E N D
บทที่ 5 (ชนิดของต้นทุนการผลิต) • ต้นทุนคงที่ (Total Fixed Cost : TFC) ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เกิดจากการใช้ปัจจัยคงที่ (fixed inputs) ดังนั้นต้นทุนคงที่จะคงที่ตายตัวเสมอไม่ว่าผู้ผลิตจะทำการผลิตมากน้อยแค่ไหน ถึงแม้จะไม่ทำการผลิตก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายคงที่เกิดขึ้น เช่น ค่าเสื่อมราคา (depreciation) ค่าเสียโอกาสของเงินลงทุนระยะยาว (long-term opportunity cost on investment) ค่าภาษี (tax) ค่าประกัน (insurance) ค่าเช่าที่ดินหรือค่าเสียโอกาสการใช้ที่ดิน (opportunity cost of land used) ฯลฯเช่น นายกนก เช่าที่ดิน 10 ไร่ เสียค่าเช่าที่ดินไร่ละ 300 บาท มีค่าเสื่อมราคาเครื่องจักร 8,000 บาท TFC = 3,000 + 8,000 บาท = 11,000 บาท • เมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อหน่วยของผลผลิตเราเรียกว่า ต้นทุนคงที่เฉลี่ย (Average total Fixed Cost : AFC) มีค่าเท่ากับ AFC = TFC/Y
นายกนกผลิตข้าวได้ 5,000 กิโลกรัม • AFC = 11,000/5,000 = 2.2 บาท/กก. • ต้นทุนผันแปร (Total Variable Cost : TVC) ต้นทุนหรือค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เกิดการใช้ปัจจัยผันแปร (variable inputs) ค่าใช้จ่ายผันแปรนี้จะเป็นไปตามปริมาณการผลิต ถ้าหากผู้ผลิตทำการผลิตมากขึ้นก็จะต้องใช้ปัจจัยผันแปรมากขึ้น ค่าใช้จ่ายผันแปรเพิ่มขึ้น เช่น นายกนกปลูกข้าว 10 ไร่ ใช้เมล็ดพันธุ์ = 1,500 บาท ใช้ปุ๋ย = 3,200 บาท ใช้ยาฆ่าแมลง = 3,000 บาท จ้างแรงงาน 6 วันทำงาน และใช้แรงงานภายในฟาร์ม 120 วันทำงาน (ค่าจ้างแรงงานวันละ 100 บาท) • TVC = 1,500 + 3,200 + 3,000 + (6 + 120)*100 บาท = 20,300 บาท • เมื่อคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อหน่วยของผลผลิตเราเรียกว่า ต้นทุนผันแปรเฉลี่ย (Average total Variable Cost : AVC) มีค่าเท่ากับ AVC =TVC/Y
AVC = 20,300/5,000 = 4.06 บาท/กก. • ต้นทุนทั้งหมด (Total Cost : TC) = TFC + TVC • TC = 11,000 + 20,300 บาท = 31,300 บาท • ต้นทุนทั้งหมดเฉลี่ย (Average Total Cost : ATC) = (TFC + TVC)/Y • ATC = 31,300/5,000 = 6.26 บาท/กก. หรืออาจจะคำนวณได้จาก • ATC = AFC + AVC = 2.2 + 4.06 = 6.26 บาท/กก. • ต้นทุนเพิ่ม (Marginal Cost : MC) ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นเมื่อผู้ผลิตเพิ่มการผลิตขึ้นอีก 1 หน่วย = ∆TC/ ∆Y • ซึ่ง MC นี้ผู้ผลิตจะนำมาเปรียบเทียบกับรายได้เพิ่ม (Marginal Revenue : MR) ผู้ผลิตจะขยายการผลิตไปจนกระทั้ง MC = MR
ต้นทุน (บาท) TC TVC TFC 0 จำนวนผลผลิต (กิโลกรัม)
ต้นทุน (บาท) MC ATC AVC AFC 0 จำนวนผลผลิต (กิโลกรัม)
ถ้าให้ค่าเช่าที่ดินไร่ละ 500 บาท และปุ๋ยมีราคากิโลกรัมละ 8 บาท จงหา TFC TVC TC AFC AVC ATC MC • จงเขียนกราฟมาพอเข้าใจ • ถ้าให้นายกนกขายข้าวได้กิโลกรัมละ 9 บาท จงหา รายได้เบื้องต้น รายได้สุทธิ และกำไร • รายได้เบื้องต้น (TR) = Y.Py • รายได้สุทธิ = TR – TVC • กำไร = TR - TC
ความหมายของต้นทุนบางชนิดที่ใช้ในการจัดการฟาร์มความหมายของต้นทุนบางชนิดที่ใช้ในการจัดการฟาร์ม • ต้นทุนในการประกอบการ (Operating Cost) มีความหมายเช่นเดียวกันกับต้นทุนผันแปร (Variable Cost) • ต้นทุนการเป็นเจ้าของ (Ownership cost) โดยทั่วไปหมายถึงต้นทุนคงที่ • Out of Pocket Cost หมายถึงค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ผู้ผลิตจ่ายเป็นเงินสด เช่น ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ฯลฯ • Overhead Cost หมายถึงค่าใช่จ่ายคงที่ • Cash Cost หมายถึงค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ผู้ผลิตจ่ายออกไปเป็นเงินสด ซึ่งรวมทั้งค่าใช้จ่ายผันแปร และค่าใช้จ่ายคงที่ • Non-Cash Cost หมายถึงค่าใช้จ่ายในการผลิตที่ผู้ผลิตไม่ได้จ่ายออกไปจริง แต่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุน เช่น ค่าจ้างแรงงานในครัวเรือน
ค่าเสียโอกาสของเงินทุน ค่าเสื่อมราคาเครื่องมืออุปกรณ์ในฟาร์ม ฯลฯ • Relevant Cost เป็นค่าใช้จ่ายที่มีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับการทำฟาร์มของเจ้าของฟาร์ม ทำให้เจ้าของฟาร์มต้องใช้เวลาในการใคร่ครวญในการตัดสินใจ เช่น การซื้อที่ดิน การซื้อรถแทรกเตอร์ ฯลฯ • Irrelevant Cost เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่มีผลต่อการตัดสินใจมากนัก เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจไม่มีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัด เช่น การเลือกซื้อรถแทรกเตอร์ ยี้ห้อคูโบต้า หรือยี่ห้อยันม่าร์ ซึ่งมีราคาใกล้เคียงกัน และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน
หลักการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนหลักการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน • การตัดสินใจลงทุนกับทรัพย์สินที่มีอายุการใช้งานได้หลายปี เช่น รถแทรกเตอร์ เครื่องสูบน้ำ การปลูกไม้ยืนต้น ฯลฯ การคิดผลตอบแทนไม่อาจคิดอย่างง่ายๆ เพราะกระแสรายได้และรายจ่ายที่เกิดขึ้นในอนาคตจากการลงทุนประเภทนี้มีมูลค่าที่คิดเป็นตัวเงินไม่เท่ากันในแต่ละปี เพราะมูลค่าของเงินจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาที่เปลี่ยนแปลง (Time Value of money) เนื่องจากการใช้เงินลงทุนจะมีค่าเสียโอกาสของเงินลงทุน และภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) • เราจะใช้หลักการคำนวณหามูลค่าปัจจุบัน (Present Value Technique)
NPV = • NPV = มูลค่าปัจจุบันสุทธิ • Bt = มูลค่ารายได้ของโครงการในปีที่ t • Ct = มูลค่าค่าใช้จ่ายของโครงการในปีที่ t • i = อัตราคิดลด • t = ระยะเวลาของโครงการ คือ ปีที่ 1, 2, …, n • n = อายุโครงการ
นายเอื้อเสียเงินค่าจ้างไถนาปีละ 15,000 บาททุกปี นายเอื้อจึงคิดจะซื้อรถไถนาเป็นของตนเอง ราคาของรถไถนาเดินตามพร้อมอุปกรณ์เท่ากับ 45,000 บาท มีอายุการใช้งานได้ 5 ปี เสียค่าน้ำมันปีละ 800 บาท นายเอื้อควรซื้อรถไถนาเดินตามหรือไม่
หลักการคิดดอกเบี้ย • การชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยพร้อมกันเมื่อครบกำหนด • เงินกู้ 600 บาท ระยะเวลา 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 12% ต่อปี • ค่าดอกเบี้ยต่อปี = 600*(12/100) = 72 บาท • การชำระดอกเบี้ยล่วงหน้า • ค่าดอกเบี้ยต่อปี = 600*(12/100) = 72 บาท • จำนวนเงินกู้ที่ผู้ขอกู้ได้รับ = 600 – 72 = 528 บาท • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง = 72/528 * 100 = 13.65 % ต่อปี
การผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ส่งเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย 12 งวด งวดละเท่าๆกัน • ผ่อนส่งเดือนละ = 600/12 + 72/12 = 50 + 6 = 56 บาท • จะเห็นว่าเงินต้นเดือนแรกที่ใช้คิดดอกเบี้ย = 600 บาท • เงินต้นเดือนสุดท้ายที่ใช้คิดดอกเบี้ย = 50 บาท • ค่าเฉลี่ยของเงินกู้ = (600 + 50)/12 = 325 บาท • อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง = (72/325) * 100 = 22.15 % ต่อปี
การซื้อโดยการผ่อนชำระการซื้อโดยการผ่อนชำระ • i = 2MD/P(n+1) • i = อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง • M = จำนวนครั้งที่ต้องผ่อนชำระใน 1 ปี • D = ค่าใช้จ่ายในการกู้ยืม หรือดอกเบี้ย • P = จำนวนเงินกู้ • n = จำนวนครั้งทั้งหมดที่ต้องผ่อนชำระหนี้ เกษตรกรซื้อปุ๋ยเป็นเงินเชื่อ คิดเป็นเงิน 6,000 บาท สัญญาจะผ่อนชำระ 12 เดือน เดือนละ 600 บาท อัตราดอกเบี้ยที่เกษตรกรต้องจ่ายเป็นเท่าไหร่
การซื้อโดยการผ่อนชำระการซื้อโดยการผ่อนชำระ • i = 2MD/P(n+1) • M = 12 • D = (12 * 600) – 6,000 = 1,200 • P = 6,000 • n = 12 • i = (2 * 12 * 1,200)/6,000(12 + 1) • i = 36.9 %
นายเอื้อปลูกผักในฤดูแล้ง 5 ไร่ ได้รายได้จากการปลูกผักไร่ละ 8,000 บาท นายเอื้อเห็นว่าถ้าลงทุนเจาะบ่อบาดาลและซื้อเครื่องสูบน้ำจะทำให้การปลูกผักได้ผลผลิตมากขึ้น ถ้าค่าเจาะบ่อน้ำบาดาล = 15,000 บาท และเครื่องสูบน้ำมีราคาเครื่องละ 12,000 บาท อายุของบ่อน้ำบาดาลและเครื่องสูบน้ำ = 10 ปี และในการสูบน้ำจะเสียค่าน้ำมันปีละ 600 บาท ถ้านายเอื้อมีรายได้จากการปลูกผักหลังจากการลงทุนเท่ากับ 13,000 บาทต่อไร่ นายเอื้อควรลงทุนหรือไม่