1 / 24

โดย นางบุญเลิศ แก้วอุ่นเรือน สาขา วิจัยการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร. โดย นางบุญเลิศ แก้วอุ่นเรือน สาขา วิจัยการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วิทยาเขตสกลนคร. บทนำ. คุณภาพของคน. มีคุณธรรม.

Download Presentation

โดย นางบุญเลิศ แก้วอุ่นเรือน สาขา วิจัยการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

An Image/Link below is provided (as is) to download presentation Download Policy: Content on the Website is provided to you AS IS for your information and personal use and may not be sold / licensed / shared on other websites without getting consent from its author. Content is provided to you AS IS for your information and personal use only. Download presentation by click this link. While downloading, if for some reason you are not able to download a presentation, the publisher may have deleted the file from their server. During download, if you can't get a presentation, the file might be deleted by the publisher.

E N D

Presentation Transcript


  1. ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร โดย นางบุญเลิศ แก้วอุ่นเรือน สาขา วิจัยการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วิทยาเขตสกลนคร

  2. บทนำ คุณภาพของคน มีคุณธรรม นวัตกรรมใหม่ๆ การศึกษายุค ศตวรรษที่ 21 รักความเป็นไทย คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ ทักษะการคิด วิเคราะห์ ด้านเทคโนโลยี คิดสร้างสรรค์

  3. วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาและตรวจสอบความตรงของโมเดลปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสกลนคร

  4. สมมติฐานการวิจัย • โมเดลปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3ตามสมมติฐานการวิจัยมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์

  5. ขอบเขตการวิจัย • ประชากร ประชากรที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ได้แก่นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ในจังหวัดสกลนคร จำนวน 14,041 คน • กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 ในจังหวัดสกลนคร จำนวน 48 โรงเรียน จำนวนห้องเรียน 56 ห้องเรียน และจำนวนนักเรียน 1,530 คน นักเรียนชายจำนวน 705 คน นักเรียนหญิงจำนวน 825 คน ที่ได้จากการสุ่มแบบแบ่งชั้น(Stratified Random Sampling)

  6. ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย การวิจัยครั้งนี้ ดำเนินการโดยใช้กรอบแนวคิดตามรูปแบบโมเดลความสัมพันธ์เชิงสาเหตุเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ใช้ในการวิเคราะห์ จึงต้องเก็บข้อมูลโดยการวัดจากตัวแปรแฝง 7ตัว ได้แก่ • 1. พฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง • 2. การเห็นคุณค่าในตนเอง ตัวแปรแฝงภายใน • 3. แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ (Endogenous • 4. วินัยในตนเอง Latent variables) • 5. สัมพันธภาพกับเพื่อน ตัวแปรแฝงภายนอก • 6. การอบรมลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย (Exogenous • 7. ความพร้อมของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ Latent variables)

  7. กรอบแนวคิดการวิจัย ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี เอกสาร งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง แนวคิด ทฤษฎีการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง ของโนลส์ (Knowl) • การวิเคราะห์ความต้องการของตนเอง • การกำหนดจุดมุ่งหมายของการเรียนรู้ • การวางแผนการเรียนรู้ • การแสวงหาแหล่งวิทยาการในการเรียนรู้ • การประเมินผลการเรียนรู้

  8. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย • แบบสอบถามจำนวน 1 ฉบับ • ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง • เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ Rating Scale ตามแบบของลิเคิร์ท(Likert) มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ เท่ากับ 0.96

  9. สถิติที่ใช้ในการวิจัยสถิติที่ใช้ในการวิจัย การหาคุณภาพเครื่องมือ สถิติใช้วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน ค่าIOC ค่าเฉลี่ย ค่าอำนาจจำแนก ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเชื่อมั่น ค่าความเบ้ ค่าความโด่ง สถิติที่ใช้ตรวจสอบความกลมกลืนของโมเดล ไค-สแควร์ ดัชนีวัดความกลมกลืน(GFI) ดัชนีวัดความกลมกลืน ที่ปรับแก้(AGFI) ดัชนีของกำลังสองเฉลี่ยของเศษ(RMR)

  10. ตารางวิเคราะห์ข้อคำถามการวิจัยตารางวิเคราะห์ข้อคำถามการวิจัย

  11. การเก็บรวบรวมข้อมูล • นำหนังสือขอความอนุเคราะห์จากมหาวิทยาลัยไปยังโรงเรียนกลุ่มตัวอย่าง • ประสานเพื่อยืนยันความพร้อมของโรงเรียนในการเก็บรวบรวมข้อมูล • ยื่นหนังสือของความอนุเคราะห์ต่อผู้บริหาร • เก็บข้อมูลด้วยตนเอง / โรงเรียนเก็บให้แล้วมารับข้อมูลภายหลัง • ตรวจสอบเพื่อ/คัดเลือกแบบสอบถามและบันทึกข้อมูลด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์

  12. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล AMB AT CO AN ATT CON 0.63 0.76 WH 0.81 0.59 0.85 0.71 0.82 0.60** AM 0.88** 0.72 RE OP -0.09* 0.60** SEE 0.55 AC AN -0.03 0.60** 0.74 GO 0.24* LO 0.95 0.62 0.32** -0.02 DR SDL 1.00 0.74 PL AD 0.09* 0.17** 0.84 1.00 SC BE 0.04* -0.04 0.05* 0.81 0.02 SD EV 0.01 MAT 0.67 RL 0.04 AL 0.83 0.67 0.76 0.65 REG RES ON MAN 0.78 /df = 0.990 ==201.99,df=204,p=0.527.RMSEA=0.000,CFI=1.00,GFI=0.990,AGFI= 0.980,

  13. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล - การตรวจสอบความสอดคล้องกลมกลืนของรูปแบบความสัมพันธ์ ตามสมมติฐานการวิจัย พบว่า โมเดลมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์ โดยพิจารณาค่า ไค-สแควร์=201.99,df=204,p=0.527. RMSEA=0.000,CFI=1.00,GFI=0.990,AGFI=0.980, RMR=0.016 ไค-สแควร์/df=0.990 - ค่า p มีค่ามากพอที่จะไม่ปฏิเสธสมมติฐาน - ค่า GFI และ AGFI มีค่าเข้าใกล้ 1 จึงยอมรับสมมติฐาน - โมเดลที่พัฒนาขึ้นสามารถอธิบายความแปรปรวนของพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองได้ร้อยละ87

  14. ผลการวิเคราะห์อิทธิพลรวมผลการวิเคราะห์อิทธิพลรวม อิทธิพลทางตรง อิทธิพลทางอ้อม อิทธิพลทางตรง &อ้อม สัมพันธภาพกับเพื่อน (AM,SEE) แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ การเห็นคุณค่าในตนเอง (SEE,SD) ส่วนด้านความพร้อมของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้มีอิทธิพลทางลบต่อปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง (AM,SD) วินัยในตนเอง (SEE) การอบรมเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย (AM,SD)

  15. อภิปรายผล เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลทางตรงต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยกานำตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่านักเรียน SEE สูง จะทำให้มี SDL สูง การเห็นคุณค่า ในตนเอง ประเมินจากความรู้ ความสามารถและผลงาน เชื่อมั่นในตนเอง ปรับตัวได้ดี มีความกระตือรือร้น สามารถใช้ศักยภาพของตนเองได้เต็มที่ในการดำเนินชีวิต นักการศึกษา/งานวิจัย - Coopersmith - หทัยกาญจน์ บัวหนอง - ศรันย์ ฟูงาม

  16. อภิปรายผล(ต่อ) เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลทั้งทางตรง&ทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนตนเอง ส่งผลทางอ้อมผ่านการเห็นคุณค่าในตนเองและความมีวินัยในตนเอง เป็นการส่งผลทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์สูง นอกจากจะเป็นผู้ที่มีพฤติกรรม การเรียนรู้ด้วยตนเองสูงแล้ว ยังเป็นผู้ที่มีวินัยในตนเองสูง และยังส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเองด้วย แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ ผู้ที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์เป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ มีวิริยะ อุตสาหะ มีความเพียรพยายามในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆอย่างไม่ย่อท้อ นักการศึกษา/งานวิจัย McClelland/กนกวรรณ ศรีลาเลิศ ,สุรีรัตน์ ศรีบุญเรือง

  17. อภิปรายผล(ต่อ) มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง ส่งผลทางอ้อมผ่านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และการเห็นคุณค่าในตนเอง ส่งผลทางบวกต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 แสดงว่านักเรียนที่มีสัมพันธภาพกับเพื่อนที่ดี จะมีพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองสูง สัมพันธภาพกับเพื่อน กลุ่มเพื่อนช่วยเชื่อมโยงชีวิตภายในครอบครัว ชีวิตการเรียน และกำหนดเป้าหมายในการเรียน ช่วยเป็นกำลังใจ ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้การยอมรับ ยกย่องในกลุ่มเพื่อน นักการศึกษา/งานวิจัย McClelland/สุทธินี ทองหล่อ,มรุต ก้องวิริยะไพศาล,ปรินดา ตาสี

  18. อภิปรายผล (ต่อ) มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง โดยส่งผ่านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และวินัยในตนเอง ส่งผลในทางบวกผ่านตัวแปรทั้งสองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 การอบรมเลี้ยงดู แบบประชาธิปไตย นักเรียนที่มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และมีวินัยในตนเองนั้นมาจาก การได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัวในลักษณะแบบประชาธิปไตย ได้รับความอิสระในการกระทำ ความคิด ความอ่าน การตัดสินใจ ด้วยตนเองการปฏิบัติตนของพ่อ แม่ ด้วยความยุติธรรม ไม่เข้มงวดจนเกินไป ลูกมีความมั่นใจในตนเอง มีกำลังใจ อบอุ่นใจในการคิด มีระเบียบปฏิบัติ นักการศึกษา/งานวิจัย/พัชรี แสงมะสม

  19. อภิปรายผล(ต่อ) มีอิทธิพลทางตรงและทางอ้อมต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง โดยส่งผลทางอ้อมผ่านการเห็นคุณค่าในตนเอง และวินัยในตนเอง ส่งผลทางบวกต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ความมีวินัยในตนเองเป็นลักษณะการนำตนเอง การควบคุมหรือการบังคับตนเอง วินัยในตนเอง เป็นบุคคลที่ตรงต่อเวลา ปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของสังคม มีความรับผิดชอบ มีความมั่นใจ มีความจริงใจ มีความซื่อสัตย์ นักการศึกษา/งานวิจัย ดวงเดือน พันธุมนาวิน/ มรุต ก้องวิริยะไพศาล

  20. อภิปรายผล(ต่อ) ส่งผลทางอ้อมผ่านแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และความมีวินัยในตนเอง อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 ส่งผลทางลบต่อพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง แสดงว่านักเรียนที่ขาดความพร้อมของแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ ส่งผลให้นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ด้วยการนำตนเองต่ำ ความพร้องของแหล่ง ทรัพยากรการเรียนรู้ เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาระดับตำบลและหมู่บ้าน ร้อยละ 61.7 โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง ร้อยละ79.8 ซึ่งผู้ปกครองมีอาชีพทำไร่ ทำนา ร้อยละ 68.3 เป็นกลุ่มที่ขาดความพร้อม/ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ/ขาดคุณภาพ/ ผู้ปกครองไม่สามารถสร้างความพร้อมในส่วนนี้ทดแทนให้ได้

  21. ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้ - พ่อแม่ ผู้ปกครองควรตระหนักถึงความสำคัญ ช่วยกันดูแลและส่งเสริมเด็กในทางที่ถูกต้อง และมีพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ดีต่อไป - ครู อาจารย์ ผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาให้เด็กเกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ถาวร ยั่งยืน เป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต ข้อเสนอแนะเพื่อการทำวิจัยครั้งต่อไป - ควรศึกษา ปัจจัยทางจิต ปัจจัยทางสังคม และปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ให้ครอบคลุม - ควรศึกษาลักษณะของกลุ่มตัวอย่างในระดับอื่นๆ

More Related