ทำไมต้องไล่นก - มูลนกก่อให้เกิดความสกปรกต่อสถานที่และทรัพย์สิน

1. เจลไล่นก GGM ANTI BIRD ใช้ขับไล่และป้องกันนกทุกชนิด รับปรึกษา แก้ไขปัญหา และจัดจำหน่าย บริการไล่นก จากสภาวะในปัจจุบัน นกต่าง ๆได้สร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างอาคารบ้านเรือน, โรงเรียน, โรงงานอุตสาหกรรม, วัด, สถานที่ราชการ, สินค้า, แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากมาย รวมทั้งมูลของนกที่ถ่ายไว้ ยังสร้างความสกปรกแก่บริเวณตัวอาคาร และเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโรคหลายชนิดมาสู่มนุษย์ การระบาดของไข้หวัดนกและเชื้อไวรัสต่าง ๆ ที่นกพิราบเป็นผู้นำมาเป็นต้นมนุษย์จึงหาวิธีต่างๆ เพื่อขับไล่และป้องกันก่อนที่นกจะมาสร้างปัญหา ซึ่งแต่ละวิธีการที่ใช้กันอยู่นั้นอาจยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์และมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน เช่น 1. การใช้แสงไฟส่องหรือการใช้กระจกสะท้อนแสง จะทำให้นกแค่ตกใจในระยะแรกและต่อมานกก็จะเกิด ความเคยชิน 2. การปั้นรูปนก หรือรูปสัตว์อื่นๆ เพื่อให้นกกลัวจะได้ผลระยะหนึ่ง หลังจากนั้นก็จะเกิดความเคยชิน 3. การจุดประทัดและการใช้ปืนยิงได้ผลในชั่วขณะต้องเสียเวลาทำตลอดเมื่อหยุดนกก็จะกลับมาเช่นเดิม 4. การใช้ยาเบื่ออาจจะได้ผลแค่ครั้งแรก เมื่อใช้ซ้ำนกก็จะรู้ทันจึงใช้ไม่ได้ผลและนกที่ตายจะส่งกลิ่นเหม็น ไปทั่ว 5. การติดตั้งตาข่ายคลุมจะได้ผลระยะหนึ่งโดยนกสามารถจะอาศัยอยู่บนตะแกรงและตาข่ายหรือทำลาย เข้าไปอาศัยได้ ทำให้ทัศนียภาพของสถานที่นั้นเสียไป ทำไมต้องไล่นก - มูลนกก่อให้เกิดความสกปรกต่อสถานที่และทรัพย์สิน - มูลนกมีเชื้อโรคอยู่กว่า 60 ชนิด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ - ตัวนกมีไวรัสอยู่มาก โดยเฉพาะนกพิราบ จะมีผลต่อระบบหายใจ - ทำให้พืชผลการเกษตรเสียหาย - สร้างความเสียหายให้โรงงาน, โรงไฟฟ้า จากการบินชนสายไฟ - หากปล่อยไว้ จะเพิ่มจำนวนประชากรอย่างรวดเร็ว - ก่อความรำคาญให้กับผู้อยู่อาศัย เตือนระมัดระวังอันตรายไม่ควรสัมผัสมูลนกพิราบ เพราะอาจทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบทั้งในเด็กและผู้ใหญ่สูงถึงร้อยละ 9.09

2. อันตรายจากนก ไข้หวัดนก คืออะไร ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ (เมธีวิจัยอาวุโส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย) จากศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสตับอักเสบ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อธิบายไว้ว่า ไข้หวัดนก เกิดจากการกลพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดใหญ่ สำหรับไข้หวัดนกนั้นพบว่าเกิดการระบาดของไวรัสH5N2ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1991 (พ.ศ. 2534) กับนกน้ำที่อ่าวเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา ต่อมาปี ค.ศ. 1994 (พ.ศ. 2537) พบมีการระบาดของโรคไวรัส (H5N2)แต่ไม่มีความรุนแรงของโรคหลังจากนั้น 1ปี มีการตายของไก่จากไวรัสที่เม็กซิโก ซึ่งจากการศึกษาพบว่าสายพันธุ์ไวรัสที่ทำให้เกิดโรครุนแรงและทำให้สัตว์ติดเชื้อและเสียชีวิตนั้น จะไม่แพร่ระบาดอยู่นาน ทางป้องกันไม่ให้โรครุนแรงคือต้องควบคุมไวรัสให้หมดไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ไวรัสจะปรับตัวเอง จนกลายเป็นโรคประจำถิ่น และสร้างปัญหาอย่างใหญ่หลวงในระยะยาว ซึ่งกรณีของเชื้อไข้หวัดนกเป็นตัวอย่างที่ดีเนื่องจากปกติ เชื้อไข้หวัดนกจะไม่สามารถติดต่อคนได้ แต่การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ จนทำให้เกิดอาการกับคนขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์จนติดต่อถึงคนนั้น มีรายงานครั้งแรกในปี ค.ศ. 1957 (พ.ศ.2500) เป็นไข้หวัดใหญ่ที่มีชื่อว่า Asian flu (H2N2)ส่วนกรณีพิสูจน์ได้ว่า มีคนติดเชื้อไข้หวัดนก (H5N1)เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1997 (พ.ศ. 2540) ที่ฮ่องกง มีผู้เสียชีวิต 6ราย โรคของนกพิราบ ไทรโคโมเนียซิส หรือ อีกชื่อที่เราเรียกกันว่าแคงเกอร์ เกิดจากเซลล์ชนิดหนึ่งที่มีขนาดเล็กมากซึ่งจะฝังตัวอยู่ในบริเวณลำคอของนก โดยปรกติ นกพิราบส่วนมากจะมีเชื้อนี้อยู่ในระบบทางเดินหายใจทั้งนั้น ซึ่งก็ไม่เป็นอันตรายต่อนกนักถ้ามีในปริมาณที่น้อย แต่ถ้ามีเยอะก็เป็นอันตรายถึงตายได้เช่นกัน เชื้อนี้จะแพร่โดยการแบ่งตัวของเซลล์ แต่ไม่สามารถรวมตัวกันโดยปราศจากพาหะได้ เพราะฉนั้นเชื้อจะตายลงอย่างรวดเร็วถ้ามันอยู่ภายนอกตัวนกพิราบเชื้อ Trichomoniasisสามารถเกิดขี้นได้กับนกทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกนกที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ลักษณะของเชื้อที่มองด้วยตาเปล่าเห็นจะเป็นก้อนเหลืองๆในช่องคอของนก ซึ่งอาจจะลามไปถึงตับได้ ซึ่งต้องใช้กล้องเพื่อส่องดู อาการของนกที่ติดเชื้อนี้ก็คือน้ำหนักตัวจะเบาลง ท้องเสีย มีขี้เหลวเป็นสีเขียวเข้ม ถึงแม้เราจะไม่สามารถมองเห็นจากในลำคอนกก็ตาม อย่างไรก็ดี นี่เป็นแค่อาการอย่างนึงที่เราควรสังเกตุเท่านั้น เพราะไม่ใช่การติดเชื้อนี้อย่างเดียวที่จะทำให้น้ำหนักนกเบาลง Poxหรือฝีเป็นอีกโรคที่นกพิราบมักจะเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งฤดูฝนที่ยุงชุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกนก เมื่อยุงกัดบริเวณจมูก ขา หรือขอบตาของนก จะทำให้เกิดฝีเป็นเม็ดๆ บางทีมากซะจนนกไม่สามารถลืมตาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านกที่โตแล้วจะไม่เป็นโรคฝีในนกพิราบสามารถแบ่งออกเป็น 2แบบ คือแบบที่เกิดกับผิวหนังและแบบที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจเชื้อไวรัสจะสามารถเข้าสู่ร่างกายนกได้จากผิวหนังที่เป็นสะเก็ดหรือแผลจากการกัดของยุง ทำให้เป็นตุ่มแข็งบริเวณนั้น อย่าพยายามตัดหรือแกะเพราะจะทำให้เลือดออกได้ ส่วนที่เกิดกับระบบหายใจก็จะเป็นภายในช่องปาก ซึ่งในกรณีนี้จะทำให้นกไม่สามารถกินอาหารหรือดื่มน้ำได้ตามปรกติถ้านกของเรามีความเสี่ยงต่อการเกิดฝีสูง เช่นมียุงชุมบริเวณกรง การป้องกันทำได้โดยการติดมุ้งลวดไม่ให้ยุงสามารถเข้าไปกัดนกเราได้ อีกวิธีก็คือการให้วัคซีนป้องกัน ส่วนนกที่เป็นแล้วสามารถรักษาโดยการให้ยา Livimunเพื่อกระตุ้นให้เกิดการต้านทานเชื้อ ให้วิตามิน (Multivitamin EB12)ควบคู่ไปด้วยเพื่อให้นกฟื้นตัวเร็วขึ้น ในระหว่างการรักษา Paramyxoเชื้อ Paramyxoเกิดขึ้นจากไวรัสชนิดหนึ่งเรียกว่าParamyxovirus-1 (PMV-1)ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคนิวคาสเซิลในไก่ เพราะมีสื่อตัวเดียวกันคือ PMV-1เชื้อนี้ถูกพบครั้งแรกในอเมริกาเหนือ ก่อนที่จะลุกลามไปยังยุโรปจนถึงเอเชีย การติดเชื้อนี้ของนกพิราบ มักแสดงออกให้เห็น 2ทางคือทางระบบประสาทและระบบขับถ่าย ทางระบบประสาทก็คือ นกจะมีอาการเหมือนไม่สามารถพยุงตัวเองได้ คล้ายๆคนเมานั่นแหละครับ คอเอียง บางทีจะมีอาการอัมพาตของปีกและขา ไม่สามารถจิกกินอาหารที่อยู่บนพื้นได้ โดยมันจะจิกอยู่ข้างๆเมล็ดถั่ว ทั้งนี้เนื่องจากระบบประสาทของสายตากับร่างกายทำงานไม่สัมพันธ์กันนั่นเอง อย่างไรก็ดี นกที่ติดเชื้อไวรัสนี้สามารถรักษาให้หายได้ ถ้ามันยังสามารถกินอาหารและดื่มน้ำได้ตามปรกติ ทางระบบขับถ่ายได้ไหลผ่านไตโดยมิผ่านกระบวนการทำงานของไตได้อย่างปกติ นั่นเป็นเพราะว่าเชื้อไวรัสได้ทำลายไตของนกที่ติดเชื้อนั่นเอง

3. ภาพปัญหาที่เกิดจากนก รังนก ก่อให้เกิดเชื้อโรค นกตาย ขยายพันธ์ นกที่โดนเจล มูลนก ขยายพันธ์ เรา จึงขอเสนอเจลไล่นกซึ่งเหมาะสำหรับใช้กับธุรกิจทุกประเภท ทั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง หรือเคลือบเจลไล่นก โดยใช้เจลไล่นก ชนิดมีใย เมื่อนกเข้ามาถูกเส้นใยไม่ว่าจะเป็นปีกหรือขา จะทำให้นกไม่สามารถบินได้และจะทำให้เกิดความรำคาญ จึงใช้เพื่อป้องกันนกปรับตัวได้(ไม่ฆ่านก)รับประกันผลงาน 100เปอร์เซนต์ คุณสมบัติของเจลไล่นก - เป็นเจลใส มีความหนืดสูง มีลักษณะเป็นเส้นใยบาง ๆ - ไม่แข็งตัว และไม่ละลายน้ำ - มีความเป็นพิษต่ำ และไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ - ทนต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดี - สามารถใช้งานในพื้นที่ลาดเอียงและพื้นที่มีอุณหภูมิสูงได้ - มีประสิทธิภาพในการใช้งานนานถึง 2 ปี การใช้งาน ทำความสะอาดพื้นที่ และทาเจลในบริเวณที่นกเกาะอาศัย โดยเนื้อเจลมีความหนาเท่ากับเท้าของนก โดยทาให้เนื้อเจลมีความหนาไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตร และในกรณีที่พื้นผิวที่ทาสามารถดูดซึมได้ควรปูพื้นผิวด้วยอลูมิเนียมฟลอยด์เทป หรือทาน้ำยากันซึมก่อนใช้เจล

4. ภาพการปฏิบัติงาน การทำความสะอาด การปฏิบัติงาน

5. การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก อาหาร สัตว์เลี้ยง และที่ที่มีประกายไฟหรือความร้อนสูง ๆ ข้อจำกัดการใช้งาน ไม่ควรใช้ในบริเวณที่มีฝุ่นมาก ๆ ควรทำความสะอาดพื้นที่ก่อนใช้งาน และอุณหภูมิที่ใช้งานได้อยู่ระหว่าง 10 – 100 องศาเซลเซียส การปฐมพยาบาล 1. หากเกิดอาการแพ้จากการสูดดม ให้ย้ายผู้ป่วยออกจากพื้นที่ไปอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก 2. หากอาการแพ้จากการสัมผัสทางผิวหนัง ให้ใช้น้ำมันพืชทาบริเวณนั้น ล้างออกด้วยสบู่และน้ำ สะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที 3. หากเข้าตาให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที 4. หากอาการไม่ดีขึ้นให้พบแพทย์ทันที แล้วนำผลิตภัณฑ์นั้นไปด้วย รายชื่อลูกค้าอ้างอิง โรงเรียนบ้านป่าถล่ม โรงแรมลี เพรส ชะอำลองบีช คอนโดมิเนียม โรงเรียนมัธยมศึกษาสังคีต Mr.Phochana Goffron บริษัท ไทยนิยมเทรดดิ้ง จำกัด Mr.Johnny Christensen ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซูเลียนเพชรทรงธรรม (เพชรบุรี) เอเย่นซี โรงเรียนคงคาราม บ้านคุณรุ้งฟ้า ณรงค์ฤทธิ์ โรงเรียนท่ายางวิทยา บ้านคุณลั่นทม เขียวอร่าม โรงเรียนสุวรรณรังสฤษฏ์วิทยาลัย บ้านคุณดุลยเดช บุนนาค โรงเรียนบ้านลาดวิทยา บ้านคุณวัลลภา รัตนพานิช สถานีอนามัยบ้านโป่งแย้ม โรงเรียนบ้านแหลม สถานีอนามัยบ้านทุ่งจับญวน สถานีอนามัยบ้านลานจิก บริษัท โคเซ่ จันทร์เกษม จำกัด โรงเรียนห้วยยางโทน สถานอนามัยบ้านท่า อิเลคทริค เวิลด์ รายละเอียดเพิ่มเติม สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. ( 034 ) 267-999 / ( 086 ) 397-6940 / ( 081 ) 420-7090 ฝ่ายขาย โทร. ( 085 ) 704-5331