิ่งใช้ยิ่งได้มา ยิ่ง ถ้าให้ก่อนเขาขอ ไม่ต้องรอให้เขาให้ คนเราถึงคราวจะให้ก็ควรจะให้ก่อนที่เขาจะขอ ถ้ามัวรอให้เขาขอละก็หมดราคา

  29. ภายในต้องเยี่ยม (ต่อ) หรือ จงเป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย จงเป็นคนมีน้ำใจสู้น้ำเงิน จงอย่ามองเมินข้ามตัวเรา จงอย่ามัวเมาลืมคุณคนคนที่เนรคุณคนจะไม่มีวันเจริญเติบโต นับแต่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ครูอาจารย์ผู้อบรมสั่งสอนและทุกคนที่มีส่วนช่วยสนับสนุนช่วยเหลือเกื้อกูลมาแต่หนหลัง

  30. ภายในยอดเยี่ยม ต้องเริ่มต้นจาก คิดดี พูดดี ทำดี

  31. หลักการคิดดี พูดดี ทำดี • การรักเคารพนับถือตนเอง • ก่อนอื่นเราต้องเชื่อมั่นและเข้าใจว่าตนเองเป็นคนที่สำคัญ • ที่สุดในโลก ไม่มีใครที่เหมือนเรา • 2. การมีทัศนคติที่เป็นบวก • คนเราจะประสบความสำเร็จได้จากการมองโลกตามที่เป็น • จริง ไม่ใช่ตามที่เราอยากให้เป็น

  32. 3. การเลือกคบคนและการมีกัลยาณมิตรดี การคบคนต้องเลือกคบคนที่ชี้แนะและชักนำเราไปในทาง ที่ดี 4. การมีระเบียบวินัยในตนเอง การที่คนเราจะมีการคิดดี พูดดี ทำดี ได้นั้น คนนั้นจะต้อง เป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตนเองเป็นคนตรงต่อเวลา เพราะ พื้นฐานของการพัฒนาคน พัฒนาตน

  33. 5. การมีจิตใจจดจ่อและกระทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คนเราส่วนมากมักจะทำอะไรเหมือน “ไฟไหม้ฟาง” คือ ทำชั่วประเดี๋ยวประด๋าว การมีสมาธิคือการมีจิตใจจดจ่อ ในสิ่งที่กำลังเรียนรู้ การมีสมาธิจะช่วยให้เราทำกิจกรรม ใดกิจกรรมหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เทคนิคการสร้างสมาธิ มีจิตใจจดจ่อในงานที่ทำเป็นสิ่ง สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคน

  34. 6. การพากเพียรพยายามอย่างไม่ย่อท้อ หากเราได้เรียนรู้และสามารถตัดสินใจได้แล้วว่า “เส้นทางนี้ หรือ วิธีการนี้สามารถนำพาเราไปสู่ผลสำเร็จ” ตามที่เราได้ ตั้งเจตนาไว้ได้ ก็ขอให้เราพากเพียรพยายามอย่างไม่ลดละ หรือเลิกราง่าย ๆ

  35. 7. การหมั่นวิเคราะห์และประเมินผล ในหลักแห่งการคิดดี ทำดีพูดดีนั้น เราจำเป็นต้องมี การหมั่นวิเคราะห์และประเมินผล ว่าทำอย่างไรจึงจะ ไปสู่ผลสำเร็จนั้น หากมีเวลาตัวกำหนดเป้าหมายแล้ว ยังไม่สามารถไปถึงเป้าหมายนั้นได้ เราต้องหันมาวิเคราะห์ และสร้างเหตุปัจจัยในการนำไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ ให้จงได้

  36. ทั้ง 7 ประการนี้ เป็นเพียงหลักการเบื้องต้นที่จะนำเราไปสู่การคิดดี พูดดีและทำดี ในการพูดหรือเขียนนั้นสามารถทำได้ง่ายมากๆ แต่ในการปฏิบัตินั้นเราต้องทำเอง ต้องนำตนเองไปลงสนามจริงถึงจะเกิดผล และในที่สุดผลที่เกิดก็จะกลายเป็นปัจจัยหนุนนำเราไปสู่สถานที่ดี ๆ ผู้คนที่ดี ๆ ย้อนมาให้เราได้คิดดี พูดดี ทำดี ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย

  37. ฝากไว้ให้..คิด คิดดี-พูดดี-ทำดี......สามอย่างนี้แสนวิเศษมีเหตุผ​ลเพราะเหตุดีผลก็ดีที่ได้ยลถ้าทุกคน"ทำแต่ดี"ด้วยมีธรร​ม

  38. บทสรุป บุคลิกต้องตา บุคลิกต้องตา บุคลิกภาพภายนอกต้องดูดีตั้งแต่หัวจดเท้า การแต่งกายต้องสมาร์ท การเดิน การนั่งต้องงามสง่า ที่สำคัญการพูดต้องมีรอยยิ้ม การยิ้มเป็นการสร้างมิตรภาพที่ไม่ต้องลงทุน

  39. วาจาต้องใจ • วาจาต้องใจ หลายคนพูดได้ แต่น้อยคนที่พูดเป็น การพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์พูดเพื่อสร้างสรรค์ ไม่ทำร้ายคนอื่น เขาบอกว่าคำพูดก็เหมือนธนูที่พุ่งออกจากแหล่ง การเป็นผู้บริหารจึงต้องฝึกฟังให้มาก จะสังเกตได้ว่าธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีเพียงหนึ่งปากขณะที่มีหูสองข้าง มีมือสองมือย่อมแสดงว่าเขาต้องการให้เราฟังคนอื่นให้มากขึ้น

  40. ภายในยอดเยี่ยม • ภายในยอดเยี่ยม สิ่งที่อยู่ภายในคือความดี ความมีน้ำใจ การปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนที่เราต้องการให้ผู้อื่นต่อผู้ปฏิบัติเรา คือกฎมนุษย์ทองคำ ถ้าอยากได้อะไรจากใครเขาเราต้องให้เขาก่อน อย่าลืมเรื่องเล็กน้อย เช่น วันเกิดเรามอบดอกไม้เพียงหนึ่งดอกอวยพรให้เขาก็สร้างความประทับใจลึกๆ จงเพื่อนยามยากกับเพื่อนร่วมงาน

  41. สวัสดี

More Related